Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 177
หยางฉือจี๋กลับมาแล้ว นี้เป็นข่าวที่ไม่ใช่แค่ทำให้หลี่ไต้ตกใจ แต่ยังทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมากอีกด้วย
หยางฉือจี๋ยังไงซะเขาก็เป็นนักกีฬาพรสวรรค์ระดับAอยู่แล้ว เขามีความสามารถที่จะไปเป็นแชมป์โลกได้ ถึงจะน่าเสียดายที่เขาจะยอมแพ้ต่ออาชีพนักกีฬา แต่ในฐานะโค้ชหลี่ไต้ก็ยังคงอยากฝึกแชมป์โลกอยู่ดี เพราะว่านอกจากจะทำให้เขาได้ทั้งชื่อเสียงเงินทองแล้ว มันยังทำให้เขาพอใจอย่างมากอีกด้วย
หยางฉือจี๋กลับมาฝึกทุกวันเหมือนเดิม แต่เขาไม่ได้ฝึกแบบเคยๆ แทนที่เขาจะอู้แล้วคิดถึงแต่เรื่องอื่น เขาตั้งใจกับการฝึกสุดๆเลยตอนนี้
พอหยางฉือจี๋เริ่มฝึก พรสวรรค์ในการฝึกระดับAก็เริ่มส่งผล เขาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและเก่งขึ้นในทุกๆวัน
ปรกติแล้วนักกีฬาวิ่งจะใช้เวลาประมาณ10วินาทีในการวิ่ง100เมตร นักกีฬาระดับโลกจะใช้เวลาต่ำกว่า10วินาที สำหรนับนักวิ่งแล้ว การวิ่งได้เร็วขึ้น1วินาทีก็มีความหมายอย่างมาก
หยางฉือจี๋ยังมีปัญหาอยู่เยอะ และตามที่หลี่ไต้คิดไว้ ยิ่งมีปัญหาทางเทคนิคมากเท่าไรก็หมายความว่ายิ่งเหลือพื้นที่ในการพัฒนามากเท่านั้น แลทำให้มีโอกาสที่จะพัฒนามากขึ้นๆไปอีกด้วย
หยางฉือจี๋เคยเป็นคนพิเศษในกลุ่มนักกีฬา เขาอยู่ในจุดนั้นได้เพราะว่าพรสวรรค์ของเขาล้วนๆ ถ้าเขามีพรสวรรค์ทางด้านกีฬาน้อยกว่านี้เขาอาจจะถูกแทนที่ไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่ว่าเขาชนะคู่แข่งได้ง่ายๆโดยอาศัยแค่พรสวรรค์ของตัวเอง และด้วยเหตุนั้น อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้มีแรงจูงใจในการพัฒนาการวิ่งขนาดนั้น
แล้วตอนนี้หยางฉือจี๋ก็เริ่มที่จะพัฒนาแล้วซึ่งทำให้เขาเก่งขึ้นไปอีกขั้น ตอนนี้เขาเป็นเหมือนขุนพลที่ตบทหารติดอาวุธได้ด้วยมือเปล่า แต่พอเขาถืออาวุธบ้างแล้ว เขาก็จะยิ่งไร้เทียมทาน
หลี่ไต้เป็นคนที่เป็นแกนหลักในเรื่องการช่วยให้เขาประสบความสำเร็จ เขาเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมด้านหลังนักกีฬาที่ดีเสมอ สำหรับหยางฉือจี๋เดเล้วง หลี่ไต้เป็นโค้ชที่เก่งที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จัก แต่ใครจะรู้ว่าหลี่ไต้มีเครื่องโกงอย่างเครื่องตรวจสอบขั้นสูงที่ทำให้เห็นจุดอ่อนของหยางฉือจี๋หมด ทำให้หลี่ไต้สามารถไล่จี้จับผิดจุดนั้นๆได้ทันที
ในเวลาเพียงแค่2เดือน หยางฉือจี๋ก็พัฒนาไปได้ไกลลิบโลก เขาเคยเป็นที่โหล่ของทีมวิ่งแต่ในหลังจาก2เดือนให้หลัง เขาก็กลายเป็นที่3 ตามหลังเพียงแค่หนิวกั๋วหงกับฉินเฉี่ยวเทียน เอาจริงๆ มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาอย่างเดียวแล้วว่าเมื่อไรเขาจะแซงได้
การพัฒนาของหยางฉือจี๋นั้นกดดันหนิวกั๋วหงกับฉินเฉี่ยวเทียนมาก เพราะว่ายังไงซะ เด็กมหาลัยนี้มันก็บ้าการแข่งขันอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากจะเป็นที่โหล่ดังนั้น หนิวกั๋วหงกับฉินเฉี่ยวเทียนจึงฝึกหนักขึ้นมาก
พอเห็นทั้งคู่ฝึกหนักขึ้นกว่าที่เคย นักกีฬาคนอื่นก็เริ่มฝึกหนักขึ้นตาม
…
ตอนที่หลี่ไต้มอบหมายแผนการฝึกในตอนเที่ยงนั้นเอง เขาได้เจอกับดร.เหมาที่กำลังเดินมาหาเขาจากไกลๆ
เอาจริงๆแล้วหลี่ไต้ไม่ได้รู้จักดร.เหมาเป็นการส่วนตัว แถมเมื่อ2เดือนก่อนเหมาก็ยังล่อซื้อเขาไปโดนเรื่องอีก ดังนั้นพวกเขาเพียงแค่พยักหน้าให้กันเท่านั้น ไม่มีการยิ้มหรือพูดจาทักทายอะไรกันทั้งสิ้น
ไม่มีทางที่ดร.เหมาจะมานี้เพื่อมาบอกข่าวดีหรอก มาล่อซื้ออีกแน่ๆ
ดร.เหมาเดินเข้ามาหาหลี่ไต้แล้วเปิดปากพูดคำแรกออกมา “โค้ชหลี่ คุณก็มาอยู่ในมหาลัยชิงฮั่วนี้นานกว่า2เดือนแล้วใช่ไหมครับ เริ่มคุ้นชินกับที่นี้รึยังเอ่ย?”
แน่นอนครับ บรรยากาศของที่นี้มันผ่อนคลายมากเลย(กัดฟัน) ของกินก็อร่อย เผลอๆน้ำหนักผมจะขึ้นเอานะครับเนี่ย” หลี่ไต้พยายามปั้นหน้าเป็ยคนดีเข้าไว้จากนั้นเขาก็ถาม “ดร.เหมามาที่นี้เรื่องงานรึเปล่าครับ”
“ก็นะครับ คุณรู้เรื่องการแข่งกีฬามหาลัยที่จะจัดขึ้นในหวางซูกลางเดือนหน้ารึเปล่าครับ มหาลัยของเราแน่นอนว่าเข้าร่วมด้วย ผมได้ยินว่าคุณเคยมีประสบการณ์จากการแข่งกีฬาใหญ่ๆตอนที่อยู่ทีมชาติ ผมเลยอยากจะให้คุณไปที่หวางซูในฐานะหัวหน้าและโค้ชของทีมวิ่งในเดือนหน้านะครับ”ดร.เหมาพูด
“ได้เลยครับไม่มีปัญหา”หลี่ไต้พยักหน้าอย่างไม่ลังเล การเป็นโค้ชนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดามากๆเลยที่จะต้องไปไหนไปกันกับทีมเพื่อไปแข่ง ยิ่งโค้ชเก่งเท่าไรก็ยิ่งได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งมากเท่านั้น โค้ชตัวท๊อปอย่างโค้ชติ้งนั้นไปมาทั่วโลกแล้ว2-3รอบ
หลลี่ไต้พูดต่อ “เออ เราไม่ใช่ว่าจะส่งไปแค่นักวิ่งไปแข่งใช่ไหมครับ? ผมจะไปด้วยกันกับทีมแล้วจะไม่ต้องมาเป็นห่วงเรื่องที่พักหรืออาหารการกินใช่ไหมครับเนี่ย?”
“ใช่ครับ ไม่ต้องห่วง พวกเราจะส่งคนไปดูเรื่องที่พักกับอาหารการกินไว้ให้แล้ว โค้ชหลี่ คุณแค่ตั้งสมาธิกับการแข่งและการฝึกก็พอครับ “ดร.เหมาพูดต่อ “เราได้จ่ายค่าที่พักกับค่าอาหารไว้ให้แล้ว ทางเจ้าบ้านจะทำให้มั่นใจได้เลยว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนครับ สำหรับเรื่องการเดินทาง นักกีฬาจะแบ่งออกเป็น3กลุ่มแล้วขึ้นรถไฟหัวกระสุนไปหวางซูครับ เดี๋ยวคุณหลี่เอาบัตรประชาชนมาด้วยก็ได้ครับผมจะได้ซื้อตั๋วพร้อมกันเลย”
“ผมเอาบัตรประชาชนมาด้วย คุณจะนัดตอนไหนก็นัดได้เลยครับ”หลี่ไต้พูด
สำหรับคนปรกตินั้น มันเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะไปจองตั๋วรถไฟได้แต่รอบนี้ทางมหาลัยชิงฮั่วนั้นเป็นคนออกปากช่วยจองให้เอง จะตอบว่าไม่ก็แย่แล้ว
หลี่ไต้ถามต่อ “จำกัดจำนวนคนด้วยใช่ไหมครับ? ผมมีนักกีฬาแปดคน แต่คงไม่ใช่ว่าทุกคนจะไปแข่งกีฬามหาลัยที่หวางซูหมด ผมจะพานักกีฬาไปได้กี่คนครับ”
“3ครับ!”เหมาพูดแล้วชูนิ้ว3นิ้ว “ถึงแม้ว่าจะเรียกว่ากีฬามหาลัยแต่เราส่งไปในนามของเขตนี้ครับ พวกเขาเลยให้ที่มาให้3ที่เพราะว่าเราเป็นมหาลัยชิงฮั่วไงครับ”
เหมายิ้มแปลกกๆแล้วพูด “เอาจริงๆแล้ว ทางเราได้ตัดสินใจส่งหนิวกั๋วหง ฉินเฉี่ยวเทียนแล้วก็หยางฉือจี๋ไปหน่ะครับ ผมมาแจ้งข่าวให้ทราบก่อนจะได้ฝึกพิเศษให้นักกีฬา3คนนี้ได้ทัน”
หลี่ไต้แปลกใจ เขาไม่คิดว่าดร.เหมาคนนี้จะรู้เรื่องทีมเยอะขนาดนี้
แหม เหมาคนนี้รู้เยอะจริงๆ เขารู้แม้กระทั้งว่าหยางฉือจี๋ตอนนี้มีพัฒนาการอย่างมากใน2เดือนที่ผ่านมา หยางฉือจี๋ตอนนี้อาจจะตามหลังอยู่ แต่เขาอาจจะแซงหน้าทุกคนในเดือนหน้าก็ได้! ดร.เหมารู้เรื่องนี้ได้ยังไงกันเนี่ย? หลี่ไต้เริ่มสงสัยเกี่ยวกับตัวเหมา
บางทีเขาอาจจะมองดร.เหมาผิดไปก็ได้ แต่ตอนนั้นเอง เหมาก็ลดเสียงลงแล้วพูด “ผมรู้ว่าหยางฉือจี๋ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดหรอกครับ แต่พ่อเขาเป็นถึงนักวิชาการระดับสู.เชียว ดังนั้น ถึงแม้ว่าหยางฉือจี๋จะธรรมดาๆ เราก็จะส่งเขาไปอยู่ดี! หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ”
หลี่ไต้พูดไม่ออกหน้าชาขึ้นมา เขาไม่รู้จะหัวเราะดีหรือร้องไห้ดี
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลินหยางเนี่ยนะ! ฉันเกือบจะได้มองแกใหม่แล้วเชียวนะเหมา!!! ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะได้เห็นดีกันตอนที่หยางฉือจี๋ชนะการแข่งนี้