Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1343
บทที่ 1343 – ตระกูลสุ่ย สถานะหอคอยจักรพรรดิ
หมอปีศาจรีบปลีกตัวมาจากลี่จี๋ตามคำขอของชิงสุ่ย จากนั้นเขาก็เดินมาหาชิงสุ่ยพร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า “น้องชาย เจ้านี้โชคดีจริงๆเลยที่มีแต่เราหญิงสาวน่ารักรุมล้อม”
“เอาล่ะ เอาล่ะ พี่ใหญ่ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับท่าน มิทราบว่าท่านพอจะสอนทักษะการจับชีพจรแก่นางได้หรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว
“แน่นอนอยู่แล้วน้องชาย ตราบใดที่เจ้าต้องการสอนแก่ใคร ข้าก็ยินดีทันที”หมอปีศาจกล่าวอย่างรวดเร็ว
“มาเถิด ในอนาคต หอคอยจักรพรรดิ์จะต้องยิ่งใหญ่กว่านี้”ชิงสุ่ยยิ้มพร้อมทั้งเดินเข้าไปข้างในบ้าน มันเป็นคฤหาสน์หลังเล็กๆที่เงียบสงบ ซึ่งปลีกตัวออกจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
เมื่อหยวนสู่เห็นชิงสุ่ยและหมอปีศาจเดินเข้ามา เธอก็รีบลุกขึ้นยืนทันใด
“พี่ใหญ่ นางชื่อว่าหยวนสู่ นางคือเพื่อนในอดีตของข้า สิ่งที่ท่านควรรู้ไว้คือนางเป็นคนที่มีทักษะการแพทย์คล้ายๆกับท่าน ถ้าหากท่านพอใจ นางก็จะได้เข้าร่วมกลับหอคอยจักรพรรดิ์อย่างเป็นทางการ”
“ยินดีต้อนรับ แน่นอนว่าข้าก็คงไม่คัดค้านใดๆทั้งสิ้น ตอนนี้ข้ารู้สึกมีความสุขมากกว่า”หมอปีศาจกล่าวอย่างมีความสุข
“ขอบคุณมาก ท่านหมอปีศาจเทวดา”หยวนสู่กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
“อย่าเรียกข้าว่าหมอเทวดาเลย มันฟังไม่เสนาะหู อีกครั้งตอนนี้เจ้าก็ได้เป็นสมาชิกของหอคอยจักรพรรดิ์แล้ว และเจ้ายังเป็นเพื่อนของน้องชายข้า ฉะนั้น ถ้าเจ้าไม่ถือ ก็จงเรียกข้าว่าพี่ใหญ่เช่นกัน”หมอปีศาจโบกมือขณะกล่าว
“ค่ะ พี่ใหญ่!!”หยวนสู่กล่าวโดยไม่มีพิธีรีตองใดๆทั้งสิ้น
“เอาล่ะ เอาล่ะ นั่งก่อนเถิด วันนี้เป็นวันแห่งความสุข เป็นวันที่ได้เด็กน้อยหยวนสู่มาเข้าร่วม หอคอยจักรพรรดิ์ของเราเติบโตไปอีกขั้นแล้ว”
…………..
ในวันรุ่งขึ้น ลี่จี๋เองก็มาที่นี้ ท้องของเธอกลมขึ้น และทันทีที่เธอเห็นหยวนสู่ เธอก็ค่อนข้างมีความสุข
ชิงสุ่ยเริ่มต้นสอนทักษะรักษาห่วงวิญญาณแค่เธอและทักษะทางแพทย์อีก 2-3 แบบซึ่งคล้ายกับสิ่งที่เขาได้สอนหมอปีศาจไป แต่ชิงสุ่ยจะมุ่งเน้นไปทางสมุนไพรโอสถ และการฝังเข็มเป็นส่วนสนับสนุน
หยวนสู่เป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านสมุนไพร ตราบใดที่เธอสามารถประเมินความเจ็บป่วยได้เธอก็สามารถสั่งสร้างสูตรการปรุงยาเป็นของตนเองเพื่อรักษาได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเธอก็คือความล่าช้า ดังนั้นชิงสุ่ยจึงเลือกที่จะสอนทักษะการฝังเข็มแบบง่ายๆเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงทีโดยไม่ต้องพึ่งพาการปรุงยา
ในตอนนี้เป็นเวลาให้คำปรึกษาทางการแพทย์เป็นประจำ
ทั้งสามคนได้เข้าร่วมการให้คำปรึกษารวมถึง เหยาชูบิงแห่งตระกูลเหยาก็มาสมทบด้วย เหยาชูบิงรู้สึกยินดีมีความสุขอย่างยิ่งที่ชิงสุ่ยเรียกให้เขามา
แม้ว่าช่วงนี้ ชิงสุ่ยได้แบ่งหน้าที่ให้เขาไปทำงานหลายๆอย่าง และเขาก็ได้รับโอกาสในการเรียนรู้สิ่งต่างๆจากชิงสุ่ย ชิงสุ่ยพยายามที่จะฝึกฝนเขา และมันทำให้เขารู้ดีว่า แต่ก่อนเขาเป็นคนที่หยิ่งยโสเพียงใด
ในแง่ทักษะทางแพทย์ เขาเคยคิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง ปัจจุบัน แม้แต่หญิงสาวโฉมงามที่พึ่งเข้าร่วมกับหอคอยจักรพรรดิยังแข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก มันยิ่งทำให้เขาตระหนักได้ว่าเขานั้นโง่เขลาและน่าอับอายเพียงใด
ชีวิตของเขาเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะใช้ชื่อตระกูลเหยา แต่เขาก็เป็นเพียงแค่บุตรที่เกิดจากภรรยาน้อยที่ไม่ได้รับการยกย่องแต่อย่างใด เขาเคยคิดว่าชิงสุ่ยเป็นเพียงแค่คนธรรมดาและเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มเหมือนคนอื่นทั่วไป จนอยู่มาวันหนึ่ง ชิงสุ่ยได้แสดงเห็นแล้วว่าคนๆนี้มีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่น มันยิ่งทำให้เหยาชูบิงขนขวายและต้องการจะเป็นหนึ่งในหมอที่อยู่ภายใต้หอคอยจักรพรรดิ
เมื่อคิดได้เช่นนี้เหยาชูบิงก็ยิ่งทำใจให้สงบและตั้งใจสร้างผลงานที่เขาควรพึงกระทำ สิ่งต่างๆเหล่านี้คือสิ่งที่เปลี่ยนไปในตัวเขา
สำหรับการให้คำปรึกษาโดยไม่เสียเงิน ชิงสุ่ยยังคงตามติดหยวนสู่ในขณะที่เธอให้คำปรึกษา ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยคนใด หยวนสู่ก็ให้คำปรึกษาพร้อมกับรอยยิ้ม แม้ว่าเธอจะยังไม่เชี่ยวชาญในทักษะรักษาห่วงวิญญาณ เธอก็พยายามอย่างสุดความสามารถ
การแพทย์แผนจีนจะเน้นทางด้านการตรวจจับ การดมกลิ่น คำถาม รวมถึงความรู้สึก หยวนสู่อาจจะเรียกได้ว่าเด่นทางด้านการตรวจจับและการถาม ซึ่งจะสามารถประมวลและประเมินอาการบาดเจ็บเบื้องต้นและจะสามารถรับรู้ข้อมูลได้อย่างถูกต้องมากขึ้นจากการซักถามอาการ
ชิงสุ่ยจะพยักหน้าเป็นครั้งคราว เมื่อเธอสามารถอธิบายได้ถึงความเจ็บปวดที่ผู้ป่วยกำลังเผชิญ ซึ่งเธอก็จะสามารถออกใบสั่งยาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาสั่งสอนให้เธอเรียนรู้ทักษะรักษาห่วงวิญญาณและเมื่อเธอเรียนรู้จนสำเร็จเธอก็จะก้าวขึ้นสู่หมอชั้นนำแนวหน้า
แน่นอนว่าถ้าหากจะเทียบกับชิงสุ่ยผู้ซึ่งครอบครองปราณแห่งการหวนคืน ทักษะฝังเข็มแห่งสรวงสวรรค์ รวมถึงปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล และเข็มแห่งชีวิตและความตาย เธอเรียกได้ว่าอยู่ไกลโข ทักษะเหล่านี้ที่ชิงสุ่ยได้รับมันเปรียบเสมือนทักษะที่เอาเปรียบคนอื่น
“หลีกทาง นายน้อยของเรากำลังจะตาย”
“อย่าขวาง พวกเจ้ามองอะไรกัน…..”
” พวกเจ้ากล้าทำร้ายคนอื่นในสถานที่ที่หมอเทวดาอยู่ได้อย่างไร?”
“ถ้าหากเจ้ายังไม่หลีกทาง ข้าจะเป็นคนสังหารเจ้าเอง และถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยของข้า พวกเจ้าทั้งหมดก็จะต้องตายไปพร้อมกับเขา”
ความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชิงสุ่ยรู้สึกงงๆ ภายในเมืองอี่หวง หอคอยจักรพรรดิโดยสร้างสายสัมพันธ์กับตระกูอี่หวง ซึ่งมันก็หมายความว่าทุกคนล้วนไม่กล้าแม้แต่จะแสดงความหยาบคายออกมา
ทหารยามของหอคอยจักรพรรดิรีบเดินทางมาทันทีและกล่าวว่า “ห้ามแสดงคำพูดขู่เข็ญกันที่นี่ จับกุมทุกคนที่สร้างความปั่นป่วน”
“ไอ้พวกสารเลว!! เจ้ากล้าอย่างนั้นหรือ ถ้าหากสิ่งที่เจ้าทำมันทำให้นายน้อยของเราอาการแย่ลง ข้ารับรองได้เลยว่าเจ้าจะไม่มีวันได้เห็นหน้าครอบครัวของพวกเจ้าอีก”เสียงแห่งความหยิ่งยโสดังกึกก้อง
ฝูงชนที่ส่งเสียงดัง พวกเขากำลังแบกชายคนนึงที่ถูกผ้าห่มปกคลุม ชายคนนี้กำลังชักและน้ำลายฟูมปาก บนผ้าห่มเต็มไปด้วยร่องรอยคาวเลือด
“น้องชาย นั้นคือนายน้อยตระกูลสุ่ย พวกเขากำลังสร้างปัญหาให้กับเรา”
“ตระกูลสุ่ยเป็นตระกูลที่ทรงพลังหรือไม่?”ชิงสุ่ยเอ่ยถาม
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้คำตอบ กลุ่มคนที่หยิ่งยโสก็ได้ผลักผู้คนออกไปด้านข้างและพาร่างที่ถูกห่อมาวางไว้ตรงหน้าชิงสุ่ย
“จงรักษานายน้อยของเราอย่างเร่งด่วน ถ้าหากเจ้ายังล่าช้า ข้าคงไม่ต้องบอกคำตอบหรอกนะ”
ชิงสุ่ยมองดูชายหนุ่มอย่างชัดเจน ศีรษะของชายหนุ่มเต็มไปด้วยคราบเหงื่อ ใบหน้าของเขาแดงขึ้น เขาไม่ได้ดูเหมือนชายวัยกลางคนเลย ใบหน้าที่ซีดจาง ดวงตาที่แดงกล่ำ ริมฝีปากที่ซุบผอม จมูกที่เหี่ยวย่น ให้ความรู้สึกว่า ชายที่อยู่เบื้องหน้ากำลังไม่รู้สึกอะไรแล้ว
“ทำไมหรือ? นี้คือที่ของข้า ข้าไม่ได้ทำการรักษาให้กับทุกคน นอกจากนี้หอคอยจักรพรรดิของเราก็ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาโวกเวกโวยวายได้”
ทันทีที่เขาโบกสะบัดมือ ฝูงชนที่หยิ่งยโสกว่า 10 คน รวมถึงคนที่ถูกห่อด้วยผ้าก็กระเด็นออกไปพร้อมกับพ่นเลือดสดๆกลางอากาศ จนพวกเขาไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
“ยอดเยี่ยม!! พวกมันสมควรโดนแล้ว!! บังอาจข่มขู่ท่านหมอเทวดาของเรา”
“ไอ้พวกโง่เหล่านี้ กระทำการโดยไม่ดูเลยว่าสถานที่นี้คืออะไร พวกมันคิดว่าพวกมันจะทำอะไรก็ได้ในสถานที่แห่งนี้อย่างนั้นหรือ”
“แต่คนเหล่านี้มาจากตระกูลสุ่ย ตระกูลที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับตระกูลอี่หวง ถ้าได้ยินผู้คนกล่าวกันว่าภายในตระกูลสุ่ยนั้นได้ซ่อนผู้ที่บรรลุระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจ”
“ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมนายน้อยจากตระกูลสุ่ยทุกคนถึงได้เป็นคนที่หยิ่งยโส”
…………..
“ท่านหมอเทวดา พวกเราขอล่ะ ได้โปรดช่วยนายน้อยของเราด้วย มิฉะนั้น พวกเราทั้งหมดจะต้องตายอย่างแน่นอน”
คนที่เคยแสดงความหยิ่งยโสคลานเข่าเข้าหาชิงสุ่ย พร้อมทั้งกล่าวขอร้องด้วยเสียงที่ดังสนั่น
“หยุดการกระทำของเจ้าเถิด เจ้าไม่รู้หรือว่าหมอเทวดาจะไม่รักษาคนเช่นนี้ พาเขาเอาไปเถิด มิฉะนั้นพวกเจ้าอาจจะไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือนายน้อยของเจ้าอีก”ชายชราคนหนึ่งกล่าวของสถานหายใจ
“ก็ได้ พวกเรารีบพานายน้อยไปที่อื่นเถอะ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
………..
กลุ่มคนยกชายที่ไม่มีสติด้วยความพยายามทั้งหมดและค่อยๆจากไป
ผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของกลุ่มคนที่หยิ่งยโสต่างก็ได้รักษาอย่างรวดเร็ว และแล้วสถานที่แห่งนี้ก็กลับมาเป็นสถานที่ที่สงบสุขอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าเราผู้ฝึกตนระดับปราณจักรพรรดิจะบุกมาหาเขา คนเหล่านั้นก็ไม่อาจแตะต้องตัวชิงสุ่ยได้ นอกจากนี้คนส่วนมากต่างก็คอยสนับสนุนชิงสุ่ย เพราะชิงสุ่ยสามารถช่วยยืดอายุและต่อลมหายใจให้แก่พวกเขาได้ จึงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามารุกรานชิงสุ่ยเลยแม้แต่คนเดียว
และแล้วเวลาแห่งการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยค่อนข้างพึงพอใจในผลงานของหยวนสู่ และสิ่งอื่นที่เขาต้องการทำก็คือการเพิ่มพูนความสามารถให้กับทหารยาม อย่างน้อยก็ให้พวกเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ และด้วยยาเม็ดหยาง ความสามารถของพวกเขาก็คงจะปรับปรุงเพิ่มขึ้นไปมาก
ชิงสุ่ยตั้งใจทำมัน อย่างน้อยถ้าหากคนเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นก็จะสามารถปกป้องพี่ใหญ่ของเขาอย่างหมอปีศาจได้
หมอปีศาจได้รับความรู้จากชิงสุ่ยมากมาย ในขณะที่หยวนสู่ก็ได้รับความรู้รวมถึงหนังสือดีๆต่างๆ แต่ถึงกระนั้นทั้งสองคนก็ยิ่งตกใจมากขึ้น ทันทีที่รู้ว่าชิงสุ่ยได้มอบยาเม็ดหยางให้กับทุกคน คนละ 1-3 เม็ด มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมาก
หยวนสู่จ้องมองชิงสุ่ย มันช่างน่าเสียดายจริงๆที่เธอไม่อาจใช้มันได้ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เธอเองก็ได้รับยาเม็ดโอสถจากชิงสุ่ยรวมถึงได้รับการฝังเข็ม เดินทางด้วยความสามารถของเธอก้าวหน้าไปอย่างมาก ในระดับที่สูงเกินกว่าที่เธอจะใฝ่ถึง
ความรู้สึกทึ่งยังคงตราตรึงในจิตใจของหยวนสู่ หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่รู้ว่าทำไมหรือสิ่งใดนำพาให้ชิงสุ่ยก้าวมาถึงจุดๆนี้ แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าเธอไม่มีทางตามเขาทันเป็นแน่ ไม่แม้แต่จะสามารถเคียงข้างเขาได้ ทั้งๆที่เธอเองก็พยายามมาหลายปี แต่ก็ยังอยู่ในจุดที่ห่างไกลเหลือเกิน