Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1395
บทที่ 1395 – ระดับ 4 ของธงสวรรค์ปัญจธาตุ ติดตามไปได้คนหนึ่ง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ชิงสุ่ยไม่ได้กลัวการสังหารหมู่ แต่เขาไม่ต้องการสังหารหมู่มากกว่า ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้เขาเคยหัวเราะเยาะเมื่อเห็นชายคนหนึ่งไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งที่เขารู้สึกในสถานการณ์ปัจจุบัน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาและเขาไม่สามารถหลบหนีจากสิ่งที่ยากลำบากเหล่านี้ มีเพียงเส้นทางเดียวที่อยู่ตรงหน้าเขา มันเป็นทางที่มืดมิดซึ่งเขาจะต้องเดินไปให้ถึงจุดจบ
“ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลของผู้ปกครองฝั่งซ้ายก็คือตัวเขาเอง เรื่องตระกูลของผู้ปกครองฝั่งซ้ายคงจะไม่มีใครสร้างปัญหาให้ได้ แต่กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำอาจไม่ดีเช่นนั้น” หยุนยี่เจี้ยนกล่าวในตอนนี้
“โอ๊ะ ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ไม่รู้เลยว่ากลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำจะสู้ต่อหรือไม่?” ชิงสุ่ยมองไปที่หยุนยี่เจี้ยนด้วยรอยยิ้ม
“กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำคงอยู่มาเป็นเวลานาน ปกติแล้วพวกเขาจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ จากเรื่องทั้งหมด น้องชายชิงสุ่ย เจ้าทำให้กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำเกิดรอยโหว่ เป็นเรื่องยากที่กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำจะเลิกราจากเจ้า” หยุนยี่เจี้ยนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดอย่างจริงจัง
ชิงสุ่ยคิดเล็กน้อยและเห็นด้วยกับความคิดนั้น เขาไร้ชื่อเสียง ถ้าเขามีชื่อเสียง เขาจะทำลายขุมกำลังเช่นกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ แล้วมันก็จะไม่มีอะไรให้พูดถึงกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำอีกนอกจากความตายของผู้ปกครองฝั่งซ้ายและตระกูลเฉ่
ถ้ามันจำเป็น ชิงสุ่ยไม่ลังเลที่จะใช้กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำเป็นบันไดหินก้าวขึ้นไป กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำจะต้นเหตุทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอำนาจครั้งใหญ่ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ
โดยไม่รู้ตัว ผ่านไปแล้วกว่า 2 ชั่วโมง คู่ผัวเมียหยุนและเทียนฮี่เรินโม่กลับไปที่ห้องชั่วคราวของตน หยวนสู่ อี่หวงกู่หวู๋ และเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ด้วย พวกเขาเกือบจะดูเหมือนครอบครัวเดียวกัน
ชิงจุนและชิงสุ่ยคุ้นเคยกันแล้ว ตอนนี้พวกเขาแทบจะเหมือนพ่อลูกกันอย่างสมบูรณ์ ถ้าเด็กหญิงตัวน้อยไม่ติดปัญหา เธอก็จะอยู่ใกล้ชิดกับชิงสุ่ย ชิงสุ่ยมีเทคนิคบางอย่างที่จะทำให้เธอมีความสุข ยิ่งไปกว่านั้นภาษามือทั้งหมดชิงสุ่ยเป็นคนสอน ดังนั้นการสื่อสารกับชิงสุ่ยของเธอจึงเป็นไปด้วยดี
อี่หวงกู่หวู๋ไม่ท่าทีที่จะตั้งครรภ์ มันทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวและหดหู่ ชิงสุ่ยไม่รู้สึกเหมือนกันว่าทำไม ชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น อย่างไรก็ตามการให้กำเนิดเด็กเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
ในช่วงเวลาเหล่านี้อาจกล่าวได้ว่าชิงสุ่ยให้ความสำคัญทั้งหมดกับอี่หวงกู่หวู๋ ทุกวันเขาจะทำให้เธออ่อนล้าจนแทบจะขาดใจเพื่อการมีลูก เธอให้ความร่วมมือด้วยเป็นอย่างดี มันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกเพลิดเพลินแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อย่างไรก็ตามยิ่งพวกเขาทำแบบนี้มากเท่าไรก็ยิ่งสูญเสียความหวังมากขึ้นเท่านั้น ชิงสุ่ยพยายามปลอบโยนเธอ บอกว่าเขาเป็นหมอและร่างกายของเธอไม่ได้มีปัญหา มันก็แค่โอกาสในการตั้งครรภ์มีน้อยและต้องใช้เวลามากหน่อยเพื่อพยายามให้ประสบความสำเร็จ โอกาสมักจะมีเสมอ
……
ชิงสุ่ยเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะอีกครั้ง เมื่อเขากำลังขัดเกลาและปรังแต่งสมบัติของเขา เขาก็หัวเราะออกมาเพราะธงสวรรค์ปัญจธาตุยกระดับขึ้น……
เมื่อชิงสุ่ยเห็นความสามารถของธงสวรรค์ปัญจธาตุ เขาก็มีความสุขเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันมันอยู่ระดับ 4 สามารถกำหนดตำแหน่งได้ 3 จุด สถานที่แต่ละแห่งสามารถเดินทางไปได้เดือนละครั้ง
สถานที่ทั้ง 3 ยังคงเป็นจุดเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ที่แรกคือมหาทวีปธรรมไตร ที่สองคือมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ และที่สามคือมหาทวีปอุดรเทวา
คราวนี้มันเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ตำแหน่งที่ตั้งยังคงเป็น 3 จุด แต่ก็มีความสามารถเพิ่มขึ้นมา
นอกเหนือจากผู้ถือครองคู่ธงสวรรค์ปัญจธาตุที่สามารถเคลื่อนย้ายได้แล้ว พวกเขาสามารถนำคนอื่นติดตามไปด้วยได้ 1 คน……
ชิงสุ่ยเริ่มตื่นเต้น แม้ว่าจะเป็นเพียงเดือนละครั้ง 1 คน นั่นหมายความว่าเขาสามารถพาคนทั้งสิบสองคนมาได้ทุกปี เขาสามารถกลับไปรวมตัวกับครอบครัว ใครก็ตามที่เขาอยากพบ เขาสามารถกลับไปหาได้…..
ชิงสุ่ยตื่นเต้นมากทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นถ้าหยวนสู่ต้องการกลับ เขาก็สามารถพาเธอกลับไปได้เลย
นี่เป็นแค่ระดับ 4 ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อระดับเพิ่มขึ้น ใครจะรู้ว่าเขาสามารถนำคนไปได้กี่คนและสามารถกำหนดตำแหน่งได้กี่แห่ง บางทีมันอาจจะลดระยะเวลาในการใช้ลง
หลังจากคิด ชิงสุ่ยก็พักมันไว้ชั่วคราว เขาพยายามปรับแต่งและขัดเกลาสมบัติของเขา แต่ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ชิงสุ่ย รู้สึกได้ว่ามีของหลายชิ้นที่อยู่เฉียดฉิวจะยกระดับ บางทีครั้งต่อไปที่เขาทำมัน พวกมันอาจยกระดับขึ้น บางครั้งก็อาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะยกระดับ
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เวลานี้ถือได้ว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ สถานะของธงสวรรค์ปัญจธาตุในปัจจุบันเทียบได้ว่าเป็น สิ่งประดิษฐ์แห่งสวรรค์เล็กน้อย
ตราบเท่าที่พวกเขาตัดสินใจที่จะอยู่ที่นั่นในอนาคต เขาก็สามารถพาครอบครัวไปได้ เขาจะพิจารณาสถานการณ์ก่อน ถ้ามีใครต้องการแล้ว เขาก็จะพาครอบครัวไป ตอนนี้หัวใจของเขากำลังสั่นไหว เขารู้สึกปลอดภัยมากขึ้นที่จะให้ครอบครัวของเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ใน 5 มหาทวีปในขณะนี้
ตอนนี้เขาจะรอไปก่อน ถ้ามีโอกาส เขาจะพาครอบครัวมาที่มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำชั่วคราว นั่นเป็นเพราะว่าความรวดเร็วในการฝึกตนที่นี่มากกว่า 5 มหาทวีปด้านสิ่งแวดล้อม
ก่อนอื่นเขาจะรอให้สถานการณ์กับกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำคงที่และการดำรงชีวิตอยู่ของเขาแน่นอนก่อนที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
1 วันผ่านไปอย่างสงบ กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำไม่ได้ดำเนินการใดๆ มีกลุ่มอำนาจมากมายที่จับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อความคืบหน้าของสถานการณ์ปัจจุบัน
เดิมทีไม่มีใครศรัทธาในชิงสุ่ย แต่ภาพที่วิหคเพลิงนรกานต์โกรธเกรี้ยวทำให้ทุกคนหวาดหวั่น ตอนนี้หลายคนเชื่อว่ากลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำไม่สามารถต่อกรชายหนุ่มผู้นี้ได้
วันรุ่งขึ้นผู้อาวุโสหยุนหยางปรากฏตัว หลังจากที่ได้เห็นชิงสุ่ย เขาก็เผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้อาวุโสที่ทะนงตนดูอึดอัดใจเล็กน้อยในขณะที่เหลือบมองชิงสุ่ย
“ก่อนหน้านี้ข้าประเมินกำลังของกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำต่ำเกินไป ข้านั้นประมาท โชคดีที่เจ้าแข็งแกร่งมาก ข้ายอมรับความผิดพลาดของข้า ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรก็บอกมาได้เลย อย่าได้ลังเล ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรกับข้า ข้าจะยอมรับและทำเต็มที่ด้วยความสามารถที่มี”
“ผู้อาวุโส ท่านไม่จำเป็นต้องมากพิธี ไปนั่งตรงนั้นกันก่อนเถอะ ข้ามีบางอย่างที่ข้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี” ชิงสุ่ยยิ้มและชี้ให้ชายชรานั่งลง
คนอื่นๆก็อยู่ที่นี่ด้วย อย่างไรก็ตามชิงจุนมีสาวใช้คนหนึ่งคอยดูแลเธอ
“โอ๊ะ บอกมาให้ข้าฟังสิ” ชายชราสุภาพขึ้นกว่าแต่ก่อน ก่อนหน้านี้เขามองชิงสุ่ยในฐานะคนรุ่นเยาว์ แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ในโลกของการฝึกตนผู้ที่แข็งแกร่งย่อมได้รับความนับถือ
“ข้าไม่แน่ใจว่าแผนการของกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำเป็นอย่างไร ตอนแรกข้าคิดว่าพวกเขาจะพยายามกำจัดข้าออกไปทันที” ชิงสุ่ยกล่าวตามตรงกับชายชรา
“เมื่อมันมาถึงจุดนี้แล้ว กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำจะไม่ก่อปัญหาและลงมือก่อน เพื่อให้ชัดเจน ในระยะสั้นพวกเขาจะไม่ผลีผลามทำอะไร พวกเขาจะไม่ทำสิ่งที่อาจผิดพลาดและไม่สามารถรับมือได้ อย่างน้อยพวกเขาอาจจะลองหาวิธีอื่น” ชายชรากล่าวหลังจากคิดหนัก
กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เนื่องจากความแข็งแกร่งอันน่ากลัวของชิงสุ่ย มิฉะนั้นพวกเขาอาจถูกกวาดล้างได้ หากพวกเขาสูญเสียจนหมดสิ้น ชื่อเสียงของกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำผู้แข็งแกร่งที่สุดในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำก็จะอ่อนแอลง
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโส ชิงสุ่ยคิดว่ากลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำช่างเลวร้าย เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจทำและพวกเขายังลังเล พวกเขาจะถูกลากลงมาอย่างไม่ปราณี ถ้ากลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำยินดียอมรับความอับอายโดยการยอมรับผิดและขอโทษ ชิงสุ่ยก็จะไม่สามารถทำอะไรได้ แน่นอนว่าอาจทำได้ ถ้าเขาอยากจะทำ แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น
ปัญหาคือกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถจัดการทั้งชิงสุ่ยและสัตว์อสูรของเขาได้หรือไม่ พวกเขากลัวว่า ชิงสุ่ยจะหลบหนี เมื่อพวกเขาเริ่มการต่อสู้ไม่มีอะไรที่จะหวนกลับได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการลงมือก่อน พวกเขาดูเหมือนจะบังคับให้ชิงสุ่ยลงมือมากกว่า แล้วใช้โอกาสนั้นฆ่าชิงสุ่ย ถ้าพวกเขาทำไม่สำเร็จ มันก็ยังมีหนทางเอาตัวรอด
“ชิงสุ่ย เจ้าจะบังคับให้พวกเขาลงมือหรือไม่?”
“แน่นอน!”
ใบหน้าของชิงสุ่ยมีรอยยิ้มที่สิ้นหวัง ถ้าพวกเขาบังคับให้เขาลงมือ พวกเขาก็จะทำตามความปรารถนาของพวกเขาได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ยอมให้พวกเขามีทางเลือก
“ผู้อาวุโส ถ้ากลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำกำจัดแล้ว สิ่งใดจะเกิดขึ้นกับมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ?” ชิงสุ่ยถามถึงความเป็นไปได้
ชายชราตกตะลึงและคิดชั่วครู่หนึ่ง “จะต้องมีกลุ่มอำนาจที่สืบทอดกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ ผิวเผินไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ผู้ที่สืบทอดทุกสิ่งจากกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำจะต้องแสดงพลังของพวกเขา ตัวอย่างเช่นใครก็ตามที่ทำลายกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำจะมีสิทธิ์ยึดครองทุกอย่างของกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ”
ชิงสุ่ยคิดทบทวนและเห็นด้วยกับเหตุผล ถ้าเขาจัดการกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ เขาจะต้องเข้าควบคุมทุกอย่างหรือไม่? เขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกลุ่มใดๆ เทือกเขาปู๋โถวและสำนักสวรรค์เร้นลับก็ไม่มีสิทธิ
แม้ว่ากลุ่มที่กล่าวถึงนี้จะไม่สามารถครอบครองมันได้ แต่ชิงสุ่ยก็คิดว่าถ้ามีคนที่ต้องการเข้ายึดครอง พวกเขาก็จะติดต่อเขาก่อนอย่างน้อย ถ้าเขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ พวกเขาก็จะสู้กับเขา เว้นเสียแต่ว่าพวกเขามั่นใจมากพอว่าจะทำได้ดี
เมื่อคิดถึงประเด็นนี้ ชิงสุ่ยคิดว่าเขาต้องก้าวไปข้างหน้า เขาควรจะเน้นจัดการกับกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำก่อน เขาสามารถเดินทางไปยังที่มั่นของกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำได้และสิ้นสุดเรื่องทั้งหมด
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่ากลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำมีขนาดใหญ่เพียงใด พวกเขาแข็งแกร่งที่สุดบนมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ แต่พวกเขาสร้างมันขึ้นมาจากพลังอำนาจจำนวนมากและเหล่าตระกูลรวมกัน ปกติตระกูลหนึ่งจะมีเพียงหนึ่งหรือหลายคนที่เข้ามาร่วมในกลุ่ม แต่นี่เป็นการเข้าร่วมทั้งตระกูล
ชิงสุ่ยได้เผชิญหน้ากับผู้ปกครองฝั่งซ้ายแล้ว เขาเป็นรองแค่เพียงไม่กี่คน คนเหล่านั้นมีสัตว์อสูรที่น่าเกรงขามมากมาย ดังนั้นชิงสุ่ยจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก อีกฝ่ายยังไม่ได้ลงมือเพราะพวกเขาสูญเสียไปมาก ชิงสุ่ยไม่มีอะไรเสียและได้ผลกำไร
ชิงสุ่ยยังเยาว์วัย แต่ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาแสดงให้เห็นถึงอนาคตอันสดใส กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้าวย่างอย่างระมัดระวัง หากพวกเขาไม่ได้ฆ่าชิงสุ่ยและปล่อยให้หนีไป ความตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่รอคอยพวกเขาอยู่ นี่คือเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ดำเนินการใดๆ ด้วยความแข็งแกร่งของกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ พวกเขาสามารถฆ่าชิงสุ่ยได้อย่างง่ายดาย สิ่งมีเพียงการทำให้เขาหลบหนีไปไม่ได้
“ข้ารู้สึกว่าเจ้าควรจะระวัดระวังกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำไว้ก่อน อย่าได้ไปเสี่ยง” ชายชรากล่าว
ชิงสุ่ยยังคงครุ่นคิดว่าจะไปหรือไม่ แต่เนื่องจากชายชราให้คำแนะนำแก่เขา ชิงสุ่ยจึงหัวเราะและถาม “ผู้อาวุโส ท่านช่วยบอกได้ไหมว่าทำไมข้าถึงไม่ควรไป?”
“กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำนั้นมีรากฐานที่หยั่งลึก แน่นอนว่าเจ้าแข็งแกร่งรวมถึงสัตว์อสูรเช่นกัน แต่เสาหลักของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้มีความสามารถ ข้ามั่นใจได้ว่าแม้เจ้าจะรีบลงมือในตอนนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเจ้ายังดึงดัน เจ้าจะตกเป็นเบี้ยล่าง” ผู้อาวุโสคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวคำเหล่านั้น