Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1403
บทที่ 1403 – อีเย้ เจียนเก้อกับการกลับมาพร้อมความแข็งแกร่ง
หลังจากเฝ้ารอมานานในที่สุดเขาก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองได้แล้ว เดิมที่ชิงสุ่ยนั้นคาดหวังว่าพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมาแค่10ล้านสุริยาเท่านั้น แต่นี่มันเกินกว่าที่เขาคาดหมายไว้มากมาย
ความรู้สึกของการเป็นผู้มีพลังนั้นเป็นความรู้สึกที่ดีอย่างมากเช่นเดียวกับคนอื่นๆชิ่งสุ่ยนั้นก็รู้สึกไม่และด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ เขาสามารถเดินทางไปที่ไหนก็ตามที่เท่าต้องการ
ในตอนนี้เขายังคงฝึกฝนเพื่อสร้างเสถียรภาพพลังของเขาอยู่ในดินแดนหยก ในขณะที่เขาออกมาข้างนอกนั้นก็กลายเป็นเวลามืดเสียแล้ว
ขณะนี้หลวนหลวนก็ได้เริ่มเรียนรู้ทักษะเกราะอสูรสำแดงแล้ว นอกเหนือจากนี้ด้วยความช่วยเหลือของ ชิงสุ่ยสัตว์อสูรของเธอก็ได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากหลายปีที่ผ่านมา และก็มีสัตว์อสูรหลายตัวที่จัดอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัว
ในช่วงเวลานี้ชิงสุ่ยนั้นได้ทยอยพาผู้คนจากตระกูลชิงเดินทางมายังทวีปวิหคเพลิงร่ายระบำแห่งนี้เพื่อตั้งเป็นถิ่นฐานใหม่สำหรับพวกเขา
สำหรับคนอื่นๆที่ยังคงอ่อนแออยู่ไม่รับการพาโดยชิงสุ่ย นั้นเพราะชิงสุ่ยนั้นเป็นห่วงในความปลอดภัยของพวกเขา ดังนั้นชิงสุ่ยจึงรอให้พวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่านี้ก่อนที่จะเดินทางมา ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาเลยที่จะรอเวลานั้น
และที่สำคัญตอนนี้ ชิงสุ่ยก็รู้ว่าแล้วว่านิกายสาปอสูรนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ 4 พลังมาร พวกเขานั้นอาศัยอยู่ภายในพื้นที่รกร้างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสี่แยกของสามทวีป ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่รีบตัดสินใจพาคนในตรูกลทั้งหมดมาในตอนนี้
จุดตัดของสามทวีปนั้นถูกแยกออกมาจาก ทวีปวิหคเพลิงร่ายระบำ มหาทวีปมังกรอหังกาลและ มหาทวีปอุดรเทวา โดยแต่ละทวีปนั้นถือครอบครองพื้นที่ส่วนหนึ่งของรอยแยกเอาไว้ ซึ่งบริเวณนั้นทั้งหมดนั้นเป็นพื้นที่แห้งแล้งและปกคลุมด้วยเทือกเขาทะเลทราย และหนองน้ำพิษ นอกจากนี้ในส่วนนั้นยังเป็นที่รวมตัวของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งและทรงพลังจำนวนมาก ที่สำคัญมันยังเป็นพื้นที่ลับแลอยากที่จะเข้าไปสำรวจอีกด้วย
ชิงสุ่ยนั้นไม่แน่ใจว่า4พลังมารทั้ง4นั้นมีการติดต่อสื่อสารกันหรือไม่ “ศัตรูของศัตรูนั้นคือมิตร” แต่อาจมีข้อยกเว้นอยู่ บางทีคนเลวนั้นก็ยังคงถูกแบ่งแยกออกตามระดับ แต่ชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นตามสิ่งที่เขาคิดไว้หรือไม่
ในขณะนี้มีอาวุโสสองคนมองมาที่ชิงสุ่ยด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นชิงสุ่ยมองกลับมาพวกเขาได้แต่หัวเราะออกมาอย่างร่าเริงและกล่าวว่า “ถึงแม้เราสองคนรวมกำลังกัน พวกเราก็คงมิอาจทำอะไรเจ้าได้”
ด้วยพลังของพวกเขาไม่อาจสามารถส่องระดับที่แท้จริงของชิงสุ่ยได้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังสัมผัสมันได้อยู่ดี นอกจากนี้พวกเขาก็ยังมีความเชียวชาญในทักษะต่างๆ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะพอเข้าถึงพลังของชิงสุ่ยได้ มันจึงทำให้พวกเขากล้ากล่าวออกมาโดยไม่ลังล
“ความแข็งแกร่งของคนเรานั้นมีข้อจำกัด ยังคงมีหลายเรื่องที่ข้านั้นจะต้องพึ่งพาท่านอาวุโสทั้งสองคนอยู่ พวกท่านกล่าวเกินไปแล้ว “ชิงสุ่ยกล่าวออกมาขณะยิ้มให้พวกเขาทั้งสองที่นั่งอยู่ที่ศาลา
“ในชีวิตนี้ข้านั้นเดินทางมายาวไกลมาก ถึงจุดที่ข้านั้นต้องพักสักที และสำหรับข้าในตอนนี้ สถานที่แห่งนี้คือบ้านของข้า ข้าจะไม่ยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับบ้านของข้าอย่างแน่นอน แม้ว่าข้าจะต้องตาก็ตาม “ชายชรากล่าวอย่างมีความสุข
อาวุโสทั้งสองนั้นอยู่มานานมาแล้ว มากจนพวกเขาลืมชื่อของตัวเองไป ดังนั้นชิงสุ่ยจึงเรียกพวกเขาว่าอาวุโสหนึ่ง อาวุโสสอง
เวลาได้ดำเนินผ่านไปอย่างช้าๆ สมาชิกของตระกูลชิงที่อาศัยอยู่ในทวีปวิหกเพลิงร่ายระบำนั้นก็ยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในคนเหล่านี้ประกอบด้วย ชางห่าย หมิงเยวี่ย ลิ่วลี่ ชิงหยุ่น ชิงหมิง ชิงหยิน หยุนต้วน จรู้ชิง และคนอื่น ๆ
ถึงแม้เขาจะนำพาคนกลับมาพร้อมเขาได้ แต่มันนั้นก็ครั้งละสองคนเท่านั้น ดังนั้นการคนย้ายคนจำนวนมากเช่นนี้ยังจำเป็นต้องใช้เวลาจำนวนมาก ในไม่ช้าก็ผ่านไปครึ่งปีเรียบร้อยแล้ว
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของชิงสยุ่นั้นแทบจะไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย เพราะเขานั้นมุ่งเน้นไปที่การสร้างเสถียรภาพและปรับแต่งพื้นฐานของเขาเสียงมากกว่า นอกจากนี้เขายังเน้นไปที่การฝึกทักษะที่ใช้ในการสู้รบมากกว่าการบ่มเพาะส่วนใหญ่ ในช่วงที่เหลือของเขานอกเหนือไปจากการไปยังกลางทวีป และเข้าไปในดินแดนหยก เขามักจะใช้เวลาส่วนมากกับคนรักของเขาเป็นส่วนมาก
ในตอนนี้หอคอยจักรพรรดิได้กลายเป็นแหล่งรวบรวมของผู้บ่มเพาะที่ทรงอำนาจ ไม่มีใครเลยที่กล้าจะแตะต้องพวกเขา แต่ก็มีผู้คนที่กล้ามาท้าทายพวกเขาอยู่บ่อยๆครั้ง แต่ทั้งหมดก็ถูกจัดการโดยชิงสุ่ยจนหมด
ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่กรงเล็บหงส์เพลิงพิฆาตของเขานั้นกลับทรงพลังอย่างมาก เพียงแค่ในระดับต้นเขาก็สามารถทำลายผู้บ่มเพาะบัญชาสวรรค์พินาศระดับแรกได้อย่างง่ายดาย ต่างกับคนอื่นๆ โดยเฉพาะหลวนๆที่มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการช่วยเหลือของชิงสุ่ยและผู้อาวุโสทั้งสองทำให้เธอนั้นไกลก้าวสู่จุดสูงสุดของปราณจักรพรรดิแล้วในเวลานี้
นอกเหนือจากนั้นยังคงมียาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่ม ยาเม็ดสวรรค์หยางที่คอยสนับสนุนพวกเขา ทำให้ระดับของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้นเร็วกว่าใครๆ
ตราบเท่าที่พวกเขานั้นมียาเม็ดเหล่านี้อยู่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะสามรถเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ ถึงแม้พวกเขาจะสามรถใช้ยาเม็ดเหล่านี้ได้ปีละสองครั้งแต่นั้นก็มากเกินพอแล้วสำหรับพวกเขา
นอกจากนี้ยังมีการฝังเข็มของชิงสุ่ยช่วยอยู่จึงทำให้ประสิทธิภาพในการบ่มเพาะของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
………..
แต่อย่างไรในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นก็ยังไม่สามารถกลั่นยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่5ออกมาได้
ในทางด้านของฮี่หวง กูหวู๋ก็ได้มาถึงจุดสูงสุดของระดับที่สองของขั้นบัญชาสวรรค์พินาศแล้ว ซึ่งในตอนนี้เธอนั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ที่4ล้านสุริยาในขณะที่พยัคฆ์ขาวของเธอนั้นก็มีความแข็งแกร่งถึง12สุริยา นอกจากนี้เธอนั้นยังมีมันถึง6ตัว………..
ด้วยชื่อเสียงของฮี่หวงกูหวู๋จึงทำให้ไม่มีใครกล้าแต่ต้องตระกูลชิงในตอนนี้ แต่ถึงอย่างไรความแข็งแกร่งของเธอนั้นก็ยังห่างไกลผู้แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแห่งนี้
ในขณะนี้ความแข็งแกร่งของรุ่นที่สามในตระกูลชิงนั้นค่อยเพิ่มขึ้นช้าลง มันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะทะลวงเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ แต่ถึงอย่างไรพวกเขานั้นก็ยังไม่ละความพยายาม เช่นเดียวกับชิงสุ่ยที่พยายามอย่างมากที่จะทำให้พวกเขาก้าวหน้าขึ้น ถึงแม้จะช้าแต่มันก็เร็วกว่าคนทั่วไปหลายเท่าในตอนนี้
นี่เป็นภารกิจระยะยาว ความแข็งแกร่งของตระกูลได้รับการพัฒนามาหลายชั่วอายุคน แม้ว่าชิงสุ่ยนั้นมีเม็ดยาที่ล้ำค่าอยู่ ก็ใช้ว่าทุกๆคนจะใช้ได้ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างนั้นก็ยังต้องขึ้นกับระยะเวลา
ในตอนนี้ตระกูลชิงนั้นมีเพียงแค่สี่รุ่นเท่านั้น มันก็อาจกล่าวได้ว่านี้ก็เร็วมากแล้วที่พวกเขานั้นมาถึงระดับนี้ได้ นอกจากนี้ตระกูลของเขาก็ยังมีจุดอ่อนใหญ่ๆที่เห็นได้ชัด ถ้าหากชิงสุ่ยเป็นอะไรไป ตระกูลชิงก็อาจถึงจุดสิ้นสุดเช่นเดียวกัน เนื่องจากเขานั้นเป็นเสาหลักเพียงต้นเดียวของตระกูลมันนั้นจึงเป็นความเสี่ยงอย่างมากสำหรับพวกเขา
ตระกูลที่น่าเกรงข้ามส่วนมากจะมีผู้บ่มเพาะที่น่าเกรงขามจำนวนและมีโครงสร้างตระกูลที่แข็งแกร่ง และมีมรดกเป็นของตัวเอง ด้วยวิธีนี้พวกเขาก็จะสามารถถ่ายทอดมรดกให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไปได้ และทำให้คนรุ่นใหม่นั้นสามารถเติบโตขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง
………
ในดินแดนหยก ชิงสุ่ยจ้องไปที่ภาพของอีเย้เจียนเก้อ เจาจ้องมองมันเป็นเสลานาน ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหนเท่าที่รู้คือเขาคิดถึงเธอ
ขณะที่จิตใจของเหม่อลอยไป เขาทราบว่านานแค่ไหนที่เขามองดูไปที่รูปภาพของเธอ จากนั้นเอง ชิงสุ่ยได้ปรากฏตัวใกล้พระราชวังมรกตขนาดยักษ์
ขณะที่เขามองเข้าไปที่อสูรคริสตัลขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าเขาข้างในพระราชวัง เกราะหยกของมันสะท้อนแสงและเปล่งประกายออกมา ร่างกายของมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่น่าหวดกลัว
มันคืออสูรอมตะ ระดับบัญชาสวรรค์พินาศ นอกจากนี้มันนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าวิหกเพลิง หรือมังกรไอยราของเขาเลยแม้แต่น้อย
ชิงสุ่ยลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะมั่นใจว่าเขาเคยเจอมันมาก่อน มันคือสัตว์อสูรของอีเย้ เจียนเก้อ แต่ในตอนนี้มันได้วิวัฒนาการก้าวสู่ขอบเขตใหม่แล้วนอกจากนี้มันนั้นยังมี9หัวและมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิมถึง10เท่า
ในเมื่อมันอยู่ที่นี่ แสดงว่าอีเย้เจียนเก้อนั้นต้องอยู่แถวนี้รึ? ชิงสุ่ยคิดขึ้นและมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นสัมผัสที่คุ้นเคย กลิ่นหอมและความงามที่สะดุดตาได้ปรากฏขึ้นข้าหน้าของเขา
“เจียนเก้อ!”
ในตอนนี้ความงามของเธอนั้นเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเก่า นอกเหนือจากนั้นเธอนั้นยังดูบริสุทธิ์และไร้ซึ่งมลทิน ยิ่งกว่าอื่นใดเธอนั้นดูสูงศักดิ์และลึกลับมากยิ่งขึ้น
ในตอนนี้เธอกลายเป็นคนที่น่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตอนนี้เธอนั้นไม่ได้อ่อนแอกล่าวเขาเลย นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอายบางอย่างที่ชิงสุ่ยนั้นยังไม่สามารถเข้าใจได้ที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเธอ แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีความสุขที่ได้พบเจอเธอในวันนี้ และดีใจที่เธอนั้นแข็งแกร่งขึ้น
ในตอนนี้อีเย้เจียนเก้อนั้นก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน เธอนั้นก็สามารถตั้งสติกลับมา เพราะรู้ว่านี้ไม่ใช่ร่างจริงของเขา นี่เป็นเพียงแค่สัมผัสทางวิญญาณเท่านั้น ในตอนนี้เธอยิ้มออกไปให้เขาอย่างอ่อนโยน
รอยยิ้มต่อชีวิต!
เพียงแค่ยิ้มเบาๆของเธอ มันนั้นกลับมีพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากมันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้เช่นเดียวกับน้ำทิพย์ที่ช่วยต่อชีวิตของคนเราเมื่อใกล้ตาย
“ชิงสุ่ย” เธอกล่าวออกมาและหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของชิงสุ่ยในตอนนี้
“เจ้าสบายดีไหม? แล้วตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหย? “ชิงสุ่ยคว้ามือของเธอและถาม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอนั้นปลอดภัยดี นอกจากนี้ยังรู้อีกว่าเธอนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
“ข้าไม่รู้ ข้าติดอยู่ในที่แห่งนี้ สถานที่แห่งนี้ถูก และยังไม่สามารถออกไปได้ในเร็วๆนี้ “
“ในตอนนี้ข้านั้นยังไม่สามารถช่วยเจ้าได้ แต่นี่ก็ยังดี ที่ความแข็งแกร่งของเจ้าและสัตว์อสูรก็ได้เพิ่มขึ้น แล้วยังถือว่าเป็นเรื่องดี ที่เจ้านั้นยังสามารถเรียกสัตว์อสูรออกมาได้ อย่างน้อยมันก็พอจะช่วยเหลือเจ้าได้หากมีปัญหาอะไร ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ข้าจะไปช่วยเจ้าเอง รอข้านะ ข้าจะต้องช่วยเจ้าให้ได้ “ชิงสุ่ยกล่าวออกมา
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมา แล้วตอนนี้พวกเจ้าเป็นไงบ้าง?” ในตอนนี้เธอนั้นไม่รู้อะไรเลยเพราะเธอนั้นติดอยู่ในที่แห่งนี้มาเป็นเวลาสามปีแล้ว
“คนส่วนใหญ่ของตระกูลชิงได้อพยพไปอยู่ที่ส่วนกลางของทวีปวิหคเพลิงร่ายระบำเกือบหมดแล้ว นอกจากนี้ข้ายังมีธุรกิจเล็กที่เรียกว่าหอคอยจักรพรรดิ อีกด้วย เมื่อข้าไปช่วยเจ้าได้สำเร็จข้าจะพาเจ้าไปหาทุกๆคนเอง “
“อือข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงข้า ข้าอยู่ที่นี่ปลอดภัยดีนอกจากนี้มันยังทำให้ข้านั้นแข็งแกร่งขึ้นได้เร็วมาก เพียงแค่ข้านั้นไม่มั่นใจว่าเมื่อไร้กันที่ข้าจะออกไปได้เท่านั้นเอง “อี่เย้ เจียนเก้อกล่าวด้วยความยินดี
ขณะที่ชิงสุ่ยกำลังจะกล่าวออกมา เขาก็ถูกส่งกลับมาที่ดินแดนหยกเรียบร้อยแล้ว ถึงอย่างน้อยๆตอนนี้เขาก็รู้ว่าอี่เย้ เจียนเก้อนั้นก็ ปลอดภัยดีอยู่ มันจึงทำให้เขานั้นตัดสินใจที่จะบอกกับหลวนหลวนและอีเย้ เทียนหลังจากที่ออกไปจากดินแดนหยก พวกเขาคงจะมีความสุข หากได้ยินเรื่องนี้
………….
ในหอคอยจักรพรรดิ ส่วนมากหยวนสู่นั้นจะไม่ได้ดูแลคนไข้ และเธอก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก เธอนั้นมากจะค้นคว้าสูตรยาชนิดใหม่อยู่เสมอ …
สำหรับฮี่หวง กู่หวู๋นอกจากป้องกันและดูแลความปลอดภัยแล้ว เธอมักจะใช้เวลาที่เหลือในการช่วยเหลือและสอนสมาชิกคนอื่นๆในตระกูลชิงในการบ่มเพาะ