Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 180
หลี่ไต้เดินตรงปลี่เข้าไปหากรรมการ
“สวัสดีครับผมเป็นโค้ชจากมาวิทยาลัยชิงฮั่งนะครับ ผมสงสัยว่า ผู้เข้าเเข่งที่ชื่อฮาวหยูอี้ในกลุ่มKนี้ ใช่คนที่อยู่ทีมชาติมาก่อนใช่ไหมครับ?”หลี่ไต้ถาม
หลี่ไต้พยายามเเกล้งโง่ให้มากที่สุด เขารู้จักฮาวหยูอี้ดีอยู่เเล้ว เเต่เขาอยากที่จะบอกใบ้กรรมการด้วยการถาม
เเต่กรรมการหัวเราะ”คุณมาจากมหาลัยชิงฮั่วใช่ไหมครับ ไม่เเปลกเลยที่จะถามเเบบนั้น มหาลัยคุณมีชื่อเสียงเรื่องการวิ่งถูกไหมครับ เเล้วฮาวหยูอี้ก็เป็นคู่เเข่งที่น่ากลัวสำหรับคุณซะด้วย! ถ้าฮาวหยูอี้ไม่อยู่นี้ หนิวกั๋วหงคงจะกวาดเหรียญทองไปได้เเน่ๆ”
หลี่ไต้กระพริบตาปริบๆพอได้ฟังที่เขาพูด กรรมการพูดต่อ “ฮาวหยูอี้เคยอยู่ทีมชาติก็จริง เเต่เขาไม่ได้ผิดกฏอะไรของการเเข่งนี้นะ”
หลี่ไต้ทำหน้างงใส่ “ตามกฏเเล้ว นักกีฬาที่เคยลงเเข่งในการเเข่งระดับชาติมาเเล้วไม่สามารถมาลงเเข่งในกีฬามหาลัยได้ นั้นหมายความว่าฮาวหยูอี้ไม่เคยลงเเข่งในกีฬากรีฑาระดับชาติอะไรเลยเหรอครับ?”
การเเข่งระดับชาติโดยเฉพาะกรีฑานั้น จะชักชวนนักกีฬาจำนวนมากจากทั่วทั้งประเทศ ในฐานะที่ฮาวหยูอี้เคยเป็นถึงนักกีฬาที่ยอดเยี่ยมในทีมชาติ เขาก็ไม่น่าที่จะพลาดโอกาสในการได้เข้าเเข่งในระดับชาติซักงานนึง
เเต่กรรมการก็อธิบาย “กรณีของฮาวหยูอี้นั้นค่อนข้างพิเศษหน่อยเขาเคยอยู่ทีมชาติก็จริง เเต่2ปีก่อนเขาก็ลาออกไปเพราะว่าอาการป่วย เเล้วทีมชาติก็ลบชื่อออกไปเเล่วด้วย”
ฮาวหยูอี้ยังเด็กมาอยู่เลย เขาจะไปลาออกเพราะป่วยได้ไงกัน?”หลี่ไต้งงเป็นไก่ตาเเตก เเล้วถาม “เเล้วนักกีฬาที่ลาออกไปเเล้วก็สามารถเข้ามาเเข่งได้เหรอครับ?”
“ลาออกเนี่ยก็เรื่องนึง เเต่ที่สำคัญจริงคือ ฮาวหยูอี้ไม่เคยเเข่งในรายการระดับชาติเลยซักครั้งเดียวตลอด2ปีที่ผ่านมา ทางเราหาประวัติของเขาไม่ได้เลย เเถมชื่อเขายังไม่อยู่ในระบบนักกีฬาอีกด้วย”
“ฮาวหยูอี้ตอนนี้เป็นนักศึกษาปริญญาโทอยู่ที่มหาลัยหนานตู เเล้วสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกในสมาคมนักเรียนกีฬาเเห่งกรมศึกษาธิการ อีกอย่างตอนนี้เขาอายุเเค่26เอง ตรงตามอายุจำกัดที่18-28ปีด้วย ทุกอย่างมันลงตัวไปหมดเลย”
หลี่ไต้สุดท้ายก็เข้าใจที่เขาอธิบาย การเเเข่งกีฬามหาลัยนี้ถูกจัดขึ้นโดยกระทรวงศึกษาธิการโดยมีกรมการกีฬาเข้ามามีส่วนร่วม เเต่กรมการกีฬาไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ ดังนั้น มีเเค่กระทรวงศึกษาเท่านั้นที่มีอำนาจตัดสินใจว่าใครเข้าร่วมการเเข่งได้บ้าง ฮาวหยูอี้ไม่ได่เป็นนัดกีฬาอีกเเล้ว ชื่อของเขาเลยหายไปจากระบบของกระทรวงการกีฬา เพราะอย่างนี้ เขาถึงมาเข้าร่วมการเเข่งได้ หน้าที่ของกรมการกีฬานั้นครอบครุมวงการกีฬาเกือบทั้งหมด รวมทั้งการจัดการเเข่ง กีฬาวัยรุ่น ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เเละอื่นๆยกเว้นกีฬานักศึกษาอย่างเดียวเเละเหตุผลจริงๆก็คือ มันเป็นการจัดงานร่วมกันระหว่างมหาลัยซึ่งมหาลัยขึ้นตรงกับกระทรวงศึกษา รวมถึงเรื่องกีฬาด้วย กระทรวงการกีฬาเองก็ไม่ยอมยกสิทธิ์ของตัวเองให้กรมการกีฬา เเล้วตั้งกฏเผื่อเขี่ยนักกีฬาตัวท๊อปๆออกเพื่อให้มันมีเส้นเเบ่งที่ชัดเจน ด้วยวิธีนี้กรมการกีฬาก็ไม่สามารถเข้ามายุ่งวุ่นวายกับการเเข่งกีฬามหาลัยได้(ซึ่งเอาจริงๆก็ไม่อยากยุ่งเท่าไร)
ตอนที่ฉันออกจากศูนย์ฝึกเป่ยโข๋ว ฮาวหยูอี้ยังอยู่ทีมชาติอยูเลย งั้้นหมายความว่าเขาก็ลาออกมาพร้อมกับตอนที่ฉันออกไปงั้นซิ ฉันจำได้ว่าตอนนั้นเขาอายุ23 มันเป็นช่วงที่เก่งที่สุดของกรีฑา เขาต้องป่วยหนักมาๆเเน่ๆไม่งั้นเขาคงไม่เลือกที่จะออกเเบบนี้หรอก
พอคิดเเบบนี้ หลี่ไต้ก็มองไปที่สนามเเข่ง กลุ่มJพึ่งเเข่งเสร็จ เเล้ว กลุ่มKก็กำลังจะขึันสนาม
การที่ไม่ฝึกมา2ปีนี้มันหายนะสำหรับนักกีฬาชัดๆสำหรับนักกีฬามืออาชีพทั้งหลาย เขาคนนั้นเคยเป็นที่1ของทีมวิ่งชาติเมื่อท2ปีก่อน ฉันละสงสัยจริงๆว่าตอนนี้เขาจะทำได้ขนาดไหน หลี่ไต้จ้องไปที่สนามเข่ง เขาอยากจะดูความสามารถของฮาวหยูอี้ เเละเมื่อการเเข่งเริ่มต้นขึ้น ฮาวหยูอี้ไม่ใช่คนเเรกที่ออกตัวเร็วสุด เเต่เมื่อนักกีฬาวิ่งถึงระยะ30เมตรเเล้ว ความสามารถที่เเท้จริงของเขาก็เผยออกมา เขาเเซงหน้าทุกคนเเล้วเข้าเส้นชัยเป็นที่1
เขาไม่ได่เอาจริงด้วยซ้ำ หลี่ไต้ส่ายหัว เขาบอกความสามารถจริงๆของหยางได้ ในการเเข่งเเค่รอบเเรก
ดูเหมือนว่าฉันต้องพึ่งเครื่องตรวจสอบอักเเล้ว หลี่ไต้เดินตรงไปตรวจสอบฮาวหยูอี้ พรสวรรค์ระดับBเหมือนหนิวกั๋วหงไม่เเปลกเลยที่เขาจะไปอยู่ทีมชาติได้ เเต่ถึงอย่างนั้นค่าความสามารถของเขาอยู่ที่600 ซึ่งเยอะกว่าของหนิวกั๋วหงอยู่เยอะมากนี้คือผลของการได้ฝึกในทีมชาติซินะ หลี่ไต้มองอย่างกดดัน
ฮาวหยูอี้กับหนิวกั๋วหงนั้นเป็นระดับBเหมือนกัน เเต่ฮาวหยูอี้นั้นเป็นนักกีฬาของทีมชาติมาก่อนเขาได้รับการฝึกที่ดีที่สุดมานานหลายปี นั้นทำให้เขาเก่งกว่าหนิงกั๋วหงเยอะ
เเล้วนี้ก็ไม่ใข่สกอร์ที่ดีที่สุดของเขา ถ้าเขาสามารถไปอยู่ในศูนย์ฝึกเป่ยโข๋วได้เเสดงว่าเขาต้องมีค่าความสามารถเดิมอยู่ราวๆ700 การลาออกนั้นส่งผลกับเขาเยอะอยู่ เเต่ฮาวหยูอี้นั้นมีเทคนิคที่ดีมากเเถมยังประสบการณ์สูงมากเ้วย เขามั่นใจเเละมั่นคงมากในตอนเเข่งใหญ่ๆเเบบนี้ หลี่ไต้คิดเรื่องนี้ไปซักพักเเล้วพบว่าหนิวกั๋วหงไม่มีอะไรไปสู้กับฮาวหยูอี้เลยนี้หว่า ถึงจะได้วงเเหวนระเบิดพลังมาช่วยกับเรื่องของความมั่นใจก็เถอะ เเต่มันจะเพียงพอให้หนิวกั๋วหงชนะการเเข่งได้ไหมนะ?หลี่ไต้คิด
…
หลังจากเเข่งรอบเเรกจบ กรรมการก็เเบ่งผู้เข้าเเข่งออกเป็นกลุ่มใหม่ โดยหลี่ไต้ได้รายชื่อการเเข่งรอบ2ทันทีที่ประกาศ
ในรอบ2 หนิวกั๋วหงอยู่กลุ่มB หยางฉือจี๋อยู่กลุ่ทC เเล้วฉินเฉี่ยวเทียนอยู่กลุ่มEซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับฮาวหยูอี้! นี้เรื่องแย่ละ ฉันต้องไปให้กำลังใจฉินเฉียวเทียนแล้วให้เขาพยายามเต็มที่ เขาต้องอายมากๆแน่ๆถ้าเขาแพ้ในรอบนี้ หลี่ไต้เลยเรียกฉินเฉียวเที่ยนมาหาแล้วคุยกับเขาทันที
ในขณะเดียวกันโค้ชหวู โค้ชจากทีมหนานตูก็ได้รับชื่อในรอบ2แล้วเหมือนกัน
“ฮาวหยูอี้ กลุ่มนายมีนักกีฬาจากมหาลัยชิงฮั่วด้วยนะ”โค้ชหวูบอก
“อ้อ”ฮาวหยูอี้ไม่ได้สนใจแม้กระทั้งที่จะเงยหน้าขึ้น แล้วเล่นโทรศัพท์ต่อ เขาไม่ได้สนใจที่โค้ชกำลังจะพูดเลย
ฮาวหยูอี้เป็นนักกีฬาตัวท๊อป เขาคิดว่านักกีฬาที่เป็นนักศึกษามันไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย เขามั่นใจว่าเขาใช้ความสามารถแค่นิดเดียวก็โค่นได้แล้ว
โค้ชหวูพูดต่อ “นายต้องตั้งใจวิ่งหน่อยละรอบหน้า มหาลัยชิงฮั่วมันไม่เหมือนมหาลัยอื่น เพราะมหาลัยอื่นมันไม่ได้มีแผนกกีฬาแยกมาเลยเหมือนมหาลัยนี้ นักกีฬาของพวกเขาเก่งกว่ามหาลัยอื่นมาก นักกีฬาหลายๆคนในชิงฮั่วมีคุณสมบัติพอที่จะไปอยู่ทีมชาติด้วยซ้ำ
พอฮาวหยูอี้ได้ยินคำว่าทีมชาติ เขาก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปทางที่นักกีฬาจากมหาลัยชิงฮั่วอยู่แล้วก็เห็นหลี่ไต้เข้า
“หมอนั้นดูคุ้นๆจังเลย เหมือนฉันจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”ฮาวหยูอี้พูดเบาๆ
นี้มันก็ผ่านมาตั้ง3ปีแล้วตั้งแต่ที่หลี่ไต้ไปทำงานที่ศูนย์ฝึกเป่ยโข๋ว และหลี่ไต้ก็อยู่แต่กับหลินเฟ่ยเหลียง นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงจำหลี่ไต้ไม่ได้ในแวบแรก เขาแค่คุ้นๆหน้าเท่านั้น
“อะไร รู้จักกันมาก่อนเหรอ?”โค้ชหวูมองหลี่ไต้แล้วพูด “จากที่ฉันรู้มาก มหาลัยชิงฮั่วเชิญโค้ชจากทีมชาติมาฝึกนักกีฬาของพวกเขา ฉันเดาว่าโค้ชหนุ่มคนนั้นก็น่าจะมาจากทีมชาติแหล่ะ แต่เขาดูหนุ่มน่าดูเลย!”
ไม่แปลกใจที่เขาจะดูคุ้นๆ เขามาจากทีมชาตินี้เอง! ฉันต้องเคยเจอเขามาก่อนแน่ๆ ความรู้สึกเกลียดชังพุ่งพล่านออกมาจากตาของฮาวหยูอี้
งั้นหมายความว่าถ้าโค่นเขาได้ ก็เท่ากับโค่นทีมชาติได้ซินะ!