Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1325
บทที่ 1325 – บะหมี่ชีวิตยืนยาว ผู้คนตระกูลผังได้มาถึง ผังสือถู อุบัติเหตุ
“มันได้ผลจริงๆ” ซื่อกงตงหลางมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความตกตะลึง ในตอนนี้เขารู้สึกว่าตนเองฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อยแต่มันก็เหมือนกับแสงอันลิบหรี่ท่ามกลางความมืดมิด แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกมีความหวังขึ้นมาได้
ผู้อาวุโสตงหลางก็สามารถสัมผัสถึงมันได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่ามันยากที่จะเชื่อ ด้วยพื้นฐานครอบครัวของตระกูลซื่อกง มันง่ายอย่างยิ่งสำหรับเขาที่จะหาหมอหรือนักปรุงยาที่ดีที่สุด เพียงแต่ไม่มีใครเลยที่สามารถรักษาอาการของโรคร้ายนี้ได้
“ท่านผู้อาวุโสวันนี้พวกเราต้องขอลาไปก่อน ข้าจะมาที่นี่ในทุกๆ 2 วันเพื่อทำการรักษาเขา หากทุกๆอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ข้าสัญญาได้เลยว่าเขาจะหายเป็นปกติภายในครึ่งเดือน” ชิงสุ่ยยืนขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงเอาไว้เสร็จสิ้นแล้ว ไม่ว่ายังไงพวกท่านทั้งสองก็ควรจะพักอยู่ที่นี่ก่อน ข้าได้พบกับแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากมายในที่แห่งนี้เพียงแต่ข้าก็ได้รับรู้ว่าหลายๆคนนั้นไม่คู่ควรกับชื่อเสียงนั้นเลย ข้าจะป่าวประกาศเรื่องเกี่ยวกับตงหลางของท่านหมอเทวดาทั้งสอง” ผู้อาวุโสตงหลางรู้สึกดีกับชิงสุ่ยและหมอปีศาจ
“ท่านผู้อาวุโส พวกเรายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำในวันนี้ ยังมีคนอีกหลายคนที่ยังรอคอยพวกเราไปช่วยชีวิต โปรดรอจนกว่าพวกเราจะรักษาอาการเจ็บป่วยของตงหลางให้เสร็จก่อน เมื่อถึงตอนนั้นเราค่อยมาดื่มด้วยกันท่านว่าดีหรือไม่?”
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ออกมาผู้อาวุโสตงหลางก็ไม่อาจหยุดยั้งชิงสุ่ยเอาไว้ได้ เขาลังเลที่จะปล่อยทั้งสองคนไปและพูดด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ได้ถือว่าเราทำข้อตกลงกันแล้ว พวกเราจะมาดื่มด้วยกันเมื่อตงหลางหายดีแล้ว”
“ตกลง พวกเราจะทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน!”
……
พวกเขาไปเยี่ยมเยือนอีกหลายตระกูลในวันนี้ ตระกูลเหล่านี้มีผู้ป่วยที่พิเศษในครอบครัวของเขา ผู้ป่วยเหล่านี้มีความสำคัญมากและในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ชิงสุ่ยได้สร้างความสัมพันธ์กับตระกูลเหล่านี้ในขณะที่เขาทำการรักษา ที่สำคัญไปกว่านั้นคือทักษะด้านการแพทย์ของชิงสุ่ยได้โด่งดังไปไกลทั่วพื้นที่แห่งนี้
ในเวลาเดียวกันชื่อเสียงของชิงสุ่ยก็ได้โด่งดังออกไปไกลเช่นเดียวกัน แน่นอนว่านั่นยังรวมถึงซาลาเปาหยกและสุราต่างๆ
น่าเสียดายที่การผิดใจกันของชิงสุ่ยและตระกูลผังนั้นคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
ตระกูลผัง!
ผังเต๋อกำลังดื่มสุราของเขาอยู่ มีชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนนักปราชญ์ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ชายผู้มีกลิ่นอายนี้ทำให้ผู้คนนั้นรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และลึกลับของเขา
“ท่านพี่ผัง ท่านวางแผนจะจัดการกับเจ้าเด็กนั่นยังไงดี? หากท่านยังปล่อยมันไป ในอนาคตเจ้าเด็กนั่นย่อมพัฒนาจนแข็งแกร่งยิ่ง อีกทั้งเขายังเป็นหมออัจฉริยะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปีชื่อเสียงของเขาย่อมโด่งดังจนเราไม่อาจสัมผัสได้” นักปราชญ์วัยกลางคนผู้นี้หยิบแก้วสุราขึ้นมาพร้อมจิบสุราในแก้ว
“ในอีก 3 วัน ข้าจะออกไปทำลายมันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” ผังเต๋อกล่าวยืนยันหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“ท่านแน่ใจหรือ?”
“ยี่เหอ มีอะไรกันหรือ?”
“ข้ายังคงมีความรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้กับหมอแค่คนหนึ่ง มันดูไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย” นักปราชญ์วัยกลางคนผู้ที่มีนามว่ายี่เหอกล่าวพร้อมกับมองไปยังผังเต๋อ
“คำพูดนี้ได้ออกมาจากปากของข้าแล้ว ข้าไม่อาจยอมให้ตระกูลผังต้องพบกับความอัปยศได้ นอกจากนี้มันยังเป็นเพียงหมอแม้ว่ามันจะประสบความสำเร็จมากเพียงใดในอนาคต แต่การสังหารมันย่อมง่ายดายราวกับขยี้มดตัวหนึ่ง” เจตนาสังหารของผังเต๋อนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
ร่องรอยของความผิดหวังปรากฏขึ้นในสายตาของนักปราชญ์วัยกลางคน แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมาอย่างชัดเจน ในทางตรงกันข้ามเขายังคงดื่มสุรากับผังเต๋อต่อไป
……
ตระกูลปู้หยาง.
“ท่านปู่ ท่านมองข้าทำไม?”
ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะกำลังเดินเข้ามาใกล้ผู้อาวุโสปู้หยางที่ลานฝึกฝน
“หงหู ในที่สุดก็มีความหวังที่เฉิงหมิงจะรอดชีวิตไปได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเรามีปัญหาใน 2-3 วันนี้ ผู้ที่มีนามว่าชิงสุ่ยแห่งห้องอาหารแห่งจักรพรรดินั้นสามารถช่วยชีวิตของนางได้ เพียงแต่ดูเหมือนว่าตระกูลผังกำลังคิดที่จะกำจัดเขา พวกเราต้องจับตามองดูเขาอย่างลับๆและเข้าช่วยเหลือในยามที่จำเป็น” ผู้อาวุโสปู้หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านปู่ อย่ากังวลไปเลย ตลอดมาไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือเฉิงหมิงได้ ตระกูลปู้หยางจะปกป้องเขาเอง” ปู้หยางหงหูกล่าวออกมาด้วยความยินดี
เฉิงหมิงนั้นเกิดมาพร้อมกับชีวิตที่ต้องสู้ ชื่อของเด็กหญิงผู้นี้นั้นผู้อาวุโสปู้หยางได้ตั้งขึ้นมา มันหมายถึงการที่เธอต้องต่อสู้เพื่อชีวิตของเธอจากพระเจ้า
……
ในเวลาเดียวกันตระกูลซื่อกงรวมถึงตระกูลอื่นๆก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน อย่างน้อยพวกเขาทั้งหมดก็กำลังวางแผนที่จะตอบแทนบุญคุณของชิงสุ่ย
ทันทีที่ชิงสุ่ยกลับมายังห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ เขาก็รีบเข้าไปในดินแดนทันที ในวันนี้เขาจะเริ่มลงมือทำบะหมี่ชีวิตยืนยาว
แม้ว่าปลาชีพนิรันดร์จะมีไม่มากนัก แต่ก็ถือว่ามากพอให้เขาสามารถใช้ได้ เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะเขายังมีหยกจากราชสีห์หยกด้วยเช่นกัน ด้วยวิธีนี้มันจะเพียงพอสำหรับปลาชีพนิรันดร์ที่จะค่อยๆรวมตัวกับหยกนี้อย่างช้าๆ
ซาลาเปาหยกก็ได้กลายเป็นที่โด่งดังในตอนนี้ นอกจากนี้ความนิยมของมันยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ใครก็ตามที่ได้กินซาลาเปานี้จากห้องอาหารแห่งจักรพรรดินั้นถือว่าน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง มันสามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน มันยังเป็นสิ่งที่ตระกูลผังเฝ้าจับตามองอยู่ ทำให้ตระกูลผังมีความตั้งใจที่จะพิชิตห้องอาหารแห่งจักรพรรดิมากยิ่งขึ้น
วันนี้เพียงวันเดียวก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกมากมายที่ชั้น 4 ของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ สถานะของเขานั้นสูงส่งยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ในเวลาเพียงพริบตาเขาก็ได้เพิ่มระดับของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิขึ้นไปอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนที่เคยลาจากที่แห่งนี้ไปในครั้งที่แล้วต่างก็รู้สึกเสียใจจนใบหน้าของพวกเขากลายเป็นสีเขียว
ในเวลาเดียวกันผังเต๋อก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รู้สึกเสียใจเช่นกัน หากเขารู้ก่อนหน้านี้เขาคงไม่ให้เวลาเพียง 3 วัน แม้ว่าเขาจะให้เวลาเพียงแค่วันเดียวเขาก็รู้ว่าชิงสุ่ยย่อมไม่มาหาอย่างแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้สำหรับตระกูลผังที่จะบังคับให้เขาเข้าร่วมกับตระกูลผัง ตราบใดที่เขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมย่อมมีผู้คนมากมายที่จะคอยช่วยเหลือเขาอยู่
แต่ตระกูลผังไม่อาจทนเสียหน้าของพวกเขาได้ ก่อนหน้านี้พวกเขาได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาจะแก้ไขสิ่งต่างๆได้อย่างไรกันในตอนนี้? พวกเขาได้แต่หวังว่าคนอื่นๆจะไม่มาข้องเกี่ยวในวันนั้น หรือไม่อย่างนั้นพวกเขาก็หวังว่าจะสามารถใช้วิธีการที่นุ่มนวลได้ ด้วยวิธีนี้พวกเขาอาจจะสามารถรักษาหน้าตาของตนเองเอาไว้ได้
ผังเต๋อเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ในวันถัดมาบะหมี่ชีวิตยืนยาวก็ได้ถูกปรุงขึ้น ทั้งผู้อาวุโสปู้หยางและเด็กหญิงน้อยต่างก็มาที่นี่ ทั้งหมดนี้ไม่มีการเก็บเงินใดๆ สำหรับในตอนนี้ที่ชั้นที่ 4 นอกเหนือจากการเก็บเงินปีละครั้งพวกเขายังสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยใดๆก็ได้โดยไม่ต้องเสียเงินเช่นเดียวกัน กฏเช่นนี้คล้ายคลึงกับสโมสรต่างๆในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา
ในตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดนั่นคือการโฆษณา ผลที่เกิดขึ้นสูงสุดสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารในวันเกิดดังนั้น พวกเขาจึงสัญญาว่าจะส่งบะหมี่ชีวิตยืนยาวไปให้ผู้คนเหล่านี้ในวันเกิด
……
ในเวลาเพียงพริบตาเวลา 3 วันก็ได้ผ่านพ้นไป วันนี้เป็นวันที่ตระกูลผังจะมาที่นี่ ชิงสุ่ยรอคอยพวกเขาอยู่ภายในห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ
ในยามบ่ายผู้คนของตระกูลผังก็ได้มาถึง ครั้งนี้พวกเขามาประมาณ 10 คน แต่ละคนนั้นนั่งอยู่บนอสูรราชสีห์เมฆาขนาดยักษ์ หลังจากนั้นพวกเขาก็กระโดดลงมาจากท้องฟ้าตรงมาที่หน้าประตูของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ
ชิงสุ่ย หมอปีศาจ และลี่จี๋ได้รับข่าวเรื่องนี้มานานแล้ว
ไม่นานหลังจากผู้คนของตระกูลผังได้ยืนอยู่หน้าประตู ชิงสุ่ยและกลุ่มของเขาก็เดินออกมา
มีผู้คนจำนวนมากที่อยู่รอบๆที่แห่งนี้ ก่อนหน้านี้มีผู้คนจำนวนมากที่ได้ยินคำพูดที่ตระกูลผังได้กล่าวไว้เมื่อ 3 วันที่แล้ว ดังนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ก็มีผู้คนจำนวนมากมารวมกันที่นี่ด้วยความสนใจ นอกจากนี้ผู้คนยังตามมาสมทบกันที่นี่เลยเรื่อยๆ แม้แต่ตระกูลขุนนางก็มาอยู่ที่นี่จำนวนมากเช่นกัน
โรงเตี๊ยมจำนวนมากที่อยู่ตรงข้ามฝั่งถนนก็รู้สึกยินดีกับโชคร้ายครั้งนี้ของพวกเขาเล่นกัน ผู้คนจำนวนมากต่างอิจฉาห้องอาหารแห่งจักรพรรดิเมื่อได้เห็นชิงสุ่ยเข้าร่วมกับพวกเขาและเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปแน่นอนว่ามีคนจำนวนมากพยายามที่จะปกป้องเพราะพวกเขาได้รับการรักษาความเจ็บป่วยของตนเอง
แม้ว่าลูกค้าของที่นี่จะเป็นคนร่ำรวย แต่พวกเขาก็ยังคงใช้เวลาจำนวนมากเพื่อรักษาความเจ็บป่วยของคนที่อยู่ในชั้น 1 ไม่เพียงแค่นี้การรักษายังไม่เก็บเงินในๆด้วย นอกจากนี้ยังมีการแจกจ่ายยาให้กับคนธรรมดา สิ่งเดียวคือพวกเขาต้องเป็นคนธรรมดาเท่านั้น สำหรับพวกคนเลวร้าย คนที่รวยแต่หยิ่งผยอง และคนที่ชอบรังแกผู้อื่นชิงสุ่ยจะไม่รักษาให้กับพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะร่ำรวยเพียงใดก็ตาม เขายังรักษากฎนี้มาตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในมหาทวีปทั้ง 5
ตัวอย่างเช่น สำหรับตระกูลอย่างตระกูลผัง แม้ว่าเขาจะไม่มีความขัดแย้งใดๆกับคนพวกนี้มาก่อน แต่เมื่อเขาได้รับรู้ว่าคนพวกนี้เป็นคนแบบไหน มันย่อมเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะได้เป็นลูกค้าของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิไม่ว่าพวกเขาจะร่ำรวยมากเพียงใดก็ตาม เพราะพวกเขาเป็นตระกูลที่มีทั้งความชั่วร้ายและความหยิ่งผยอง
“นี้ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว เจ้ายังไม่มาที่ตระกูลผังดังนั้นข้าจะมาที่นี่ในวันนี้เพื่อมาทำในสิ่งที่ข้าได้พูดไว้แล้ว” ผังเต๋อมองมายังชิงสุ่ยและเริ่มที่จะพูดคุย
เสียงของเขานั้นดังยิ่งรัก เขาได้บอกแก่คนอื่นๆว่าตระกูลผังจะทำตามสัญญาที่พวกเขาได้ให้ไว้และเขาหวังว่าจะไม่มีผู้ใดเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับตระกูลผังการต้องเสียหน้านั้นเป็นสิ่งที่พวกเขายอมรับไม่ได้
“ข้าได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว ข้าไม่สนใจที่จะยุ่งเกี่ยวใดๆกับคนแบบพวกท่าน หรือท่านอย่างจะให้เรื่องราวมันใหญ่โตเช่นนี้เพียงเพราะข้าปฏิเสธพวกท่าน?” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้พูดเสียงดังมากนักแต่ทุกๆคนที่อยู่โดยรอบที่แห่งนี้ก็สามารถได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจน
“คนของตระกูลผังนั้นชอบบังคับขู่เข็ญคนอื่นๆอยู่เสมอ ข้าคิดว่าพวกเขาคงอยากจะเป็นเจ้าของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิทั้งหมดเพียงเพราะพวกเขารู้สึกว่าจะหาประโยชน์จากมันได้”
“ใช่แล้ว ข้ายังสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่มีผู้ใดมาหยุดตระกูลผังสักที ที่นี่ยังมีตระกูลอี่หวง ตระกูลปู้หยาง และตระกูลกู่หู…… มีตระกูลมากมายที่สามารถต่อกรกับตระกูลผังได้ เหตุใดพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่สนใจเรื่องนี้?”
“เจ้าไม่รู้งั้นหรือ ตระกูลอย่างตระกูลผังนั้นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของตระกูลที่ ‘ดี’ และ ‘เลว’ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมไม่มีผู้ใดมาทำลายล้างตระกูลผังแม้ว่าพวกเขาจะทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ”
……
ชิงสุ่ยกำลังฟังฝูงชนที่พูดคุยกันอยู่รอบตัวเขา ดูเหมือนว่าจะต้องมีเหตุผลสำหรับบางสิ่งบางอย่างหากมันยังดำรงอยุ่ นี่เปรียบเสมือนกฏที่ไม่ได้เขียนไว้
“ตระกูลผังไม่เคยรังแกผู้คน เช่นนี้เป็นไร เราจะสู้กันทั้งหมด 3 รอบในวันนี้และฝ่ายที่ชนะได้ 2 รอบก็จะถือว่าเป็นผู้ที่ชนะไป หากค่าชนะเจ้าต้องสัญญาว่าจะมาร่วมงานกับตระกูลผัง หากเจ้าชนะข้าจะลืมเรื่องการร่วมงานครั้งนี้ไปและจะขอโทษเจ้า เจ้าคิดเช่นไร?” ผังเต๋อดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปในทันที
“ท่านจะบอกข้าว่าหากข้าชนะ ข้าจะได้รับคำขอโทษงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยมองไปยังผังเต๋อ
ผังเต๋อตกตะลึง “เช่นนั้นจงบอกสิ่งที่เจ้าต้องการมา ข้าจะยอมรับมันไม่ว่ามันคืออะไร”
“เช่นนั้นเราจะต่อสู้กันและหาผู้ที่ชนะภายในครั้งเดียว หากท่านชนะข้าจะทำตามสิ่งที่ท่านต้องการ หากข้าชนะ ในภายภาคหน้าตระกูลผังจะต้องไม่มาเหยียบถนนเส้นนี้อีก” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความสงบนิ่ง แต่สิ่งที่เขากล่าวออกไปนั้นทำให้ผู้ฟังต่างก็รู้สึกโกรธฉันที
บางสิ่งบางอย่างก็ไร้ค่าทั่วทั้งอาณาจักรอี่หวง นอกเหนือจากตระกูลขุนนางจำนวนไม่มาก ตระกูลที่อยู่ในระดับเดียวกันกับตระกูลผังและตระกูลซื่อกงต่างก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แน่นอนว่ายังมีอีกหลายตระกูลที่อยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ เพราะเมืองอี่หวงนั้นถือว่ากว้างใหญ่ยิ่งนัก มีตระกูลที่อยู่ในระดับเดียวกันกับตระกูลผังในที่แห่งนี้อย่างน้อยก็ 10 ตระกูล
มุมปากของผังเต๋อกระตุกขึ้น เขารู้สึกอายตัวเองยิ่งรัก จากนั้นเขาก็ตอบกลับด้วยใบหน้าไม่พอใจ “เอาล่ะ ข้าจะยอมรับเงื่อนไขของเจ้า”
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจะทำให้เรื่องนี้จบลงอย่างราบรื่นด้วยการขอโทษ แต่ชิงสุ่ยไม่สนใจที่จะยอมรับ ‘คำขอโทษ’ ของเขาอย่างเห็นได้ชัด กลับกันเขากลับกล่าวว่าไม่ต้องการให้คนของตระกูลผังเหยียบเข้ามาในถนนเส้นนี้อีกและอีกนัยหนึ่งนั่นหมายความว่าสายตาของผู้คนของตระกูลผังนั้นเป็นที่น่าขยะแขยงจนเขารู้สึกไม่อยากจะมอง…
ชิงสุ่ยมองไปรอบๆตัวเขาอย่างช้าๆ เขารับรู้ได้ว่าคนอื่นๆกำลังให้ความสนใจในตัวเขา แต่กลิ่นอายของคนพวกนี้นั้นอ่อนโยนอย่างยิ่ง มันไม่ได้มีเจตนาร้ายใด ๆ ดังนั้นเขาจึงเลิกสนใจในเรื่องนี้และก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้า
ผังเต๋อเองก็ทะยานขึ้นไปเช่นกัน แต่ในตอนนี้เขาก็เห็นอสูรราชสีห์เมฆาบินขึ้นไปพร้อมกับเขา เมื่อเขาได้เห็นชายชราที่อยู่บนนั้นเขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที เขาหยุดนิ่งรอคอยชายชราที่กำลังมาถึงตรงหน้าเขาอย่างสุภาพ
“ท่านลุงสาม!” ผังเต๋อทักทายเขาอย่างสุภาพ
ชายชราผู้นี้มีร่างกายที่สูงและความงามยิ่งนัก เขาดูมีอายุน้อยกว่าผังเต๋อ เขาดูมีอายุเพียงเล็กน้อยเท่านั้นยังไม่ได้แก่เกินไป เพราะความจริงที่ว่าผังเต๋อมีใบหน้าซึ่งดูคล้ายกับชายวัยกลางคนจึงทำให้เขาดูแก่เกินอายุ
“เข้าใจแล้ว เอาล่ะ จงเก็บตัวเข้าสู่ความสันโดษเมื่อเจ้าได้กลับไป” สายตาของชายชรานั้นราวกับไม้ที่ได้แกะสลัก มันดูเย็นชาอย่างยิ่ง
“ขอรับ!” ร่างกายของผังเต๋อสั่งขึ้นทันที อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงตอบกลับไปด้วยความสุภาพ
ชายชราหันมองไปรอบรอบ “ไม่มีผู้ใดสามารถเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตระกูลผังได้”
ในตอนที่ชายชรากล่าวจบ เขาก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ตัวเขานั้นเหมือนกับวิหคขนาดใหญ่ที่รวดเร็วราวกับสายฟ้า
“ข้ามีนามว่าผังสือถู ในวันนี้ข้าจะเป็นตัวแทนของตระกูลผังที่จะมาประลองกับเจ้า หากข้าชนะข้าก็ไม่ได้ต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม และหากข้าแพ้ข้าจะมาขอโทษเจ้านับแต่วันนี้เป็นต้นไป ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่จะไม่มีคนของตระกูลผังคนไหนจะเหยียบย่ำเข้ามาในถนนเส้นนี้อีก” ผังสือถูมองไปยังชิงสุ่ยในขณะที่เขากล่าวด้วยความจริงจัง