Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 197
ในสนามฝึก ชูฉงกัดฟันพยายามฝืนตัวเองให้ฝึกต่อไป แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะไม่ฟังวินาทีต่อมา เขาก็หมอบลงไปกองกับพื้นแล้วหอบอย่างหนัก
เขาไปถึงขีดจํากัดของตัวเองอีกแล้วหวางเหยาซูไม่ได้เร่งให้ชูฉงลุกขึ้นมา เพราะรู้ว่าตอนนี้ชูฉงเหนื่อยมากๆแล้ว เขาดึงประสิทธิภาพร่างกายออกมาจนหมดแล้ว คนเราไม่ใช่เครื่องจักร ถึงจะอึดแค่ไหน พอหมดแรงแล้วก็ต้องได้พักบ้าง
หวางเหยาซูมองไปไกลๆแล้วเห็นฮาวหยูอี้ไม่ได้ฝึกอะไร แต่กลับกัน เขากําลังนอนแผ่หลาให้หลี่ไต้นวดให้อยู่
ฮาวหยูอี้ฝึกเพิ่มเติมไปตอนเช้า2ชั่วโมง เขาควรจะเหลือพลังน้อยกว่าชูฉงแล้ว นั้นหมายความว่า ฉันคงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมาก เพราะถึงฮาวหยูอี้จะอยู่สนามฝกทั้งวัน แต่เขาก็คงไม่มีแรงมากพอที่จะทําอะไรอย่างอื่นแล้ว หวางเหยาซูถอนใจอย่างโล่งออก
แต่ถึงกระนั้น ฮาวหยูอี้กลับลุกขึ้นมาแล้วกลับไปฝึกต่อ
นี้เขามีแรงแล้วเหรอ? หวางเหยาซูตกใจ เขาหันไปถามชูฉง “เป็นไงบ้าง ยืนไหวไหม?”
ชูฉงกัดฟันอีกครั้งเพื่อพยายามเรียกกําลังให้ยืนได้ ขณะที่พยายามใช้แขนทั้ง2ข้างช่วย แต่เขาทําได้แค่กลับมานั่งเท่านั้น เขาหมดแรงเกินกว่าจะฝึกต่อแล้ว
“งั้นพักต่ออีกหน่อยเถอะ กินน้ำกินท่าก่อนละกัน” หวางเหยาซูได้แต่ถอนหายใจแล้วยื่นขวดน้ำเกลือแร่ให้ชูฉง
หลังจากดื่มน้ำแล้ว เขาก็บิดตัวเล็กน้อย ชูฉงได้แรงกลับมานิดหน่อย เขานั่งอย่างนั้นต่ออีกไม่กี่นาที ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“เอาไง ฝึกต่อไหม?” หวางเหยาซูถาม
ชูฉงพยักหน้าแล้วกลับไปฝึกต่อ
แต่พอฝึกไปได้ซักพัก เขาก็กลับไปกองกับพื้นอีกรอบ
“งั้นเบรกอีกรอบละกัน!” หวางเหยาซูรู้สึกได้ว่าชูฉงถึงขีดจํากัดของตัวเองอีกแล้ว
ฉันละสงสัยจริงๆว่าฮาวหยูอี้มันจะเป็นไง? หวางเหยาซูมองดูไปไกลๆอีกรอบ แล้วเห็นว่าฮาวหยูอี้ยังคงออกกําลังกายอยู่
ยังจะต่ออีกเหรอ ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย! หวางเหยาซูพึมพํากับตัวเองอย่างหงุดหงิด
โดยรวมแล้ว หวางเหยาซูพบว่านอกจากเวลาในการฝึกของฮาวหยูอี้จะมากกว่าชูฉง เขาก็ยังพักน้อยกว่าชูฉงอีกด้วย
หวางเหยาซูเริ่มสังเกตการณ์ฮาวหยูอื้อย่างเงียบๆ ถึงอย่างนั้น เขาก็พบว่า การฝึกของฮาวหยูอี้นั้นก็ไม่ได้เบาเลย แถมยังหนักกว่าที่เขาฝึกให้ชูฉงอีกด้วย
น้ำหนักการฝึกของฮาวหยูอี้มันเยอะมาก แต่ทําไมเขาถึงฝึกได้นานขนาดนั้นละ? พลังงานเขาเหลือล้นรึไงกัน! ถ้าเป็นอย่างงั้น ทําไมเขาไม่ไปฝึกวิ่งระยะไกลละ
หวางเหยาซูบ่นกับตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากที่เขาคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปรกติ
ฮาวหยูอี้เริ่มฝึกพิเศษเมื่อวานกับเช้าวันนี้ เขาฝึกเพิ่มมาอีก2ชั่วโมง งั้นหมายความว่าเขาก็ควรจะหมดแรงไปตั้งนานแล้ว หรือไม่ก็ควรจะดูเหนื่อยกว่าชูฉงซิ หวางเหยาซูนึกถึงรายละเอียดทั้งหมดตลอดเวลาที่เขาเฝ้าสังเกตการณ์การฝึกของฮาวหยูอี้ แล้วทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าทุกครั้งที่ฮาวหยูอี้พักเบรกหลี่ไต้ก็จะนวดให้กับฮาวหยูอี้ทุกครั้งเลย
ฉันเคยได้ยินมาว่าเจ้าหลี่ไต้มันนวดเก่งมาก เก่งพอๆกับหมอนวดมืออาชีพเลย บางทีนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่ทําให้ฮาวหยูอี้ฝึกได้นานก็ได้
พอคิดได้แบบนั้นแล้ว หวางเหยาซูก็เดินไปหาชูฮงที่กําลังนอนพักอยู่บนพื้น แล้วพูด “มาชูฉง เดี๋ยวฉันนวดให้”
สําหรับโค้ชที่สามารถเข้าไปสอนในทีมชาติได้นั้น จําเป็นที่ต้องมีความสามารถอะไรซักอย่างที่ถนัด นั้นหมายความว่าหวางเหยาซูก็มีความสามารถอะไรซักอย่างแน่นอน สําหรับนักวิ่งแล้ว การเป็นตระคิวหรือเส้นยึดเป็นอะไรที่ปรกติมาก ดังนั้นโค้ชนักวิ่งมืออาชีพนั้นอย่างน้อยก็ต้องเคยเรียนรู้ทักษะการนวดมาบ้าง
หวางเหยาซูรู้ว่าถึงแม้เขาจะไม่ได้เก่งเท่ากับหมอนวดมืออาชีพ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถช่วยให้นักกีฬาผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่รู้ว่าการนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อของหลี่ไต้นั้นมันเหนือกว่าการนวดธรรมดามากๆ แม้แต่หมอนวดเก่งๆยังเทียบเขาไม่ได้เลย
2ทุ่มวันนั้นเอง ในสนามฝึก ชูฉงร่วงลงไปกับพื้นเหมือนซากอิฐ
“โค้ช ผมขอโทษครับ ผมไม่ไหวแล้ว! ยืนไม่ขึ้นเลยครับ” ชูฉงพูดเหมือนไม่มีแรงจะพูดแล้ว
หวางเหยาซูมองนักเรียนของเขาอย่างสงสาร เขาไม่เคยจัดการฝึกความเข้มข้นหนักขนาดนี้ให้กับชูฉงมาก่อน และเขารู้ว่าวันนี้นักเรียนของเขาพยายามเต็มที่แล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้พอแค่นี้แหล่ะ” หวางเหยาซูพูด เขามองไปไกลๆอีกรอบ แล้วเห็นว่าฮาวหยูอี้กําลังสควอทอย่างเดือดดาลอยู่
อะไรวะนั้นอะ? ทําไมยังฝึกได้อยู่อีกละ! ไม่เหนื่อยรึไง? หวางเหยาซูเครียดแทน เอาซิ ฝึกแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วมาคอยดูกันว่าจะไปได้ซักกี่นี้บอกได้เลยว่าไม่เกิน3วัน นายจะต้องล้มเลิกร้องไห้หาแม่แน่นอน! หวางเหยาซูคิด แล้วช่วยพาชูฉงกลับหอ
หลังจากกลับมาหอแล้ว ใจของหวางเหยาซูยังอยู่ที่สนามฝึก ตรงหน้าต่างห้องของเขาสามารถเห็นทางเข้าหอได้อย่างชัดเจอ เขาจึงโน้มตัวไปที่หน้าต่างก่อนจะเล่นเกมมือถือไปขณะที่รอดูว่าเมื่อไรหลี่ไต้กับฮาวหยูอี้จะกลับมา
หวางเหยาซูรอต่อไปอีกเกือบชั่วโมงกว่าหลี่ไต้จะช่วยฮาวหยูอี้แบกร่างกลับมาที่ประตูหอ
ทุ่มอีกแล้ว ออกไปตั้งแต่ตี5แล้วก็กลับตอน4ทุ่ม รวมเวลาฝึกแล้ว17ชั่วโมง ถึงแม้จะลบเวลากินข้าว เวลาพักนูนนี้แล้ว เขาก็ยังฝึกอยู่13-14ชั่วโมงอยู่ดี พอหวางเหยาซูนับเสร็จแล้ว หวางเหยาซูก็ตะลึง
นี้มันบ้าไปแล้ว 13-14ชั่วโมงต่อวัน แม้แต่คนเหล็กยังรับการฝึกหนักแบบนี้ไม่ได้เลย ฮาวหยูอี้คงจะยอมแพ้ไปในเร็วๆนี้แน่ๆ!
เช้าวันต่อมาหวางเหยาซูตื่นเร็วขึ้นกว่าเดิมหนึ่งชั่วโมง แล้วพาชูฉงออกไปฝึกตั้งแต่6โมงเช้า แน่นอนว่าฮาวหยูอี้ก็อยู่ที่นั้นแล้ว เหงื่อเต็มตัวแล้วด้วย
“เห้ยหลี่ มาตั้งแต่ตี5อีกแล้วเหรอ?”หวางเหยาซูพูดทักทายหลี่ไต้
“อรุณสวัสดิ์ครับโค้ชหวาง มาเร็วเหมือนกันนะครับเนี่ย” หลี่ไต้พยักหน้าตอบรับ ตอบรับความจริงที่ว่าพวกเขามาเริ่มฝึกตั้งแต่ตี5
“นกที่ตื่นเช้าเท่านั้นละที่จะได้หนอน ฉันบอกให้ชูฉงมาอุ่นเครื่องก่อนหน่ะ ส่วนการฝึกจริงๆ จะเริ่มหลังข้าวเช้า” หวางเหยาซูหยุดแล้วถามหลี่ไต้ “หลี่ไต้ มากินข้าวเช้าด้วยกันไหมละ?”
หลี่ไต้พยักหน้า “ได้เลยครับ แต่ฮาวหยูอี้ไม่ได้ไปด้วยนะครับ เขาอยากฝึกต่อ เดี๋ยวผมเอาอาหารไปให้เขาเอง”
หวางเหยาซูรู้สึกแปลกๆ เขาคิดกับตัวเอง .. เอาจริงเหรอ เก็บทุกเวลาไว้ฝึกแม้กระทั่งเวลากินข้าวเช้าเนี่ยนะ! ฮาวหยูอี้เป็นคนนะ ไม่ใช่หุ่นยนต์ เขารับอะไรแบบนั้นไม่ได้นานหรอก
คืนวันนั้นหวางเหยาซูโน้มตัวไปดูที่หน้าต่างอีกครั้ง แล้วก็เป็นอีกวันที่หลี่ไต้กับฮาวหยูอี้กลับมาตอน4ทุ่ม
เช้าวันต่อมาก็เป็นเหมือนเดิม เมื่อหวางเหยาซูไปถึงสนามฝึก หลี่ไต้กับฮาวหยูอี้ก็เริ่มฝึกแล้ว
1วัน 2วัน 3วัน ทุกๆวันเป็นแบบเดียวกันหมด ตอนนี้ฮาวหยูอี้กําลังฝึกด้วยน้ำหนักการฝึกที่หนักมากแล้วเวลาพักก็น้อยมากๆด้วย มันหนักจนหวางเหยาซูอึ้งไปเลย