Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 229
ตอนที่ 229 การกลับมาของหลี่ไต้
การแข่งกีฬาชาติ คือการแข่งขันกีฬาที่สูงที่สุด และใหญ่ที่สุดของประเทศ และตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ การแข่งกีฬาชาตินั้นถูกจัดให้อยู่ในระดับเดียวกันกับโอลิมปิค บางครั้งถึงขั้นมีกีฬาจากเทศกาลกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว อย่างสเก็ตน้ำแข็ง คนปรกติมักจะไม่ค่อยสนใจการแข่งกีฬาชาติอะไรกันมากนัก แต่สำหรับในทีมเขต การแข่งกีฬาชาตินั้น เป็นรองแค่กีฬาโอลิมปิคเท่านั้น
เพราะว่าการฝึกทีมระดับเขตนั้น ไม่เหมาะกับการแข่งระดับโลก เพราะงั้น การแข่งขันกีฬาชาตินั้นกลายเป็นเวทีที่สูงที่สุดที่พวกเขาฝันไปได้ แต่ละทีมกีฬาเขต จะมองว่าการแข่งกีฬาชาตินั้นเป็นเวทีแจ้งเกิดและเป็นโอกาสในการโชวเหนือ เพราะระดับชั้นของมันนั้น เทียบเท่ากับกีฬาโอลิมปิคเลย
สำหรับนักกีฬาแล้ว การได้เหรียญในการแข่งกีฬาชาตินั้น เป็นรองแค่การเป็นแชมป์โลกเท่านั้น โดยเฉพาะกับกีฬาที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกับสาธารณะชนมากนัก ถ้านักกีฬาชนะเหรียญทองมันเป็นเหมือนการตอบแทนบุญคุณของกรมกีฬาเขตของพวกเขา นั้นหมายความว่า เส้นทางเดินชีวิตสายอาชีพของเขาหรือเธอในเส้นทางสายกีฬานั้น จะไปได้ด้วยดีมากๆ แล้วก็ค่อนข้างการันตีว่าจะได้ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีหลังเกษียรแน่ๆ
มันเป็นโอกาสที่หาไม่ได้แล้ว สำหรับนักกีฬาที่ไม่มีโอกาสที่ได้เข้าไปในโอลิมปิคให้ได้มาโชว์ผลงานให้ดีที่สุดต่อหน้าท่านผู้นำ เพื่อให้ได้ตำแหน่งหลังเกษียร
การที่จะได้เหรียญทองการแข่งกีฬาแห่งชาติได้นั้น แต่ละกรมการกีฬา จะต้องงัดทุกแผนทุกกลยุทธออกมาใช้ พวกเขาต้องวางหมากนักกีฬาและโค้ชที่ดีที่สุดลงไปเล่น นักกีฬาจากทีมชาติ คลับโปร หรือแม้กระทั้งจากต่างประเทศ จะถูกขอให้แข่งในการแข่งนี้
การเอาเงินฟาดหัวก็เป็นทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะในเขตที่รวย ทางกรมกีฬาเขตก็จะตั้งค่าหัวให้เหรียญทองเพิ่มไว้สูง สูงพอๆกับแชมป์โอลิมปิคเลย และด้วยเงินอัดฉีดที่มันมาก ขนาดนี้ทำให้นักกีฬามีกำลังใจมากๆ
อีกอย่างการจ่ายเงินเพื่อแย่งนักกีฬาจากทีมอื่นมาลงแข่งในทีมตัวเองก็เป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยเสริมความแกร่งของทีมได้ดีในระยะสั้นยกตัวอย่างเช่น เคยมีนักบาสชื่อดังที่ไปเข้าแข่งในการแข่งกีฬาชาติ 3ครั้ง และแต่ละครั้ง เขาก็เป็นตัวแทนของทีมที่ไม่เหมือนกัน แต่ประเด็นคือในตอนสุดท้าย เขาก็เดินกลับบ้านไปพร้อมกับเงินมหาศาล
ที่ศูนย์บัญชาการของทีมกรีฑาเขตฮั่นเบ เนื่องจากการแข่งกีฬาชาติกำลังเข้ามาเรื่อยๆ โค้ชทั้งหมดจึงต้องเร่งเครื่องการฝึกกันยกใหญ่ เพื่อให้ได้ผลที่ดีในการแข่ง
โค้ชวิ่งเร็วอย่าง อย่าง ฉาเปาจุนเดินเข้าโรงอาหารอย่างเหนื่อยล้าก่อนที่จะสั่งอาหารหลายจานที่เขาชอบ ก่อนที่จะสวาปามพวกมันจนเกลี้ยง การฝึกช่วงเที่ยงทั้งหมดนั้นกลืนกินพลังงานร่างกายจำนวนมาก และตอนนี้ แม้แต่แค่หมั่นโถวกับผักหมักเกลือก็ดูอร่อยในสายตาเขา
“ฉาเปาจุน มานี้ซิมา!”ใครบางคนจากโต๊ะข้างๆทักทายฉาเปาจุน
ฉาเปาจุนหันกลับไปแล้วพบว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของเขา2คน หลิวชั่วกับหลี่ถั่วตง ที่เป็นโค้ชวิ่งเร็วเหมือนกัน
ทำไมหลิวชั่วกับหลี่ถั่วตงมาอยู่ด้วยกันได้เนี่ย! ฉาเปาจุนคิดอย่างสงสัย
พวกเขาเป็นโค้ชวิ่งเร็วเหมือนกันก็จริง แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นไม่ดีเอาซะเลย เพราะยังไงซะ มันก็มีคำกล่าวที่ว่าเสือ2ตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ โค้ชทั้ง3คนนั้นถือว่าเป็นคู่แข่งกันในทีมกรีฑา
ตอนนี้ทีมเขตชั่นเบมีตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มฝึกวิ่งเร็วอยู่ ซึ่งคนที่ได้เป็นจะได้คุมการฝึกทั้งหมดและเมื่อมีคนได้ตำแหน่งนี้ ก็จะมีโอกาสที่จะได้แต่งตั้งผู้ช่วยหัวหน้าโค้ชด้วย ซึ่งจะกลายเป็นตำแหน่งอาวุโสในระบบนี้ ดังนั้น ทั้ง3คนเลยกำลังแก่งแย่งชิงตำแหน่งนี้อยู่
ความต่างระหว่างวัยของทั้ง3คนนั้นไม่มากนัก และพวกเขาก็มีคุณสมบัติและผลงานที่พอๆกันในการที่จะได้ตำแหน่งนี้ ทั้ง3คนจะต้องพยายามให้เต็มที่ และเพราะว่าความบาดหมางของทั้ง3คนที่ไม่ค่อยถูกกันเท่าไร พวกเขาส่วนมากจะพยักหน้าให้กันเป็นการทักทายมากกว่า แล้วก็จะไม่คุยอะไรกันเลยถ้าไม่จำเป็น แม้กระทั้งตอนกินข้าวเย็นซึ่งเป็นการรวมเพื่อนร่วมงานทุกคน พวกเขาก็พยายามที่จะไม่นั่งด้วยกัน
เพราะงั้นเลยไม่แปลกที่ฉาเปาจุนจะคิดว่าคงไม่มีทางที่ หลิวชั่ว กับหลี่ถั่วตงจะมาอยู่ร่วมเดอะเดียวกันกินข้าวด้วยกัน อย่าว่าแต่จะชวนฉาเปาจุนไปนั่งด้วยกันเลย ฉาเปาจุนตกใจมาก
เขาลังเล แต่ถึงจะลังเล แต่เขาหนีไปไหนไม่ได้ เขาเลยถือถาดตรงไปหาพวกเขาก่อนจะนั่ง แล้วหลีกั่วตงก็ถาม “ฉาเปาจุน ช่วงนี้นายฝึกหนักน่าดูเลยนี้!”
หรือว่าเจ้าหลี่ถั่วตงนี้พยายามจะเสือกเรื่องแผนการฝึกของฉันเหรอ? ฉาเปาจุนตอบกลับอย่างระวังและไม่เชื่อใจ “พวกนายก็ฝึกหนักเหมือนกันนี้หน่า! กะจะเอาแชมป์ประเทศเลยปะเนี่ย?”
“ถ้าทำได้อะนะ นายน่าจะได้เป็นหัวหน้ากลุ่มมากกว่าเ” หลิวยั่วยิ้มแล้วพูด “แต่ฉันว่าคงไม่น่ามีโอกาสได้เป็นหรอก!”
“หลิวฮั่วเอ้ย โอกาสหนะขึ้นอยู่กับว่านายจะทำมันไหม แค่พูดอย่างเดียวมันทำให้นายเข้าไปแข่งไม่ได้หรอกนะ” ฉาเปาจุนคิดว่าหลิวชั่วตำหนิเขา เขาเลยไม่พอใจ
หลิวยั่วยิ้มเยาะ “ โถ่ว ฉาเปาจุน อย่าเข้าใจฉันผิดซิ ฉันไม่ได้พูดถึงนายซักหน่อย”
หลิวชั่วพ่นลมออกมาใส่ฉาเปาจุน ฉาเปาจุนพูดอย่างจิกกัด “ก็ถ้าไม่ได้พูดถึงฉัน แล้วพูดถึงใครละ ฉันว่าก็คงไม่ใช่นายเหมือนกันใช่ไหมละ”
“โถ่วฉาเปาจุน ฉันหมายความว่า พวกเราทั้งหมดเนี่ยละที่ไม่มีโอกาสแล้ว!” หลิวชั่วพูด
“ หมายความว่ายังไง”ฉาเปาจุนถาม
“ฉาเปาจุน นายไม่รู้หรอว่าหลี่ได้กลับมาแล้ว” หลี่ถั่วตงอธิบาย
หลีใต้ ใครวะหลีใต้? ชื่อคุ้นๆ ฉาเปาจุนพูดกับตัวเอง
“ก็โค้ชหนุ่มที่ย้ายไปอยู่ทีมเยาวชน แล้วก็โดนทีมชาติเรียกตัวไปเมื่อตอนนั้นไง เขากลับมาแล้ว” หลี่ถั่วตงโน้มตัวมาพูดเสียงเบา
ฉาเปาจุนจำได้ทันที “อ้อ หมอนั้นนี้เอง หลี่ได้วางแผนว่าจะไปเข้าโครงการฝึกโค้ชรุ่นเยาว์ แล้วเขาก็ดวงดีโดนซูหลี่เลือก จากนั้น เขาก็อยู่กับทีมชาติยาวเลย หมายความว่าเขากลับมาแล้วเหรอ ฉันคิดว่าเขาย้ายไปอยู่ทีมชาติซะแล้วอีก
หลีใต้เป็นแค่เด็กฝึกงานในทีมชาติ และตอนนี้การแข่งกีฬาประเทศกำลังจะเริ่มขึ้น และโค้ชซูก็ต้องการตัวหลี่ได้กลับมา” หลิวคั่วตงพูดต่อ เพื่อย้ำ “แถมโค้ชชูยังอยากให้หลี่ได้เป็นหัวหน้ากลุ่มด้วย”
“ทำไมละ ฉันอยู่นี้มันตั้ง10ปี ทำไมไม่เป็นฉันละ ไอ้นั้นมันเด็กเส้นชัวร์ ฉันยังไม่รู้จักเขาเลย” ฉาเปาจุนโกรธเลือดขึ้นหน้า
“ก็เพราะว่าซูหลี่ได้เข้าทีมชาติไง เพราะว่าเขาเป็นลูกศิษย์คนโปรดของซูหลี่ไง!” หลิวชั่วขัด และ2เหตุผลนั้นมันก็ทำให้ฉาเปาจุนอึ้งไปเลย