Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 234
ตอนที่ 234 ลอบทําลายแผน
ฉาเปาจุนเงียบกริบในขณะที่หลี่ถั่วตงเองก็หาข้อโต้แย้งอะไรไม่ได้ พวกเขาทั้งคู่เลยนั่งจมอยู่กับเก้าอี้
ส่วนชูเหว่ยตงนั้นก็ดูจะประทับใจกับแผนของหลี่ได้มากๆ
การประกาศตัวเองว่าเขาเป็นโค้ชวิ่งผลัดแชมป์เอเชี่ยนเกมนั้นทําให้ความสงสัยใจใจของซูเหว่ยางหายไป
แล้วหลังจากนั้น แผนของทางทีมวิ่งเร็ว ก็ได้ตั้งมั่นไปที่วิ่งผลัด แล้วชูเหว่ยตงก็ได้ขอรายละเอียดแผนกับหลีใต้ต่อไป
และจากนั้น การประชุมก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไปเนื้อหาอื่นประเภทกีฬาอื่น แต่ถึงอย่างนั้นโค้ชวิ่งเร็วทั้ง3คนตอนนี้ก็ยังดูรนลานอยู่เหมือนเดิมเหมือนแมวที่อยู่บนอิฐร้อนๆ
การประชุมนั้นกินเวลาไปมากกว่า4ชั่วโมง และไปจบกันตอนเที่ยง ผู้เข้าประชุมทุกคนออกจากห้องและหลายๆคนในนั้นก็เร่งรีบเข้าโรงอาหารทันที
“หลี่ รอด้วยซิ”ใครบางคนเรียกหลี่ถั่วตงจากด้านหลัง เขาหันไป แล้วเจอฉาเปาจุนกับหลิวฮั่วกําลังเดินตรงมาหาเขา
“อ้าวฉาว่าไง!” หลีกั่วตงมองฉาเปาจุนอย่างจิกกัดแล้วพูด “จําได้ว่านายบอกเองว่าเฉินกุนอายุมากเกินกว่าที่จะโดนหลีใต้เรียกเลเวนี้ แล้วเป็นไงละ ตอนนี้หลีใต้กลับเปลี่ยนแผนไปเป็นวิ่งผลัดที่ใช้นักกีฬา4คน นอกจาก3คนของเราแล้ว เขายังต้องการอีกคนนึ่งด้วย!”
“หลี่ นี้ไม่ใช่เวลามากัดกันนะ!” หลิวชั่วทําตัวเป็นคนกลางสงบศึก “เราต้องเตรียมรับมือกับเรื่องที่จะเกิดขึ้น เราจะยอมให้หลีใต้เอานักกีฬาของเราไปง่ายๆแบบนี้ไม่ได้!”
“อ้าวกลายเป็นว่าหาทางเตรียมรับมือกันแล้วเหรอ? สายไปแล้วมั้ง? แผนที่ว่าจะมุ่งความสนใจไปที่การวิ่งผลัดนั้นมันถูกอนุมัติโดยที่ประชุมไปแล้วนี้”หลี่ถั่วตงส่ายหน้า “ง่ายๆคือมันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ฉันแนะนําให้นายไปประจบเจ้าหลีใต้นั้นไว้นะ เพื่อจะได้เป็นลูกกระจ๊อกของเขา
ไง!
“ หมายความว่าไงวะ?” หลิวฮั่วเริ่มโกรธ
“เอาหน่า หลิวชั่ว หลี่คงไม่อยากร่วมมือกับเราแล้วละ ไปหาคนอื่นเถอะ ยังไงซะเซนติ้งชานก็โดนหลี่ไต้เลือกแน่ๆอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องของเราแล้ว เราก็แค่ต้องปกป้องเฉินกุนกับซูหยูอี้หยางไว้ให้ได้แค่นั้นก็พอ”ฉาเปาจุนดึงมือหลิวชั่วแล้วกําลังจะจากไป
หลี่ถั่วตงเองก็รู้ว่าฉาเปาจุนนั้นเป็นคนที่แผนสูง และตอนนั้นเอง ที่ฉาเปาจุนกําลังหาวิธีที่จะโค่นหลีใต้ลงให้ได้
“เดี๋ยวก่อน!” หลี่ถั่วตงหยุดพวกเขาไว้กลางคัน “ฉา นายมีแผนอะไรงั้นเหรอ?”
“อ้าวสนใจขึ้นมาแล้วเหรอ?” ฉาเหมือนจะคิดอยู่แล้วว่าหลีใต้ตอบกลับมาแบบนี้
หลีกั่วตงพยักหน้า “ก็เมื่อคืนคนที่บอกให้เราเป็นพันธมิตรกันก็เป็นฉันเองไม่ใช่เหรอ”
“งั้นก็ได้ เดินไปคุยไปละกัน” ฉาเปาจุนพูดแล้ว พวกเขาก็เดินไปโรงอาหารพร้อมๆกัน
ทั้ง3คนเดินไปตามถนนด้วยกัน พอไม่มีใครอยู่รอบๆแล้ว ฉาก็เปิดฉากพูด “แผนที่จะมุ่งไปที่การวิ่งผลัดนั้นถูกหลี่ได้เสนอขึ้นมาและอนุมัติในที่ประชุมไปแล้ว ซึ่งโค้ชธรรมดาอย่างเราไม่สา มารถเข้าไปขัดหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
“แล้วเราจะทํายังไงละ? รอให้หลีใต้มันได้คนของเราไปเหรอ?”หลี่ถั่วตงถาม
“จะไม่เป็นอย่างงนั้นหรอก การตัดสินใจที่เกิดขึ้นในที่ประชุมนั้น ถึงแม้เราจะเปลี่ยนอะไรมันไม่ได้ แต่นักกีฬาสามารถเปลี่ยนมันได้นะ” ฉาเปาจุนยิ้มเหี้ยมเกรียม “หลี่ไต้จะเลือกนักกีฬาของเราไปใช่ไหม แต่ความพยายามของเขาจะไม่เกิดผลตราบใดที่นักกีฬาของเรายังปฏิเสธที่จะตามเขาไปอยู่”
“การตัดสินใจนี้โค้ชชูเป็นคนตัดสินใจเองนะ นักกีฬาของเราจะปฏิเสธแผนได้เหรอ? เราจะไปสู้กับที่ประชุมใหญ่ไม่ได้นะ” หลี่ถั่วตงพูดแล้วขมวดคิ้ว
“การค้านของนักกีฬาแค่คน2คนมันอาจจะยังไม่พอแน่ๆ แล้วถ้าเป็นการคัดค้านของนักกีฬาจํานวนมากละ? กําลังของเราคือจํานวนมากกว่า เราจะไปสู้กับที่ประชุมใหญ่คนเดียวไม่ได้คน2คนจะไปสู้อะไรได้ แต่ถ้าเรามีคนเป็นหมื่นคนละ คิดว่าผลที่ออกมาจะเป็นไง?”
“ฉา ฉันเข้าใจที่นายพูดนะตอนนี้ แผนนายคือไปเกลี้ยกล่อมให้นักกีฬาปฏิเสธการฝึกวิ่งผลัดถูกไหม?” หลี่ถั่วตงหายใจ “แต่ในทางกลับกัน ถ้านักกีฬาไม่ทําตาม พวกเขาจะโดนทําโทษได้นะ! นายก็รู้ผลที่ตามมานี้ถ้านักกีฬาดื้อไม่ทําตามที่สั่งอะ มันอาจจะทําลายอนาคตของนักกีฬาคนนั้นได้เลยนะ!”
“อย่าลืมซิ ว่ากฎหมายจะบังคับใช้ไม่ได้ ถ้าทุกคนเป็นคนทําผิดซะเอง” ฉาเปาจุนพูดต่อ “กลับมาที่เรื่องนี้นะ ในเมื่อกําลังของเราคือจํานวนคน แล้วถ้านักกีฬาจํานวนมากๆปฏิเสธการฝึกวิ่งผลัดทีมกรีฑาจะลงโทษทุกคนไหมละ? ฉันเดาว่าพวกเขาจะคิดว่า การตัดสินใจที่จะมุ่งไปที่การวิ่งผลัดนั้นมันคุ้มไหม และเราก็ยังมีโอกาสที่จะโต้กลับได้”
“โต้กลับอะไร?” หลี่ถั่วตงถามทันที
“แผนของหลี่ได้คือการมุ่งไปที่การแข่งวิ่งผลัดถูกไหม แถมเขายังพูดเรื่องของสภาพนักกีฬาเราซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาบอกให้เรายอมแพ้กับการแข่งแบบบุคคล ถามจริงๆเถอะ มันใช่เหตุผลที่ดีเหรอ? หลังจากการฝึกแบบเอาเป็นเอาตาย นักกีฬาทุกคนมันก็ต้องอยากได้ผลงานที่ประสบความสําเร็จในการแข่งแบบเดี่ยวบ้างจริงไหม” ฉาเปาจุนพูด
หลี่ถั่วตงไม่ตอบอะไร เหมือนกับว่าเขากําลังคิดอยู่ว่ามันเป็นจริงไหม
หลิวชั่วพูด “ฉันว่าแผนของฉามันก็เข้าท่าอยู่นะ เพราะในมุมมองของนักกีฬา พวกเขาก็ต้องอยากได้ผลงานในแบบเดี่ยวที่ดีมากกว่าแน่ๆ พวกเขาคงไม่อยากไปแข่งวิ่งผลัดหรอก”
“เราต้องเกลี้ยกล่อมนักกีฬามาเข้าแผนเราให้มากกว่านี้ นอกเหนือจากนักกีฬาที่เราคุมเอง เราควรจะหานักกีฬาระดับสูงคนอื่นๆมาเข้าแผนด้วย ยิ่งคนเยอะยิ่งวุ่นวาย และยิ่งวุ่นวายก็ยิ่งดี” ฉาเปาจุนพูด
และสุดท้ายหลี่ถั่วตงก็พยักหน้า “ก็ได้ ตามนั้นเลย แล้วเดี๋ยวเราจะแยกกันไปคุยละกัน”
หลีไต้กําลังยุ่งอยู่กับการเตรียมรายงานของเขายาวยันตี3 แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ได้ร่างแผนรายละเอียดการฝึกสําหรับวิ่งผลัดลงรายงานได้สําเร็จ
ในเช้าวันที่2รายงานฉบับนั้นไปตั้งอยู่บนโต๊ะของชูเหว่ยตงเรียบร้อย หลังจากอ่านแผนการฝึกอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“นี้มันแผนการฝึกที่ดีมากเลยนะ ผสมผสานวิธีการฝึกขอทีมชาติกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ของทีมเราตอนนี้ได้ดีมาก” ทันทีที่ชูเหว่ยตงพูด เขาก็หยิบเอกสารส่งให้หลีใต้ ”ผมได้ทําการยืนยันแผนการคัดเลือกนักกีฬาเข้าทีมวิ่งผลัดแล้ว ตอนนี้คุณสามารถเลือกนักกีฬาทุกคนในทีมวิ่งได้เลย”
” ขอบคุณครับโค้ช!” หลีใต้รับเอกสารแล้วเตรียมไปเลือกนักกีฬาที่สนามซ้อม
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันที ชูเหว่ยตงรับโทรศัพท์แล้วพูด “สวัสดีครับ ผมชูเหว่ยต… อะไรนะ?”
ชูเหว่ยตงดูเครียดขึ้นมาทันที เขามองไปที่หลีใต้ที่กําลังยืนอยู่ต่อหน้าเขา
หลีใต้สังเกตเห็นว่ามีเรื่องเกิดขึ้น แล้วมันเกี่ยวกับตัวเขาแน่ๆ
“โอเคครับ เข้าใจแล้ว งั้นมารวมตัวพวกนั้นมาที่ห้องประชุมละกัน เดี๋ยวผมเข้าไป” ชูเหว่ยตงวางสายแล้วเงยหน้าขึ้น “หลี่ การเลือกนักกีฬาคงต้องเลื่อนออกไปอีกหน่อยแล้วละ
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” หลีไต้ถาม
“นักกีฬาบางคนไม่อยากทิ้งการแข่งแบบเดี่ยว แล้วพวกเขาก็กําลังต่อต้านทีมวิ่งผลัดอยู่ผมจะไปดูเดี๋ยวนี้แหล่ะ” พอชูเหว่ยตงพูดเสร็จก็ลุกเตรียมตัวออกไปพอดี
ความรู้สึกลางไม่ดีเริ่มกลับเข้ามาในใจของหลีใต้อีกครั้ง
นักกีฬา11คนรวมตัวกันในห้องประชุม ทุกคนเป็นนักวิ่งเร็วจากทีมวิ่ง แถมยังเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถสูงๆทั้งนั้นด้วย
“โค้ชชู ผมได้ยินมาว่านักกีฬาที่ถูกเลือกให้เข้าทีมวิ่งผลัดจะต้องฝึกแต่วิ่งผลัดเท่านั้น แล้วที่งกีฬาแบบเดี่ยวไป จริงงรึเปล่าครับ? ผมจะไม่เข้าทีมวิ่งผลัดแน่ๆถ้าจะให้ผมทิ้งการแข่งแบบเดี่ยวไป”เชนตั้งฉานพูด
“โค้ชชูครับ ปีนี้ผมอายุ24แล้วนะครับ ในอีก2ปีข้างหน้าความสามารถของผมก็จะเริ่มถดถอยลงแล้วผมจะไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าแข่งกีฬาชาติแล้วนะครับ ผมเตรียมการสําหรับการแข่งครั้งนี้มานานมากแล้วด้วย ผมแค่อยากทําให้เต็มที่ แล้วผมก็ไม่อยากเข้าทีมวิ่งผลัดด้วย” เฉินกุนพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงน้อยใจ
โค้ชชูครับ โอกาสที่จะได้เข้าการแข่งกีฬาชาตินี้มันหายากนะครับ ผมรอโอกาสนี้มาหลายปีแล้ว ผมเคยพลาดที่จะได้เข้าแข่งกีฬาชาติรอบที่แล้ว และรอบนี้ผมจะไม่พลาดอีกแล้วถ้านับความสา มารถในการวิ่งเร็ว100เมตร ผมเก่งสุดแล้วนะครับ ถ้าจะให้ผมทิ้งมันไปแล้วไปตั้งใจกับวิ่งผลัดนี้ผมไม่ยอมนะครับ”ซูหยูอี้หยางพูดอย่างดื้อรั้น
นักกีฬาที่เหลือนั้นก็แสดงออกคล้ายๆกัน ว่าพวกเขาไม่อยากทิ้งการแข่งเดี่ยวเพื่อมาทุ่มให้การแข่งวิ่งผลัด
ชูเหว่ยตงขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าการตัดสินใจที่จะให้มุ่งมาที่วิ่งผลัดนั้นจะมีนักกีฬาไม่เห็นด้วยเยอะขนาดนี้
ถ้าเป็นแค่การต่อต้านของนักกีฬาแค่2-3คนมันก็จัดการง่ายอยู่หรอก แต่นี้11คนที่ปฏิเสธแผนการฝึกนี้ เกือบทุกคนที่มาต่อต้านนั้นมีความสามารถมากพอที่จะผ่านเข้ารอบคัดเลือกไปแข่งรอบจริงได้ทุกคนด้วยซ้ํา
และตอนนี้ ชูเหว่ยตงต้องตัดสินใจใหม่แล้วว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดี
“มันก็เป็นเรื่องปรกติที่นักกีฬาจะไม่อยากทิ้งการแข่งเดี่ยว หลังจากการฝึกหนักมาตลอดหลายมีนี้เยอะ และตอนนี้ นักกีฬาพวกนั้นก็แสดงอาการต่อต้านออกมาแล้ว คิดว่าโค้ชก็คงมีความรู้สึกคล้ายๆกัน แต่พวกเขาพูดออกมาไม่ได้ พวกเขารักษาหน้าฉันอยู่ ฉันประมาทปัญหานี้ไปเอง ฉันควรจะจัดประชุมอีกรอบเพื่อคุยกันเรื่องนี้” ชูเหว่ยตงคิด
นักวิ่งที่มาประท้วงกับชูเหว่ยตงนั้น ซักพักก็สลายตัวแยกย้ายกันไปฝึกต่อ หลีใต้เองก็ได้ยินปัญ หานี้แล้วเหมือนกัน
และเพราะเหตุนี้เหว่ยตงเลยจัดการประชุมโค้ชทีมวิ่งเร็วใหม่เพื่อคุยกันเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น
ในห้องประชุม ชูเหว่ยตงถือแผนการฝึกของหลีใต้มา แล้วพูด “นี้เป็นแผนการฝึกวิ่งผลัดที่ถูกโค้ชหลี่เตรียมขึ้นมา ผมอ่านมันแล้ว และมันก็เป็นแผนที่ดีทีเดียว ผมคิดว่าเราควรจะลองดูซักตั้งก่อน แต่ถึงอย่างนั้นสถานการณ์ที่เรากําลังเจอตอนนี้กลายเป็นว่านักกีฬาบางคนปฏิเสธที่จะเข้าทีมวิ่งผลัดและปฏิเสธที่จะทิ้งการแข่งแบบเดี่ยวไป”
“โค้ช ทําไมเราไม่ลองเกลี้ยกล่อมให้นักกีฬาพวกนั้นยอมรับแผนของเราละครับ?”ใครบางคนพูดขึ้นมา
“เกลี้ยกล่อมเหรอ ผมว่ามันก็คงไม่ง่ายอย่างที่พูดหรอกนะ นักกีฬาสมัยนี้มันต่างจาก เมื่อก่อนเยอะนะพวกเราสามารถพูดถึงเรื่องเพื่อส่วนรวม เพื่อทีม กับนักกีฬาในอดีตได้ แต่สมัยนี้นักกีฬาก็เหมือนลูกคนเดียวในครอบครัวของเรา พวกเขาสนใจแค่เรื่องของตัวเอง ไม่มีประโยชน์หรอกที่จะพูดเกลี้ยกล่อมให้ทําเพื่อทีมเพื่อส่วนรวมอะไรนั้นนะ!” หลีกั่วตงพูด ซึ่งเอาจริงๆ เขาเองก็เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ด้วย
คนเข้าประชุมทุกคนนั้นรู้นานแล้วว่าหลี่ถั่วตงนั้นเป็นพวกขวางโลกไม่เอาอย่างเดียว
“ที่โค้ชหลี่ถั่วตงพูดก็มีเหตุผลนะ ผมเองก็เป็นลูกคนเดียวเหมือนกัน ผมเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา”หลีใต้พูดแล้วหัวเราะ “โค้ชหลี่ถั่วตงนี้เข้าใจนักกีฬาดีจังเลยนะครับ ผมเดาว่าคุณคงมีวิธีทางแก้ปัญหานี้แล้ว พูดออกมาเลยก็ได้ครับ ผมจะได้เรียนรู้จากคุณด้วย”
หลี่ถั่วตงงงไปทันที สิ่งที่เขาทําทั้งหมดเพื่อเอาเรื่องหลีใต้ แต่เขาไม่คิดว่าเขาจะโดนถามเขาเลบไม่ได้เตรียมการตอบกลับไว้
คนอื่นๆก็คงไม่คิดว่าหลีใต้จะสวนกลับหลี่ถั่วตงแบบนี้ มันเกิดขึ้นเร็วมาก ทุกคนเลยหันไปมองหลีกัวดงด้วยรอยยิ้มแห้งๆรอการตอบกลับ
หลี่ถั่วตงโชคดีที่ฉาเปาจุนยืนขึ้นช่วยเขา ถึงแม้ว่าทั้งคู่เคยไม่ถูกกัน แต่ตอนนี้พวกเขาต้องร่วมมือกันก่อน ตามคําที่ว่า ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร มิตรแท้เกิดขึ้นได้จากการมีศัตรูคนเดียวกันฉาเปาจุนขึ้นลุกขึ้นมาพูดแทนหลี่ถั่วตง
“โค้ช ผมมีข้อเสนอแนะครับ นักกีฬาพวกนี้ปฏิเสธการวิ่งผลัดและกังวลเรื่องของการแข่งเดี่ยวของพวกเขากัน ทําไมเราไม่ยกเลิกข้อกําหนดแล้วเป็นเหมือนเมื่อก่อนละครับ นักกีฬาจะได้สามารถเข้าร่วมการแข่งแบบเดี่ยวแล้วก็เข้าร่วมการวิ่งผลัดได้ด้วย ด้วยวิธีนี้ นักกีฬาก็คงไม่ปฏิเสธการวิ่งผลัดหรอกครับ”
“แล้วพวกเขาจะฝึกอะไรละครับ? นักกีฬาพวกนั้นควรจะฝึกเดี๋ยวดีหรือวิ่งผลัดดี?”หลีใต้ถามขึ้นมาทันที
“เพราะว่าพวกเขานั้นเข้าร่วมทั้งการแข่งแบบเดี่ยวและวิ่งผลัด พวกเขาควรที่จะฝึกทั้งการแข่งเดี่ยวและวิ่งผลัดไปด้วย อย่างที่เราเคยทําไงครับ”ฉาเปาจุนพูดแล้วยิ้ม
“หลีใต้ส่ายหัวเบาๆ นักวิ่งที่มนี้มันยังไม่แกร่งพอ ถ้าพวกเขาถูกขัดจังหวะด้วยการฝึกเดี่ยวความสามารถในการวิ่งผลัดของพวกเขาจะก้าวหน้าไม่ได้มากเท่าที่ควร แล้วแผนที่หลีใต้จะได้เหรียญทองการแข่งกีฬาชาตินั้นคงพังยับแน่ๆ
ชูเหว่ยตงรู้ว่าไอ้การแนะนําของฉาเปาจุนนั้นมันเป็นการทําลายแผนที่วางไว้ทิ้งชัดๆ เขาเลยถาม “มีใครมีข้อเสนอแนะดีๆอีกไหม?”
โค้ชทุกคนสายหัวหรือไม่ก็เงียบไว้ ห้องประชุมเงียบกริบขึ้นมากะทันหัน
ชูเหว่ยตงดูเครียดขึ้นเรื่อยๆ เขารู้ว่าแผนของหลีใต้นั้นจะทําให้ทีมกรีฑานั้นได้ผลงานที่ดีในการแข่งกีฬาชาติ แต่โค้ชทีมวิ่งกันไม่ให้การยอมรับและร่วมมือใดๆทั้งสิ้น แถมยังพยายามทําลาย แผนนั้นทิ้งอีกด้วย
ในฐานะหัวหน้าโค้ชของทีมกรีฑาเขตชั่นเบ ชูเหว่ยตงนั้นฉลาดพอที่จะรู้แผนของหลีใต้นั้นจะขัดผลประโยชน์คนส่วนหนึ่งแน่ๆ และคนส่วนนั้นก็คงไม่พ้น หลี่ถั่วตงที่ขวางโลก ฉาเปาจุนที่เป็นตัววางแผน และขัดการตัดสินใจของชูเหว่ยตง
“โค้ช ผมมีไอเดียมาเสนอครับ” หลีใต้พูดขึ้นมาทันที
ทุกคนในห้องประชุมหันมามองหลีใต้เป็นตาเดียวกัน พวกเขารู้ว่าหลีใต้วางแผนที่จะตีโต้กลับแล้ว
หลีใต้พูด “สําหรับการวิ่งผลัดนั้น ทีมเวิร์คระหว่างนักกีฬาถือว่าเป็นเรื่องที่สําคัญมากที่สุด ช่องว่าง0.1วินาที สามารถถูกเติมเต็มด้วยการส่งไม่ที่ไร้ที่ติ ดังนั้นผมเลยไม่มีข้อกําหนดที่เคร่งครัดอะไรเรื่องความสามารถของนักกีฬา และเพราะว่านักวิ่งบางคนปฏิเสธแผนของผม งั้นทําไมไม่ลองให้นักกีฬาสมัครกันเข้ามาเองโดยสมัครใจดีละครับ แล้วจากนั้นผมจะเลือกนักกีฬาซัก5-6คนที่เข้ามาสมัครนั้นมาสร้างทีมวิ่งผลัดเอง ผมจะใช้แผนการฝึกเดิมละครับ พอนักกีฬาเข้าทีมวิ่งผลัดแล้วพวกเขาจะต้องทิ้งการแข่งและการฝึกแบบเดี่ยวทั้งหมดแล้วฝึกแค่วิ่งผลัดอย่างเดียวเราควรจะบอกนักกีฬาเรื่องนี้ล่วงหน้านะครับ”
ชูเหว่ยตงมองหลีใต้อย่างประหลาดใจ ประหลาดใจในการกล้าตัดสินใจของหลีใต้แบบนี้
“หลี่ นักกีฬาของเราไม่ได้เก่งเหมือนทีมเขตอื่นๆนะ ถ้าคุณไม่เลือกนักกีฬาระดับสูงๆเองผลงานในการแข่งกีฬาชาติของเราจะยับได้นะ” ชูเหว่ยตงเตือนหลีใต้
“แค่เพราะนักกีฬาของเราไม่เก่งไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องฝึกเยอะขึ้นซักหน่อยนี้ครับที่ผมต้องการก็มีแค่นักกีฬาที่ทุ่มแรงกายแรงใจให้กับการฝึกวิ่งผลัดเท่านั้นเอง” หลีใต้ยิ้มอย่างมั่นใจแล้วพูด “แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ต้องบอกก่อนนะครับว่าทันทีที่ทีมวิ่งผลัดของเราจัดตั้งขึ้นสมาชิกในทีมจะถูกล็อกตัวไว้ทั้งในรอบคัดเลือก รอบจริงหรือแม้กระทั้งรอบสุดท้ายของการแข่ง จะไม่มีการ เปลี่ยนตัวนักกีฬาเด็ดขาดครับ”
หลังจากที่ได้ยินหลีใต้พูดแล้ว ฉาเปาจุนกับหลี่ถั่วตงก็ทําอะไรไม่ได้นอกจากมองตา สิ่งที่หลีใต้จงใจทําก็คือ การทําลายโอกาสที่นักกีฬาคนอื่นๆจะเข้าทีมวิ่งผลัด ถ้านักกีฬาไม่สมัครตั้งแต่ตอนนี้หรือไม่ได้ถูกหลีใต้รับเลือกตั้งแต่สมัคร นักกีฬาคนนั้นก็จะไม่มีโอกาสได้แข่งในกีฬาวิ่งผลัด4×100เมตรในการแข่งกีฬาชาติอีกเลย
“หลี่ใต้คนนี้มันคนจริงวะ เขากดดันให้นักกีฬาเลือกระหว่างแบบเดียวกับวิ่งผลัด แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยืนยันไว้เลยด้วย ว่าทีมของเขาจะเข้ารอบแน่นอน” ฉาเปาจุนคิดขึ้นมา