Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1494 – เริ่มต้น
บทที่ 1494 – เริ่มต้น
หลังจากที่ตื่นขึ้นจากความมึนงงเทียนอี่ ได้จ้องมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม และกล่าวว่า “ด้วยความเมตาของคุณชายข้านั้นไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี”
“ไม่หรอก จริงสิทักษะการบ่มเพาะและความสามารถทางการแพทย์ของท่านมาจากเมืองหลินห่ายอย่างนั้นรึ แล้วมีหมอคนอื่นที่มีความสามารถใกล้เคียงท่านอยู่อีกหรือไม่?ข้าต้องการจ้างพวกเขามาช่วยงานข้า นอกจากนี้บอกพวกเขาได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเหนื่อยข้าจะตอบแทนพวกเขาให้สมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอน!”
“คุณชายอย่าได้กังวลไป ข้าจะกลับไปติดต่อพวกเขาให้ และจะรีบจัดการให้ภายในสามวัน”เขากล่าวออกมาอย่างจริงจัง
…………….
สำหรับเทียนอี่มันเป็นเรื่องง่ายอย่างมากในการติดต่อคนอื่นๆ แต่อย่างไรเขาก็ต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่จะมาทำงานร่วมกับชิงสุ่ย
สามวันต่อมาเขาได้กลับมาพร้อมหมออีก20กว่าคน ทุกๆคนนั้นจัดได้ว่าเป็นหมอที่เก่ง มีสามคนที่มีระดับใกล้เคียงกับเทียนอี่ ซึ่งมันทำให้ชิงสุ่ยมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าเขานั้นเป็นหมอที่เก่งกาจอย่างมาก
ด้วยหมอที่มีในตอนนี้ชิงสุ่ยพอใจอย่างมาก ด้วยจำนวนหมอที่มีในตอนนี้ ทำให้ชิงสุ่ยและหลิน เฟ่ยนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแสดงตัวมากนัก
สำหรับผลตอบแทนชิงสุ่ยให้พวกเขาเลือกเอาระหว่างเงินหรือยาเม็ดของเขา นั้นแล้วแต่พวกเขาต้องการ
ถึงอย่างไรก็ตามการบ่มเพาะของหมอเหล่านี้นั้นยังถือว่าไม่แข็งแกร่งมากนัก เลยทำให้ความสามารถทางการแพทย์ของพวกเขาถูกจำกัดอยู่ คนที่อ่อนแอที่สุดนั้นก็อยู่ในระดับเทวะกษัตริย์
หลังจากที่เปิดให้บริการชื่อเสียงของชิงสุ่ยก็ค่อยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะเป็นที่รู้จักได้รวดเร็วขนาดนี้
ชิงสุ่ยได้ตั้งชื่อร้านยาของเขาตามชื่อหอคอยจักรพรรดิ เช่นเดียวกับเรื่องยาเม็ดและอาหาร ชิงสุ่ยให้เสวี่ย นั่วและหยินต่งนั้นดูแล ส่วนเขาและหลิง เฟ่ยนั้นจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและปัญหาต่างๆในร้าน
โดยอาหารและยาเม็ดที่ชิงสุ่ยนำมาขายนั้นเป็นยาเม็ดที่มีคุณภาพอย่างมากและมีราคาที่คนทั่วๆไปสามารถครอบครองได้ นี่คือหนึ่งในแผนการของเขาที่จะสร้างความนิยมให้เพิ่มขึ้นให้กับร้านของเขา
เช่นเดียวกันถึงแม้ทุกๆคนจะยุ่งอยู่กับงานของพวกเขา แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ละการบ่มเพาะของตัวเอง ชิงสุ่ยเองก็เช่นเดียวกัน
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปหลังจากที่หอคอยจักรพรรดิของชิงสุ่ยได้เปิดตัว ไม่มีตระกูลที่ทรงอำนาจในเมืองนี้นั้นกล้ามาสร้างปัญหาให้กับเขาเลย นอกจากนี้ก็ยังไม่มีใครที่เข้ามาสร้างสัมพันธ์กับเขาอีกด้วย นี้เป็นสิ่งที่ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันแปลกไปอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สนใจมัน
ตราบใดที่ตระกูลฮั่วยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของเขา เขาก็แทบจะไม่ต้องสนใจใครอื่นๆ
ในวันแรกที่ทำการเปิดตัวชิงสุ่ยไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายใดๆ รวมถึงมีการแจกจ่ายอาหารและขนมปังฟรีให้กับทุกๆคน หนึ่งในนั้นมีชาวบ้านที่ยากจนเข้ามารับของกิน ชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปหลังจากนี้พวกเขาก็จะไม่ได้รับอาหารอีก ชิงสุ่ยจึงได้ตัดสินใจทำป้ายสัญลักษณ์ขึ้นมา หากพวกเขายื่นป้ายนี้ออกมา พวกเขาจะสามารถอ้างสิทธิ์ขออาหารที่นี่ได้วันละสองครั้งแบบฟรี นี่เป็นการช่วยเหลืออย่างหนึ่งของเขา ยิ่งไปกว่านั้นอาหารที่ชิงสุ่ยมอบให้พวกเขาไปนั้นมีมูลค่าที่สูงอย่างมาก หากพวกเขานำมันไปขายที่อื่นมันนั้นจะสามารถทำให้พวกเขาดำรงชีพอยู่ได้เป็นเดือนๆ
ชิงสุ่ยไม่ต้องการที่จะมอบเป็นเงินให้กับพวกเขา เพราะมีคนมากมายที่จ้องจะหาโอกาสเช่นนี้อยู่ แต่ถึงอย่างไรอาหารเหล่านี้ จำเป็นต้องใช่ป้ายที่เขามอบให้เท่านั้นจึงจะมารับได้ ดังนั้นหมายความว่าจะไม่มีใครที่สามารถมาอ้างสิทธิ์นี่ได้ถ้าไม่ใช่เจ้าตัว และนี่เป็นการป้องกันปัญหาไปในตัว
สำหรับอาหารที่ชิงสุ่ยมอบให้ไปนั้นก็เป็นแค่ขนมปังหยกเท่านั้น มันแทบจะไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่นๆ ชิงสุ่ยจึงไม่สนใจว่าจะมีใครมาซื้อขนมปังหยกของเขาหรือไม่ เพราะเขายังมีรายการอาหารอย่างอื่นที่มีผู้คนจำนวนมากต้องการอยู่
หลังจากอาหารได้ถูกปรุงขึ้นกลิ่นหอมของพวกมันได้ส่งออกไปนับพันลี้ ทำให้ไม่ว่าใครๆก็ตามต่างก็ต้องการที่จะลิ้มลองอาหารของเขา ไม่ว่าจะเป็นคนรวย คนจนหรือแม้ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง
ในตอนนี้ร้านของเขานั้นดูคล้ายกับหอคอยจักรพรรดิที่แท้จริง มันอัดแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมาก และเต็มไปด้วยความวุ่นวาย นอกเหนือจากอาหารที่พิเศษแล้ว ยังมีการให้บริการทางการแพทย์โดยไร้ค่าใช้จ่ายในวันแรก ทำให้ทุกๆคนต่างพุ่งมาใช้บริการของหอคอยจักรพรรดิ
สำหรับค่าบริการในปกติในวันอื่นๆชิงสุ่ยนั้นก็คิดมันในราคาที่เท่ากับต้นทุน เขาไม่ได้หวังผลกำไรจากการตั้งร้านในครั้งนี้ โดยที่เขาได้กดราคาลงไปถึง10เท่าทำให้ที่อื่นๆนั้นได้รับผลกระทบอย่างมาก
ชิงสุ่ยไม่ได้เกลียดคนรวย แต่เขานั้นไม่ชอบความเอาเปรียบและเห็นแก่ตัวดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะทำเช่นนี้ เพื่อให้ทุกๆคนได้รับสิทธิ์ที่เท่าเทียมกัน
ในไม่ช้าชื่อเสียงของหอคอยจักรพรรดิก็ได้แพร่หลายไปทั่วในเมืองแห่งนี้ ด้วยอาหารที่สามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มอายุไขได้ บวกกับการรักทางการแพทย์ที่อัศจรรย์ ทำให้แม้แต่ผู้ที่อาศัยอยู่เมืองใกล้ๆนั้นก็ยังเดินทางมายังเมืองแห่งนี้เพื่อมาใช้บริการหอคอยจักรพรรดิของเขา
……
หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากที่ชิงสุ่ยได้ใช้ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่6 ความแข็งแกร่งของเขาก็ได้เพิ่มขึ้นมีอยู่ที่ 5000สุริยา นอกจากนี้เส้นลมปราณจุดที่9ของเขาก็เชื่อมต่อกันแล้ว มันทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอีก4000สุริยา นั้นเท่ากับว่าพลังหลังจากชิงสุ่ยได้ใช้ทักษะของเขาจะอยู่ที่ประมาณ 200ล้านสุริยา
200 ล้านของชิงสุ่ยนั้นถือว่าน่ากลัวกว่า200ล้านของคนทั่วไปอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งปกติของร่างกายของเขาก็ก้าวมาถึง 180ล้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยพลังเท่านี้ก็มากเพียงพอสำหรับการอยู่ที่จักรวรรดิหิมะนิรันดร์แล้ว ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้ใช้ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่6ต่อไปเขาได้เก็บมันเอาไว้เพื่อให้คนอื่นๆต่อไปหลังจากนี้
สำหรับเม็ดทั้ง7สีในร่างกายของเขาและเส้นลมปราณของเขานั้นไม่ได้พัฒนามากมายนัก แต่ชิงสุ่ยก็พึงพอใจกับมัน ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้เขานั้นสามารถรับมือกับผู้บ่มเพาะระดับบัญชาสวรรค์พินาศขั้นสูงได้เรียบร้อยแล้ว
เพียงแค่หนึ่งเดือนมาอิทธิพลของหอคอยจักรพรรดิก็ได้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง มันทำให้ชิงสุ่ยนั้นเริ่มต้นทำตามแผนที่เขาได้วงเอาไว้ในตอนแรก
สำหรับเสวี่ย นั่วที่ส่วมใสชุดสีขาวบริสุทธิ์ เธอได้กลายเป็นดังสัญลักษณ์ของที่แห่งนี้เป็นที่เรียบร้อย มีชายหนุ่มมากมายที่ต้องการเข้ามาทำความรู้จักกับเธอแต่ก็ไม่มีใครเลยที่ได้รับความสนใจ ด้วยบุคลิดที่เยอหยิ่ง ล้ำค่า สง่างามทำเธอนั้นกลับดูมีเสน่ห์มากๆยิ่งขึ้น
“พี่ใหญ่ ชายชราจากตระกูลซี่เหว่ยได้มาที่นี่อีกแล้ว”
ตอนนี้เสวี่ย นั่วได้เริ่มเรียกชิงสุ่ยดังพี่ชายแท้ๆของเธอแล้ว และให้ความเคารพกับเขามายิ่งขึ้น ชิงสุ่ยนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธมัน เพราะเขานั้นก็ไม่ได้คิดที่จะมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเธอเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นอีเย้ เจี้ยนเก้อก็เป็นผู้มีบุญคุณของเธอยิ่งทำให้เธอนั้นไม่กล้าคิดกับชิงสุ่ยมากเกินกว่านั้น มิเช่นนั้นเธอคงรู้สึกผิดกับอีเย้ เจี้ยนเก้ออย่างแน่นอน
“นี่ก็เป็นครั้งที่สามแล้ว ข้าจะถือว่าเขานั้นมีความมุ่งมั่นอย่างมาก เอาละข้าจะออกไปและพบกับเขา “ชิงสุ่ย ยิ้มและเดินออกจากห้อง
ตระกูลซี่เหว่ยถือได้ว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเมืองหลินห่าย ซึ่งแข็งแกร่งกว่าตระกูลฮั่ว เพียงแค่พวกเขามีฐานทางการเงินที่ต่ำกว่าจึงทำให้พวกเขาไม่ใช่ผู้นำของที่แห่งนี้ นอกจากนี้ตระกูลซี่เหว่ยก็มีสมาชิกอยู่ไม่มากมายนัก แต่ทุกๆคนนั้นก็เป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง
“คุณชายชิง ท่านมาแล้ว” ซี่เหว่ย คุนรีบลุกขึ้นยืนและเดินไปหาชิงสุ่ยเมื่อเห็นเขา
ชายชราคนนี้ดูเหมือนจะไม่แก่มากนัก ละก็ไม่แข็งแกร่งเท่าไร่ แต่ถึงอย่างไรเขานั้นก็เป็นผู้บ่มเพาะชั้นยอด
“ทำไมท่านถึงมาข้าที่นี้ด้วยตัวเอง?” ชิงสุ่ยยิ้มทักทายเขา และส่งสัญญาณให้ชายชรานั่ง
“ข้ามาขอความช่วยเหลือจากท่าน ให้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลซี่เหว่ยของข้า หากท่านช่วยเรา เรายินดีที่จะมอบทุกสิ่งที่ท่านต้องการออกมา “ชายชราพูดอย่างจริงจัง
“ท่านลองเล่าสถานการณ์ให้ข้าฟังหน่อยสิ แล้วใครเป็นคนที่ต้องการ การรักษาและอาการของเขาเป็นอย่างไร? “
หลังจากที่เขากล่าวเช่นนี้ชิงสุ่ยนั้นก็ตั้งใจที่จะช่วยเหลือเขาแล้ว ชายชรายิ้มออกมาและตอบอย่างมีความสุขว่า “เขาเป็นลูกชายของพี่ชายข้าเอง เขาพ่ายแพ้ในการประลอง ทำให้เส้นประสาทไขสันหลังหลังของเขาฉีกขาด ซึ่งทำให้เส้นลมปราณของเขาบางส่วนและอวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง “
ชิงสุ่ยค่อนข้างสงสัยว่าใครเป็น ที่มีความสามารถเอาชนะผู้คนจากตระกูลซี่เหว่ยได้ แล้วจะมีผลอะไรไหม หากเขารักษาให้ชายคนนี้ เขาจะกลายเป็นผู้ที่ถูกเพ่งเล็งหรือไม่?
“คุณชายไม่ต้องคิดมา ชายผู้นั้นถูกตระกูลซี่เหว่ยของเรากำจัดไปแล้ว “ชายชราคนนั้นเข้าใจถึงวิถีของโลกดี จึงได้รีบกล่าวออกมา
“เอาล่ะพาข้าไปดูอาการของเขาก่อน แต่ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่า ข้าจะสามารถรักษาเขาได้รึไม่? “ชิงสุ่ยยิ้มให้
“ตราบเท่าที่คุณชายเป็นคนรักษาแล้ว หากไม่สามารถรักษาเขาก็หมายความว่าเขาคงจะมีโชคชะตาที่จะต้องเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตจริงๆ แต่ถึงอย่างไรตระกูลของเรานั้นก็จะไม่นิ่งนอนใจและตอบแทนคุณชายอย่างแน่นอน “ซี่เหว่ย คุนกล่าวอย่างจริงจัง
ตระกูลซีเหว่ยนั้นเป็นตระกูลที่มีอำนาจอย่างมากและพวกเขามีชื่อเสียงในความรักศักดิ์ศรีเป็นที่สุดดังนั้นชิงสุ่ยจึงมั่นใจได้ว่าเขานั้นไม่โกหก แต่ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าของตอบแทนนั้นจะเป็นอะไร แต่ชิงสุ่ยก็สามารถคาดเดาว่ามันต้องเป็นของที่มีค่าอย่างแน่นอน