Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1416
บทที่ 1416 – ยาเม็ดตำรับสี่ ต้นกำราบอสูร อสูรใบไม้ผลิ คู่แข่งความรัก?
ขณะที่เขาอยู่ในพระราชวังจอมอสูร ชิงสุ่ยยังคงรู้สึกสูญเปล่า นอกเหนือจากการใช้เวลาของเขาที่หอโอสถ เขาได้พิจารณาดูว่าจะติดต่อเธออย่างไร
เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดเรื่องนี้ เขาก็จะรู้สึกพ่ายแพ้ เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้…
การทำความรู้จักกับฮัวรูเหม่ยเป็นการเริ่มต้นที่ดี ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น เมื่อเขาแข็งแกร่งมากพอ เขาจะสามารถติดต่อกับเธอได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม
ด้วยธรรมชาติของพระราชวังจอมอสูร แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้กับเหล่าอำนาจอื่นๆ เมื่อถึงเวลา มันจะยากสำหรับพวกเขาที่จะติดต่อกัน!
ยาเม็ดตำรับสี่!
ชิงสุ่ยได้ศึกษาสูตรการเล่นแร่แปรธาตุในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ความแตกต่างระหว่างสูตรยาเม็ดตำรับคู่และยาเม็ดตำรับสี่คือสูตรยาหนึ่งสามารถเพิ่มจำนวนยาเม็ดขึ้นเป็น 2 เท่า และอีกสูตรจะเพิ่มยาเม็ดขึ้นถึง 4 เท่า นอกจากนี้ ถ้าหากใช้สูตรยาเม็ดตำรับคู่ก่อนหน้า เมื่อใช้ยาเม็ดตำรับสี่จะสามารถเพิ่มได้เพียง 2 เท่า
ผลของมันไม่สามารถทับซ้อนกันได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาใช้สูตรยาเม็ดตำรับคู่ เขาจะไม่สามารถทำได้ 4 เท่าแม้จะเป็นยาเม็ดตำรับสี่
ชิงสุ่ยมองดูรายชื่อสมุนไพรที่อยู่ในสูตรยาเม็ดตำรับสี่ เขาตระหนักว่าครึ่งหนึ่งของพวกมันเหมือนกับสูตรยาเม็ดตำรับคู่ มันจะต่างก็เพียงอายุของสมุนไพรที่มากขึ้น
เขารู้สึกว่าถ้าเขาพยายามขัดเกลามันตอนนี้อัตราความสำเร็จไม่ถือว่าต่ำ อย่างไรก็ตามอัตราความล้มเหลวก็ยังคงสูงอยู่ หลังจากใช้ความคิดบางอย่าง เขายังตัดสินใจที่จะขัดเกลามัน
เมื่อเร็วๆนี้ ชิงสุ่ยเริ่มที่จะเข้าถึงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 5 แล้ว
ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 เป็นจุดที่สำคัญ มีเส้นแบ่งระหว่างยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 มันค่อนข้างง่ายที่จะกระโดดจากยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 ไปยังยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 5
หลังจากที่ทุกอย่างได้รับการจัดเตรียมแล้ว ชิงสุ่ยได้เริ่มต้นการขัดเกลายาเม็ดตำรับสี่ เขาเข้าใจแล้วว่าถ้าเขาต้องการที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ตระกูลชิงและคนรอบๆตัวเขา เขาสามารถทำได้ผ่านทางยาเม็ด สำหรับศิลปะการต่อสู้ เขารู้สึกว่ายังต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพวกเขา เขาคิดว่ามีเคล็ดวิชามากมายที่ไม่เหมาะสมสำหรับพวกเขา
อย่างไรก็ตามยังมีบางส่วนที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่นหมิงเยวี่ยเก้อโหลวที่ฝึกฝนเคล็ดรูปแบบพยัคฆ์และอี่หวงกู่ซึ่งเข้าถึงมันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แม้กระทั่งชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าเขาไม่อาจสู้อี่หวงกู่หวู๋ได้
ยาเม็ดเลื่อนขั้นเมฆามรกต ยาเม็ดสวรรค์หยาง ยาเม็ดบรรพกาลแรถุกเริ่ม ยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณสวรรค์เญิ่น และ ยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณสวรรค์ตู เข็มทองคำฟื้นฟูร่างกาย กายาทองคำ 9 หยาง… ทั้งหมดล้วนเป็นรากฐานของชิงสุ่ย และหากมีเวลาเพียงพอ ในท้ายที่สุดชิงสุ่ยก็จะพัฒนาขึ้น
คราวนี้เขาพยายามขัดเกลายาเม็ดตำรับสี่ ชิงสุ่ยไม่ได้ใส่ใจโอกาสสำเร็จหรือล้มเหลวเป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะล้มเหลวเขาก็จะได้เรียนรู้บางสิ่งจากมันและได้รับประสบการณ์เพิ่มเติม จากนั้นเมื่อถึงเวลาแล้ว เขาจะสามารถขัดเกลาให้ประสบความสำเร็จได้
เมื่อมองไปที่ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต ชิงสุ่ยนึกถึงอสูรใบไม้ผลิในพระราชวังจอมอสูร เขาเคยได้ยินเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่เห็นมันด้วยตัวเอง ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าอสูรใบไม้ผลิเป็นอย่างไร แต่เขารู้สึกว่าชื่อดังกล่าวฟังดูชั่วร้ายเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินว่ามันสามารถปลุกจิตมารได้ อสูรใบไม้ผลิจะไม่มีผลต่อคนธรรมดา มันจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีมารในหัวใจเท่านั้น ทุกคนมีมารอยู่ในหัวใจ แต่มารในที่นี่จะต้องเป็นสิ่งที่สามารถถูกปลุกให้ตื่นขึ้นได้
ตัวอย่างเช่นคนผู้หนึ่งไม่กล้าที่จะฆ่าผู้อื่น แต่ถ้ามีผู้อื่นมาฆ่าในครอบครัวของเขาจนหมด เขาก็กล้าที่จะฆ่าศัตรูของเขา ในสถานการณ์เช่นนี้มารในตัวของเขาถือว่าถูกปลุกให้ตื่นขึ้น อสูรฤดูใบไม้ผลิมีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้คนเหล่านี้ ดวงไฟแห่งจิตวิญญาณของคนผู้นั้นจะลุกโชน การฝึกตนจะพัฒนาขึ้นอย่างมาก สำหรับการที่จะก้าวหน้าไปได้ไกลแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถและระดับความเข้าใจของแต่ละคน
ความสามารถ ความเข้าใจ และพลังของคนผู้หนึ่งจะเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามข้อผิดพลาดเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้มารร้ายในหัวใจเข้าครอบงำเมื่อเกิดสภาวะลมปราณแตกซ่าน
แม้กระนั้นก็มีต้นกำราบอสูรอยู่ข้างๆอสูรใบไม้ผลิ เมื่อชิงสุ่ยได้ยินเรื่องนี้ เขานึกถึงต้นโพธิ์ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขารู้สึกว่าต้นกำราบอสูรอาจเป็นต้นโพธิ์
ต้นกำราบอสูรจะออกผลกำราบอสูรและสามารถนำมันมากลั่นเป็นยาเม็ดกำราบอสูรได้ มันสามารถป้องกันไม่ให้คนผู้หนึ่งเข้าสู่สภาวะลมปราณแตกซ่านได้นานหลายปี นี่เป็นพื้นฐานของพระราชวังจอมอสูร หากต้นกำราบอสูรถูกทำลาย พระราชวังจอมอสูรจะเกิดความโกลาหลจากภายในไปอีกเป็นเวลาหลายปี
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยได้คิดถึงเรื่องต้นโพธิ์ ผลของต้นโพธิ์ยากมากที่จะได้มา มันคงจะต้องพึ่งโชคลาภ บางทีต้นของมันอาจไม่จำเป็นต้องออกผล
ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยจะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อไปดูต้นกำราบอสูร
หลังจากหยุดคิดเรื่องอื่น ชิงสุ่ยก็ทำการขัดเกลายาเม็ดตำรับสี่ต่อ เขาทำมันอย่างระมัดระวังและไม่ได้กังวล เขาตั้งใจจะเก็บประสบการณ์ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ได้ทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขมาก มันประสบความสำเร็จแล้ว…
ยาเม็ดตำรับสี่!
คุณสมบัติ : สามารถเพิ่มปริมาณยาเม็ดได้เป็น 4 เท่าและสามารถทับซ้อนกับผลที่คล้ายกันได้
ชิงสุ่ยมีความสุขมาก การทับซ้อนที่กล่าวถึงควรเป็นไปได้ว่าถ้าเขาใช้ยาเม็ดตำรับคู่ ยาเม็ดตำรับสี่จะใช้ได้เพียง 2 เท่า
…
พระราชวังจอมอสูรเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งมาก แม้พวกเขาจะมีเพียง 12 สาขากับสมาคมผู้อาวุโส โดยทั่วไปสมาคมผู้อาวุโสจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพื้นๆ อย่างไรก็ตามทั้ง 12 สาขานั้นทรงพลัง นอกเหนือจากหอโอสถ ผู้คุมกฏคนอื่นๆอีก 11 คนมีฐานะเป็นผู้นำอสูร
ผู้นำอสูรจิน!
ผู้นำอสูรจินเป็นผู้ที่ปกครองผู้คุมกฏ เขาเป็นผู้นำอสูรที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาคนเหล่านั้น เขาแข็งแกร่ง รูปงาม และมีอนาคตที่สดใสมาก หลายคนรู้ว่าเขาชอบประมุขอสูร
ผู้นำอสูรจินไม่เคยยอมรับ ไม่เคยทำอะไรนอกเรื่องเลย ต่อหน้าประมุขอสูร เขาจะทำให้ดีที่สุดเสมอ เขามอบทุกสิ่งที่มีให้กับประมุขอสูร ทั้งหมดนั้นก็เพื่อประโยชน์ของประมุขอสูร
อะไรดลใจให้คนเช่นนี้มาหาชิงสุ่ยในวันนี้
เมื่อเร็วๆนี้ ชื่อเสียงของชิงสุ่ยค่อนดีในพระราชวังจอมอสูร ทุกคนรู้ว่าเขาได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แม้แต่ประมุขอสูรก็เคยร่วมกินอาหารกับเขามาก่อน …
พลังของข่าวลือนั้นรุนแรงมาก ตอนนี้หลายคนรู้ว่าหมอเทวดาชิงสุ่ยได้มาที่พระราชวังจอมอสูรเพื่อประมุขอสูร
มีคนบอกว่าชิงสุ่ยเป็นเหมือนคางคกที่กระสันอยากแตะต้องหงส์ ปรารถนาที่จะได้สิ่งที่เขาไม่คู่ควร มีคนบอกว่าชิงสุ่ยกำลังแข่งขันกับผู้นำอสูรจิน และยังมีคนกล่าวว่าทักษะทางการแพทย์ของชิงสุ่ยอาจช่วยเหลือประมุขอสูรได้ ดังนั้นข่าวลือจึงทำให้ฟังดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างชิงสุ่ยกับประมุขอสูรจะใกล้ชิดกันมาก
ชิงสุ่ยมองไปที่ชายรูปงามและดูดี เขาสงสัยว่าหากชายคนนี้ออกไป เขาจะได้รับประโยชน์จากหญิงบางคน…
“ยินดีที่ได้พบ ข้าชื่อ จิน ชื่อ”
ชายคนนั้นทักทายชิงสุ่ยอย่างจริงจัง
นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้พบกัน!
“ยินดีที่ได้พบ ข้าชื่อชิงสุ่ย”
“พวกเราทั้งสองเป็นสมาชิกของพระราชวังจอมอสูร ดังนั้นพวกเราจึงสามารถพูดคุยกันได้ ทำไมพวกเราไม่นั่งลงและมาคุยกันดี?” จินชื่อยิ้มและมองไปที่ชิงสุ่ย
“ตกลง เชิญทางนี้” ชิงสุ่ยยิ้มและต้อนรับจินชื่อ
“ข้าขอทราบหน่อยได้หรือไม่ว่าผู้นำอสูรจินมาที่นี่ในวันนี้ทำไม?” แม้ว่าชิงสุ่ยจะคาดเดาเหตุผลได้บ้าง แต่เขาก็ไม่ค่อยแน่ใจ
“น้องชายชิง เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพ เจ้าจะเรียกข้าแค่จินชื่อก็ได้”
“พี่ชายจิน ข้าจะไม่มากพิธีแล้ว”
“มันเป็นโชคชะตาที่พวกเราได้พบกัน มันทำให้พวกเราเจอกันในวันนี้” จินซียิ้มและมองไปที่ชิงสุ่ย
“ข้าไม่ชอบพูดถึงเรื่องโชคชะตา”
“ตกลง เอาหล่ะ ข้าจะตัดมันไป ข้าชอบประมุขอสูร…” เมื่อจินชื่อกล่าวอย่างนี้ น้ำเสียงของเขายังคงฟังดูไม่ค่อยมั่นใจ
ชิงสุ่ยยิ้มให้ “หากพี่ชายจินชอบประมุขอสูร เช่นนั้นทำไมท่านไม่ไปบอกนาง? มันไร้ประโยชน์ที่จะพูดกับข้า”
“อะแฮ่ม… น้องชายชิง ได้โปรดพูดความจริงออกมา พวกเราเป็นผู้ชายด้วยกัน เจ้าชอบประมุขอสูรงั้นหรือ?” จินชื่อตกใจกับคำพูดของชิงสุ่ย
“ถึงแม้ว่าประมุขอสูรจะเย็นชาและหยิ่งยโส แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ชอบนาง ถูกต้อง ข้าชอบประมุขอสูร แต่ท่านควรรู้ไว้ว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะชอบนาง” เมื่อชิงสุ่ยคิดถึงเธอ เขาก็รู้สึกพ่ายแพ้ อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่าเขายังคงมีข้อดีบางอย่าง เขารู้สึกสงบขึ้นเล็กน้อย
“ถูกต้อง ดังนั้นข้าจึงไม่รู้สึกอะไรแม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้าชอบประมุขอสูร ในทางตรงกันข้าม ข้ารู้สึกใกล้ชิดกับเจ้า เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ข้ารู้ตัวว่าไม่มีหวัง แต่ข้าไม่สามารถละทิ้งความรู้สึกไปได้ จนกระทั่งตอนนี้ข้าไม่พบใครที่มีความเป็นไปได้ที่จะพิชิตใจนางเช่นกัน” จินชื่อกล่าวด้วยความขมขื่นเล็กน้อยขณะมองชิงสุ่ย
“ถ้านางชอบผู้อื่น ท่านจะรู้สึกเศร้างั้นหรือ?” ชิงสุ่ยยิ้มและถาม
“แน่นอน แต่ข้าเพียงแค่เศร้า ข้าอยากให้นางอยู่กับข้าอย่างมีความสุขมากกว่าให้นางมีความสุขกับผู้อื่น ข้าพูดจริงๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่หัวเราะเยาะข้า” จินซีกล่าวตรงๆ
นี่เป็นสิ่งที่ผู้คนในพระราชวังจอมอสูรเป็น แต่ชิงสุ่ยชอบเรื่องนี้ “ข้าจะหัวเราะเยาะอะไรท่าน? ข้าก็คิดแบบเดียวกัน ข้าไม่ชอบพวกที่หน้าซื่อใจคดและผู้ที่สนใจแต่ชื่อเสียงของตนเองไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ตาม”
“ถูกต้อง ช้ารู้สึกจริงๆว่ามันเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่ได้พบเจ้า แต่ข้าไม่อาจหลีกทางให้เจ้า” จินซีมองไปที่ชิงสุ่ย และพูดอย่างจริงจัง
“ผู้หญิงไม่ใช่สิ่งของที่เอาไว้มอบให้ นอกจากนี้ประมุขอสูรไม่ใช่ผู้ที่ใครสามารถเอื้อมถึงได้ มันอาจดูไร้ประโยชน์ที่พวกเราพูดอะไรกัน หากชายใดก็สามารถพิชิตใจนางได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นพวกเราคงไม่ต้องมาจนถึงตอนนี้” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างหมดหนทาง
“มันก็จริง หากเจ้าสามารถพิชิตใจนางได้ ข้าจะร่วมยินดีกับเจ้า” จินซีกล่าวอย่างจริงจัง
“ท่านไม่สาปแช่งข้างั้นหรือ?”
“ข้าจะไม่ทำ ข้าไม่ทำสิ่งใดลับหลังผู้อื่น”
“เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้เป็นเพราะมีบางอย่างที่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า” จินชื่อใช้ความคิดและกล่าว
“โอ๊ะ พี่ชายจินโปรดบอกมาเถอะ” ชิงสุ่ยรู้สึกว่านี่เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่จินชื่อมาที่นี่
“ข้าอยากให้น้องชายชิงช่วยให้ข้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น ข้าเริ่มที่จะแก่ ข้าสงสัยว่าน้องชายชิงสามารถช่วยข้าเรื่องนี้ได้หรือไม่” จินชื่อกล่าวอย่างใจเย็น
ชิงสุ่ยไม่คาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนี้จินชื่อดูเหมือนชายวัยกลางคนเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เขาจะเข้าสู่ช่วงหลังของวัยกลางคนซึ่งจะทำให้เขาดูแก่และสภาพแย่ลง
ชิงสุ่ยรู้ว่าจินชื่อไม่ยอมแพ้ต่อประมุขอสูร เขาเป็นคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ ดังนั้น ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตราบเท่าที่ประมุขอสูรยังไม่ได้รักใคร จินชื่อก็จะไม่ยอมแพ้