Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1410
บทที่ 1410 –ชิงสุ่ยที่เข้าร่มการต่อสู้
หลังจากที่ใช้ฤดูใบไม้ผลิแห่งความอาลัย ความเข็งแกร่งของชายชราก็ดูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่า ราวกับว่าเขานั้นได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ในตอนนี้
ทักษะท่วงทำนองทำลายทวีป!
ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าสมควรแล้วที่เธอนั้นได้ฉายาว่าเจ้าแห่งความตาย เพราะทุกๆทวงทำนองที่เธอใช้ออกมานั้นเป็นทักษะที่เกี่ยวของกับความตายทั้งหมด ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างนั้นดูไร้ชีวิตชีวาอย่างมาก ราวกับทุกๆสิ่งที่เธอใช้ออกมานั้นทำให้โลกนั้นหม่นหมองลงไป
ในตอนนี้ชายชราไม่ได้เข้าประทะกับเธอโดยตรง ในขณะที่เขายื่นมือออกไปและปล่อยพลังที่ดูคล้ายรากไม้ที่งอกออกมาจากมือของเขา เข้าประทะกับเธอ
ฤดูใบไม้ผลิแห่งนิรันดร์!
ระเบิด!
ในตอนนั้นเองเธอได้แกว่งกระบี่ในมือของเธอคล้ายดังลูกศร เพื่อเขาประทะกับชายชราคนนั้น!
ตูม ตูม ตูม!
เสียงระเบิดได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ถึงอย่างไรมันนั้นก็ไม่สามารถทำลายรากไม้ของชายชราไปได้ ถึงจะไม่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้แต่ชายชราก็ต้องถอยออกมา2 ถึง3ก้าวในทีเดียว
ขังจิต!
เธอนั้นได้ตบไปที่กระพวนของเธออย่างรวดเร็ว และพุ่งตรงเข้าใส่เขาอีกครั้ง
ในตอนนี้ถึงชายชราจะใช้ทักษะเช่นดังเก่าออกมา แต่พลังของมันนั้นกลับลดลงไปถึง1ใน3เลยที่เดียว ส่วนมากแล้วการจู่โจมของนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทนั้นจะเป็นการจู่โจมทางพลังวิญญาณเสียงส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะใช่พลังปราณในการต่อต้านมัน
เสียงร้องแห่งวิญญาณ, ท่วงทำนองแห่งความกังวาน!
ในตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นสั่นสะท้านอีกครั้ง เช่นเดียวกับกระบี่ในมือของเธอ ในขณะที่เธอพุ่งเข้าไปกลางอากาศ จนเกิดรอยแยกแห่งมิติในตอนนี้
รากแห่งนิพาน!
ในตอนนี้รากไม้สีเขียวจำนวนมากได้รายล้อมร่างกายของเขาเอาไว้ ดังกับปราสาทมรกต มันนั้นดูแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตจำนวนมาก
“พี่ใหญ่ เราต้องใช้นาง เพื่อทำให้เจ้าแห่งความตายเสียสมาธิ เช่นนี้แล้วท่านอาวุโสก็จะสามารถเอาชนะนางได้”
“ใช่ๆ เราต้องใช้นางขมขู่เจ้าแห่งความตาย ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางจะทำเป็นไม่สนใจไปได้” ชายอีกคนกล่าวกลับไป
“ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าใช้ฆ่าเป็นเครื่องมือหรอก ท่านอาวุโสท่านไม่ต้องใส่ใจข้าหรอก ท่านจงฆ๋าพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่ท่านจะทำได้ และอย่างลืมช่วยแก้แค้นให้ข้าด้วย”เธอกล่าวออกมาราวกับว่าเธอนั้นพร้อมจะตายในตอนนี้
“ไหนๆมาให้ข้า เล่นสนุกกับเจ้าหน่อยสิ”
“พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย”เจ้าแห่งความตายได้กล่าวออกมา
ในจังหวะนั้นเองปราณกระบี่ได้พุ่งลงมาและตัวลงไปที่ศีรษะของชายคนหนึ่ง
“ท่านอาวุโสที่สอง รีบจัดการกับยายปิศาจนั้นเร็วเข้า” ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบกล่าวออกไป
ชายชราไม่รอช้า ขณะที่เขานั้นเร่งปราณของเขาให้เข้าสู่ระดับสูงสุด ก่อนที่จะปล่อยรากไม้ที่เต็มไปด้วยพลังธรรมชาติพุ่งเข้าใส่เธอ
คุกพฤกษา!
ในเวลานี้รากไม้จำนวนมากได้ตรงเข้าไปและพันธนาการร่างกายของเธอเอาไว้
สังหารสวรรค์!
ชายชราได้ใช้ทักษะพิฆาตของเขาออกมาในตอนนี้ ด้วยพลังที่มีถึง10ล้านสุริยา มันทำให้เขานั้นเป็นตัวตนที่หน้าเกรงข้ามอย่างมากไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้เขานั้นได้รับความยำเกรงอย่างมากก็คือทักษะสังหารสวรรค์ ที่มีแต่เขาที่ใช้มันได้
คุกพฤกษานั้นสามารถจำกัดความเร็วของอีกฝ่ายนั้นลงไปถึง 30% ยิ่งเป้าหมายนั้นแข็งแกร่งเท่าไร พวกเขานั้นก็จะยิ่งอ่อนแอลง นี่เป็นทักษะที่น่าเกรงข้ามอย่างมาก
เรือนจำพฤกษา!
ชายชราได้ตบมืออีครั้ง รอบนี้เรือนจำที่สร้างขึ้นจากรากไม้ได้ปรากฏขึ้นมา และห้อมล้อมทุกๆคนเอาไว้
หลังจากที่ใช้มันออกมาชายชราก็อ่อนแอลงอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรในตอนนี้เธอนั้นก็ไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป หากเธอนั้นต้องการที่จะพังทลายมันออก เธอนั้นจะต้องสูญเสียงความแข็งแกร่งไปถึง90%ในทีเดียว หากเป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถจัดการเธอได้อย่างง่ายดาย
ในการต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง ความอดทนนั้นเป็นอีกสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก มันนั้นเป็นสิ่งที่จะสามารถกำหนดชัยชนะได้เช่นเดียวกับทักษะต่อสู้
แน่นอนว่าเธอนั้นมีทักษะต่อสู้ที่เก่งกาจ แต่มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่พลังของเธอนั้นอ่อนแอลงไปอย่างมากในตอนนี้ นอกเหนือจากสิ่งอื่นใดก็คือตอนนี้เธอนั้นก็ยังถูกจองจำอยู่ในเรียนจำพฤกษา หากต้องการทำลายมันเธอนั้นต้องสูญเสียความแข็งแกร่งลงไปถึง90% นั้นหมายความว่าเธอนั้นจะไม่สีทางที่จะเอาชนะชายชราได้เลย
ความตายนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอกลัว แต่ที่เธอกลัวคือการอยู่ต่อไปโดนไม่สามารถฆ่าตัวตายได้
“ฮ่าๆ เจ้าแห่งความตาย ดูเหมือนว่าเจ้าจะสิ้นฤทธิ์แล้วสินะ”ชายชรากล่าว
“ข้าเห็นกับความงามของเจ้า ข้าจะยอมให้เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าก็แล้วกัน แต่นั้นก็เมื่อเจ้าเป็นนางบำเรอให้กับชายหนุ่มในนิกายของข้าก่อนชายชรากลล่าวอย่างภูมิใจ
เปล๊งๆ! ทันไดนั้นเสียงพิณได้ดังขึ้นมากจาระยะไกลๆ
มันทำให้เธอรู้ว่าอำนาจที่พันธนการร่างกายของเธออยู่นั้นอ่อนแอลงไปนอกเหนือจากนั้นมันกลับเพิ่มความแข็งแกร่งในร่างกายของเธอขึ้น ไม่เพียงแค่นั้นหญิงสาวที่อยู่ที่พื้นก็สามารถสัมผัสมันได้เช่นเดียวกัน ตอนนี้จิตใจของพวกเธอนั้นค่อนข้างสงบมากขึ้นและรู้สึกผ่อนคลาย
ในเวลานี้สีหน้าของชายชราได้เปลี่ยนไปอย่างมาก เขารู้สึกได้ว่าผู้บ่มเพาะที่เก่งกาจของนิกาบเสียงสวรรค์ได้ปรากฏตัวออกมาแล้วในตอนนี้
เช่นเดียวกับเธอที่คิดว่าเป็นคนจากนิกายของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็กลับไม่คุ่นเคยกับเสียงพิณชนิดนี้เลย นอกจากนี้เธอนั้นยังรู้จักทักษะของทุกๆคนในนิกายอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นทักษะที่คล้ายคลึงกับทักษะในนิกายของเธอ ดังนั้นเธอจึงคิดว่าอาจเป็นผู้อาวุโสทีแอบซ่อนอยู่ในนิกายได้มาช่วยเธอไว้
เปล๊ง! เสียงพิณได้ดังขึ้นอีกครั้ง ในครั้งนี้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเธอได้เพิ่มขึ้นอีกและไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดลง
หงส์เพลิงร่ำร้อง(เพลงศึก):สามารถเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของเป้าหมายได้ถึงจุดสูงสุด
หงส์เพลิงร่ำร้อง(เพลิงสงคราม): สามารถเพิ่มความรุนแรงในการจู่โจมของเป้าหมายขึ้นไปอีกสองเท่า
-หงส์เพลิงร่ำร้อง(ทะลวงศึก):เพิ่มความสามารถในการละเลยการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามหนึ่งเท่า
-หงส์เพลิงร่ำร้อง(ระงับ):ทำให้ทักษะของฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถแสดงผลออกมาได้ตามปกติ
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้บรรเลงเพลิงพิณหงส์เพลิงร่ำร้องจู่โจมออกมา
ด้วยพลังวิญญาณของชิงสุ่ยและพิณในมือของเขา ทำให้เพลงพิณของเขานั้นทรงพลังอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้ปราณจักรพรรดิออกาช่วยสนับสนุน
ยิ่งไปกว่านั้นมันนั้นมันยังส่งผลโดยตรงกับกับฝ่ายของชายชรา ด้วยการละเลยการป้องกัน บวกกับความรุนแรงที่ทวีขึ้น ทำให้ตอนนี้มันเรื่องยากอย่างมากที่พวกเขาจะรับมือ
เสียงศักดิ์สิทธิ์!
เสียงเรียกแห่งทวยเทพ!
ระเบิด!
ในการจู่โจมครั้งนี้ ความรุนแรงที่เธอนั้นส่งออกไปนั้นรุนแรงกว่าเดิมถึงสองเท่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องพลังป้องกันของชายชราก็ได้ลดลงไปถึงเท่าหนึ่ง มันทำให้ยากที่เขาจะต้านมันไว้ได้
ดวงตาของชายชราเปิดกว้างขึ้น ก่อนที่ร่างกายของเขาจะระเบิดออก กลายเป็นฝนเลือดในทันที
เช่นเดียวกับคนที่เหลือที่ไม่สามารถรับมือกับเธอได้ พวกเขาทั้งหมดถูกสังหารตายในพริบตา
“ข้าจะขอถามนามท่านอาวุโสที่ยื่นมือเข้ามาช่วยได้รึไม่?”หลังจากนั้นไม่นานเธอคำนับลงไปทางทิศทางของชิงสุ่ย
ในเวลานั้นเองชิงสุ่ยค่อยๆปรากฏตัวออกมาจากจุดหลบซ่อน ออกมายืนข้างๆเธอ
หลังจากที่เห็นชิงสุ่ยเธอนั้นตกตะลึงไปพักใหญ่ ตอนแรกเธอนั้นคิดว่าเป็นอาวุโสที่มากจากนิกายของเธอ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ชายเธอนั้นมั่นใจได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอรู้จักอย่างแน่นอน นั้นเพราะไม่มีชายใดที่สามารถฝึกทักษะของนิกายเธอได้
“เฉินหลิงแห่งนิกายเสียงสรรค์กัมปนาท ขอขอบคุณผู้อาวุโสที่ยื่นมือเข้าช่วย”เธอกล่าวอกมาอย่างสุภาพ
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก สิ่งที่ข้าทำลงไปนั้นสมควรแล้ว ”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“ไม่เลย ผู้อาวุโสนั้น เป็นผู้ที่สมควรได้รับคำชื่นชมจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถทางด้านดนตรีของผู้อาวุโสนั้นก็สูงส่งอย่างมาก หากเทียบกับข้าแล้ว มันนั้นชั่งต่างกันราวกับแสงจากหิ่งห้อยและดวงจันทร์ที่สว่างไสว”เธอกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกท้อแท้
“เรียกข้าว่าชิงสุ่ยเถอะ ข้านั้นก็ไม่ได้อายุมากกว่าท่านมากนักมันจะเป็นการดีกว่าถ้าเรียกข้าด้วยชื่อแทนคำว่าผู้อาวุโส!”ชิงสุ่ยกล่าว
“ท่านคือชิงสุ่ยแห่งหอคอยจักรพรรดิอย่างนั้นรึ?”เธอถามออกมาด้วยความตกตะลึง
เช่นเดียวกับชิงสุ่ยที่แอบตกใจในเวลานี้ เขาไม่คิดว่าชื่อเสียงของเขาจะเป็นที่รู้จักไปทั่วขนาดนี้ เขาได้แค่ยิ้มและกล่าว“ท่านรู้จักข้าด้วยรึ?”
“แน่นอน ท่านนั้นเป็นผู้มีฉายาว่าหมอปาฏิหาริย์มีรึที่ใครจะไม่รู้จักท่าน แต่ที่ข้าประหลาดใจ ก็คือข้าไม่เคยได้ยินว่าท่านนั้นมีความสามารถในด้านดนตรีที่แข็งแกร่งเช่นนี้”ในตอนนี้ดวงตาของเธอนั้นเปล่งประกายอย่างมาก ราวกับหลงใหลไปในตัวของเขา
“จริงสิ ข้านั้นขอช่วยเจ้าสักเรื่องได้รึไม่?”ชิงสุ่ยมองไปทีเธอและยิ้มออกมา
ในตอนนี้หนี้หญิงสาวที่อยู่ข้างล่างนั้นต้องการจะกลายอะไรออกมาแต่ถูกหยุดเอาไว้ด้วยเฉินหลิง เธอนั้นรู้ดีว่าผู้ชายส่วนมากนั้นมักต้องการในตัวของเธอเช่นเดียวกับกลุ่มคนที่ถูกเธอสังหารไป แต่อย่างไรหากชิงสุ่ยนั้นต้องการตัวของเธอๆก็มิอาจปฏิเสธได้เพราะเขานั้นเป็นผู้ช่วยชีวิตของเธอ
เธอคิดอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะกล่าว “แน่นอนตราบเท่าที่ท่านต้องการ ข้าสามารถช่วยท่านได้”
นั้นเพราะสายตายของชิงสุ่ยนั้นชัดเจนอย่างมาก จึงทำให้เธอนั้นคิดว่าเขานั้นต้องการร่างกายของเธออย่างแน่นอน นั้นเป็นเพราะผู้ชายส่วนมากมักจะคิดกับเธอเช่นนั้น
“เจ้าสามารถบอกข้าได้รึไม่ ว่าพระราชวังจอมอสูรนั้นตั้งอยู่ที่ไหนกัน?”ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินหลิงรู้สึกว่าเสน่ห์ในตัวของเธอนั้นด้อยค่าอย่างมากสิ่งที่เขากล่าวออกมานั้นต่างกับสิ่งที่เธอนั้นจินตนาการเอาไว้อย่างมาก มันทำให้เธอรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นเป็นเพียงเธอแค่ฝ่ายเดียว อีกฝ่ายนั้นแทบจะไม่มีความสนใจในตัวของเธอเลย มันทำให้เธอนั้นแอบหงุดหงิดไม่น้อยในตอนนี้