Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1333
บทที่ 1333 – ตระกูลเหยา, เหยาชูบิง, ผู้มาเยือนจากตระกูลอี่หวง
“ทักษะการรักษาของเขาจัดว่าเยี่ยมมาก คงเก่งกว่าข้าเสียอีก” หมอปิศาจหัวเราะ
ชิงสุ่ยสงสัยในตัวหมอปิศาจเล็กน้อย หมอปิศาจสามารถวิเคราะห์อาการของคนไข้ได้ด้วยทักษะรักษาห่วงวิญญาณของเขา ซึ่งช่วยให้การตรวจรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น แม้ว่าทักษะของเขาจะยังไม่อยู่ในขั้นสูงสุด เขาก็ยังเป็นถึงหมออันดับต้นๆที่ไม่มีการวินิจฉัยโรคผิด
“พี่ชาย ท่านก็ถ่อมตัวจนเกินไป ด้วยทักษะรักษาห่วงวิญญาณของท่าน บวกกับฝึกวิชาฝังเข็มที่ข้าสอนไปอีกนิดหน่อย ข้าว่าท่านจะเก่งขึ้นอีกมากเลย” ชิงสุ่ยยิ้มกว้าง
“ใช่แล้ว อย่างที่ข้าได้กล่าวไป ข้าได้ลองใช้ทักษะพวกนั้นในสองวันมานี้แล้ว” หมอปิศาจเห็นด้วยอย่างอารมณ์ดี
ลี่จี๋มองไปยังหมอปิศาจและชิงสุ่ย รอยยิ้มอันมีความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง ความปราถนาของนางเป็นจริงขึ้นมาได้เพราะเจ้าหนุ่มคนนี้ และถ้านางสามารถมีลูกกับหมอปิศาจได้ก็ไม่มีอะไรให้เสียใจอีกแล้ว.
“อย่างไรก็เถอะ คนๆนั้นเป็นคนในท้องถิ่นใช่ไหม?” ชิงสุ่ยเกรงว่าเขาจะมากจากเมืองอี่หวง
“เขามาจากตระกูลหมอศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลเหยา ตระกูลเหยาเป็นตระกูลชั้นสูงซึ่งมีชื่อเสียงด้านการแพทย์และมีหมอและนักปรุงยาอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาเป็นตระกูลหมอที่ดีที่สุดของเมืองอี่หวง” หมอปิศาจกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง.
“ดีขนาดนั้นเลยหรือ? เหตุใดเขาถึงอยากเข้าร่วมหอคอยจักรพรรดิของพวกเราล่ะ?” ชิงสุ่ยไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าหากเขามาจากตระกูลหมอชั้นสูง เหตุใดจึงไม่อยู่ศึกษาที่ตระกูลของตน? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังอยู่ในตระกูลหมอที่ดีที่สุดอีกด้วย ถ้าจะให้พูดง่ายๆ เขาควรจะอยู่กับตระกูลของตนเองเว้นแต่ว่าจะมีเหตุผลอื่น
“เขาไม่มีสิทธิ์มีเสียงที่เหมาะสม แม้ว่าจะมีทักษาด้านการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ได้รับโอกาสน้อยมากในตระกูล เขาจึงตัดสินใจเดินทางออกมาเพื่อค้นหาว่ามีเส้นทางอื่นสำหรับเขาอีกหรือไม่”
“เช่นนั้น เขาเลยต้องการมาอยู่กับพวกเรา อายุของเขาล่ะ?” ชิงสุ่ยรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่สำคัญ
“เขามีอายุมากกว่าเจ้าเล็กน้อย และยังดูหนุ่มเป็นอย่างมาก” หมอปิศาจกล่าวตอบหลังใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่
“ให้คนไปเชิญเขามาที่นี่่ในวันพรุ่งนี้ ข้าอยากจะดูว่าเขาเหมาะสมจะเข้าร่วมกับหอคอยจักรพรรดิของพวกเราหรือไมื”
“ข้าเชิญเขาไปเรียบร้อยแล้ว”
……
ชิงสุ่ยมีเวลาว่างในค่ำคืนนี้ เขาจึงเข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะเพื่อฝึกฝนต่อ เขาเริ่มตรวจสอบสมบัติของเขาอีกครั้ง ในตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆจาก หินสลักมังกรขด กลองสะบั้นสวรรค์ ตะเกียงร้อยวิญญาณและรูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่จะพัฒนาขึ้นเลย หยกผสานวิญญาณถูกพัฒนาขึ้นหนึ่งระดับช่วยให้ชิงสุ่ยสามารถจัดการกับเครื่องมือต่างๆได้รวดเร็วขึ้น เขาต้องเผชิญกับปัญหาคอขวดของเชือกตรึงอสูรและระฆังสะท้านจิตอีกด้วย ตั้งแต่ที่ระฆังสะท้านจิตถูกพัฒนาขึ้นไปถึงระดับที่เก้า เขาก็ยังไม่ทราบวิธีในการพัฒนาให้มันขึ้นไปสู่ระดับที่สิบเลย
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบผนึกหรือกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา เขาก็ต้องพบกับปัญหาในการฝึกฝนด้วยหน้าที่ต่างๆที่เพิ่มพูนขึ้น แม้ว่าเขาจะมีเวลาก็ยังคงต้องปรุงยาเม็ดเพิ่มเติมรวมถึงเหล้าองุ่นในการทำอาหาร
รวมถึงรูปแบบวิหคศักดิ์สิทธิ์ในเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์เก้าอสูร เขาไม่ทราบว่าจะพัฒนาตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ต่อไปได้หรือไม่ ส่วนหัวใจแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์อยู่ในภาวะสมบูรณ์แบบแล้วจึงไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมอีก มันคงเป็นเรื่องของโชคลางหากเขาค้นพบในวิธีในการพัฒนามันต่อเช่นเดียวกับวิหคศักดิ์สิทธิ์สยายปีกซึ่งยากที่จะบรรลุขอบเขตปัจจุบันออกไปได้
เหมือนเช่นเคย เขายังคงฝึกฝนเคล็ดพันค้อนกัมปนาทแห่งสรวงสวรรค์ต่อไปเพราะเขาต้องการสร้างอาวุธระดับพระเจ้าขึ้นมา นอกจากนี้มันยังใช้เป็นวิชาในการต่อสู้และมีพลังอันสูงส่งอีกด้วย เขาฝึกมันด้วยค้อนดาราเทพอัสนีพยุหราชรวมถึงกระบี่ดารายุพฆาต เขาใช้ค้อนดาราเทพอัสนีพยุหราชเป็นตัวฝึกหัดในวิชาค้อนเนื่องจากเขาไม่สามารถพัฒนาทักษะด้านการโจมตีได้ นอกเหนือจากนั้นเขายังหวังอีกว่าจะสามารถพัฒนาพลังของค้อนดาราเทพอัสนีพยุหราชขึ้นได้ ถ้าเขาทำได้สำเร็จ เขาจะมีอาวุธอันทรงพลังถึงสองชิ้นแม้ว่าจะไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จหรือไม่
……
วันถัดมาหลังอาหารเช้า เขาได้รับข่าวดี ลี่จี๋ตั้งครรภภ์แล้ว ชิงสุ่ยนับวันรอเสมอตั้งแต่ที่เขาช่วยรักษาให้กับหมอปิศาจ มันยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ เขาไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดได้เร็วขนาดนี้ ชิงสุ่ยใช้การรับทางจิตวิญญาณตรวจลี่จี๋ และพบสัญญาณชีพของสองคน หนึ่งคนแข็งแรงกว่าส่วนอีกคนค่อนข้างอ่อนแอ ซึ่งทั้งสองเป็นทารกในครรภ์ของลี่จี๋
“พี่ชาย ยินดีด้วย!”
ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกเตรียมการเอาไว้เรียบร้อบแล้ว หมอปิศาจตัดสินใจที่จะแต่งง่านกับลี่จี๋ ไม่ว่านางจะตั้งครรภ์ให้เขาหรือไม่ก็ตาม
เมื่อถึงเวลาบ่าย หมอจากตระกูลเหยาก็เดินทางมาถึง ชิงสุ่ยสังเกตุเขาได้จากชั้นที่ห้า ชายผู้นี้อยู่ในวัยกลางคน เขามีหน้าตาหล่อเหลาและสงบเสงี่ยม ในขณะที่เขาเดินตรงขึ้นมาก็แสดงให้เห็นถึงความสง่างาม “ท่านพี่หมอปิศาจ ชายผู้นี้คงเป็นหมอศักดิ์สิทธิ์ชิง ให้ข้าได้แนะนำตัวเอง ข้ามีนามว่าเหยาชูบิง” ชายผู้นั้นยิ้มออกมาด้วยท่าทีที่หยิ่งยโส ดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าใจได้ง่ายแต่เขาดูเหมือนจะไม่เชื่อถือในตัวชิงสุ่ย
“เรียกข้าว่าชิงสุ่ย พี่เหยา” ชิงสุ่ยกล่าวทักทายชายหนุ่ม
หมอปิศาจกวาดมือเพื่อเชิญให้เขานั่ง
“ข้าเป็นคนที่ตรงไปตรงมา น้องชิง ได้โปรดอย่าโกรธข้าหากกล่าววาจาล่วงเกินไป ข้าต้องการจะเห็นทักษะในการรักษาของท่าน หากว่าข้าประทับใจ ข้าจะขอเข้าร่วมหอคอยจักรพรรดิแห่งนี้” เหยาชูบิงกล่าวถึงจุดมุ่งหมายของเขาตรงๆ
“นี่ไม่ใช่เรื่องของการค้า เช่นนั้นแล้วเอาอย่างนี้ ท่านต้องการพิจารณาว่าข้ามีความสามารถพอหรือไม่ส่วนตัวข้าเองก็ต้องการทดสอบท่านเช่นกัน มาดูกันว่าพวกเราจะประทับใจซึ่งกันและกันหรือไม่!” ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าเหยาชูบิงเป็นคนที่โกรธง่ายและความอดทนน้อบ
“ตกลง ข้าต้องขออภัยด้วย หากข้าได้กล่าวล่วงเกินอะไรไป”
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจดี ตราบเท่าที่ท่านมีความสามารถ ท่านจะตรงไปตรงกว่านี้อีกกี่สิบเท่าก็ย่อมได้” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา
เหยาชูบิง พยักหน้ารับ “ท่านชิง เราจะทดสอบกันเช่นไรดี?”
“เมื่อท่านเป็นแขกของข้าในวันนี้เช่นนั้นข้าจะให้ท่านเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” ชิงสุ่ยชี้ไปยังเหยาชูบิงให้ทดสอบเขาก่อน
เหยาชูบิงคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะตอบกลับไป “ตกลง ข้ามีอาการบาดเจ็บอยู่ในระยะยาว ข้าอยากรู้ว่าท่านสามารถวิเคราะห์และรักษาอาการของข้าได้หรือไม่?”
ชิงสุ่ยหัวเราะ “ท่านเหยา แท้จริงแล้วท่านไม่อาจรักษาตัวเองได้?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” เหยาชูบิงตอบกลับด้วยท่าทีเจื่อนๆ
มีหมอมากมายหลายคนต้องพบเจอกับปัญหาเช่นเดียวกัน นั่นคือพวกเขาไม่สามารถรักษาตนเองได้ ไม่ว่าเขาจะมีทักษะในการรักษามามากมายเท่าไร ก็ไม่สามาถหลีกพ้นจากความตายได้
“ท่านมีความผิดปกติอยู่ในสายเลือด หัวใจของท่านทำงานได้ไม่ดีเพราะมีขนาดสี่ในห้าส่วนของหัวใจของคนทั่วไปเท่านั้น ท่านต้องกินผลหัวใจศักดิ์สิทธิ์เพื่ออยู่ให้รอดไปในแต่ละเดือนก็เท่านั้น” ชิงสุ่ยตอบอย่างเรียบง่าย
หมอปิศาจสามารถวินิฉัยอาการของเขาได้อย่างง่ายดายแต่ก็ไม่พบกับวิธีที่จะรักษาเขาให้หายได้ แม้เขาจะได้เรียนรู้ทักษะการฝังเข็มจากชิงสุ่ยแต่เขาก็ไม่มีพลังเก้าหยาง ปราณจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล รวมถึงเข็มแห่งชีวิตและความตาย รวมถึงอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งการที่เขาสามารถช่วยฟื้นฟูผู้คนได้ หนึ่งถึงสองในร้อยส่วนถือเป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมแล้ว
“ท่านสามารถรักษาอาการของข้าได้หรือไม่ ท่านชิง?” เหยาชูบิงไม่ได้ประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าชิงสุ่ยรู้จักกับหมอปิศาจ คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะรู้ถึงอาการของเขา เขากังวลเรื่องวิธีในการรักษามากกว่า
“หากข้าตอบว่าข้าสามารถรักษาอาการของท่านได้ ท่านคาดหวังสิ่งใดล่ะ?” ชิงสุ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ข้าหวังว่าท่านจะช่วยรักษาอาการของข้า”
“ทำไมข้าถึงต้องทำเช่นนั้น?”
“ถ้าท่านทำได้ ข้าก็จะรู้ถึงความสามารถของท่าน เมื่อข้าได้รับการรักษาแล้วขาให้สัญญาว่าจะเข้าร่วมกับหอคอยจักรพรรดิ” เหยาชูบิงกล่าวออกมา ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เข้ารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อบ
“ความสามารถของท่านไม่มากพอที่จะเป็นหมอของหอคอยจักรพรรดิ” ชิงสุ่ยส่ายศีรษะ
“แต่ท่านยังไม่ได้ทำการทดสอบข้าเลย เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น” เหยาชูบิงกล่าวด้วยความงุนงงและท่าทีที่เปลี่ยนไป
“ข้าทดสอบท่านแล้ว แต่น่าเสียดายที่ท่านล้มเหลว” ชิงสุ่ยยืนขึ้นและเดินจากไปหลังสิ้นสุดคำพูด
“หมอศักดิ์สิทธิ์ชิง ได้โปรดบอกเงื่อนไขของท่านมา ข้าจะต้องทำสิ่งใดบ้างเพื่อที่จะให้ท่านรักษาตัวข้า?” เหยาชูบิงเปลี่ยนท่าทีที่เขาเรียกชิงสุ่ย
“ข้าต้องการสมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลหมอ ท่านให้ข้าได้ไหมล่ะ?” ชิงสุ่ยหันกลับมามองเหยาชูบิง
“ข้าจะให้ท่านได้อย่างไร ข้าไม่ได้อยู่ในตระกูลอีกต่อไปแล้ว” เหยาชูบิงกล่าวด้วยท่าทีสลดใจ
“เมื่อท่านไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว เหตุใดถึงเดินทางมายังหอคอยจักรพรรดิ? ท่านคิดว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้วหอคอยจักรพรรดิจะให้การต้อนรับอย่างดีงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างเชื่องช้า เขาไม่ชอบชายผู้นี้ตั้งแต่แรกเริ่ม ชายผู้นี้เป็นคนที่ไม่รู้จักประมาณตน เขาประเมิณไว้แล้วว่าเมื่อเหยาชูบิงได้รับการรักษา บางทีอาจจะอยู่ช่วยที่นี่ต่อไปแต่จิตใจคงห่วงหาตระกูลตลอดเวลา
“ท่าน ได้โปรดช่วยชีวิตข้าด้วย ข้าจะทำงานอยู่ที่นี่ไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต” เหยาชูบิงคุกเข่าลงและร้องอ้อนวอน เขารู้ว่าหากไม่ได้รับการรักษาผลหัวใจศักดิ์สิทธิ์คงช่วยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่ถึงสิบปี และหากเขาต้องตายทุกๆอย่างก็คงจะสิ้นสุดลง
ชิงสุ่ยไม่คุ้นเคยในเรื่องที่มีคนคุกเข่าต่อหน้าเขา เขาขยับตัวและมองไปยังเหยาชูบิง “ท่านยังมีอายุยืนยาวได้อีกสิบปี หากข้ารักษาอาการของท่าน ท่านจะต้องทำงานอยู่ที่นี่ไปครบสิบปี”
ชิงสุ่ยยังไม่รักษาอาการของชายหนุ่มในตอนนี้ เขาจะรักษาก็ต่อเมื่อผ่านไปอีกสิบปี เหยาชูบิงต้องตัดสินใจเองแล้วว่าจะเชื่อในความสามารถของชิงสุ่ยหรือไม่ เหยาชูบิงเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเป็นของสมาชิกแห่งหอคอยจักรพรรดิ แต่เขาถือเป็นคนงานที่สามารถทำหน้าทีในการรักษาได้
ชิงสุ่ยไม่มีเรื่องอะไรให้ค้างคาใจอีก สิบปีคงเป็นเวลามากพอในการแก้ทัศนคติของบุคคลได้ และนี่คือชีวิตของมนุษย์ทุกคน โดยทั่วไปแล้วเขาคงทำหน้าที่เป็นหมอและได้รับค่าแรง แต่ในตอนนี้เขาเป็นเพียงคนรับใช้แต่ก็ไม่รู้ว่าสิบปีถัดไปจะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปทางไหน
หมอปิศาจไม่ได้แสดงความเห็นใดๆต่อการตัดสินใจของชิงสุ่ย
“พี่ชาย ท่านคิดว่าในเวลาสิบปีนี้ ตระกูลหมอทั้งหมดจะเป็นเขาหรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสนุกสนาน
“แน่นอน!” หมอปิศาจกล่าวด้วยความเชื่อมั่น
……
ชิงสุ่ยมองดูถนนและผู้คนที่วุ่นวายจากหน้าต่างชั้นห้า เขาไม่รู้ว่าการผ่อนคลายต้องทำเช่นไร เขาไม่เคยปล่อยให้ตัวเองรู้สึกสบายมากมาย แม้ว่าเขาจะต้องการช่วยประมุขอสูรและพระราชวังจอมอสูร เขาต้องบรรลุระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจให้ได้เสียก่อน อีเย่เจี้ยนเก้อไปอยู่ที่ใดกันนะ? อยู่ในห้ามหาทวีปหรือไม่ มหาทวีปอู่เซียนตะวันตกหรืออีกสามมหาทวีปที่เหลือ?
อสูรผลึกเจ็ดเศียรจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนและอีเย่เจี้ยนเก้อจะมีพลังเพิ่มขึ้นเพียงใด? เขารู้ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะได้พบกับนาง และเมื่อผู้หญิงแต่ละคนของเขาต่างแยกย้ายกันไป เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไรในการที่จะพบกับทุกคนอีกครั้ง
นี่เป็นสิบปีที่ค่อนข้างสำคัญหรับเขา เป็นสิบปีที่สำคัญกับลูกๆของเขาเช่นกัน รวมถึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆสำหรับตระกูลชิงของเขาเองด้วย เขาจะบรรลุทุกอย่างที่ต้องการได้ภายในสิบปีได้หรือไม่?
ก็อก ก็อก!
หมอปิศาจเดินเข้ามาและมองไปยังชิงสุ่ย “มีใครบางคนต้องการพบกับเจ้า เป็นคนจากตระกูลอี่หวง”
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำว่า “ตระกูลอี่หวง” ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาพยายามจะหลีกเลี่ยงมักพุ่งตรงเข้าหาตัวเขาอยู่เสมอ นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ได้คาดเอาไว้ เขาพยักหน้าและเดินนำออกไป ชิงสุ่ยต้องการทราบว่าพวกเขามาที่นี่ทำไมและหวังว่าพวกเขาจะไม่สร้างปัญหาให้เกิดขึ้น