Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1384
บทที่ 1384 – ความรักของแม่อย่างอี่หวง กู่หวู๋ ปัญหาเกิดขึ้นอีกครั้ง ตระกูลเฉ่
เมื่อได้ยินที่ชิงสุ่ยพูดอี่หวง กู่หวู๋ ตะลึงและมองเด็กน้อย หน้าตาของเธอน่ารัก แต่โชคร้ายที่เธอพูดไม่ได้ โชคชะตาเล่นตะลกกับเธอนัก ที่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวโดยไร้ที่พึ่ง แล้วยังเป็นใบ้..
อี่หวง กู่หวู๋ ไม่ได้สงสารเธอ เพราะสิ่งที่ชิงสุ่ยพูด แต่ความรู้สึกของเธอนั้นลึกซึ้งกว่านั้น เธอลูบหัวเด็กน้อย เมื่อชิงสุ่ยเห็นท่าทีของ อี่หวง กู่หวู๋ เขารู้ทันทีว่าเธอยินดีจะเป็นแม่ให้เด็กน้อย หากพ่อแม่ตัวจริงไม่ปรากฏตัว
“แม้ว่านางจะไม่มีเส้นปราณแห่งเสียง แต่จิตใจนางแข็งแกร่งมาก ถือว่าได้อย่างเสียอย่าง และถ้าเจ้ารับนางเป็นบุตรบุญธรรม ก็ถือว่าเป็นบุญของนางจริงๆ”
“หืม..ลูกของข้า? ในอนาคตนางก็จะเป็นลูกของเจ้าเช่นกัน เจ้าห้ามทำมิดีมิร้ายนางเด็ดขาด” อี่หวง กู่หวู๋ พูดอย่างขุ่นเคือง
“แน่นอน อีกอย่างข้าก็มีลูกบุตรธรรมอยู่แล้ว..ลูกบุญธรรมคนโตของข้า อายุนางย่างเข้า 20 ปีแล้วนะ”ชิงสุ่ยตอบ
อี่หวง กู่หวู๋ประหลาดใจอีกครั้งก่อนจะยิ้ม แม้เธอจะสนิทกับชิงสุ่ยและรู้ว่าเขามีภรรยามากมาย แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเขามีลูกบุญธรรม และเธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขามีลูกทั้งหมดกี่คน
“จริงสิ ตอนนี้เจ้ามีบุตรกี่คนกันแน่?” อี่หวง กู่หวู๋ ให้ชิงสุ่ยนั่งลง และให้เด็กน้อยนั่งลงระหว่างเธอและ หยวน สู่
“ถ้ารวมนางก็ 11 คน”ชิงสุ่ยตอบ
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งชื่อให้นางเถอะ”อี่หวง กู่หวู๋บอก
“ก็ได้ ข้าจะเรียกนางว่า ชิง จุน!”ชิงสุ่ยคิดและตอบ
อี่หวง กู่หวู๋ ยิ้ม “ดี! นางคือลูกสาวของพวกเรา เจ้าต้องให้ของขวัญอะไรสักอย่างแก่นางแล้วล่ะ!”
ชิงสุ่ยหยิบบางอย่างขึ้นมา เขาย่อตัวลงและส่งให้เธอ นั่นคือกำไลชิ้นเล็ก ๆ และ จี้ ชิงสุ่ยช่วยเธอใส่
ชิง จุนมองชิงสุ่ยด้วยดวงตากลมโตและยิ้มอย่างมีความสุข
ความทรงจำของเด็กอายุเท่าเธอนั้นยังเลือนรางและเด็กในวัยนี้มักจะจำไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ก่อนหน้านั้นชิงสุ่ยบอกอี่หวง กู่หวู๋ว่าแต่ละคนนั้นต้องมีสิ่งที่ได้อย่างเสียอย่าง แม้เด็กสาวจะพูดไม่ได้ แต่เธอก็มีพลังส่วนอื่นที่แข็งแกร่ง เธอเป็นเด็กสาวที่มีความคิดมั่นคง มีความทรงจำเป็นเลิศและมีโครงสร้างกระดูกที่ดีมาก
“ชิงสุ่ย เจ้ารักษานางไม่ได้เหรอ?” อี่หวง กู่หวู๋มองย่างมีความสุข เมื่อเห็นชิงสุ่ยหยิบของออกมามากมาย เพราะในตอนแรกเธอกังวลลึกๆ ว่าชิงสุ่ยอาจไม่ชอบเด็กคนนี้
“ข้าไม่มีความสามารถเช่นนั้น นางเกิดมาโดยไร้ปราณแห่งเสียง แม้จะรักษาไปก็ไร้ประโยชน์เหมือนกับการให้ยาคนไร้วิญญาณ เพราะนางเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เกิดแล้ว”
อี่หวง กู่หวู๋ เป็นหญิงฉลาด นางจึงไม่พูดอะไรอีก เพราะนางเองก็รู้คำตอบดีเช่นกัน ถ้าชิงสุ่ยไม่สามารถรักษาเธอได้ก็ไม่มีใครสามารถรักษาเด็กคนนี้ได้
ชิงสุ่ยมองอี่หวง กู่หวู๋ ที่แสดงที่ของคนเป็นแม่ออกมา และเขาก็ชอบใจความใจดีของเธอ เมื่อเธออยู่กับเด็กน้อย เธอดูงดงามเป็นพิเศษ
ชิงสุ่ยไม่เคยคิดว่าจะมีลูกจำนวนมากขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดเดียวกันหรือไม่ก็ตาม ชิงสุ่ยก็ดูแลพวกเขาอย่างเท่าเทียม เช่นเดียวกับหลวนหลวนและอวี้ช่างที่เขาก็ดูแลไม่ต่างจากลูกแท้ ๆ ของตัวเอง
…
เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ชิงสุ่ยกลับไปที่ตระกูลชิงครั้งหนึ่ง อี่หวง กู่หวู๋ เองก็กลับไปที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตก เช่นกัน แต่พวกเขาก็อยู่ที่นั้นเพียงสามวันเท่านั้นอี่หวง กู่หวู๋คิดถึงเด็กน้อย เธอจึงรีบกลับมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ชิงสุ่ยเป็นห่วง อี่หวง กู่หวู๋ และหยวน สู่
ระหว่างนั้น ความสัมพันธ์ของอี่หวง กู่หวู๋และชิง จุนเหมือนแม่ลูกกันจริง ๆ พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ทั้งตอนตื่น ตอนนอน จนชิงสุ่ยไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกับ อี่หวง กู่หวู๋.
แม้ชิง จุนจะพูดไม่ได้ แต่ยิ้มบ่อยขึ้น ชิงสุ่ยพยายามสื่อสารกับเธอผ่านภาษามือ และเริ่มสอนเธอทีละคำ
ชิงสุ่ยไม่รู้เกี่ยวกับภาษามือสักเท่าไร แต่เขาพอจะรู้พื้นฐานอยู่บ้าง กระบวนการคิดของชิงสุ่ยในตอนนี้เทียบกับโลกก่อนหน้าของเขาไม่ติดเลย เขาจดจำสิ่งที่เห็นในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นชิงสุ่ยจึงสร้างสัญลักษณ์ง่าย ๆ ขึ้นมา
แม้เด็กน้อยจะไม่มีปราณแห่งเสียง แต่เธอก็ได้ยินเขา ต่างจากโลกก่อนหน้าของชิงสุ่ยที่ว่าหากเป็นใบ้ก็มักจะหูหนวกด้วยเช่นกัน
ในเมื่อเธอได้ยินเสียง ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะสอนภาษามือให้แก่เธอ
ชิงสุ่ยใช้เวลากับเธอทั้งวันเพื่อสอนภาษา คำศัพท์และจำนวน..
ทุกครั้งที่ อี่หวง กู่หวู๋ เห็นชิงสุ่ยและเด็กน้อยกำลังเรียนรู้ด้วยกันอย่างมีความสุข เธอก็มีความสุข แม้ว่าจะไม่มีเสียงหัวเราะ แต่เธอรู้ดีว่าเด็กน้อยกำลังยิ้ม ใบหน้าของเธอนั้นทำให้ใครที่มองก็รู้สึกสงสาร..
วันนั้นชิงสุ่ยออกมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ เพราะเสียงดังโวยวาย เขาขมวดคิ้วก่อนจะออกไปดูด้านนอก
ผู้มาเยือน…
“พาตัวเขามาเร็ว ๆ ! อาการของนายท่านจะปล่อยไว้นานไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเจ้าต้องรับผิดชอบ!”
“ข้าขออภัย แต่ท่านต้องมีบัตรเชิญเสียก่อน” คนดูแลหอคอยจักรพรรดิพูดอย่างสุภาพ
“บัตรเชิญ? อะไรกัน?”ชายคนแรกถามอย่างสงสัย
“หอคอยจักรพรรดิไม่ใช่สถานที่สาธารณะ คนที่มีบัตรเชิญเท่านั้นจึงจะได้รับการรักษา”
“ถ้าเช่นนั้นก็เอามาให้ข้า!”เขากล่าวอย่างกระวนกระวาย
“ขออภัย มีเพียง ท่านหมอเทวดา เท่านั้นที่สามารถให้ท่านได้ ข้าเองก็ไม่มี”
“หึ่ม ข้าไม่สนแล้ว เรียกเขามาที่นี้! บอกเขาว่า ตระกูลเฉ่บอกให้เขามา!
“ข้าขออภัย แต่ถ้าไม่มีบัตรเชิญ ท่านหมอเทวดา จะไม่พบท่าน ได้โปรกลับไป!”
“ถ้างั้นข้าจะทำลายที่นี้เสีย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่ออกมา!”ชายชราตะโกน
“เฉ่ หลาง!ที่นี้คือ หอคอยจักรพรรดิ อย่าทำตัวรุ่มร่าม!”อีกเสียงหนึ่งร้องปราม
ชิงสุ่ยออกไปข้างนอกและได้ยินเสียงนั้นก็ต้องตกตะลึง เพราะนั้นคือเสียงของ เย่หลาง เชียนคุน
“เย่หลาง เชียนคุน เจ้าอาจจะทำให้เด็กกลัวได้ แต่ข้าไม่กลัวเจ้า ทำไมเจ้าถึงห้าม หรือเจ้าจะปรปักษ์ ตระกูลเฉ่?” เสียงชายคนแรกพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
“ข้าสัญญากับท่านหมอเทวดาชิงว่าจะรับรองความปลอดภัยของที่นี้”เย่หลาง เชียนคุนพูดด้วยท่าติดขัด
“รับรองความปลอดภัย? แล้วเจ้าคิดว่า ตระกูลเย่หลาง ทำได้งั้นเหรอ? น่าขัน ตระกูลของเจ้าเพิ่งพ่ายแพ้ แล้วเจ้ายังตามก้นเขาต้อย ๆ และคิดว่าจะได้เป็นพันธมิตรงั้นหรือ? เจ้ายังเด็กนัก..ตอนนี้อาการของท่านประมุขย่ำแย่ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับท่านประมุข เจ้าจะให้ข้ารับผิดชอบยังไง!!? ตระกูลเฉ่สามารกำจัดตระกูลเย่หลางได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่เชื่อ เจ้าอยากจะลองดีไหมล่ะ?”เสียงของเฉ่ หลางนั้นช่างเยือกเย็น
เย่หลาง เชียนคุนรู้ดีว่าชิงสุ่ยสนิทสนมกับตระกูลเทียนเห่อ โดยเฉพาะ เทียนฮี่ เรินโม่ และหอคอยจักรพรรดิก็ตั้งอยู่ในคฤหาสน์ของ ตระกูลเทียนเห่อ และคงเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลเย่หลางและตระกูลเทียนเห่อจะช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้ได้ อีกทั้งเย่หลาง เชียนคุนก็เข้าใจว่าการที่ชิงสุ่ยจะเป็นมิตรกับเขานั้นก็แทบเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
ชิงสุ่ยมาถึงพื้นที่ส่วนที่สอง แต่เขาหยุดเดินเพราะชิงสุ่ยอยากรู้ความคิดของเย่หลาง เชียนคุน เขาได้ยินเรื่องสถานการณ์ของ ตระกูลเฉ่ ว่าคนพวกนั้นเป็นตระกูลใหญ่ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ ดังนั้นพวกเขาจึงแข็งแกร่งมาก หรืออาจจะแข็งแกร่งที่สุดในมหาทวีป และยังมีตระกูลแข็งแกร่งอื่นๆ อย่างตระกูลหลิงฮูและตระกูลเย่หลาง
แม้ชิงสุ่ยคิดว่าเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเย่หลาง แต่ถ้าเย่หลาง เชียนคุนเลือกที่จะต่อต้านตระกูลเฉ่ ชิงสุ่ยก็จะออกไปสะสางปัญหานี้เอง
“ทำลายที่นี้เสีย! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้านั่นจะไม่ออกมา”หลังจากพูดจบ เสียงหยิ่งผยองก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ชิงสุ่ยยิ้มและออกไป เมื่อเสียงนั้นพูดจบ เพราะนั่นหมายความว่าเย่หลาง เชียนคุนยอมให้ตระกูลเฉ่ทำตามอำเภอใจ แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะที่เขาทำนั้นก็เพื่อตระกูลเย่หลาง เย่หลาง เชียนคุนจึงไม่มีทางเลือก
การตัดสินใจเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องผิด เพราะถ้าชิงสุ่ยเป็นเขา เขาอาจจะทำเช่นเดียวกัน
“เจ้าเป็นใคร? ออกไปจากที่นี้เสีย! ที่นี้ไม่ใช่ที่ของเจ้าที่จะมาก่อความวุ่นวาย”
ชิงสุ่ยพูดเมื่อเขาเดินออกไป เพียงแค่เขาสะบัด คนมากมายก็กระเด็นออกไป คนที่อ่อนแอก็ถึงกับกระอักเลือด
ในตระกูลเฉ่ เฉ่ หลางถือเป็นนายน้อยที่ไม่เอาไหนซึ่งอยู่ในตระกูลย่อย แต่เมื่อเขามีชื่อของ ตระกูลเฉ่อยู่เบื้องหลัง เขาก็ทำอะไรได้ตามใจชอบ แม้แต่เย่หลาง เชียนคุนก็ไม่กล้าต่อต้านเขา
ชิงสุ่ยเดินออกมาด้านนอกอย่างสบายอารมณ์ พวกเขาเป็นกลุ่มคุณชายเสเพลจริง ๆ แม้พลังของพวกเขาจะไม่ได้ด้อย และต่อหน้าคนอื่นๆ พวกเขาก็แข็งแกร่งไม่เบา แต่สำหรับชิงสุ่ย พวกเขาก็คือมดตัวน้อย ๆ
“กล้าดีอย่างไรจึงทำร้ายคน ตระกูลเฉ่! รอดูได้เลย ว่าทั้งตระกูลของเจ้าจะต้องย่อยยับ!”
เพี๊ยะ!
ชิงสุ่ยฟาดมือไปข้างหน้า ทำให้ฟันของ เฉ่ หลางหลุดออกและเลือดออกมาจากปาก จมูกและหู เขาหมดสติทันที โดยหน้าของเขาบวมเป่งเหมือนหมู
“ถ้าข้าเจอเจ้าอีก..คราวหน้าพวกเจ้าไม่รอดแน่ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
เมื่อพูดจบ ชิงสุ่ยเดินกลับเข้าไปในหอคอยจักรพรรดิ
เย่หลาง เชียนคุนที่ยืนมองอยู่นั้นมองดูอย่างตกใจ เขาถอนหายใจก่อนจากไป
คนมากมายที่เห็นเหตุการณ์รู้สึกชื่นชมชิงสุ่ย แต่ก็เป็นห่วงเขาเช่นกัน แน่นนอนว่าที่นั้นมีตระกูลเก่าแก่และร่ำรวยปะปนอยู่ด้วย พวกเขาไม่ได้สนใจว่าจะมีใครถูกฆ่ารึไม่ พวกเขาแค่อยากดูการแสดงดี ๆ ก็เท่านั้น
คนที่มาที่นี้พากันพยุงร่างของ เฉ่ หลางกลับไป
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าทำไมตระกูลเฉ่ถึงปล่อยให้พวกยโสและไร้สมองเช่นนี้มาหาเขา
ชิงสุ่ยไม่เข้าใจจริงๆ แต่คนแบบนี้ก็มีอยู่ถมไปหรือชิงสุ่ยควรจะสั่งสอนพวกเขาให้พัฒนาความคิดและเลิกโอหัง?
แต่คนของ ตระกูลเฉ่ คงไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคน เพื่อความอยู่รอดของตระกูลยิ่งใหญ่ พวกผู้อาวุโสคงไม่พึ่งพาคนเช่นนี้แน่
ชิงสุ่ยคิดว่าพวกเขาจองหอง แถมยังโง่อีกด้วย เขาคิดว่าคนเช่นนี้อาจจะเป็นพวกที่ชอบรังแกคนอ่อนแอและชอบทำร้ายผู้หญิง ทั้งยังภูมิใจที่ได้เป็น “สมาชิกรุ่นสองที่โง่เขลา”
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำจะต้องส่งผลตามมา แต่จะเป็นอะไร ถ้าพวกนั้นมาที่นี้อีก ชิงสุ่ยก็จะทำแบบเดิม..
ตระกูลเฉ่ อยู่ในกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำและมีตำแหน่งใหญ่ ในฐานะผู้ปกครอง ซึ่งในลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ ประกอบไปด้วยผู้อาวุธโส สังฆราช ผู้ปกครองตำแหน่งซ้าย ขวาซึ่งเป็นมันสมองของกลุ่มและเป็นผู้นำ
ผู้ปกครองตำแหน่งซ้ายและขวามีตำแหน่งสูงมาก แม้แต่รองหัวหน้ากลุ่มก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรพวกเขา ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ก็เป็นตำแหน่งธรรมดา
สถานะของผู้ปกครองสูงกว่าผ้อาวุโส ดังนั้นฐานะของ ตระกูลเฉ่ก็ใหญ่พอสมควร พวกเขายังแข็งแกร่งกว่า ตระกูลต่งเย่เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม..ตอนนี้ชิงสุ่ยได้เอาตัวเขาเข้าไปพัวพันกับปัญหาเสียแล้ว