Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 230
ตอนที่ 230 ลากพวกผิดพลาด
2เหตุผลที่ให้มาโดยหลิวฮั่วนั้นเพียงพอที่จะให้หลี่ไต้กลายมาเป็นหัวหน้ากลุ่ม
เพราะว่าสําหรับทั้ง3คนนี้แล้ว การโดนเรียกตัวเข้าทีมชาตินั้นเป็นไปไม่ได้เลย พวกเขาไม่ได้มีคุณสมบัติเพียงพอในค่ายฝึกของทีมชาติ ในขณะที่หลี่ไต้นั้นมีที่ยืนในทีมชาติอย่างมั่นคงนี้ ทําให้เห็นว่าหลี่ไต้นั้นแกร่งกว่าพวกเขามากเพียงใด แล้วก็เหมาะกับตําแหน่งมากแค่ไหน
อีกอย่างหลี่ไต้นั้นเป็นศิษย์เอกของซูหลี่ ผู้ที่เป็นถึงอันดับ2 ตัวแทนในการนําทีมกรีฑา ซูหลีนั้นเป็นคนที่มีอิทธิพลมากในวงการและส่งผลไปทั่วประเทศ ชื่อเสียงของเขานั้นทําให้หลี่ไต้กลายมาเป็นหัวหน้ากลุ่มได้ไม่ยาก
พอคิดเรื่องนี้แล้วฉาเปาจุนก็รู้สึกสูญเสีย เขาฝึกมานานแสนนานเพื่อที่จะได้เป็นหัวหน้ากลุ่มเข้าซักวัน แต่ตอนนี้ ความหวังและโอกาสนั้นก็โดนขโมยไปก่อนที่ความหวังจะเกิดซะอีก
เขาหายใจเข้าลึกๆแล้วเคลียร์สมองให้โล่ เขาคิดกับตัวเอง “หลี่ไต้ก็มีความสุขอยู่กับทีมชาติอยู่แล้ว เขาคงไม่อยากกลับมาที่ทีมเขตหรอก ฉันคิดว่าเขาคงโดนลากตัวเข้ามาแค่สําหรับการแข่งกีฬาชาติเฉยๆ หลังจากนั้นเขาก็ได้กลับไปที่ทีมชาติแน่ๆ”
“งั้นเรามาพูดถึงทีมการแข่งกันหน่อยดีกว่า” หลิวฮั่วพูดต่อ “หลี่ไต้เป็นโค้ชใช่ไหม ดังนั้นหลังจากที่เขากลับมาแล้ว ทีมจะต้องให้นักกีฬาเขาได้ฝึกจริงไหม ฉา(ต้นฉบับเรียกแค่นี้) คิดว่าทีมจะส่งใครให้ละ”
ในตอนนั้นเอง ฉาเปาจุนก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง แล้วหน้าเขาก็จริงจังขึ้นมา
หลิวฮั่วพูดต่อ “พอหลี่ไต้กลับมาจากทีมชาติ ทางทีมเราต้องให้นักกีฬาที่ดีที่สุดในทีมเราให้กับเขาแน่ๆ และ3คนที่ดีที่สุดก็คือ เฉินกุนที่ฝึกโดยฉา เชนติงฉานที่ฝึกโดยหลี่กั่วตง และซูหยูอี้หยางที่ฝึกโดยฉันเอง”
หลี่กั่วตงขัดหลิวฮั่วแล้วเพิ่มเติม “ฉา ถ้าฉันจําไม่ผิด เฉินกุนฝึกกับนายมา4ปีแล้วนี้! ซูหยูอี้หยางก็อยู่กับหลิวมาเกิน3ปีเหมือนกัน ส่วนเชนติงฉานก็อยู่กับฉันมา2ปีแล้ว ฉันเริ่มฝึกเขาตั้งแต่เข้าวงการมาใหม่ๆเลย”
หลี่กั่วตงมองทั้ง2แล้วพูด “หลี่ไต้จะเลือกคนนึงจาก3คนนี้ หมายความว่าเขาจะพรากการทุ่มเทเวลาไปมากกว่า2ปีไปจากเรา เราจะยอมเหรอ แล้วนี้ก็เป็นการแข่งในรายการใหญ่มากเลยนะ มันเหมือนกับว่าหลี่ไต้มาเพื่อเข้ามาฝึกนักกีฬาเพื่องานนี้ แล้วแย่งผลงานของเราไปหน้าตาเฉยเลย”
“อ้อนี้คือพวกนายเรียกฉันมาเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม” ฉาเปาจุนนั่งตัวตรงแล้วพูด “เอาจริงๆแล้ว เราก็ค่อนข้างถือว่าโชคดีแล้วที่นักกีฬาทั้ง3ของเราผ่านเกณฑ์ของการแข่งกีฬาแห่งชาติเนี่ย การได้ผลงานที่ดีนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ”
“แต่เราจะยอมให้เจ้าหลี่ไต้นั้นแย่งคนของเราไปแบบนี้ไม่ได้นะ!” หลิวฮั่วพูดอย่างกําชับ “ฉา ในเวลาจําเป็นแบบนี้ เราสามคนควรจะรวมกันเป็น1เดียวเพื่อขจัดคนนอกนะ เราจะปล่อยให้หลี่ได้มาปล้นคนของเราไปไม่ได้เด็ดขาด”
“รวมกันเป็น1เดียวเพื่อขจัดคนนอกเหรอ?” พร้อมด้วยรอยยิ้มแยงๆบนใบหน้าแล้วพูด “หลี่ไต้จะเลือกใคนจาก3คนของเราไป ซึ่งอาจจะเป็นคนไหนก็ได้ แต่ฉันคิดว่านักกีฬาของฉันจะโชคดีมากพอที่จะไม่โดนเลือกโดยหลี่ไต้ละ”
“ หมายความว่ายังไง” หลี่กั่วตงดูกังวล
ฉาเปาจุนเสริมพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อกี้นายบอกว่าเฉินกุนฝึกอยู่กับฉันมา4ปีใช่ไหม เอาจริงๆแล้วมันเป็น4ปีกับอีก8เดือนดั่งหาก! เฉินกุนตอนนี้อายุ24แล้ว เขาก็เลยกลายเป็นนักกีฬาที่แก่ที่สุดในบรรดา3คนนี้
เขามองไปที่หลิวฮั่ว แล้วพูดต่อ “หลิวฮั่ว ซูหยูอี้หยางของนายตอนนี้อายุ22ใช่ไหม”
“ใช่ ใกล้ๆแล้วละ” หลิวฮั่วพยักหน้า
“ส่วนของเชนติงฉาน…”เขาหันไปทางหลีกั่วตงแล้วยิ้ม “ไม่ใช่ว่าเซนติงฉานโดนนายเลือกมา จากโรงเรียนกีฬาฉิงเฉินเมื่อ2ปีก่อนเหรอ หลี่กั่วตง แล้วหลังจากนั้นนายก็ไปเอาตัวเขาไปไว้ที่ทีมเยาวชน แล้ว1ปีต่อจากนั้น เขาก็โดนเลือกเข้าทีมเขตจากนายโดยตรงเลย ฉันเดาว่าเซนติงฉานคงอายุไม่เกิน20ใช่ไหมละ”
พอพูดถึงเรื่องอายุ หลี่กั่วตงเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ฉาเปาจุนพูดต่อ “นักกีฬาทั้ง3คนนี้มีระดับความสามารถใกล้ๆกัน แต่พวกเขามีอายุที่ต่างกัน ถ้านายเป็นหลี่ไต้ นายจะเลือกใครละ คนอายุ 24 หรือ22 หรือน้อยกว่า20?”
มันเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าโค้ชทุกคนต้องเลือกนักกีฬาที่อายุน้อยกว่า เพราะยิ่งมีพื้นที่ว่างให้ฝึกมากเท่าไร ก็ยิ่งเก่งได้มากเท่านั้น แล้วยิ่งเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถที่ใกล้เคียงกันแล้วด้วยยังไงก็ต้องเลือกคนที่อายุน้อยที่สุดอยู่แล้ว
ฉาเปาจุนตบไหล่หลิวฮั่วแล้วพูด “ไม่ต้องห่วงนะหลิว ถึงแม้หลี่ไต้จะกลับมา แต่เขาก็คงไม่เลีอกนักกีฬาของพวกเราหรอก แน่ใจได้เลย!”
หลีกั่วตงกําหมัดอย่างโกรธแค้น เพราะว่าฉาเปาจุนดันมาทําแผนเขาแตก
หลี่กั่วตงตั้งใจที่จะหาพวก เพราะว่านักกีฬาของเขานั้นเด็กที่สุด ทําให้นักกีฬาของเขาโดนห มายหัวโดยหลี่ไต้ ดังนั้น เขาอยากที่จะลากพวกมาเพิ่ม โดยเป็นพันธมิตรกับฉาและหลิว
เขาพูดกับหลิวฮั่วก่อน และสร้างเรื่องให้เล่นใหญ่เพื่อทําให้หลิวฮั่วกลัว และเพราะว่าหลิวฮั่วไม่รู้เรื่องปัญหาอายุ หลิวฮั่วเลยตกลงมาเป็นพันธมิตรโดยง่าย
แต่ถึงอย่างนั้น พอมาคุยกับฉาเปาจุน หลีกั่วตงหลอกเรื่องนี้กับฉาเปาจุนแต่กลับกลายเป็นว่าไม่สําเร็จยิ่งไปกว่านั้น หลิวยังรู้ถึงแผนการของหลี่กั่วตงอีกด้วย
หลังจากที่ฉาย้ายโต๊ะไปนั่งที่อื่น หลี่กั่วตงก็หันมาหาหลิวฮั่ว “เห้ยหลิว เหมือนฉาจะไม่อยากช่วยเรา แต่ไม่ต้องห่วงนะ เราจะหา…”
“เห้ยหลี่ กินช้าจังเลย เดี๋ยวฉันไปหาข้าวต้มเพิ่มนะ!” หลิวฮั่วตัดบทแล้วออกไปทันที ปล่อยให้หลีกั่วตงนั่งเก้ออยู่คนเดียว
“โถ่วเว้ย คนสมัยนี้เ” หลี่กั่วตงได้แต่สบทในใจ
ในห้องประชุมของทีมกรีฑาเขตชั่นเบ
ชูเหว่ยตงชี้ไปที่หลี่ไต้ข้างๆเขาก่อนจะพูด “ให้ผมได้แนะนําให้รู้จักนะ คนๆนี้คือหลี่ไต้ พวกคุณอาจจะเคยได้ยินชื่อเขามาก่อน แต่หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยเจอเขามาก่อน หลี่ไต้โดนย้ายไปอยู่กับทีมชาติทันทีที่เข้ามาในทีมกรีฑาของเรา ดังนั้นเขาเลยแทบไม่โผล่มาให้เห็นหน้า แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้ว ไม่ว่าพวกคุณจะเคยเห็นหรือไม่เคย ตอนนี้คุณต้องรู้จักเขาแล้ว เอาละ ขอให้ช่วยกันต้อนรับหลี่ไต้ที่กลับมาจากทีมชาติกันด้วยนะ!”
พอพูดจบ ชูเหว่ยตงก็ปรบมือ แล้วคนอื่นๆก็ปรบตาม
“ขอบคุณครับ ขอบคุณ!” หลี่ไต้ยืนขึ้น แล้วแนะนําตัวเองนิดหน่อยก่อนที่จะบอกทํานองว่าอยากรู้จักทุกคน
ตอนที่เขานั่งลงนั้น ชูเหว่ยตงพูดต่อ “มาเข้าเรื่องกันดีกว่า การแข่งรอบคัดเลือกของของกีฬาชาติกําลังจะเริ่มขึ้น ไม่ต้องบอกทุกคนก็คงรู้ว่ามันสําคัญยังไงนะ ที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ก็คือเรื่องนี้เนี่ยละ มาเริ่มกันที่กีฬาสนามก่อนเลย โค้ชหวาง ไหนบอกเราซิว่ากระโดดไกลเตรียมการยังไงแล้วบ้าง”
จากนั้นโค้ชหัวล้านคนนึงก็ลุกขึ้นพูดแผนการที่เตรียมมา
ในกีฬาประเภทสนาม ประกอบไปด้วยกระโดดสูง กระโดดไกล กระโดดค้ําถ่อ วิ่งเขย่งโดดทุ่มน้ําหนัก เขวี้ยงจักร ปาหอก เหวี่ยงค้อน โค้ชทุกคนจากทุกประเภทได้ทําการเตรียมการมาพร้อมแล้ว จากนั้นโค้ชชูเหว่ยตงก็จะแค่ปรับนิดหน่อยให้เฉยๆ
กีฬาประเภทก็ใช้เวลาแปปเดียว บางประเภทก็กินเวลานาน และพอทั้งประเภทเสร็จแล้วมันก็ผ่านไปชั่วโมงครึ่งแล้ว
หลังจากดูนาฬิกา ชูเหว่ยตงก็พูด “งั้นการประชุมเรื่องแผนการเตรียมการฝึกกีฬาประเภทสนามก็จบแล้วนะครับ ผมขอไปต่อกันที่ประเภทลู่เลย เริ่มจากวิ่งเร็วก่อน โค้ชหลูคิดยังไงครับ
โค้ชวัยมากกว่า50ปีใส่แว่นสายตากําลังเปิดเอกสาร
ด้วยความที่กีฬาวิ่งเร็วนั้นยังไม่มีหัวหน้า และฉาเปาจุน หลิวฮั่ว และหลีกั่วตงยังคงแย่งชิงตําแหน่งนี้อยู่ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้1ใน3คนนี้ทํารายงานสรุป
เพราะงั้น ชูเหว่ยตงเลยทําการจัดเอาโค้ชอาวุโสอย่างโค้ชหลูมาทําแทน โค้ชหลูนั้นเตรียมเกษียณแล้ว และไม่ได้มีความอยากจะขึ้นเป็นหัวหน้า เขาเลยเป็นกลางกับทั้ง3คนและการให้เขาทํารายงานนั้น มันก็ถือเป็นเรื่องที่ดีกับทุกฝ่าย
โค้ชหลูอธิบายด้วยความเร็วต่ําแต่เขาก็พูดเยอะ แต่เนื้อหาข้างในนั้นไม่ค่อยมีอะไรเลย เพราะยังไงโค้ชหลูก็เตรียมเกษียรแล้ว จะให้มคล่องตัวเหมือนแต่ก่อนก็คงไม่ได้
หลังจากรายงานจบ ก็เข้าช่วงประชุม
ชูเหว่ยตงหันไปหาหลี่ไต้เป็นคนแรก
“หลี่ไต้ นายอยู่ทีมชาติมานาน แล้วนายก็เป็นศิษย์เอกของซูหลี่ด้วย อีกอย่าง นายเคยไปแข่งเอเชี่ยนเกมด้วย เพราะงั้นก็คงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวิ่งเร็วแล้ว คิดยังไงกับแผนบ้าง!”