Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1417
บทที่ 1417 – พระราชวังมังกร? ซากปรักหักพังโบราณ
จินชื่อมองชิงสุ่ย ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังโต้ตอบกันอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าชิงสุ่ยเป็นสมาชิกของพระราชวังจอมอสูร? เช่นนั้นจินชื่อก็ไม่ต้องติดหนี้บุญคุณสำหรับสิ่งที่เขาทำให้
ตั้งแต่จินชื่อมาหา ชิงสุ่ยก็คาดเดาว่าจินชื่อต้องรู้ว่าเขามีวิธีรักษาความเยาว์วัย การช่วยเหลือไม่ได้เป็นปัญหา เขาสามารถใช้มันเป็นการสร้างความประทับใจได้ เขารู้สึกว่าโอกาสที่ดีได้มาถึงแล้ว
ความประทับใจครั้งแรกสำหรับผู้หญิงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งมันเป็นเหตุผลที่ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขามีข้อได้เปรียบ แน่นอนว่าเขาเป็นคนแรกที่ประมุขอสูรจะคิดถึงเมื่อเลือกคู่ครอง เขายังคงมีโอกาสที่ดีกว่าแม้ว่าจะต้องต่อส็กับคนที่โดดเด่นกว่าเขามากก็ตาม มีคนจำนวนไม่มากนักที่โดดเด่นกว่าเขา แม้ว่าจะไม่รวมข้อกำจัดเรื่องอายุ
“ตกลง ท่านไม่ต้องขอบคุณ พวกเราไม่ใช่สหายกัน ข้าไม่ชอบวุ่นวายกับเรื่องนี้มานัก” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสงบ
จินชื่อรู้สึกไม่ดี จากสิ่งต่างๆเดิมทีเขามาเพื่อพูดคุยเรื่องประมุขอสูร แต่ท้ายที่สุดก็เป็นการรักษาความเยาว์วัย เรื่องนี้ทำให้มันน่าสงสัยว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเขาคืออะไร
“ข้าจะปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเจ้า น้องชายชิง ถ้ามีอะไรที่เจ้าต้องการก็เพียงแค่พูดมันมา” จินชื่อกล่าวอย่างจริงจัง
นี่คือสิ่งที่ชิงสุ่ยต้องการ ยังคงมีสิ่งต่างๆมากมายที่เขาจะต้องทำที่พระราชวังจอมอสูร ซึ่งเขาต้องการความช่วยเหลือบ้าง แม้ว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโส แต่เขาก็ไม่มีอำนาจมากนัก มันแตกต่างจาก 12 ผู้คุมกฏ
ปัจจุบันชิงสุ่ยอยู่ในหอโอสถ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้อาวุโสที่ช่วยรักษาร่างกายของประมุขอสูรด้วย ตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งรองผู้นำหอโอสถและได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้นำอสูร
ผู้นำคนปัจจุบันได้ยืนกรานที่จะให้ชิงสุ่ยขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ แต่ชิงสุ่ยปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ดำรงอยู่ในตำแหน่งต่อไป อย่างไรก็ตามสมาชิกเกือบทุกคนของหอโอสถรู้ว่ามันเป็นเพียงเรื่องของเวลา ก่อนที่ชิงสุ่ยจะขึ้นมาเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว
หอโอสถมีสมาชิกน้อยที่สุด ถึงกระนั้นก็ยังเป็นจำนวนที่มาก มันเป็นหนึ่งใน 12 สาขา ถ้าหากมีสมาชิกน้อยเกินไป มันก็จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในสิบสอง
“พี่ชายจิน ท่านไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก ยาเม็ดนี้สามารถรักษาความเยาว์วัยของท่านได้เป็น 100 ปีและช่วยในการรักษาด้วย ท่านสามารถตัดสินใจได้ว่าจะกินมันเมื่อไหร่” ชิงสุ่ยยิ้มและส่งยาหอมมรกตทองคำให้กับเขา
“โอ๊ะ เช่นนั้นข้าจะเก็บมันไว้ก่อน มันอาจเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นระหว่างพระราชวังจอมอสูรกับพระราชวังมังกร” จินชื่อเก็บมันไว้อย่างระมัดระวัง เขาไม่อยากให้ยาเสียหาย
“การต่อสู้กับพระราชวังมังกร? มีเวลาอีกครึ่งเดือน?
ชิงสุ่ยถึงกับผงะ ดูเหมือนว่าความรอบรู้ของเขายังไม่มากพอ เหตุผลเป็นเพราะชื่อของพระราชวังมังกรเป็นสิ่งที่เขาไม่รู้ว่ามีอยู่จริง
“พระราชวังมังกรเป็นพวกที่ทรงพลังในห้วงสมุทรมังกรแห่งมหาทวีปมังกรอหังกาล การดำรงอยู่ของพวกเขาเป็นเหมือนภาพลวงตา คนเหล่านี้อาศัยอยู่ในมหาสมุทร พวกเราเป็นที่รู้จักกันว่าแข็งแกร่งมากในน้ำ มีพระราชวังขนาดใหญ่อยู่ลึกลงไปใต้มหาสมุทรและมีอสูรอมตะนิรันดร์ที่ทรงพลังไว้ในครอบครอง” จินชื่อบอกชิงสุ่ยแบบตรงไปตรงมา
อสูรอมตะนิรันดร์นั้นเฉลียวฉลาดเหมือนวิหคเพลิงนรกานต์และมังกรไอยราเกล็ดทองคำ แม้ว่าจะไม่ฉลาดเหมือนมนุษย์ แต่พวกมันก็ระมัดระวังความปลอดภัยของตัวเองเป็นอย่างดี นอกจากนี้พวกมันยังทะนงตนและยึดมั่นในตัวเอง
สำหรับสัตว์อสูร โดยเฉพาะสัตว์อสูรที่ชาญฉลาด มนุษย์นั้นจะอยู่ต่ำกว่า มนุษย์มีร่างกายที่อ่อนแอกว่ามากและอาวุธด้อยกว่า ความคล่องตัว การปรับตัวก็น้อยกว่า ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือมนุษย์เป็นพวกหลอกลวง มันเป็นสิ่งที่สัตว์อสูรสะพรึงกลัว แต่อย่างไรพวกมันก็ไม่คิดว่ามนุษย์เป็นเลิศกว่า เช่นเดียวกับที่มนุษย์ไม่คิดว่าสัตว์อสูรดีกว่า
สัตว์อสูรในทะเลที่แข็งแกร่งนั้นยิ่งน่ากลัว สัตว์ในน้ำมักจะมีจิตวิญญาณที่สูง บางตัวใกล้ชิดกับมนุษย์ เช่นเงือก
นางเงือกมักจะถูกคิดว่าเป็นสิ่งที่งดงามและอ่อนโยน แต่ที่นี่ในโลก 9 มหาทวีป พวกมันแตกต่างออกไป ชิงสุ่ยยังไม่เคยพบพวกมัน แต่ข่าวลือเล่าว่าการต่อสู้อันลึกลับนี้เกิดขึ้นลึกลงไปในมหาสมุทร
เงือกเป็นราชาที่แท้จริงของมหาสมุทรลึกและอยู่เหนือห่ายหลง เงือกและมนุษย์มีความคล้ายคลึงกันมาก พวกมันมีขา รูปกายภายนอกของพวกเขาเหมือนมนุษย์ พวกเขาปรับตัวให้เข้ากับมหาสมุทรมากขึ้นและพลังการต่อสู้ของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในทะเล แต่จะลดลงเมื่ออยู่บนบก
ตำนานของเงือกเป็นปริศนาที่ลึกลับเสมอมา ตำนานเล่าว่าพวกมันมีวิวัฒนาการมาจากมนุษย์ที่ปรับตัวให้อาศัยอยู่ในมหาสมุทรและงดงามมาก มีทั้งเงือกชายและหญิงที่อาศัยอยู่ในพระราชวังใต้น้ำ
ทะเลของโลก 9 มหาทวีปนั้นน่ากลัวเหมือนพื้นดิน บางทีอาจมากกว่าด้วยซ้ำ
ส่วนเรื่องพระราชวังมังกรแห่งมหาทวีปมังกรอหังกาล พวกเขาไม่รู้ว่าเหล่าเงือกจะเข้าร่วมด้วยหรือเป็นห่ายหลง
ตามตำนานเงือกเชี่ยวชาญในด้านพลังวิญญาณและมีความสามารถด้านธาตุน้ำ แต่เนื่องจากสายพันธุ์นี้อาศัยอยู่ในทะเลลึกและแข็งแกร่งมาก คนปกติจึงจะไม่พบพวกมัน
“พี่ชายจิน ข้าสงสัยว่าพวกเราจะส่งใครเข้าร่วม?” ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับว่าต้องการให้เป็นตัวเอง ตอนนี้เขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน อย่างน้อยที่สุดจินชื่อก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้ เขาสามารถฆ่าได้อย่าง่ายดาย
“พระราชวังมังกรไม่ใช่คู่ต่อกรที่ง่าย คนในสาขาจะถูกส่งออกไป พร้อมด้วยประมุขอสูรและรองประมุข” จินชื่อไม่ได้ปิดซ่อนมัน
……
หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็ออกไปและไปหารองประมุข ฮัวรูเหม่ย
ผิวของฮัวรูเหม่ยดูน่ามองและดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์ดี ทันทีที่เธอเห็นชิงสุ่ย เธอก็ลากเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น ชิงสุ่ถูจมูกของเขา ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างสนิมสนม มันราวกับว่าพวกเขาเป็นพี่น้องแท้ๆกัน
ความรู้สึกมั่นคงและไม่ได้แสร้งทำเลย บางสิ่งบางอย่างไม่อาจเสแสร้งได้
“พี่สาว มันเป็นความจริงหรือไม่ที่พวกเรากำลังจะต่อสู้กับพระราชวังมังกรในอีกครึ่งเดือน?”
“ข้ารู้ว่าเจ้ามาหาข้าเรื่องนี้ ข้าได้ใส่ชื่อของเจ้าไปแล้ว เจ้าช่างใจร้อนนัก” ฮัวรูเหม่ยยิ้มให้กับชิงสุ่ย
ความเขินอายจางปรากฏบนใบหน้าของชิงสุ่ย “ข้ารู้ว่าพี่สาวจะปฏิบัติต่อข้าอย่างดีที่สุด”
“เก็บคำพูดหวานๆของเจ้าไว้เถอะ มันเห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่จริงใจ” ฮัวรูเหม่ยไม่สามารถหยุดหัวเราะได้
“พี่สาว พระราชวังมังกรแข็งแกร่งแค่ไหน?” เขารู้สึกว่าฮัวรูเหม่ยรู้มากกว่านี้
“มีนิกายที่แข็งแกร่งมากมายในมหาทวีปมังกรอหังกาล พระราชวังมังกรเป็นสิ่งที่พิเศษอย่างยิ่ง พวกเขาเป็นเหมือนพลังแห่งความยุติธรรมและเป็นหนึ่งในผู้คนที่มุ่งเป้ามาที่ประมุขแห่งพระราชวังอสูร”
“ข้าสงสัยว่าพวกเราจะต่อสู้กับพระราชวังมังกรที่ใดในครั้งนี้?” ชิงสุ่ยถามด้วยความอยากรู้
“มีซากโบราณสถานอยู่ในมหาทวีปมังกรอหังกาลและมันก็ถูกทิ้งร้างมายาวนาน มันเป็นสนามต่อสู้ การต่อสู้เกิดขึ้นที่นั่นเสมอ”
“ซากโบราณสถาน?”
ชิงสุ่ยตระหนักว่าเขาเกิดความกลัว เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับซากโบราณสถานและสนามต่อสู้โบราณมาก่อน แต่คราวนี้เขาได้ยินมันด้วยหูของตัวเองและเขากำลังจะได้เห็นสนามรบในสมัยโบราณด้วยตาของตัวเองเร็วๆนี้
“ถูกต้อง ไม่มีอะไรเหลือมากนักในสนามต่อสู้โบราณ แต่เป็นไปไม่ได้ที่ทุกอย่างถูกนำไปจนหมด ด้วยความโชคดี พวกเราอาจพบบางสิ่งที่ดี มันเป็นสถานที่พิเศษ ภายในมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังและชั่วร้าย บางคนบอกว่าซากโบราณสถานเป็นส่วนลึกลับของมหาทวีปอุดรเทวา”
ฮัวรูเหม่ยกล่าวต่อ “เรื่องนี้ไม่ได้รับการยืนยัน มันเป็นแค่การหวังผลกำไรเท่านั้น”
“เป็นไปได้หรือไม่สำหรับผู้อื่นที่ไม่ใช่พระราชวังมังกรจะเข้าไป?” ชิงสุ่ยคิดและถาม
“แน่นอน และในความเป็นจริงมีความเป็นไปได้สูงมาก แต่การเข้าไปที่นั่นจำนวนมากก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี ภายในมันจะวุ่นวายและยิ่งเป็นอันตราย พระราชวังจอมอสูรมีข้อได้เปรียบ ดังนั้นจำนวนจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ พวกเราควรจะระมัดระวังตัวให้มาก ไม่ว่ากองกำลังจะมีแค่ไหน ตราบเท่าที่มีคนที่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าแม้มีเพียงคนเดียวก็เพียงพอ” ฮัวรูเหม่ยกล่าวและยิ้ม
“พวกเรายังไม่ใช่เช่นนั้น พระราชวังอสูรมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งหรือไม่?” ชิงสุ่ยด้วยคิดถึงสี่ขุมพลังแห่งปีศาจอันยิ่งใหญ่ในใจ
“ไม่มี!”
“เกี่ยวกับนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาท พวกเราไม่ได้เคยทำงานร่วมกันมาก่อนหรือ?”
“แน่นอนว่าเคย แต่พวกเราไม่ใช่พันธมิตรกัน บางครั้งพวกเรามีศัตรูร่วมกัน อันที่จริง ผู้คนพูดว่าสี่ขุมพลังแห่งปีศาจอันยิ่งใหญ่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายพระราชวังอสูรและนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทคู่หนึ่ง อีกคู่เป็นนิกายสาปอสูรและหุบเขากระชากวิญญาณ” ฮัวรูเหม่ยกล่าว
“ข้าชนเข้ากับใครบางคนจากกายเสียงสวรรค์กัมปนาทเมื่อตอนที่ข้ามาที่นี่ พวกเขากำลังต่อสู้กับคนจากพระราชวังวสันต์นิรันดร ดังนั้นข้าจึงให้ความช่วยเหลือ”
“เฉินหลิงนั้นงดงามมาก มันต้องไม่ใช่นาง!” ฮัวรูเหม่ยอุทานทันที
“ถูกต้อง แน่นอนว่านางงดงาม ชายส่วนใหญ่ไม่สามารถแตะต้องนางได้ เนื่องจากกระดูกแห่งจิ้งจอกอมตะ” ชิงสุ่ย ส่ายหัวและหัวเราะ
“เจ้าไม่ได้ดูเหมือนจะรู้สิ่งเหล่านี้ ที่นี้ มาลองดูกันว่าร่างกายข้าเป็นอย่างไร” ฮัวรูเหม่ยกล่าวและหัวเราะ
“ท่านอยากรู้จริงงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยคิดก่อนพูด
“แน่นอน!”
“พี่สาว ร่างกายของท่านช่างทรงเสน่ห์ สามีของท่านช่างโชคดี” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
“โอ๊ะ เจ้ากล้าหยอกล้อข้าหรือ?” ฮัวรูเหม่ยคว้าชิงสุ่ยเอาไว้ ใบหน้าของเธอแดง เฉพาะเธอที่รู้ว่าสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวถูกต้อง
“ไม่ ข้าไม่กล้า” ชิงสุ่ยเปลี่ยนหัวข้อแล้วหยิบจี้หยกอินทนิลให้เธอ
“การพบเจอเจ้าข่างเปลี่ยนแปลงชีวิตข้าจริงๆ” ฮัวรูเหม่ยยอมรับจี้อย่างมีความสุขโดยไม่กล่าวขอบคุณ
“ท่านจะอยู่อย่างสบาย แม้หากท่านไม่ได้เอ่ยก็จะมีผู้เข้ามาช่วยเหลือท่าน”
“เจ้าเป็นผู้ช่วยชีวิตของข้า ข้าจะไปนำอาหารมา มากินด้วยกันเถอะ” เธอกล่าวในขณะที่หัวเราะ
“ข้าจะไปกับท่าน”
แม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะได้พบกัน ชิงสุ่ยและฮัวรูเหม่ยต่างก็ใกล้ชิดกันมาก ชิงสุ่ยถือได้ว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตของเธอและชิงสุ่ยรู้สึกว่าฮัวรูเหม่ยปฏิบัติต่อเขาได้ดีมาก ไม่ว่าเขาจะมองเธอแบบไหน เธอก็เป็นเหมือนกับพี่สาวคนโต
“ชิงสุ่ย เมื่อพวกเราไปที่ซากโบราณสถาน พวกเราจะไปด้วยกัน ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะสามารถต่อสู้เคียงข้างประมุขอสูรได้” ฮัวรูเหม่ยยิ้มให้ชิงสุ่ย