Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 211
ตอนที่211 บอกลาวันวาน
ฮาวหยูอี้ที่อายุ26ปีและเป็นนักกีฬาที่มีประสบการณ์ แต่ถึงยังไงเขาก็ยังมือใหม่ในสนามแข่งเอเชี่ยนเกม
ในระหว่างที่กําลังอุ่นเครื่อง เขาก็จัดบล็อกออกตัวแล้วเตรียมความพร้อมต่งๆ ฮาวหยูอี้เตรียมตัวเองแบบขั้นต่อขั้น มันดูเหมือนจะใจเย็นนะแต่เอาจริงๆใจของเขามันตื่นเต้นจนจะทะลุออกมาได้อยู่ดดล้ว
“รอบสุดท้ายของการแข่งเอเชี่ยนเกม!” ความตื่นเต้นมันทะลุออกมาจากตาเขา
เมื่อหลายเดือนก่อน เขายังไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะได้เข้ามาแข่งเอเชี่ยนเกม แต่แล้ววันนี้เขากลับได้มายืนณจุดๆนี้กําลังเตรียมตัวที่จะวิ่งในรอบสุดท้ายของการแข่ง
ฮาวหยูอี้ปิดตาลง เขานึกถึงอดีตที่ขมขื่น “แค่ตรวจโรคผิดก็ทําให้ฉันเสียเวลาไป3ปีแล้วตอนนี้ฉันอายุ26แล้ว อีกแค่ปีถึง2ปีฉันก็เกษียรแล้ว”
พอคิดถึงการเกษียร ฮาวหยูอี้ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา เขามองไปที่ลู่วิ่งข้างหน้าเขา เขาไม่อยากยอมแพ้เขาไม่อยากเดินออกจากตรงนี้ ความรู้สึกมันทะลุออกมาทางสีหน้าของเขา
ฉันควรจะทุ่มเทให้กับมัน เหมือนกับเป็นครั้งสุดท้ายของฉัน!” ฮาวหยูอี้รู้สึกว่าเขาจําเป็นจะต้องลุกขึ้นสู้เท่านั้น
เขายืนบนจุดสตาร์ท แล้วยันมือทั้ง2ข้างของเขาไว้บนพื้นอย่างมั่นคง กําลังทบทวนรายละเอียดต่างๆของเทคนิคที่เคยฝึกมา
เขาตั้งสมาธิที่มีอยู่กับเสียงสัญญาณของปืน
และ บั้ง! เสียงยิงเข้าปะทะหูฮาวหยูอี้เป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาพุ่งออกตัวไปข้างหน้า
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงเชียร์ก็กระจิ๋มมาจากทั่วทุกสารทิศ แต่เสียง ของมันกลับกลายเป็นว่าคล้ายกับกลองศึกสําหรับฮาวหยูอี้
เขาวิ่งขนาบข้างมาทางซ้ายของลู่วิ่ง พยายามที่จะเร่งความเร็วของตัวเอง และด้วยความที่จากตําแหน่งที่ออกตัวของเขานั้น เขาเลยไม่สามารถเห็นผู้เข้าแข่งคนอื่นๆทางขวาได้แล้วก็ยังไม่รู้ว่าใครแซงใครหรือใครตามเขาอยู่ เขารู้แค่ว่าเขาต้องเร็วขึ้นเท่านั้น
ข้างๆกับเขา ซาราฟาจากอาหรับดูไม่ค่อยสบายใจ การเคลื่อนไหวของเขานั้นไม่เป็นธรรมชาติ
ทางซ้ายของซาราฟา คือนักวิ่งญี่ปุ่นที่ชื่อ ยามาโมโต้ ที่กําลังวิ่งอย่างขับเคี่ยวกับชาราฟาอยู่นั้นเอง ยามาโมโต้นั้นไม่สูงมาก แต่เข้าก้าวขาได้เร็วมาก และเพราะว่าฝนตกอยู่ทุกๆครั้งที่เขาเหยียบลงบนพื้น มันจะเกิดน้ํากระจายที่ทําให้ชาราฟาเสียสมาธิทุกครั้ง
“โว้ยยไอ้ฝนงี่เง่า” ซาราฟาด่าในใจ เขารู้ว่าเขาวิ่งได้ไม่ดีเท่าที่ควรโดยเฉพาะในทางโค้ง และพอเขาเข้าทางตรงเขาก็พบว่าตัวเองอยู่เป็นที่4เท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตามหลังมากนัก แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ ใครมันจะไปอยากอยู่เป็นแค่ที่4
ซาราฟาเริ่มปรับตัวเองในครึ่งหลังของการแข่ง เขาต้องแซงหน้า
การวิ่งทางตรงตอนนี้มันง่ายกว่าวิ่งทางโค้งเยอะ ดังนั้นพอพวกเขาเข้าครึ่งหลัง ซาราฟาที่เป็นยักกีฬาผิวสีก็ได้ปลดปล่อยพลังผิวสี(มีความเหยียด)ที่ยามาโมโต้ไม่มีออกมา นั้นคือแรงระเบิดพลังนั้นเอง
ในทางตรงนั้นซาราฟาวิ่งตามยามาโมโต้ทันแล้วแซงยามาโมโต้ไปได้ในระยะไม่ถึง30เมตร
ซาราฟาขึ้นนําจากที่เป็นที่2และเป้าหมายต่อไปของเขาคือการแซงหน้าฮาวหยูอี้ที่อยู่ทางขวาของเขาให้ได้
ในวินาทีนั้นเอง ซาราฟาก็พบว่าคนที่กําลังนําอยู่เป็นนักกีฬาจากประเทศเจ้าภาพ คนที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
“ใครมันจะไปคิดว่าแกจะเป็นคนสุดท้าย!” ซาราฟาคิดแล้ววิ่งเร่งไปข้างหน้า
30เมตรสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย ซาราฟากําลังกําลังจะตามฮาวหยูอี้ทัน
ชาราฟาเป็น1ในคนที่เก่งที่สุดในการแข่งนี้ เขายังได้เปรียบได้แม้กระทั้งสภาพอากาศฉุดรั้งความสามารถของเขาไว้
ฮาวหยูอี้เริ่มรู้สึกได้ถึงเงาดําที่ตะคู่มพุ่งมาทางซ้ายกําลังจะตรงไปที่เส้นชัย เร็วมากด้วย ในพริบตาเดียวคนๆนั้นก็วิ่งตามมาทันแล้วเทียบข้างกับฮาวหยูอี้
ฮาวหยุอี้เหลือบตาไปมองซาราฟาด้วยเหตุผลบางอย่าง ด้วยความที่สีผิวของซารา ฟานั้นแปลกและโดดเด่นในวินาทีนั้นเอง ภาพความทรงจําที่เลวร้ายของฮาวหยูอี้ก็พุ่งเข้ามาในหัว ของฮาวหยูอี้ในสลัมที่ยากแค้นและไรเกฏระเบียบ ที่ๆภาพวาดสีสเปร์ยตามกําแพงนั้นเป็นเหมือนเงาของปีศาจที่กําลังคลืบคลานเข้าหาแสงตะวัน
ดีกวันนั้นเองฮาวหยูอี้กลับมาจากที่ทํางานแล้วเดินผ่านทางเปลี่ยว แล้วจู่ๆมีคน2คนป รากฏตัวขึ้นเป็นชายหนุ่มผิวสีเข้ม2คนกําลังบังทางเขา พร้อมมีดในมือ
และด้วยมีดที่อยู่ในมือนั้น มันก็บอกจุดประสงค์ของชาย2คนนั้นได้อย่างชัดเจนแล้ว
“เห้ย เอาเงินมานี้เลยไอ้หน้าเจ็ก เงินอะ เงิน” ชาย2คนนั้นห่วงว่าไอ้คนเอเชียหน้าจีนอาจจะไม่รู้ภาษาอังกฤษเลยย้ําคําเดิมๆ “เงินๆๆๆ” ส่วนฮาวหยูอี้เองลําพังแค่ค่ากินของตัวเองยังจะไม่พอเลยอย่าคิดว่าจะมีตั้งเหลืออยู่ในกระเป๋า
เขากลัว แล้วเริ่มโทษความเฮงซวยในชีวิตที่มีมา ทําไมเขาต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
ในวินาทีนั้นเอง ฮาวหยูอี้ เลือกที่จะหนี ด้วยความที่เขาเคยเป็นนักวิ่งเก่า การวิ่งเลยเป็นสิ่งที่เขาถนัดที่สุด พวกนักเลง2คนนั้นก็ไม่ยอมปล่อยให้เหยื่อของตัวเองหน่ายๆเลยไล่ตามไปทันที
ในคืนนั้นเองที่ฮาวหยูอี้กําลังวิ่งด้วยแรงสุดชีวิตพร้อมกับไอ้มืด2คนถือมีดวิ่งไล่ตามเขาสถานการณ์ในตอนนั้นกับตอนนี้มันเป็นสถานการณ์เดียวกันเป๊ะๆ แค่ไม่มีมีดแค่นั้นเอง
วันนี้ฮาวหยูอี้กําลังขึ้นนําอยู่นิดหน่อย ขณะที่ซาราฟากําลังวิ่งตามอย่างขับเขี้ยวอยู่ทางขวาความต่างอีกอย่างคือในคืนนั้น เขาวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด ส่วนวันนี้ เขาวิ่งเพื่อชนะ
สําหรับฮาวหยูอี้ วันนั้นในอเมริกา นับว่าเป็นวันที่บัดซบที่สุดในชีวิตเขา เอาจริงๆเขาก็ไม่อยากจะนึกถึงความทรงจําเลวร้ายแบบนั้นเท่าไร
แต่ในวันนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขากลับนึกถึงมันขึ้นมา
ในตอนนั้นเอง เขาได้เปลี่ยนความเศร้าความแค้น และความกลัวพี่มืดเล็กๆเป็นพลังผลักดันเขาฮาวหยูอี้รู้สึกเหมือนกับว่าเขากําลังหนีอีกครั้ง และชาราฟาก็เป็นพี่มือพร้อมมีดในมือ
ในตอนนั้นเองฮาวหยูอี้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน เขาวิ่งเร็วขึ้นเหมือนกับว่าถ้าเขาวิ่งช้ากว่านี้มีดแทงหลังเขาแน่ เพียงแต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น
เขาอยากที่จะสลัดอดีตที่เลวร้ายแบบนั้นทิ้งไว้เบื้องหลัง อดีตที่เจ็บปวดนั้นเป็นแรงจูงใจให้เขาวิ่งต่อไป ความเร็วของเขาเร็วขึ้น และเร็วขึ้น เขาเหมือน ฟีนิกส์ที่โผบินขึ้นมาเกิดใหม่จากเท่าธุลีและส่องประกายแสงเจิดจ้าดุจเปลวเพลิง
ฟ้าวว!ฮาวหยูอี้เข้าเส้นชัยไปแล้ว แต่เขาก็ยังวิ่งไปจนสุดลู่ เขาได้สติกลับมาแต่เขาจําไม่ได้ด้วยซ้ําว่าเขากําลังวิ่งอยู่การแข่งเอเชียนเกม
“แชมเปี้ยนของการแข่งเอเชี่ยนเกม!” เสียประกาศนั้นทําให้เขารู้สึกตัวว่าตัวเองอยู่ที่ไหนแต่เขาก็ยังไม่เชื่อตัวเอง หลังกลับออกมาจากภวังค์นั้น เขาก็เริ่มมั่นใจว่าเขาชนะการแข่งนั้นมาได้จริงๆ
เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา
ทุกวิ่งที่เขาพบเจอมาในอดีต ทั้งความเศร้าความหดหูความท้อ ความเฮงซวย ทุกอย่างถูกระบายออกมาในวันนี้
“มันถึงเวลาที่จะบอกลาวันเก่าๆแล้ว” เสียงนั้นดังขึ้นมาในใจฮาวหยูอี้ ปมที่เคยถูกมัดไว้ในใจเขาวันนี้มันคลายออกแล้ว