Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 188
ดึกวันนั้น ฮาวหยูอี้พลิกตัวไปมาบนเตียงของเขา เขานอนไม่หลับ เขาค่อนข้างเข้าใจในสิ่งที่พ่อแม้พูดเมื่อตอนเที่ยง
ตอนนี้เขาก็อายุ26แล้ว แล้วก็ไม่ใช่วัยรุ่นโง่ๆอีกต่อไปแล้ว หลายๆคนที่อายุเท่าเขาเริ่มมีครอบครัวและลูกแล้ว แต่ฮาวหยูอี้กลับรู้สึกว่าถ้าเขายังไม่สำเร็จอะไรซักอย่างครอบครัวเขาก็จะตกอยู่ในหนี้สินที่เกิดขึ้นเพราะการเจ็บป่วยของเขา
ถ้าเราไม่ทุ่มเทให้กับอาชีพการเป็นนักกีฬาเเล้วตั้งใจเรียน บางทีเราก็อาจจะมีงานที่มั่นคงทำ มีลูกมีเมียไปเเล้วก็ได้ ฮาวหยูอี้พลิกตัวเเล้วถอนหายใจอย่างเศร้าโศก
เเต่ถึงอย่างนั้น ถ้าฉันหยุดการเป็นนักกีฬาตอนนี้ ฉันจะไปทำอะไรได้ละ? ฉันควรจะไปตั้งร้านขายอาหารดีไหม? ฮาวหยูอี้พลิกตัวอีกครั้ง เขารู้ว่าพ่อค้าที่ขายอาหารเช้ามันก็ได้กำไรดีอยู่หรอก ดีกว่าเงินเดือนของนักกีฬาโนเนมที่ไม่มีใครรู้จักด้วยซ้ำ
ฉันเป็นนักกีฬามา10กว่าปี ฉันควรจะยอมเเพ้เเค่ตรงนี้เหรอ ตอนที่เขาคิดเเบบนั้น ในใจของฮาวหยูอี้ก็เต็มไปด้วยความทรมารเเละความเจ็บปวด
เขาทุ่มเทเเรงกายเเรงใจของตัวเองให้กับการเป็นนักกีฬามามากกว่า10ปี เขาเคยได้รับเลือกเข้าทีมชาติ เเล้วก็เคยมีอนาคตที่สดใส เขาจะมาล้มเลิกง่ายๆงี้ได้ไง? ฮาวหยูอี้ไม่อยากยอมเเพ้ เเต่เขาก็ทนเห็นพ่อเเม่ของตัวเองเป็นห่วงเขาตลอดเวลาเเบบนี้ไม่ได้
ถ้าฮาวหยูอี้เด็กกว่านี้ซักหลายปีหน่อยเเล้วก็ไม่โดนตรวจผิดเเบบนั้น เขาคงเลือกที่จะเป็นนักกีฬาต่อเเน่ๆ เเต่ถึงอย่างนั้น หลังจากผ่านอะไรมา ฮาวหยูอี้ก็มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เขาคงไม่ทำตามใจตัวเองโดยไม่สนใจความรู้สึกของครอบครัวตัวเองเเบบเด็กๆไม่ได้อีกเเล้ว
ครอบครัวของฉันก็เเก่ตัวลงทุกวันๆ พวกท่านคงไม่อยากที่จะให้เราไปเสี่ยงเป็นครั้งที่2เเน่ๆ สำหรับพวกเขาเเล้ว ครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้าอย่างปลอดภัยนั้นสำคัญที่สุด ฮาวหยูอี้หายใจเข้าลึกๆ พ่อเเม่ของฉันให้ฉันมามากมายเเล้ว ฉันควรจะทำตามที่ท่านขอบ้างได้เเล้ว ฉันคงทำตัวหัวรั้นเหมือนเด็กๆไม่ได้เเล้ว
สุดท้ายแล้วฮาวหยูอี้ก็ตัดสินใจที่จะล้มเลิกความฝันในการเป็นนักกีฬาของเขา เขาตัดสินใจที่จะตั้งใจเรียนในมหาลัยหนานตูแล้วเรียนให้จบปริญญาโท มันคงจะดีถ้าเขาได้ทำงานที่มหาลัยหลังจากที่เขาเรียนจบ แต่ถึงไม่ได้เขาก็คงหางานได้ด้วยปริญญาโทที่มี
…
การแข่งกีฬามหาลัยได้จบลงไป งานของหลี่ไต้ในมหาลัยชิงฮั่วก็ได้จบลงตามไปด้วยเช่นกัน ด้วยความที่ว่าจะไม่มีการแข่งไปอีกซักพัก แล้วก็ไม่มีงานที่จะต้องฝึกอีก ดังนั้น หลี่ไต้จึงกลับมาที่ทีมชาติแล้วเรียนรู้กับซูหลี่ต่อ
มหาลัยชิงฮั่วนั้นก็พอใจกับงานของหลี่ไต้เป็นอย่างมาก 1เหรียญทองกับ1เหรียญทองแดงในการแข่งวิ่งเร็วระยะ100เมตรนั้นเป็นสถิติที่ดีที่สุดที่มหาลัยชิงฮั่วเคยมีมา
“โค้ชหลี่ ขอบคุณคุณมากๆเลยนะครับที่ทุ่มเทให้กับมหาลัยของเรามากขนาดนี้ เราซาบซึ้งกับความขยันในการทำงานของคุณมากๆตลอดหลายเดือนมานี้”ศาสตราจารย์ฟางยื่นกล่องมาให้หลี่ไต้แล้วพูด “เราไม่ได้มีของขวัญแพงๆให้กับคุณหรือครับ แต่นี้เป็นของที่ระลึกที่มหาวิทยาลัยนี้ครบรีอบ100ปี เราขอให้คุณเพื่อเป็นของขวัญตอบแทนครับ”
“ขอบคุณครับศตจ.ฟาง”หลี่ไต้รับของที่ระลึกด้วยมือทั้ง2ข้าง
มหาลัยชิงฮั่วนั้นถึงขั้นมีแผนกบริการของที่ระลึกพิเศษเป็นของตัวเอง ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นด้วยมูลนิธิมหาลัยชิงฮั่ว ขายของที่ระลึกทุกอย่างที่มหาลัยเคยทำขึ้นมา ซึ่งก็มีของหลากหลายมาก แล้วคุณภาพทุกชิ้นก็ดีสุดๆเลยด้วย แน่นอนว่าราคามันแพงมากเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นเงินที่ได้มาจากการขายของพวกนี้ก็มาลงกับการศึกษาของนักศึกษาของมหาลัยชิงฮั่วเหมือนกัน
หลี่ไต้เคยไปที่แผนกนั้นอยู่เหมือนกัน ที่นั้นมีตั้งแต่เครื่องเขียนอย่างที่คั่นหนังสือ ปากกา สมุด ของยิบย่อยอย่างพวงกุญแจตราโรงเรียนรวมไปถึงโปสการ์ดยันกล่องของขวัญระดับพรีเมี่ยม
สิ่งที่ศตจ.ให้มานี้แน่นอนว่ามันต้องเป็นของที่ระลึกระดับสูงแน่ๆ ถึงแม้ว่าหลี่ไต้จะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในกล่องแต่ของที่ระลึกครบรอบ100ปีมหาลัยชิงฮั่ว ต้องเป็นของลิมิเต็ดอิดิชั่นแน่ๆ มันต้องเป็นของที่ถึงมีตังก็ซื้อไม่ได้ ต้องมีดวงและกึ๋นด้วย
ข้างๆพวกเขา ซูหลี่ก็ยิ้มเหมือนกับอาจารย์ที่ภูมิใจในความสำเร็จของลูกศิษย์
ซูหลี่มาที่มหาลัยชิงฮั่วไม่ใช่เพียงแค่เพื่อจะมารับตัวหลี่ไต้กลับ แต่เขามาเพื่อลองชวนหยางฉือจี๋หนิวกั๋วหงและฉินเฉียวเทียนไปเข้าทีมชาติด้วย เขาถึงขั้นเตรียมเอกสารพิเศษมาเพื่อการดึงตัวมาด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น นักกีฬาทั้ง3คนนั้นเป็นนักเรียนของมหาลัยชิงฮั่ว ดังนั้นซูหลี่ก็ยังต้องมาขอคำยืนยันจากทางมหาลัยก่อนที่จะดึงตัวพวกเขาได้
“หนิวกั๋วหงเป็นเด็กปี4แล้ว และกำลังจะจบเร็วๆนี้ เราจะเคารพการตัดสินใจของเขาครับ ถ้าเขาอยากจะเข้าทีมชาติแล้วรับใช้ประเทศ เขาก็ได้แรงสนับสนุนจากพวกเราเต็มที่”
ศตจ.ฟาหยุดซักพักแล้วพูดต่อ “ส่วนฉินเฉียวเทียน เขาเป็นปี3ในมหาลัยปีนี้ เราจะเคารพการตัดสินใจของเขาที่จะเข้าทีมชาติไหม ถ้าเขาเลือกที่จะเข้าทีชาติ เราก็จะคงสภาพนักศึกษาของเขาไว้แล้วทำเรื่องพักการเรียนอย่างเป็นทางการไว้ให้”
สำหรับนักศึกษาปีสุดท้ายแล้ว หนิวกั๋วหงได้เริ่มเตรียมตัวไปเจอกับอนาคตการงานที่ดีแล้ว หรือไม่ก็เตรียมตัวไปสอบปริญญาโทต่อ คนที่จบจากมหาลัยชิงฮั่วไปนั้นได้เปรียมอย่างมากในตลาดแรงงาน แล้วก็สามารถผ่านข้อสอบเข้าปริญญาโทได้อย่างสบายๆด้วย
ถ้าเขาเข้าทีมชาติแล้วกลายไปเป็นนักกีฬาอย่างเต็มตัวก็เป็นทางเลือกในอาชีพที่ดีสำหรับเขาแล้วถ้าเขาทำผลงานออกมาได้ดีในการแข่งระดับชาติแล้วนำพาเกียรติยศกลับมาสู่ประเทศได้ มหาลัยชิงฮั่วก็จะได้รับอานิสงค์ไปด้วย
ส่วนฉินเฉียวเทียนนั้นยังเป็นปี3อยู่ และยังต้องเรียนอีก1ปีถึงจะจบ แต่ถึงอย่างนั้น การแข่งกีฬามหาลัยก็พึ่งจบไป และมันคงยังไม่มีการแข่งที่ใหญ่ไปมากกว่านี้ก่อนที่ฉินเฉียวเทียนจะเรียนจบ พอตอนนั้นมาถึงการแข่งระดับใหญ่ๆนั้นถึงจะเริ่มขึ้น ฉินเฉียวเทียนคงเตรียมตัวจบแล้ว ซึ่งก็ไม่มีโอกาสที่จะไปเข้าร่วมการแข่งโดยเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยได้เลย เพราะอย่างนี้ มันเลยไม่ได้มีความหมายอะไรถ้ามหาลัยจะเก็บเอาฉินเฉียวเทียนไว้ มันจะเป็นการดีกว่าถ้ามหาลัยมอบเขาให้กับทีมชาติเป็นการตอบแทน
ศตจ.ฟางพูดขึ้นมาอีกว่า “ส่วนทางหยางฉือจี๋นั้น ทางเราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจอะไรแทนเขา พ่อของเขาคือหยางหลิน คนที่ได้รางวัลโนเบล หยางฉือจี๋เขาแผนกกีฬามาได้ก็เพราะนักวิชาการหยางหลินคนนั้นนั่นละ ดังนั้นประเด็นมันอยู่ที่ตรงนี้เหมือนกัน ถ้าพวกคุณไปหาเขาแล้วเขายินยอม พวกเราก็น้อมทำตามทุกอย่างที่เขาตัดสินใจเลย”
“โอเค เราจะไปหาเขากัน!”ซูหลี่พยักหน้าแล้วถาม “แล้วผมจะหาเขาได้จากไหนละ? กรมวิทยาศาตร์ของจีนหรอ?”
นักวิชาการหยางหลินมีแลปของตัวเองใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยนี้ละครับ ขับรถไปแค่5นาทีก็ถึงถ้ารถไม่ติด ผมมีเบอร์โทรเขาด้วย เผื่อคุณโทรไปนัดเขาไว้ก่อนได้”ศตจ.ฟางหยิบโทรศัพท์แล้วจดเบอร์ลงไปในกระดาษ
เขายื่นกระดาษที่จดเบอร์นั้นให้กับซูหลี่แล้วพูด “อ้ออีกอย่างนึงครับ ถ้าคุณจะไปหาหลินหยาง คุณควรจะพกบัตรประชาชนตัวเองไว้กับตัวตลอดนะครับ เพราะที่นั้นมีการรักษาความปลอดภัยแน่นมาก ยามเฝ้าที่นั้นเป็นคนของแผนกความมั่นคงของชาติเลยนะครับ”
…
ซูหลี่และหลี่ไต้ขับรถไปที่ห้องแลปของหยางหลิน
“โค้ชครับ ระหว่างการแข่งกีฬามหาลัย ฟอร์มของฮาวหยูอี้ก็ดีเอาเรื่องเลยนะครับ เขาจะมีโอกาสกลับมาอยู่ในทีมชาติได้อีกไหมครับ?”หลี่ไต้ถาม
“ฉันรู้แล้ว ฮาวหยูอี้สถิติตอนนี้คือ10.42วินาที แล้วก็แพ้หยางฉือจี๋ด้วยเวลาแค่นิดเดียวเท่านั้น”ซูหลี่พูดต่อ “แต่ฮาวหยูอี้ตอนนี้26แล้วนะ ส่วยหยางฉือจี๋ทำเวลาได้แบบเดียวกันแต่อายุแค่19เท่านั้น เขาเป็นตัวท๊อปของจริง ในขณะเดียวกันฮาวหยูอี้เป็นได้แค่นักกีฬาที่ดีมากๆในช่วงอายุนั้นเท่านั้น อีกอย่าง ฮาวหยูอี้เคยได้รับการฝึกในทีมชาติมาแล้ว เขาไม่เหลืออะไรให้พัฒนาเดิมได้อีกแล้ว ผลลัพท์ไม่ใช่มาตรฐานของทีมชาติอย่างเดียวเท่านั้น เราดูที่พรสวรรค์และปัจจัยอื่นๆด้วย และลิมิตของร่างกายนั้นก็เป็น1ในปัจจัยสำคัญด้วย ก็อย่างว่า ทรัพยากรการฝึกในทีมชาติก็มีอย่างจำกัดเหมือนกัน นักกีฬาหนุ่มที่มีลิมิตที่เยอะกว่าก็จะได้ทรัพยากรการฝึกที่มากกว่าเหมือนกัน
“การแข่งขันในกีฬาวิ่งเร็ว100เมตรมันดุเดือดมาก นักกีฬาที่ยังหนุ่มและมีพรสวรรค์เต็มเปี่ยมนั้นผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เราแค่ต้องเอาหยางฉือจี๋เข้าทีมให้ได้ และแม้แต่หนิวกั๋วหงจากมหาลัยชิงฮั่วยังอาจจะเก่งกว่าฮาวหยูอี้ได้เลยหลังจากผ่าน2ปีของการฝึกกับทีมชาติ แล้วถึงฮาวหยูอี้จะได้เข้าทีมชาติอีกรอบ เขาก็คงไม่มีสิทธิ์ได้ลงเล่นในการแข่งไหนๆหรอก”
ซูหลี่หยุดแล้วถอนหายใจ “ฉันรู้ว่านายรู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฮาวหยูอี้ ฉันเองก็สงสารเขาเหมือนกัน แต่เราจะเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานไม่ได้ เพราะเราเป็นโค้ช เราใช้ทรัพยากรของประเทศ เราต้องผลิตนักกีฬาให้กับประเทศของเรา นั้นคือหน้าที่หลัก!”
คำพูดของซูหลี่ยิ่งดูน่าเชื่อถือมากขึ้นเขาพูธดต่อ “หลี่ไต้ ในอนาคตตอนที่นายขึ้นมาอยู่ในหน้าที่เดียวกับฉันหรือสูงกว่าฉันนายต้องเข้าใจ ว่าพลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง ประเทศชาติของเราให้นายยืมพลังเพราะว่าประเทศนี้เชื่อในตัวนาย นายต้องแบกรับมันไว้นะ มีแค่คนที่โดดเด่นเท่านั้นถึงจะถูกรับเข้าทีมชาติ มันเป็นความสามารถที่ชี้ขาดกันในการแข่งกีฬา เราจะเล่นตามใจชอบไม่ได้ จำไว้ นี้มันคืองานของเรา งานก็คืองาน”
หลี่ไต้เงียบอยู่หลายวิ เขาอยากที่จะช่วยฮาวหยูอี้ แต่เขาก็รู้ว่าที่ซูหลี่พูดมันเป็นความจริง
เเต่หลี่ไต้ก็ไม่ยอมเเพ้ เขาพูด “ในความสภาพของเขาตอนนี้ ฮาวหยูอี้อาจจะได้ผลลัพท์ที่ยากมากในกีฬาวิ่ง100เมตรก็จริง เเต่ผมก็คิดว่า เขาน่าจะลองลงวิ่งในรายการ200เมตรดูบ้าง ที่ผมหมายถึงคือ เปลี่ยนไปวิ่งในรายการ200เมตรประจำไปเลย”
“เปลี่ยนไปวิ่ง200เมตรเหรอ?”ซูหลี่มองหลี่ไต้ ดวงตาของหลี่ไต้นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“นายดูมั่นใจเรื่องนี้มากเลยซิท่า คิดว่าเป็นไปได้เหรอ?”ซูหลี่ถาม
“ครับ ผมคิดว่าฮาวหยูอี้เหมาะกับการวิ่ง200เมตรมากๆ ถ้าเขาเปลี่ยนไปวิ่ง200เมตร เขาต้องได้ผลงานที่ดีแน่ๆ และด้วยประสบการณ์กับเทคนิคในการวิ่งของเขา ถ้าเขามุ่งเป้าไปที่การวิ่ง200เมตร ผมเชื่อว่าเขาต้องทำได้ดีอย่างน่าตกใจในเวลาอันสั้นแน่นอนครับ”หลี่ไต้พูด
มีอย่างนึงที่หลี่ไต้ไม่ได้บอกซูหลี่ เรื่องที่ว่าหลี่ไต้ได้ตรวจสอบฮาวหยูอี้ด้วยเครื่องของเขา
พรสวรรค์ของฮาวหยูอี้ในด้านการวิ่ง100เมตรเป็นระดับB- ซึ่งก็เท่ากันกับหนิวกั๋วหง แต่ในขณะเดียวกัน พรสวรรค์ของฮาวหยูอี้ในการวิ่ง200เมตรนั้นกลับเป็นB+!