Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 218
ตอนที่ 218 คนธรรมดาเต็มไปหมด
“เห้ยหลี่ไต้ยินดีด้วยนะที่ได้เหรียญวิ่งผลัดอะ เก่งมากเลย!”
“สุดยอดไปเลยหลี่ไต้ ช่วยให้ฝางไฮควานกับฮาวหยูอี้เข้าขากันได้ดีขนาดนี้ในวันเดียว โคตรเยี่ยมเลย”
หลี่ไต้ ฉันเห็นได้เลยว่าทีมอื่นมันก็ทําดีนะ แต่ของนายมันดีกว่ากว่าเยอะเลยฝึกยังไงของนายวะ!”
โค้ชรอบๆตัวเขาเริ่มสรรเสริญเขา
ซูหลี่เองก็เชิดจมูกขึ้นฟ้าด้วยความอวดได้อย่างภาคภูมิ เขาทั้งดีใจ แล้วก็ภูมิใจ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดจะมาคุมทีมวิ่งผลัดซักคน มีแต่คนคิดว่ามันอันตรายเกินไป จนกระทั้งนักเรียนของซูหลี่อย่างหลี่ไต้ก้าวเท้าขึ้นมาอาสาเป็นอย่างกล้าหาญ
แถมผลที่ออกมามันก็ดีจนกระแทกหน้าซูหลี่ได้ หลี่ไต้ไม่ได้นําความอับอายมาแต่กลับนําเกียรติยศมาให้กับทีม สําหรับซูหลี่นั้น การฟอร์มทีมแชมป์แบบนี้แล้วดันชนะขึ้นมาได้เนี่ย มันเกินกว่าความคาดหมายของทุกคนไปเยอะเลย
รวมไปถึงแชมป์วิ่ง100เมตรและ200เมตร รวมไปถึงแชมป์กระโดดไกลด้วย พวกเขารวมกันนับว่าเป็น3แม่ทัพแล้วก็กลับบ้านอย่างยิ่งใหญ่
ตามประเพณีแล้ว ในการประชุมเอเชี่ยนเกมครั้งต่อไป ทางทีมชาติจีนจะต้องได้รับการสรรเสริญแน่ๆ เพราะงั้นในปีหน้า งบประมาณที่จะเข้ามาก็จะมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน ดังนั้น ทีมทั้งทีมเลยได้ประโยชน์ร่วมกันในชัยชนะครั้งนี้
ท่ามกลางคําเยินยอทั้งหลาย หลี่ไต้ยิ้มอย่างอายๆ สําหรับเขาแล้ว การได้แชมป์วิ่งผลัดนี้ไม่ใช่เป็นการพิสูจน์ถึงความสามารถของเขาเพียงอย่างเดียว แต่มันก็ได้ค่าประสบการณ์มาถึง20000แต้มเป็นรางวัลอีกด้วย
ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นเยอะเลยในการแข่งนี้! ถ้าฉันฝึกอย่างเดียว ฉันละสงสัยจริงๆว่ากี่ปีกว่าฉันจะได้เวลอัพ การเป็นแชมป์มันคุ้มกับการได้ค่าประสบการณ์ถึง2หมื่นจริง ได้ไปแล้ว1ใน5ของค่าประสบการณ์ที่ต้องการอัพเวลต่อไป หลี่ไต้คิดในใจ
แต่ในการแข่งขันใหญ่ๆอยู่เอเชี่ยนเกมนั้นจัดแค่4ปีครั้ง โดยปรกติแล้ว ในมหกรรมกีฬาภายในประเทศทั้งหลายถึงแม้ว่าฉันจะฝึกแชมป์ได้ ฉันก็ไม่ได้ค่าประสบการณ์มากมายขนาดนั้น ถ้าฉันได้มีโอกาสได้หาประสบการณ์ในต่างประเทศในลีคนานาชาติในอนาคตละก็ ฉันต้องรับโอกาสนั้นให้
หลี่ไต้รู้ว่าถ้าไม่มีการแข่งเอเชี่ยนเกมนี้ เขาก็คงไม่มีทางเดาได้เลยว่าเขาจะมีค่าประสบการณ์เพียงพออัพเวลอีกเมื่อไร
ในช่วงเวลาอีกเนิ่นนานนับจากนี้คงไม่มีการแข่งใหญ่ๆไปอีกซักพัก หลี่ไต้คงได้แต่นั่งเก็บค่าประสบการณ์ไปเรื่อยๆต่อไป
การแข่งเอเชี่ยนเกมก็ได้จบไปแล้ว แต่หลี่ไต้ไม่ได้กลับไปที่ทีมเขตฮั่นเบในทันที ซูหลี่ให้เขาอยู่ในทีมชาติต่ออีกหลายๆวันเพื่อที่จะเพิ่มความหลากหลายในทีมโค้ช ในขณะที่เสนอให้ความรู้เพิ่มเติมกับหลี่ไต้
คนในทีมชาติบอกได้เลยว่าซูหลี่ไต้ใจที่จะเลี้ยงหลี่ไต้เอาไว้ และพวกเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ค้าน เพราะว่าหลังจากการแข่งวิ่งผลัดแล้ว มันก็เป็นการพิสูจน์ความสามารถของหลี่ไต้แล้ว เขาคู่ควรกับทีมชาติจริงๆ
และในทีมชาตินั้นเอง
หลี่ไต้เคาะประตูห้องก่อนจะเดินเข้าออฟฟิศของซูหลี่
“โค้ชครับ เห็นเรียกหาผม มีอะไรรึเปล่าครับ?”หลี่ไต้ถาม
“เอากุญแจรถฉันไปแล้วขับรถฉันไปรับใครคนนึงที่สนามบินที่ วันนี้ตารางฉันมันแน่นๆ แล้วรถของทีมชาติก็ไม่ว่างแล้วด้วย ฉันเลยต้องใช้รถตัวเองแทน”ซูหลี่พูดแล้วโยนกุญแจรถให้
“รับใครละครับ?” หลี่ไต้รับกุญแจแล้วถาม
“ตาแก่ติ้งไง! โค้ชติ้งไฮ ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงไม่ให้นายไปรับหรอก พวกเขานั่งรถแท็กซี่มาเองก็ได้” ซูหลี่พูด “โค้ชติ้งจะมาถึงตอนประมาณ11โมงครึ่งกว่า”
“สนามบินไหนครับ”หลี่ไต้ถาม
“สนามบินนานาชาติ ตึก3 ทางออกB”ซูหลี่ตอบ
“ทางออกBเป็นทางออกจากเครื่องบินขาเขาประเทศใช่ไหมครับ?” หลี่ไต้คิดแล้วถาม
“ตาแก่ทิ้งเขาไปที่สิงค์โปร์ ไปดูงานประชุมวิ่งกระโดดข้ามเอเชีย นั้นเป็นเหตุผลที่เขาไปเครื่องบินต่างประเทศไง เร็วเข้า เหลือเวลาไม่เยอะแล้ว ยิ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วนด้วย นายคงยังไม่อยากติดแหง่กใช่ไหมละ” ซูหลี่พูดแล้วทํางานต่อ
หลี่ไต้เลยขับรถของซูหลี่ไปที่สนามบินนานาชาติ
ตอนนี้มันยังไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน รถเลยไม่ติดมาก ตอนไปถึงที่สนามบิน รถก็เพิ่มจํานวนขึ้นอย่างหนาแน่ คงเป็นเพราะรถพวกนี้เป็นของผู้โดยสารที่พยายามไปให้ทันเวลาของสนามบิน
หลี่ไต้จอดรถแล้วตรงไปที่ทางออกธิในอาคาร3 เขาดูเวลาแล้วมันก็เกือบจะ11โมงแล้ว แต่เที่ยวบินจากสิงค์โปร์ยังมาไม่ถึง และถึงแม้ว่ามาถึงแล้ว แต่มันก็ต้องให้ผู้โดยสารเสียเวลาไปกับการตรวจขาเข้า และการหยิบสําภาระอีก
โค้ชตั้งคงอยู่บนเครื่องเลยไม่ได้รับโทรศัพท์ ถ้าเครื่องของเขามาถึงแล้วมันก็ต้องแสดงบนหน้าจอแล้ว ฉันคงต้องส่งข้อความหาเขาแล้วบอกว่าฉันมารอรับ
และเนื่องจากหลี่ไต้ยังมีเวลาเหลือ เขาเลยหาที่นั่งแล้วอ่านนิยายออนไลน์
ผู้โดยสารที่มีผิวหลากสีเดินออกมาจากทางออกคนแล้วคนเล่า ขาวบ้าง ผิวสีบ้าง ปะปนกันไปคนหลายๆกลุ่มเริ่มรวมตัว ทุกคนโดดเด่นไปหมด แล้วเริ่มพูดภาษากันคนละภาษาออกมาพร้อมๆกันทําให้เกิดบรรยากาศที่วุ่นวายเอาเรื่อง
กลุ่มคน10กว่าคนเริ่มเดินออกมาจากทางออกใส่ชุดกีฬาเดียวกันและทุกคนในนั้นดูกํายํามาก หลี่ไต้มองพวกเขาแล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นนักกีฬา
นักกีฬาต่างชาติเหรอ? พวกเขาต้องมาแข่งแน่ๆ เรามีการแข่งอะไรในเมืองเร็วๆนี้เหรอ? หรือว่าแค่มาแวะพักเครื่องเฉยๆกันเนี่ย
สําหรับโค้ชแล้ว หลี่ไต้มักจะใส่ใจนักกีฬาอย่างสม่ำเสมอ เขาดูอย่างระแวดระวังไปที่กลุ่มคนพวกนั้นและพบว่า พวกเขานั้นเป็นชาวตะวันตกหมดเลย บางคนในนั้นเหมือนคนเอเชียในแวบแรก แต่พอดูใกล้ๆแล้ว มันยังมีความเป็นคอเคเชี่ยนผสมอยู่ บางทีอาจจะเป็นลูกครึ่งก็ได้
พวกเขาน่าจะมาจากเอเชียกลาง ฉันจําได้ว่าในการแข่งเอเชี่ยนเกม มีนักกีฬา5คนจากเอเชียกลางหน้าตาแบบพวกเขาเหมือนกัน
พอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ในใจของหลี่ไต้ก็เริ่มทบทวน ประเทศ5ประเทศในเอเชียกลาง คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน ประเทศพวกนี้มันยากสําหรับหลี่ไต้ที่จะเห็นความตค่าง ถ้าหลี่ไต้ไม่ได้ไปเข้าร่วมเอเชี่ยนเกมมา เขาคงจําธงชาติพวกนั้นไม่ได้แน่ๆ
ไหนขอลองดูหน่อยซิว่าพวกนี้เล่นกีฬาอะไรกัน หลี่ไต้คิดแล้วตรวจสอบนักกีฬาต่างชาติพวกนั้น
ปั่นจักรยานถนน พรสวรรค์ ระดับC ความสามารถ 328 งั้น พวกเขาก็เป็นนักปั่นจักรยานงั้นสิ
หลี่ไต้ตรวจสอบอีกหลายๆคน และพบว่าพวกเขานั้นเป็นนักปั่นจักรยานหมดเลย
อ้อ จําได้ละ ก่อนหน้านี้มีการทัวนาเม้นขับจักรยานรอบกําแพงเมืองจีนกรังปรีย์อยู่นี้ นักกีฬาพวกนี้ต้องมาแข่งรายการนั้นแน่ๆ บางทีอาจจะเป็นนักกีฬาคาซักสถาน ฉันเคยได้ยินมาว่าพวกคาซักสถานเก่งการขับจักรยานมาก อัสตาน่า เวิสก็เป็นคนที่ได้แชมป์ที่ฝรั่งเศษมานี้หน่า
หลังจากนั้นซักพัก คนอีกกลุ่มนึงก็ออกมา รอบนี้เป็นคนขาวล้วน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแต่งตัวชุดลําลองแต่หลี่ไต้ก็สัมผัสได้ว่าพวกเขาต้องเป็นนักกีฬามืออาชีพแน่ๆ
หลี่ไต้เลยตรวจสอบอีกครั้ง
และอีกครั้ง พวกเขาเป็นนักปั่นจักรยาน นักกีฬาพวกนี้ดูยังหนุ่มแต่พวกเขากลับมีค่าความสามารถถึง500 และมีพรสวรรค์ระดับB ตอนที่หลี่ไต้คิดอยู่นั้นเองก็มีใครบางคนถือธงชาติทําเหลืองแดงออกมา เหมือนกําลังรอใครซักคนอยู่ที่สนามบิน
เบลเยี่ยม! ใช่แล้วเบลเยี่ยมเป็นประเทศที่นักปั่นจักรยานแกร่งมาก นักกีฬาพวกนั้นเก่งกว่าคนในคาซักสถานอีก แต่กลับเข้าเรื่องก่อน การแข่งรอบนี้ดูใหญ่น่าดูเลย แม้แต่ทีมจากยุโรปยังมาด้วย
และหลังจากที่พวกเบลเยี่ยมออกไป ก็มีกลุ่มคนที่พูดภาษาสเปนออกมา และแน่นอนว่าพวกเขาเป็นนักกีฬาที่มาพร้อมกับกระเป๋าลากของแต่ละคน
นักปั่นจักรยานชาวสเปนก็มาด้วยเหรอ ระดับความสามารถของพวกเขาพอพอกับเบลเยี่ยมเลย
ทีมนั้นเป็นนักกีฬาผิวสี อเมริกาแน่ๆ แต่ฉันยังนึกหน้านักกีฬาผิวสีที่ปั่นจักรยานเก่งๆไม่ออกอะนะ
เที่ยวบินที่3ก็ตามลงมาแล้วตามลงมาเล่า หลี่ไต้เห็นนักปั่นจักรยานหลายกลุ่มผ่านไป
และแล้วเที่ยวบินจากกรุงเทพก็มาถึง นี้ต้องเป็นนักปั่นจักรยานจากประเทศไทยแน่ๆ พวกเขาดูไม่ดีเหมือนกลุ่มก่อนหน้านี้เลย
หลี่ไต้มองดูนักกีฬากลุ่มใหม่ที่เดินออกมา พวกเขาเดินออกมาด้วยชุดกีฬาที่เป็นเอกลักษณ์จํานวนคนของพวกเขามีมากกว่า20คน ซึ่งจะดูเหมือนจะเอาทีมก่อนหน้านี้ทีมมา+กันได้
แต่ถึงอย่างนั้นนักปั่นจักรยานชาวไทยดูผอมๆ หลายๆคนในนั้นเตี้ยและผอมไปหน่อย อีกหลายๆคนในนั้นยังดูง่วงๆขอบตาดําอีกด้วย
ทําไมพวกเขาดูอ่อนแรงงั้นละ จากกรุงเทพถึงนี้มันนานเท่าไรกันเชียว มันก็ไม่น่าจะนานกว่าจากยุโรปมานี้ใช่ไหม แต่พวกเบลเยี่ยมพวกนั้นดูไม่เหนื่อยเลยนะ
หลี่ไต้ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะตรวจสอบศักยภาพของนักกีฬาชาวไทย
เป้าหมาย คนธรรมดา ความสามารถ 45 อะไรวะเนี่ย!?
หลี่ไต้มองดูด้วยความมึนๆ
ทําไมถึงเป็นคนธรรมดาได้ละ? มันต้องบอกว่าเป็นนักกีฬาไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวนะ อ้ออออ เข้าใจละ บางทีหมอนี้อาจจะเป็นโค้ชก็ได้ ระบบถึงไม่ได้บอกว่าเป็นนักกีฬา แต่ไอ้ค่าความสามารถนั้นมันอะไรกัน ในบรรดาคนธรรมดาด้วยกันเอง ค่าความสามารถแค่นี้มันกระจอกมากเลยนะ ขนาดยายเฒ่าหรือเด็กอ้วนๆยังมีค่าความสามารถมากกว่านี้อีก โค้ชไทยมันแย่งี้เลยเหรอ? เมื่อหลายวันก่อน โค้ชสมชัยยังดูแข็งแรงอยู่เลย
หลี่ไต้สายหัว แล้วเริ่มตรวจสอบคนต่อไป
คนธรรมดา ความสามารถ47 คนธรรมดาอีกแล้วเหรอ? บังเอิญไปเปล่า? อย่าบอกนะว่าฉันตรวจโค้ชไป2คนโดยบังเอิญ
เขาตรวจสอบต่อ
คนธรรมดา ความสามารถ 55
คนธรรมดา ความสามารถ 51
คนธรรมดา ความสามารถ…
ระบบตรวจสอบคนธรรมดาไปรคนรวด และมันเป็นไปไม่ได้ที่5คนนี้จะเป็นโค้ชหมด
บางทีทีมไทยนี้อาจจะมีคนที่ไม่ใช่นักกีฬาอยู่เต็มไปหมดเลยก็ได้ บางทีพวกเขาอาจจะแค่หาโอกาสมาเที่ยวต่างประเทศก็ได้ แต่ค่าความสามารถของพวกเขาต่ำจริงๆนะ 40กว่าๆนี้มันเท่าคนแก่ที่อ่อนแอเลยนะ
เกาหลีใต้ตรวจสอบต่อ
คนธรรมดา คนธรรมดา คนธรรมดา คนธรรมดา คนธรรมดา… 20กว่าคนนั้น มันธรรมดาหมดเลย นี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ