Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1478
บทที่ 1478 – จงเป็นผู้หญิงของข้า!
องค์หญิงใหญ่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยายามมองให้แน่ใจว่านั่นใช่เขาจริง ๆ ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นบรรยากาศเช่นนี้ ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวข้างกายแล้วกอดเธอ
“ท่านพ่อ กอดข้าด้วย!”
ชิง ชาวิ่งเข้ามาหลังจากเห็นชิงสุ่ย ชิง ชาในตอนนี้ได้ละทิ้งความทุกข์ในใจของเธอไปเกือบหมดแล้ว ดังนั้นบุคลิกของเธอจึงดูสดใสกว่าเมื่อก่อน และเพราะพี่สาวของเธอเองก็อยู่ที่นี้ ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ชิงสุ่ยกอดเธอ เขาเอื้อมมือไปดึงจมูกเด็กสาว ..ความจริงแล้วพื้นที่ในหัวใจของเธอนั้นมีชิงสุ่ยเสียมากกว่าพี่สาวเสียด้วยซ้ำ ทุกอย่างที่ ชิง ชา เธอมีนั้นล้วนดั้บมาจากชิงสุ่ย ความเมตตาของเขาทำให้เธอได้รับชีวิตใหม่ และ ชิง ชา ก็รักชิงสุ่ยเหมือนเป็นพ่อแท้ ๆ
“พี่เหยียน!” ชิงสุ่ยทักทาย เหยียน จินยวี้ พร้อมรอยยิ้ม ก่อนเขาจะเดินเข้าไปกอดเธอเบาๆ
อ้อมกอดนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น องค์หญิงลำดับเจ็ดไม่ได้เดินเข้ามา แต่เธอก็ทักทายชิงสุ่ยอย่างมีความสุข
งานเลี้ยงยังไม่เลิกรา ทั่วทุกที่ประดับประดาด้วยไฟสีแดงดวงโต ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ นั้นสดชื่น ใบน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาหัวเราะและพูดคุยกันระหว่างเดินไปในห้องของคฤหาสน์ องค์หญิงใหญ่เป็นปีนประมุข สำนักสวรรค์เร้นลับ แต่ความจริงนั้นพลังของเธอแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ มานานแล้ว อีกทั้ง ประมุขสุ่ยและประมุขเฉาก็ได้มอบทั้งนิกายให้เธอตั้งนานแล้ว
“ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?”องค์หญิงใหญ่นั่งลงข้างชิงสุ่ยและถามอย่างอ่อนโยน
ชิง ชา นั่งลงข้างชิงสุ่ย ในขณะที่พี่สาวของเธอกำลังกุมมือเธออยู่ เธอคิดเสมอว่าเป็นโชคดีของน้องสาวที่ได้มาเจอชิงสุ่ย
องค์หญิงลำดับเจ็ดและ เหยียน จินยวี้ นั่งตรงข้ามชิงสุ่ยและคนอื่น ๆ ทุกคนนั่งล้อมกันเป็นวงกลมเล็ก ๆ
“ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แล้วพวกท่านล่ะ? ทุกคนดูมีความสุขดีสินะ”ชิงสุ่ยถามและยิ้มให้
“พวกเรามีความสุขสิ พลังของพวกเราทุกคนเพิ่มขึ้นทุกวันเลยท่านพ่อ แล้วเมื่อไรพวกเราจะได้ไปอีก 3 มหาทวีปล่ะ?” ชิง ชา ถามอย่างตื่นเต้น
“ข้ามาที่นี้ก็เพราะเรื่องนี้นั่นแหละ ฮ่าฮ่า..ไม่คิดเลยว่าทุกคนจะตื่นเต้นกันขนาดนี้”ชิงสุ่ยยิ้มให้ ชิง ชา
“จริงเหรอ พวกเราไปวันนี้เลยได้ไหม?”
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า “ยังไม่เร็วขนาดนั้น ข้าต้องเตรียมอะไรบางอย่างให้ทุกคนก่อน และเมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราทั้งหมดจะได้ย้ายไปที่นั้น และสร้างครอบครัวของพวกเรา”
“งั้นพวกเราควรจะพาสมาชิกจากที่นี้ไปสักกี่คนล่ะ? ผู้อาวุโสทั้งสองว่าอย่างไรบ้าง?”องค์หญิงใหญ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม
“ไม่ต้องพาไปมากหรอก แค่พาไลหิมะหวนก็น่าจะพอแล้วล่ะ ข้าจะพูดกับผู้อาวุโสทั้งสองเอง ที่นี้ไม่ใช่ สำนักสวรรค์เร้นลับ ดังนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเรื่องอายุขัยของพวกท่าน อย่างไรซะ พวกเราก็จะกลับมาที่นี้เป็นครั้งคราวอยู่แล้ว”ชิงสุ่ยหัวเราะ
“หืม..งั้นข้าจะเตรียมตัวให้พร้อม”
“แน่นอน ข้าเองก็จะเตรียมพร้อมฝั่งข้าเช่นกัน ถ้าเป็นไปได้พวกเราจะทำการย้ายภายในปีนี้”ชิงสุ่ยยืนขึ้นและประกาศกล้า ก่อนเขาจะออกไปตามหาผู้อาวุโสทั้งสองเพื่ออธิบายทุกอย่างให้ทั้งสองฟัง
……
ไม่นานนักชิงสุ่ยก็มาถึงคฤหาสน์ของผู้อาวุโสทั้งสอง เมื่อเห็นชิงสุ่ย ทั้งสองแสดงท่าทีมีความสุขและต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น ชิงสุ่ยรู้สึกเคารพพวกเขาจากใจจริง
“ผู้อาวุโส ข้ามีเรื่องที่จะต้องบอกท่าน ข้าจะย้ายที่ตั้งนิกายไปที่ใหม่ภายในปีนี้..”ชิงสุ่ยนั่งลงและพูดกับชายชราทั้งสองอย่างตรงไปตรงมา
ทั้งสองไม่แปลกใจ พวกเขายิ้มและมองชิงสุ่ย “ข้ารู้ว่าอยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้.. นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสินะ!”
ชิงสุ่ยประหลาดใจ ที่ชายชราทั้งสองมองการณ์ไกลมาก ราวกับพวกเขาคาดคะเนเหตุการณ์ไว้นานมาแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะชิงสุ่ยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ชิงสุ่ยยิ้มและพูดต่อ “เพราะมีพวกท่านสองคนที่นี้ ที่นี้จึงแข็งแกร่งดุจปราสาทเหล็กที่มีกำแพงสูง แม้พวกข้าจะไม่อยู่ ก็คงไม่มีใครจากดินแดนเทือกเขาสันโดษกล้าทำอะไรที่นี้แล้ว พวกสำนักสวรรค์เร้นลับก็จะคอยช่วยเหลือที่นี้ และพวกท่านไม่ต้องห่วง พวกข้าจะกลับมาเยี่ยมเยียนพวกท่านแน่”
“ผู้เฒ่าเฉา เจ้าคิดว่าอย่างไร? ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น? นี่ถือเป็นเรื่องดียิ่งนัก ความแข็งแกร่งของนิกายพวกเราในตอนนี้ก็มากกว่าแต่ก่อน นักเรียนของพวกเราก็มีความสุขที่ได้ฝึกฝนและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งชายแก่อย่างพวกเราก็ได้รับอายุขัยเพิ่มมากขึ้นแล้ว ดังนั้นคนใน มหาทวีปอู่เซียตะวันตก ก็ไม่มีใครทำอะไรพวกเราได้แล้ว อีกอย่างนิกายของพวกเราก็ไม่ทำอะไรเสียหาย ดังนั้นคงไม่มีใครมาวุ่นวายกับพวกเราแน่”
ชิงสุ่ยหยิบยาเม็ดสวรรค์หยางจำนวนหนึ่งออกมาพร้อมกับโอสถอื่น ๆ นี่คงเป็นวิธีหนึ่งที่คนอายุน้อยกว่าใช้แสดงความเคารพแก่ผู้อาวุโสกว่า ชายชราทั้งสองก็ไม่ถือตัวกับชิงสุ่ยแต่อย่างใด ทั้งยังได้รับของชิงสุ่ยเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงชอบโอสถของชิงสุ่ยมากกว่าสิ่งอื่นใด
……
ชิงสุ่ยพักอยู่ที่สำนักสวรรค์เร้นลับต่ออีกหลายวัน ก่อนจะกลับมาเตรียมความพร้อมโดยเริ่มจากบริเวณรอบ ๆ ภายในรัศมีหมื่นลี้ของตระกูลชิง
เขามอบหมายความรับผิดชอบต่าง ๆ ให้กับคนอื่น อย่างไรแล้วเพียงชิงสุ่ยตัวคนเดียวก็สามารถจัดการทุกอย่างได้
ชิงสุ่ยและกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำทักทายซึ่งกันและกัน โดยกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำได้ดูแลตระกูลชิงอย่างดี เขาจึงอยากไปทักทายอีกฝ่ายบ้าง แม้จะไม่ใช่เรื่องจำเป็นก็ตาม
สมาชิกจากกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องนี้ พวกเขาเองก็รู้สถานการณ์ของมหาทวีปมังกรอหังกาล อีกทั้งชิงสุ่ยก็ไม่ได้หวังอะไรเป็นพิเศษในกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำอีกด้วย
……
วันปีใหม่ผ่านไปแล้ว ชิงสุ่ยกลับมาที่พระราชวังจอมอสูร เมื่อเห็นถานท่าย หลิงเยียนแต่งตัวด้วยชุดคลุมขาวราวกับหิมะที่ชวนให้รู้สึกงดงามเหนือธรรมชาติ ชิงสุ่ยก็เผลอยิ้มออกมา ทุกที่ที่เธอปรากฏตัวขึ้น บรรยากาศรอบ ๆ สดชื่นขึ้นทันตา
ชิงสุ่ยเดินเข้าไปด้านในด้วยท่าทางพอใจ เขาเดินเข้าไปกุมมือเธอและกล่าว “การอยู่ไกลจากคนรักนั้นช่างยาวนานเหลือเกิน”
“แล้วเจ้าพูดประโยคนี้กับใครไปบ้างแล้วในปีนี้?” ถานท่าย หลิงเยียนยอมให้ชิงสุ่ยจับมือก่อนจะตอบ
“ฮ่าฮ่า ครั้งเดียวเท่านั้น”
“ครั้งเดียวสำหรับหญิงสาวทุกคนใช่ไหม!”
“หลิงเยียน เจ้าฉลาดเกินไปแล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าควบคุมปากตัวเองไม่ได้ ข้ารู้แค่วิธีพูดจาเช่นนั้น”ชิงสุ่ยหัวเราะก่อนจะพูดเรื่องไร้ยางอายด้วยท่าทีสุขุม เพราะชิงสุ่ยไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นพวกหลอกลวง
“หืม..ข้าคิดว่าเจ้าเป็นซื่อสัตว์มากพอ ทำไม..เจ้าคิดถึงข้าหรือ?” ถานท่าย หลิงเยียน ยิ้มและมองชิงสุ่ย
ทุกครั้งที่เธอยิ้ม ชิงสุ่ยก็หัวใจเต้นระรัว เธอข่างงดงามเหนือสิ่งใด
“การจะคิดถึงนั้นต้องมีเหตุผลหรือ?”ชิงสุ่ยคิดและตอบ
“ก็ใช่สินะ?”
“จริงหรือ?”
“ใช่สิ”
ชิงสุ่ยยิ้ม เธอหัวเราะกับท่าทางของชิงสุ่ย ถานท่าย หลิงเยียน ไม่รู้ว่าชิงสุ่ยกำลังยิ้มเพราะเรื่องอะไร เธอจึงได้แต่จ้องตาเขา
“ต้องการเหตุผลสิ! เหตุผลนั้นจำเป็นเสมอ ถ้าอย่างนั้นการที่ข้ารักเจ้าก็ถือว่าเป็นเหตุผลใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยชิงตอบ มีหรือที่เขาจะยอมให้โอกาสหลุดมือ
“แล้วทำไมเจ้าถึงรักข้าล่ะ?”
“แล้วการรักใครสักคนจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?”
“ใช่สิ”
ถานท่าย หลิงเยียนตอบทันที หลังจากนั้นเธอก็ระเบิดหัวเราะออกมา ทุกอย่างสดใสขึ้นมาทันตา รอยยิ้มของนั้นงดงามราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่ส่องประกายท่ามกลางนภา
เธอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมถึงหัวเราะ แม้แต่ตัวเองก็ยังประหลาดใจกับท่าทีที่แสดงออก เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะหัวเราะออกมาเช่นนี้ เมื่อมองชิงสุ่ยที่กำลังมองมาที่เธอ เธอก็รีบหลบสายตาทันที
“รอยยิ้มนั้นคือของงามล้ำค่า…”
“พูดจาปากหวานนัก” ถานท่าย หลิงเยียนกุมมือชิงสุ่ยก่อนพวกเขาจะเดินไปที่สวนของพระราชวังจอมอสูร ซึ่งสถานที่แห่งนั้นเป็นของเธอเพียงคนเดียว
เมื่อได้อยู่ด้วยกัน ชิงสุ่ยได้เห็นเธอยิ้มบ่อยขึ้นจนใจเขาเต้นระรัว
บรรยากาศที่นี้สวยงามมาก ด้วยต้นไม้เมืองหนาวและดอกไม้นานาชนิด สถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนโลกที่สะอาดและบริสุทธิ์ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยน้ำค้าง
“เจ้าชอบหน้าหนาวไหม?”ชิงสุ่ยถามและมอง ถานท่าย หลิงเยียน
“แน่นอน!”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าชอบดอกไม้พวกนี้ไหม?”ชิงสุ่ยถาม
“แน่นอน!”
ครั้งนี้เป็นตาของถานท่าย หลิงเยียน ที่ต้องแปลกใจ เธอได้แต่มองหน้าชิงสุ่ย
“เจ้าชอบสิ่งที่สะอาวและบริสุทธิ์หรอกหรือ?”ชิงถามมองไปที่รูปปั้นน้ำแข็ง
“เจ้าไม่ชอบหรือ?”
“ข้าชอบสิ!”ชิงสุ่ยส่ายหน้าและตอบ ในตอนแรกชิงสุ่ยพอจะสัมผัสได้ว่าถานท่าย หลิงเยียนรักความสะอาด เธอชอบสิ่งที่สะอาดและไร้ที่ติ แต่เมื่อใดที่เธอมีความรัก เธอก็อาจจะหลุ่มหลงสิ่งนี้จนถอนตัวไม่ได้ก็ได้…
โชคดีที่อาการรักษาความสะอาดของเธอนั้นไม่รุนแรง คงเป็นธรรมดาที่ผู้หญิงชอบสิ่งที่สะอาดและมีระเบียบ
“อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกรักความสะอาดจนเกินไป?”ถานท่าย หลิงเยียนยิ้ม
ชิงสุ่ยพยักหน้ารับอย่างเกรงใจก่อนจะหัวเราะ
“ถ้าข้ารักความสะอาดมากขนาดนั้น ข้าคงไม่ยอมให้เจ้ากุมมือ”หรอกถานท่าย หลิงเยียนยกมือของตนที่จับมือชิงสุ่ยขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าไม่ชอบให้ใครกอดหรือ?”ชิงสุ่ยบีบมือเธอ
“เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับว่าใครคือคนที่กอดข้า” ถานท่าย หลิงเยียนตอบ
“แล้วข้าล่ะ…?”
“ข้าไม่ชอบ!” ถานท่าย หลิงเยียนปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
ชิงสุ่ยหัวเราะก่อนจะล้อท่าทีปฏิเสธของเธอ
ชิงสุ่ยดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ขึ้น “ข้าจะกอดเจ้า..เพียงเท่านั้น”
แต่เดิมถานท่าย หลิงเยียนขัดขืนเล็กน้อย ก่อนจะนิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมดจากปากชิงสุ่ย เธอรู้ดีว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นคนได้คืบเอาศอก แต่ครั้งนี้ชิงสุ่ยแค่กอดเธอเพียงเท่านั้น…
รูปร่างของเธอพิงอยู่กับร่างของชิงสุ่ย แม้เขาจะไม่ได้ขยับเขยื้อนอะไร แต่ชิงสุ่มสัมผัสได้ว่าหนักอกทั้งสองข้างนั้นกำลังดันหน้าอกเขาอยู่
มือของชิงสุ่ยโอบเอวเธอไว้ ถานท่าย หลิงเยียน ใช้มือขวางไว้ และมองชิงสุ่ยด้วยท่าทีงอน ๆ
“เป็นผู้หญิงของข้าเถิด”ชิงสุ่ยมอง
ทันทีที่เขาพูดจบ ชิงสุ่ยรู้สึกเสียใจที่ตนพูดอะไรออกไปในเวลาไม่ควร
ถานท่าย หลิงเยียนไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะพูดอะไรเช่นนี้ แม้เธอจะพอใจแต่เธอก็ยังคงส่ายหน้า “นี่ยังไม่ถึงเวลา ข้าคงให้สัญญาอะไรกับเจ้าไม่ได้”
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ชิงสุ่ยรู้สึกเสียใจจากใจจริง
ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอยังไม่พร้อม…เมื่อคิดทบทวนอีกครั้ง ชิงสุ่ยคิดว่าบางทีถานท่าย หลิงเยียนอาจกำลังคิดหาวิธีจัดการกับนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะ?