Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1440
บทที่ 1440 – สังหารในทันที ล่าถอย คล้ายคลึงกับเศียรมังกร
ชายชราคนนี้เคยช่วยเขามาก่อนในอดีต แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ทราบสาเหตุที่ชายชราตัดสินใจทำเช่นนั้น แต่เขารู้สึกว่เหตุผลคงไม่ใช่เรื่อง่ายๆอย่างโชคชะตา
“เจ้าและพ่อช่างคล้ายกันเสียจริง”
ทันใดนั้นคำพูดของผู้เป็นแม่ก็แวบผ่านเข้ามาในหูของเขา มันจะเป็นเรื่องดีถ้าชายชราคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มมังกรอหังกาล นั่นคงนับว่าโชคดี อย่างไรก็ตามชายชราในตอนนี้เป็นถึงผู้พิทักษ์สูงสุดแห่งมังกรอหังกาล กลุ่มคนที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ก่อนหน้า
มันอาจเป็นเรื่องง่ายในอดีต แต่ ณ ตอนนี้ เขาเป็นสมาชิกของพระราชวังจอมอสูรแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
ตรงกันข้ามกับความสับสนของชิงสุ่ย ชายชราดูเหมือนจะมึนเมาเล็กน้อย ในตอนแรกชิงสุ่ยไม่ได้อยู่ในสายตาของชายชรา แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ยากที่จะเข้าใจ
ที่ผ่านมาชายชราคิดว่าชิงสุ่ยคล้ายคลึงกับผู้นำมังกรอหังกาล ดังนั้นโดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ เขาตัดสินใจที่จะช่วยชิงสุ่ย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดคิดว่าชิงสุ่ยจะเติบโตมาจนน่าทึ่งขนาดนี้
“พี่ชาย มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันว่าพวกเราจะได้พบกันอีกในสถานการณ์แบบนี้ ข้าเห็นแล้วว่าท่านมาจากกลุ่มมังกรอหังกาล แน่นอนว่าข้าจะไม่ลงมือใดๆก่อน สำหรับโลงศพนี้ ข้าให้ท่านลงมือได้ก่อน หากพวกท่านสามารถนำมันไปได้ มันก็จะเป็นของท่าน ท่านคิดว่าอย่างไรกับเรื่องนี้?” ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากพิจารณาสั้นๆ
“เจ้าเติบโตขึ้นมาก ข้านึกถึงวันที่เราจะได้พบกัน แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วและอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ตัวแทนของพวกเจ้ามีเท่าไหร่?” นักปราชญ์สุขสำราญกล่าวอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
ชิงสุ่ยมองไปที่ประมุขอสูรและเธอก็พยักหน้า ท่าทางนี้ทำให้หัวใจของชิงสุ่ยอบอุ่นขึ้นในทันที
“ตัวแทนมีข้าและประมุขอสูร” ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เขาหันไปมองชายชรา
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าทั้งสองจะน่าสนใจไม่น้อยในตอนนี้ ข้ารู้สึกเศร้ากับมัน ข้าเคยเห็นผู้ที่คล้ายกับเจ้า ข้าสงสัย เจ้ามีญาติอยู่ที่อื่นบ้างหรือไม่?” นักปราชญ์สุขสำราญกล่าวอย่างสงบ
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่านักปราชญ์สุขสำราญรู้เรื่องบางอย่างแน่นอน มิฉะนั้นเขาคงไม่พูดอย่างนี้โดยไม่มีเหตุผล
ชิงสุ่ยดูสงบลง ประมุขอสูรดูงุนงงขณะจ้องมองเขา เธอตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที จากนั้นเธอก็หันไปหาชิงสุ่ย “เจ้าดูคล้ายกับผู้นำแห่งกลุ่มมังกรอหังกาล”
“ผู้นำแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลหรือ?”
ชิงสุ่ยถามด้วยความสับสน
“ผู้นำแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลหรือที่เรียกกันว่าเศียรมังกร” ประมุขอสูรอธิบาย
ตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่ากลุ่มเศียรมังกรนี้น่าจะเป็นใครที่เขากำลังมองหาอยู่
“มีคนมากมายที่ดูคล้ายกัน ข้ามาจาก 5 มหาทวีป ดังนั้นความเป้นไปได้ที่พบปะใครสักคนที่ข้ารู้จักย่อมน้อยนิด” ชิงสุ่ยไม่ต้องการที่จะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของเขากับผู้ชายคนนั้นในขณะนี้
โลกนี้ความกตัญญูกตัญญูมีคุณค่าอย่างยิ่ง ถ้าชายคนนั้นเป็นพ่อของเขาจริงๆ การเป็นศัตรูกับพ่อของตัวเองก็จะดึงดูดความคิดเห็นจากผู้อื่น
เขาไม่กลัวการซุบซิบนินทา แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะแบกรับเรื่องแบบนี้เช่นกัน
“ฮ่าฮ่า ชิงสุ่ย ข้ารู้สึกเหมือนเจ้าเป็นมิตรต่อข้า ข้าคิดว่าเจ้าควรได้พบกับเศียรมังกรจริงๆ” นักปราชญ์สุขสำราญคงรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไว้ ตอนนี้เขากำลังสวมชุดที่ดูหรูหราซึ่งทำให้เขาดูราวกับตอนที่ชิงสุ่ยพบครั้งแรก
“สำหรับโอกาสนั้น พวกเราค่อยมาพูดกันในครั้งหน้า ขอบคุณพี่ชาย!”
ชิงสุ่ยรีบถอยห่างไปพร้อมกับประมุขอสูร ฮัวรูเหม่ย และคนอื่นๆ
ความจริงเขายังรู้สึกปวดร้าวเล็กน้อยที่มอบโลงศพหินให้ไป เขาได้รับกล่องสมบัติมาถึง 5 กล่อง ชิ้นสุดท้ายเป็นโลงศพหิน เขาไม่สามารถหักห้ามใจจากมันได้ แต่เพื่อตอบแทนคุณของชายชราผู้เคยช่วยชีวิต มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“เมื่อเจ้าต้องการตอบแทนคุณ เช่นนั้นก็มอบสมบัติที่ได้มาทั้งหมดซะ!” ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ข้างนักปราชญ์สุขสำราญเริ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยปิดตาลงและตอบด้วยรอยยิ้ม “พวกเรากินมันเข้าไปแล้วนิดหน่อย นอกจากนี้มันก็ไม่ค่อยมีอะไร ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใดๆกับเจ้า ถ้าเจ้ากล้าที่จะพูดถึงเรื่องนี้อีก ข้าก็ไม่เกรงใจที่จะทำให้เจ้าเงียบไปตลอดกาล”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างบุ่มบ่ามและโง่เขลา ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก ไม่แม้แต่ประมุขอสูรที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้า เจ้าช่างกล้าหยิ่งยโสกับจำนวนคนอันน้อยนิดจากพระราชวังจอมอสูร มาสิ ลองทำให้ข้าเงียบไปตลอดกาล ข้าอยากเห็นว่าเจ้าสามารถปิดปากของข้าให้เงียบได้อย่างไร”
ชิงสุ่ยรี่ตาแคบลงและจ้องมองไปอย่างคมกริบราวกับมีดที่เชือดเฉือน สำหรับชายชรา เขานั้นกำลังสั่น ขณะนั้นชายชราเห็นเพียงประกายแสงสีทองและมันก็หายวับไปเพียงชั่วพริบตา มีไม่กี่คนที่สามารถมองเห็นแสงสีทองเล็กๆนี้ แต่มันก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีใครสามารถป้องกันมันได้ ก่อนที่ความคิดของชายชราจะผุดขึ้นมาในจิตใจ มันก็ได้หายไปจากหัวของเขาแล้ว
ภายในเวลาชั่วลมหายใจ ชายชราก็ล้มลงกับพื้นโดยไม่มีเสียง
มันเป็นเพราะชิงสุ่ยใช้หนอนไหมมังกรทอง พลังที่เห็นทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจและเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ที่เขาใช้มัน มันทรงพลังอยางแน่นอน แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะสังหารชายชราได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายเช่นนี้
การเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลันทำให้ทุกคนหน้าซีดด้วยความกลัว ถ้าชิงสุ่ยสามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจที่ทรงพลังได้อย่างง่ายดายแล้ว การฆ่าพวกเขาจะง่ายดายเพียงใด นักปราชญ์สุขสำราญไม่สามารถช่วยอะไรได้ เขารู้สึกเสียวแปล๊บและสีหน้าซีดลงเช่นกัน
“เชิญ!”
ชิงสุ่ยส่งสัญญาณให้ชายชราอีกครั้ง
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่ไม่มีใครกล้าทำอะไร พี่น้องหลู่ริมฝีปากสั่นไปมา ตอนนี้พวกเขาต้องใส่ใจในมากเกี่ยวกับตัวชิงสุ่ย
“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าพึงพอใจงั้นหรือ?” นักปราชญ์สุขสำราญกลับมาเป็นปกติในขณะที่เขาเหลือบไปที่ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยรู้โดยธรรมชาติว่าสิ่งที่ชายชราพูดหมายถึงเรื่องการฆ่าที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเขายังคงยิ้มและกล่าว “พี่ชาย ข้าเคารพท่าน แต่ข้าไม่รู้จักผู้อื่น ข้าจะไม่ย่อมถูกข่มขู่แต่อย่างใด”
ทุกคนในเหตุการณ์ตกตะลึงกับวิธีการของชิงสุ่ย ถ้าไม่มีเรื่องเช่นนี้ สมาชิกของกลุ่มมังกรอหังกาลคงจะลงมือเคลื่อนไหวไปแล้ว แต่ละคนต่างก็กำลังยับยั้งความโกรธของพวกเขา พวกเขาจะระเบิดมันออกทุกเมื่อหากทำได้
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง ซึ่งทุกคนล้วนมีศักดิ์ศรีของการต่อสู้ สำหรับพวกเขาที่ถูกชายหนุ่มข่มขวัญ ความห่อเหี่ยวของพวกเขายากที่จะพรรณาได้ ในท้ายที่สุดหนึ่งในพวกเขาก็ออกไปเผชิญหน้ากับชิงสุ่ย
“ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเจ้ามีความสามารถ เช่นนั้นก็ออกมาสู้ตัวต่อตัวกับข้าโดยเดิมพันด้วยชีวิต ยุติธรรมและเสมอภาค” ชายชราคนหนึ่งออกมาด้านหน้าและเชื้อเชิญ
ชิงสุ่ยหัวเราะ “ทำไมข้าจะต้องเข้าไปต่อสู้โดยเดิมพันด้วยชีวิตกับเจ้า? มันจะมีประโยชน์อะไร?”
“เจ้ากลัว? เจ้ากลัวงั้นหรือ?”
ชายชรากำลังท้าทายและยั่วยุ
“ฮ่าๆ ถ้าข้ายอมรับคำท้าที่พวกเจ้าโยนเข้ามา เช่นนั้นข้าก็คงจะยุ่งไม่หยุด” ชิงสุ่ยยิ้มเยาะชายชราที่ดึงดัน
“เจ้า เจ้า… ข้าจะฆ่าเจ้าซะในวันนี้” ชายชรากล่าวขณะที่นำดาบขนาดออกมาด้วยหมายที่จะฆ่าชิงสุ่ย
“ผู้อาวุโสห่าว กลับมา!” นักปราชญ์สุขสำราญตะโกนหยุดชายชรา
ชายชราหยุดเมื่อได้ยินคำพูดของนักปราชญ์สุขสำราญ “ผู้พิทักษ์สูงสุด…”
นักปราชญ์สุขสำราญสบัดมือและกล่าวกับชิงสุ่ย “เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบแทนคุณในวันนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พอใจ ตั้งแต่ที่เจ้าเป็นคนแรกที่เข้ามาได้ถึงนี่ พวกเราก็จะถอยกลับไปเองในวันนี้ นอกจากนี้เจ้าลองพิจารณาการไปที่มังกรอหังกาลดูเมื่อเจ้าว่าง บางทีเจ้าและเศียรมังกรของพวกเราอาจมีความสัมพันธ์ที่พิเศษต่อกัน”
หลังจากที่นักปราชญ์สุขสำราญกล่าวเสร็จ เขาก็พาคนของเขาออกจากที่นั่น นี่อยู่นอกเหนือความคาดคิดของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยรู้ว่าชายชรากำลังพยายามค้นหาตัวตนของเขา เมื่อถามว่าชิงสุ่ยเป็นตัวแทนของพระราชวังจอมอสูรหรือไม่
ชายชราจากไป ในขณะนี้ฮัวรูเหม่ยกำลังกังวล “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่พวกเขาใช้วิธีนี้ พวกเขาอาจจะมาขโมยสมบัติของพวกเราระหว่างเดินทาง”
“มันไม่สำคัญ ไม่มีใครสามารถหยุดพวกเราได้” ชิงสุ่ยแสดงความกล้าหาญ
ชิงสุ่ยมองไปยังคนอื่นๆ โดยเฉพาะสมาชิกของนิกายสาปอสูรและหุบเขากระชากวิญญาณแล้วกล่าว “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า พวกเจ้าสามารถนำสิ่งของที่อยู่ในโลงศพหินไปได้ ข้าไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง แต่ถ้าพวกเจ้าต้องมัน พวกมันก็จะเป็นของเจ้า หากพวกเจ้าไม่เอามันไป ข้าจะรับไว้เอง เมื่อข้าเอาพวกมันมา พวกมันจะเป็นของข้า ถ้าใครคิดจะเล่นตลก อย่าได้ตำหนิข้าสำหรับความโหดเหี้ยมที่จะได้รับ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าว นิกายสาปอสูรและหุบเขากระชากวิญญาณกำลังถูกยั่วยวน แต่พวกเขากลัวที่จะทำมัน
“ตอนนี้พวกเราจะถอยไป หากพระราชวังจอมอสูรจะเดินทางและนำสิ่งของกลับไป พวกเราจะให้การคุ้มครองพวกเจ้า” หญิงที่ดูน่าสนใจจากนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทพูดด้วยรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยยิ้มด้วย หญิงคนนี้เป็นคนฉลาด
“พวกเราจะเชื่อคำพูดของเจ้าได้หรือไม่?” ชายชราก้าวมาข้างหน้าและถามชิงสุ่ย
“แน่นอน ข้ารักษาคำพูด ข้าไม่ได้ตั้งใจจะกลับคำพูดต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้”
ผู้ที่พูดเป็นชายชราจากหุบเขากระชากวิญญาณ
“น้องชายชือ ด้วยเรื่องนี้ เจ้าต้องการที่จะร่วมมือกับข้าและดูสิ่งที่อยู่ภายในโลงศพหินหรือไม่?” ชายชราร่างกายกำยำจากนิกายสาปอสูรกล่าว
“ตกลง!”
ชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไรในขณะที่เขายืนอยู่ เขารู้สึกว่ามันไม่ง่ายที่จะจัดการกับยักษ์ศิลาทั้งสี่ เขาสงสัยว่าอสูรสยบมังกรจะทำได้หรือไม่ หญิงทั้งสองไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการตัดสินใจของชิงสุ่ยในการมอบโลงศพหินให้
คนเหล่านี้รู้ดีชิงสุ่ยมีเหตุผลที่ปล่อยมือจากโลงศพหิน แม้จะรู้ พวกเขาก็ยังต้องการที่จะลอง หากมีสิ่งเลวร้าย พวกเราสามารถหลบหนีมาได้ ถ้าพวกเขาไม่ได้ลองดู พวกเขาก็จะไม่พอใจกับผลลัพธ์ นี่เป็นการเดิมพันที่สูง ยังมีบางคนที่มักสนุกกับการทำมัน
คนจำนวน 12 คนถูกส่งออกไป นิกายสาปอสูรและหุบเขากระชากวิญญาณส่งคนออกไป 6 คนเท่ากัน เมื่อตัดสินใจ พวกเขามุ่งหน้าไปยังโลงศพหินและเคลื่อนไหว พวกเขาแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 3 คน โดยแต่ละกลุ่มเผชิญหน้ากับยักษ์ศิลาแต่ละตัว
ยักษ์ศิลานั้นบึกบึน พวกเขาถือหอกศิลาขนาดใหญ่ไว้ในมือ ห่างไปประมาณ 100 เมตร คนทั้งสิบสองรีบพุ่งมาใกล้บริเวณโลงศพ ยักษ์ศิลาเริ่มเคลื่อนไหว
หอกยาวในมือของพวกเขากวัดแกว่งเข้าใส่ยักษ์ศิลาอย่างน่ายำเกรง
เสียงคำรามดังขึ้น…
สมาชิกของนิกายสาปอสูรเรียกสัตว์อสูรออกมา พี่น้องหลู่เข้าร่วมด้วยเช่นกัน สัตว์อสูรของพวกเขานั้นแข็งแกร่ง สมาชิกของหุบเขากระชากวิญญาณเคลื่อนไหวราวกับเงาของวิญญาณอยู่ตลอดเวลา พวกเขารวดเร็วมากและโจมตีด้วยพิษ
หลังจากร่วมกันต่อสู้ พวกเขาเข้าใจถึงพลังของยักษ์ศิลาเหล่านี้ สัตว์อสูรและพิษของหุบเขากระชากวิญญาณไม่ได้ผลกับยักษ์ศิลาเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีจากยักษ์ศิลานับว่ารุนแรง
ขณะที่พวกเขาช่วยกันต่อสู้ สัตว์อสูรตัวหนึ่งกลับถูกจัดการในทันที นี่ทำให้คนของนิกายสาปอสูรและหุบเขากระชากวิญญาณหัวใจเต้นระรัว ทุกคนสามารถบอกได้ว่ามีความแตกต่างด้านพลังและความแข็งแกร่งของพวกเขากับยักษ์ศิลา พวกเราไม่สามารถต่อกรกับอสูรศิลาก่อนหน้านี้ได้นานนัก เช่นเดียวกับยักษ์ศิลาในตอนนี้