Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 192
ในวันแรกของการฝึกนั้น ฮาวหยูอี้โดนหลได้สอนเชิงไปก่อน แล้วมันก็ได้ผลอย่างมากซะด้วย ฮาวหยูอี้ตอนนี้ได้รับรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของหลี่ไต้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นในการฝึกครั้งถัดๆไปเขาเลยทําตามแผนของหลีไต้อย่างเคร่งครัด
การฝึกจะได้ผลได้นั้นไม่ใช่มาจากเพียงแค่แผนฝึกของโค้ชเพียงอย่างเดียว แต่นักกีฬาจะต้องปฏิบัติตามแผนฝึกนั้นอย่างเคร่งครัดด้วย ไม่ว่าแผนของโค้ชจะดีแค่ไหน แต่ถ้านักกีฬาไม่ทําตามแล้วละก็แผนมันก็คงเป็นได้แค่แผน
ตั้งแต่หลินเฟ่ยเหลียง ไปทีมทุ่มน้ําหนัก แล้วตอนนี้ไปที่หยางฉือจี๋
หลี่ไต้พบเจอนักกีฬาหลายคนที่ฝึกแบบสู้ๆ เพราะแบบนี้ หลีไต้เลยพยายามทําให้ฮาวหยูอี้ป ระทับใจตั้งแต่ในครั้งแรกๆของการฝึก เพื่อโน้มน้าวใจฮาวหยูอี้ และผลที่ออกมานั้นมันก็ปรากฏอ ยู่บนลู่วิ่งแล้ว
ในขั้นตอนแรกของค่ายฝึกเอเชี่ยนเกมมีเวลาทั้งหมด20วัน นักกีฬาจะต้องเจอกับการแข่งขันที่ดุเดือด และสําหรับโค้ชจากทีมกีฬาเขต พวกเขาก็ต้องแข่งกันเหมือนกัน โค้ชในระดับนี้นั้นปรกติแล้วมักอยากจะเป็นที่สนใจของทีมชาติ หรือถ้าไม่สนใจก็รับเข้าไปเลยก็ได้ตราบใดก็ตามที่ความ สามารถของพวกเขาเป็นตัวแทนของทีมและได้ผ่านเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป พวกเขาก็ยังมีหวังเพราะทางทีมชาตินั้นจะคอยมองทั้งโค้ชและนักกีฬา
ในขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อยๆการฝึกก็เลื่อนขึ้นจากขั้นพื้นฐานเป็นขั้นสูง และความต่างระหว่างคนเก่งกับคนเก่งกว่าก็เริ่มเห็นชัดแล้ว
ฟื้วว!!
ฮาวหยูอี้รีบวิ่งเข้าเส้นชัย หลีไต้หยุดเครื่องจับเวลาในมือ
“20.73วินาที นี้คือใช้มือจับนะถ้าเราใช้เครื่องที่ต้องเพิ่มไปอีก0.24วินาที ซึ่งก็ยังอยู่ใน21วิ นาที่อยู่” หลีใต้พูด “ตั้งแต่ที่นายแก้ไขการเหวี่ยงแขนแล้ว ฟอรฒนายก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ ตอนนี้นายสามารถวิ่งให้อยู่ใน21ในแล้ว”
สําหรับกีฬาวิ่ง200เมตรนั้น สถิติของนักกีฬาระดับสูงคือ21.35วินาที ปรกติแล้ว นักกีฬาระดับสูงพวกนี้จะสามารถเข้าไปแข่งในรอบชิงของการแข่งกีฬากรังปรีย์ชาติไต้ ถ้าได้น้อยกว่า21วินาที หมายความยังไงก็ได้ตําแหน่งแชมป์ไปครองแน่นอน
พอได้ยินแบบนี้แล้ว ฮาวหยูอี้ก็ยิ้มออกมา แต่หลีไต้ก็เรียกสติด้วยการพูด “อย่ามาเหลิงไปหน่อยเลย หัวไหล่นายยังส่ายไม่เข้าท่าอยู่เลยตอนวิ่งอะ แก้ไขซะด้วย!”
“ รับทราบครับ จะพยายามครับ”ฮาวหยูอี้พยักหน้า “ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่าการวิ่ง200เมตรมันเหมาะกับผมมากกว่า”
“นายควบคุมจังหวะความถี่และระยักก้าวได้ดี นั้นเลยทําให้นายเหมาะกับการวิ่ง200เมตร ถ้าฉันเจอนายเร็วกว่านี้ บางที่ฉันอาจจะให้นายลองวิ่ง400เมตรก็ได้” หลีไต้พูด
“ไม่เอาละครับ 400เมตรมันใช้เทคนิคเยอะเกินไป ไม่ไหวๆ” ฮาวหยูอี้มองไปรอบๆแล้วพูด “ถ้าผมได้ต่ํากว่า21วินาทีใน200เมตร ผมก็จะผ่านรอบแรกใช่ไหมครับ”
“อย่าพึ่งวางใจไป ยิ่งนายทําเวลาได้ดีเท่าไรนายยิ่งพัฒนาข้าลงเท่านั้น ถ้านายแยากจะไปเอเชี่ยนเกม นายต้องแกร่งกว่านี้มากๆ ” หลีไต้พูดอย่างช่วยไม่ได้ ” ตอนนี้นายไม่ได้อยู่ในเรดาร์ของทีมชาติด้วยซ้ํา”
ฮาวหยูอี้เงียบไปซักพัก เขารู้สิ่งที่หลีได้พยายามจะสื่อดี คุณสมบัติมาตรฐานของฮาวหยูอี้ ในการเข้าไปเล่นในกีฬาเอเชียนเกมนั้น สูงกว่านักกีฬาคนอื่นๆ เพราะเขาไม่ใช่สมาชิกทีมไหนๆเลย แต่เขาโดนเรียกตัวมาด้วยกรณีพิเศษ อธิบายง่ายด้วยการยกตัวอย่าง ทุกๆทีมจะมีหน้าที่จัดการโปรแกรมฝึกต่างๆ หัวหน้าทีมก็จะให้ส่วนที่สําคัญที่สุดของโปรแกรมให้กับสมาชิกที่แก่ที่สุด ส่วนหน้าละอ่อนทั้งหลายคงเป็นคนสุดท้ายที่จะได้โอกาสหรือไม่ก็ได้โอกาส ถึงแม้จะมีความสามารถระดับเทพก็ตาม
และแน่นอนว่ายิ่งถ้าหน้าใหม่เก่งกว่าคนอื่น คนๆนั้นก็จะได้รับความสําคัญเหมือนกัน จะบอก ว่าเหมือนเชฟมิชลิน3ดาวมาทํางานที่ร้าน3ดาว ถึงแม้มันจะมี3ดาวเหมือนกัน แต่เชฟมิชลินนั้นหาได้ง่าย แต่ร้านอาหารมิชิลิน3ดาวนั้นมีอยู่แค่60ที่ทั่วโลกเท่าทัน ถ้าเทียบกับเชฟมิชลิน3ดาวแล้ว เชฟจากร้านอาหารทั่วไปไม่สามารถไปเป็นลูกมือที่ร้านนั้นด้วยซ้ำ
นักกีฬาก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าคะแนนของฮาวหยูอื้ออกมาพอพอกับนักกีฬาคนอื่นๆในทีมชาติ เบื้องบนก็คงไม่ส่งเขาไปแข่งเอเชียนเกมแน่ๆ แล้วถ้าฮาวหยูอี้เก่งกว่าคนอื่นๆเพียงแค่นิดเดียว เขาก็ยังไม่มีทางได้โอกาสนั้นอยู่ดี ฮาวหยูอี้ต้องห่างจากนักกีฬาคนอื่นๆมากพอสมควร ตัวอย่างเช่นถ้านักกีฬาคนอื่นๆทําได้แค่20.80 แต่ถ้าฮาวหยูอี้ทําได้20.60 เวลา0.2วินาทีนี้มันเป็นระยะห่างที่ชัดเจนมากพอสําหรับการวิ่ง200เมตร แล้วมันก็เป็นเส้นแบ่งระดับถึง2ระดับเลยด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ฮาวหยูอี้อาจจะมีโอกาสได้ไปเป็นตัวแทนประเทศลงแข่งได้
มีนักกีฬาหลายคนเลยในทีมชาติที่สามารถวิ่งได้ภายใน20.20วินาที ฉีอี้จุน เป็นนักวิ่งที่แกร่งที่สุดในนั้น เขาเป็นนักกีฬาระดับโลก แล้วเขาก็ต้องมาลงแข่งด้วยแน่ๆ อีกคนนึงก็ เหว่ยฉือเต๋า เป็นนักกีฬาวิ่งทั้ง100และ200เมตร แล้วเป็นที่เคยเข้าแข่งโอลิมปิคมาก่อน ฉันเดาว่าเขาน่าจะมาเข้าร่วมเหมือนกัน” หลีไต้พูด แล้วมองไปที่ฮาวหยูอี้ที่กําลังกังวล “ถ้านายอยากจะไปเทียบกับพวกเขา นายต้องไปให้ถึงระดับมาตรฐานของนักกีฬาระดับโลกให้ได้”
“ระดับนั้นมัน20.62วินาทีใช่ไหมครับ?” ฮาวหยูอี้หายใจเข้าลึกๆ ในดวงตาของเขามีแต่ความหนักแน่น
“ผมจะพยายามให้เต็มที่ครับ”
20วันมันไม่ใช่ว่าเยอะเลย โดยเฉพาะกับคนที่กําลังง่วนอยู่กับการฝึก ทั้งนักกีฬาแล้วก็โค้ชไม่ค่อยมีเวลาที่จะคิดเรื่องอื่นเท่าไรเลย เวลาดูเหมือนจะผ่านไปเร็วขึ้นพร้อมๆกับการแข่งขันที่ใกล้เข้ามา
ในสนามฝึกซ้อมการทดสอบรอบแรกกําลังจะเริ่มต้นขึ้น มันเป็นศึกตัดสินชะตากรรมของนักกีฬา คนเก่งที่อยู่รอดไปขั้น2 คนแพ้ก็เก็บของกลับบ้านไป
คนอย่างฝางไฮควาน หยางฉือจี๋และหนิวกิ้วหงที่อยู่ในทีมชาติอยู่แล้วไม่ได้เป็นห่วงเรื่องการทดสอบนี้เท่าไร เพราะว่าพวกเขายังไงก็ผ่าน พวกเขาคงไม่ถูกคัดออกง่ายๆ แต่หยางฉือจี๋ คนที่มาจากระดับล่างนั้น อาจจะโชคร้ายโดนคัดออกเองก็ได้
ฮาวหยูอี้ก้มตัวลงเตรียมพร้อมที่แท่นออกตัว
เส้นออกตัวของการแข่งวิ่ง200เมตรมันโค้งตาม เพราะอย่างนั้นจุดออกตัวของนักกีฬาเลยสําคัญ ทุกคนมักจะมีนิสัยส่วนตัว มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน ดังนั้นนักกีฬาแต่ละคนเลยตั้งจุดออกตัวกันคนละแบบคนละองศา แต่ส่วนมากก็จะตั้งกันริมขวาสุดของลู่แล้วกําหนดทิศทางอย่างชัดเจน
บนม้านั่งริมสนาม หัวหน้าโค้ชซูเหลื่นฮาวสังเกตเห็นฮาวหยูอี้
ฮาวหยูอี้เคยเป็นดาวรุ่งของทีมเรา ถ้าเขาไม่ตวงซวยเจอหมอตรวจผิดวันนั้น เขาคงกลายมาเป็นตัวหลักของทีมเราไปแล้ว น่าสงสารจริงๆ ซูเหลื่นฮาวพูดกับตัวเองอย่างเสียใจ ตอนนี้ ฮาวหยูอี้กําลังเล็งไปที่การแข่งวิ่ง200เมตร ซึ่งเป็นเส้นทางกีฬาใหม่ของฮาวหยูอี้ แต่ถึงอย่างนั้นการแข่ง200เมตรก็ยังดุเดือดอยู่ดี! เอาจริงๆเลย ฉันไม่คิดว่าเขาจะชนะหรอก
การเป็นนักกีฬาอาชีพมันไม่ใช่เรื่องง่าย มันก็เหมือนกับการภายเรือทวนกระแสน้ําที่พยายามกระแทกเรากลับอยู่ตลอด เขาเสียเวลาไป2ปีเต็มๆแล้วฉันเกรงว่ามันอาจจะยากไปสําหรับเขาใน การกลับมาอยู่ในจุดที่เขาเคยเป็น ทันทีที่ซูเหลื่นฮาวคิดจบนั้น เสียงปืนดังขึ้น
ในเมื่อจุดเริ่มมันก็โค้งแล้ว นักกีฬาเลยไม่ได้อยู่ในเส้นขนานเดียวกัน นักวิ่งที่อยู่วงในจะอยู่หลังนักวิ่งคนอื่นๆ ส่วนนักวิ่งที่อยู่วงนอกจะได้ออกตัวนําไปก่อนผู้ชมปรกติจะบอกไม่ได้เลยว่า ใครนอยู่จนกระทั้งถึงทางตรง
ส่วนสําหรับมือโปรแล้วนั้น มันมองออกง่ายมาก แม้แต่ตอนที่นักกีฬายังอยู่ในทางโค้ง พวกเขาที่สามารถบอกได้ทันที ซูเหลื่นฮาวมองนักกีฬาทั้ง8คน แล้วเขาก็อ่านสถานการณ์ออกทันที
“ฮาวหยูอี้กําลังนํา!” ซูเหลื่นฮาวพูดขึ้นมา