Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1503 – การต่อสู้บนท้องฟ้าแดนทะเลน้ำเเข็ง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1503 – การต่อสู้บนท้องฟ้าแดนทะเลน้ำเเข็ง
บทที่ 1503 – การต่อสู้บนท้องฟ้าแดนทะเลน้ำเเข็ง
ชิงสุ่ยก็ไม่ได้อ่านใจคนอื่นๆได้แต่เขารู้ว่าคนอื่นๆนั้นมีความรู้สึกเช่นไร เขายังไม่เชื่อว่าซีฉีชานั้นตกหลุมรักเขา เพราะหากนางตกหลุมรักคนอื่นๆง่ายดายถึงเพียงนี้นางคงไม่ครองตัวเป็นโสดมานานหลายปี
แม้แต่เหลียนหลิงเฟิง ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่ามันคงไม่ง่ายสำหรับเขาที่จะไล่ตามซีฉีชา เพราะเหลียนหลิงเฟิงนั้นได้ไล่ตามหญิงสาวผู้นี้มานานหลายปี หากเขามีความสามารถมากพอนางก็จะตกเป็นของเขาได้
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาชิงสุ่ยก็เข้าใจตรรกะแบบนี้ มนุษย์กับสัตว์นั้นแตกต่างกัน ถ้าเป็นสิ่งที่รักแล้วผู้คนย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับมันมา แต่ความรักไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น หากผู้หญิงไม่ได้รักผู้ชายแม้ว่าจะบังคับให้อยู่ด้วยกันไปก็คงจะมีเพียงความไม่เข้าใจกันเท่านั้น แต่เรื่องในตอนนี้ถือเป็นการบังคับกันหรือไม่? เว้นแต่หญิงสาวก็มีใจให้ชายหนุ่มเช่นกันความรักจึงจะสามารถเบ่งบานระหว่างทั้ง 2 คนได้
มีคนบอกว่าผู้ชายไม่ควรท้อถอยในเรื่องนี้ ต้องอย่าท้อถอยแม้ว่าคนที่ชอบจะไม่ชอบเรา ผู้ชายต้องพยายามอยู่ใกล้ผู้หญิงให้มากที่สุดและนั่นจะเป็นโอกาสที่ทำให้ผู้หญิงหันมาชื่นชอบเอง
นี่เป็นเรื่องที่เรียบง่ายแต่ก็คิดออกไปได้หลายแบบ
เหลียนหลิงเฟิงพักอยู่ในหอคอยจักรพรรดิและทุกๆคนในตอนนี้ก็อยู่ในศาลาที่ลานหลังบ้าน การย้ายเข้ามาอาศัยของเหลียนหลิงเฟิงทำให้ชื่อเสียงและการพูดถึงของหอคอยจักรพรรดินั้นเพิ่มขึ้นมาก
เหลียนหลิงเฟิงนั้นถือเป็นชายหนุ่มอันดับหนึ่งในเมืองหลินห่าย การที่เขามาพักในหอคอยจักรพรรดินั่นแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับหมอเทวดาชิงนั้นดีอย่างยิ่ง แต่ความสัมพันธ์ในเรื่องนี้เพราะอะไรนั้นไม่มีใครทราบได้
ในวันถัดมาก็เริ่มมีหัวข้อเรื่องการต่อสู้ระหว่างตระกูลสือและหอคอยจักรพรรดิ ตระกูลเหลียนในเมืองหลินห่ายนั้นไม่ถือว่าเป็นตระกูลที่ทรงพลังมากที่สุดแต่พวกเขาก็ถือเป็นตระกูลชั้นนำ ตระกูลสือนั้นเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งและความสัมพันธ์ระหว่างเหลียนหลิงเฟิงและชิงสุ่ยก็ได้พัฒนาขึ้น ทำให้ในตอนนี้ตระกูลสือต้องตกที่นั่งลำบาก
ด้วยสถานะของเหลียนหลิงเฟิงในตระกูลเหลียนที่สูงอย่างยิ่งและคำพูดของเขาที่มีอิทธิพลมากมาย นี่จึงทำให้ตระกูลสือหวั่นวิตกในตอนนี้
หอคอยจักรพรรดิตั้งขึ้นมาที่เมืองหลินห่ายไม่ได้นานมากนัก และในตอนนี้คุณหนูใหญ่ตระกูลตระกูลซีฉีก็เริ่มเข้ามาข้องเกี่ยวในเรื่องนี้และแม้แต่ลูกชายของเจ้าเมืองหลินห่ายก็เข้ามาข้องเกี่ยว ตระกูลสือควรทำอะไรในตอนนี้?
จดหมายประลองได้ถูกส่งออกไปและผู้คนในเมืองก็ได้รับรู้ถึงการต่อสู้ครั้งนี้ หากตระกูลสือถอยในตอนนี้ชื่อเสียงของเขาย่อมมัวหมองอย่างยิ่ง นี่เลวร้ายมากยิ่งกว่าการสูญเสียของพวกเขา ถ้าพวกเขาถอนตัวออกไปในตอนนี้ก็จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นคนขี้ขลาดและไร้เกียรติ ผิดคำพูดของตนเอง
การต่อสู้ที่ประกาศออกไปต้องจัดขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าตระกูลซีฉีและตระกูลเหลียนจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่?
ผู้อาวุโสของตระกูลสือก็คิดเรื่องนี้เช่นกัน
ความจริงแล้วในทางกลับกันผู้คนของตระกูลฮัวก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ล่อลวงตระกูลเหลียนไม่สำเร็จ การกระทำของตระกูลสือถือเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา ถ้าพวกเขารู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นพวกเขาอาจจะเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลย ในตอนนี้พวกเขารู้ว่าหอคอยจักรพรรดินั้นมีผู้ช่วยที่ทรงพลังแล้วแต่ก็ยังมีโอกาสที่ตระกูลเหลียนจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้
นี่เป็นเหมือนกฏที่รู้กันดีภายในทั้ง 9 มหาทวีป การต่อสู้เช่นนี้แต่ละฝ่ายจะไม่อาจมีกองกำลังเสริมภายหลังได้เว้นแต่จะประกาศให้ชัดตั้งแต่ต้น
ซีฉีชาและเหลียนหลิงเฟิงย่อมรู้เรื่องการประลองระหว่างตระกูลสือและหอคอยจักรพรรดิ พวกเขาสอบถามชิงสุ่ยว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่เพราะยังคงคงมีเวลาที่พวกเขาจะสามารถส่งคนในตระกูลของพวกเขาไปช่วยเหลือได้หากชิงสุ่ยต้องการ
ชิงสุ่ยส่ายศีรษะ “ไม่เป้นไร ข้าคิดว่าข้าสามารถรับมือกับพวกเขาได้”
ไม่ว่าจะต้องสู้กับใครชิงสุ่ยก็ไม่รู้สึกกลัวแล้วในตอนนี้ เขาสามารถต่อกรกับคนพวกนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่เขาก็ยังรู้สึกขอบคุณสำหรับความปราถนาดีของเหลียนหลิงเฟิงและซีฉีชา
เพราะผู้สืบทอดแห่งเทพสงครามทำให้พวกเขารู้สึกผูกพันธ์ต่อกันและกันมากขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ซึ่งน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
ในตอนนี้พวกเขาปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเหมือนเป็นพี่น้องกัน นี่เป็นเพราะการสืบทอดแห่งเทพสงครามนำพาพวกเขาให้มาพบกัน
……
ในยามสายวันนี้ แดนทะเลน้ำเเข็งนั้นเต็มไปด้วยผู้คน ในโลกใบนี้รู้ดีกันว่าพลังคือสิ่งสำคัญที่สุดและเหล่ายอดฝีมือก็จะมีสถานที่ที่ไว้รวมตัวกันและประลองกันอยู่บ่อยครั้ง
ดวงอาทิตย์ฉายแสงสีทองจากทางทิศตะวันออก ความหนาวเย็นในอากาศจางหายไปบ้างแต่ก็ยังสามารถรู้สึกได้ บรรยากาศของเมืองหลินห่ายนั้นยังคงเป็นไปตามปกติ สถานที่แห่งนี้เหมือนกับโลกน้ำแข็งที่ตรึงตรานิรันดร์
ชิงสุ่ยและคนอื่นๆต่างก็อาศัยอยู่ที่ห่างไกลของแดนทะเลน้ำเเข็งและมีความวุ่นวายเกิดขึ้นมากในที่แห่งนี้ ผู้คนของตระกูลสือก็มาถึงที่นี่นานแล้วเช่นกัน แม้ว่าจำนวนของพวกเขาไม่มากนักแต่ก็ยังคงเทียบได้กับคนของหอคอยจักรพรรดิ
แม้ว่าจะไม่มีผู้ตัดสินในการประลองครั้งนี้ แต่ข้อตกลงทั้งหมดล้วนเป็นทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันเอง
เวลาผ่านไปเรื่อยๆและเมื่อมาถึงตอนบ่าย ผู้อาวุโสของตระกูลสือก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
“ดูสิ มีคนของตระกูลสืออยู่ที่นี่แล้ว ทำไมผู้คนของหอคอยจักรพรรดิยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ?”
“พวกเจ้าคิดว่าหอคอยจักรพรรดิหรือตระกูลสือที่ทรงพลังกว่ากัน?”
“ตระกูลสือนั้นเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่อูฐผอมก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า หากหอคอยจักรพรรดิมีเพียงท่านหมอเทวดาชิง ก็คงจะยากยิ่งนักที่พวกเขาจะได้รับชัยชนะในวันนี้”
“ท่านหมอเทวดาชิงทำไมถึงทรงพลังตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้? คงมีอำนาจใหญ่อยู่เบื้องหลังเขาอย่างแน่นอน”
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ามีมรดกต่างๆที่ทิ้งไว้ตามมหาทวีปต่างๆตั้งแต่สมัยโบราณ? หมอเทวดาชิงทรงพลังถึงเพียงนั้นไม่มีทางที่เขาจะฝึกฝนตามปกติอย่างแน่นอน”
“นั่นก็จริง ข้าสงสัยจริงๆว่าตระกูลเหลียนและตระกูลซีฉีจะทำเช่นไร?”
“ใครจะรู้ละ?”
……
ชิงสุ่ยทะยานขึ้นมาบนอากาศทันที เพียงพริบตาเขาก็ปรากฏตัวอยู่ไม่ไกลจากชายชราที่จ้องมองมาที่เขาเงียบๆ การปรากฏตัวของชิงสุ่ยทำให้ฝูงชนที่อยู่เบื้องล่างวุ่นวายขึ้นในทันที
“ท่านหมอเทวดาชิง พวกเรา!”
“ทุกๆคนต้องการเห็นการต่อสู้ที่ยุติธรรม พวกตระกูลใหญ่คงไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรหรอกนะ”
“หอคอยจักรพรรดินั้นตั้งสถานะของตนเองไว้สูงส่ง ตระกูลสือจะสั่งสอนบทเรียนให้แก่พวกเขาเอง รุ่นเยาว์บางคนไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของสวรรค์เพียงเพราะพวกเขามีความแข็งแกร่งเพียงน้อยนิด”
“กล่าวเรื่องไร้สาระอะไรกัน? ออกมาเลยดีกว่า!”
“ก็ออกมาสิ!!”
……
“เมื่อสถานการณ์มาถึงตอนนี้ก็คงไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว หากตระกูลสือพ่ายแพ้ ก็ย่อมหมายความว่าตระกูลสือนั้นไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง รุ่นเยาว์ของตระกูลสืออาจจะทำผิดไปแต่เขาก็ได้รับการลงโทษที่รุนแรงแล้ว การต่อสู้ในครั้งนี้จะเป็นไปอย่างยุติธรรมและไม่มีเจตนาอื่นซ่อนเร้นอยู่?” ชายชรากล่าวขึ้นช้าๆโดยไม่ได้มีอารมณ์ร่วมใดๆ เขาเล่าเรื่องที่รุ่นเยาว์ของตระกูลสือได้รับการลงโทษอย่างหนักไปก่อนหน้านี้แล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกที่เขาทำผิดไป แต่มีบางอย่างที่ไม่อาจยอมรับได้ ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องสู้กันในวันนี้ ถ้าสงสัยว่าท่านต้องการตั้งกฏอะไรหรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มเมื่อเขากล่าวขึ้น
“ประลองกัน 3 รอบเป็นไง? ตัดสินกันจากชนะ 2 ใน 3 รอบ” ชายชรากล่าวขึ้นหลังจากที่คิดครู่หนึ่ง
“เช่นนี้เป็นอย่างไร? ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้ ตราบใดที่พวกท่านทั้งหมดสามารถเอาชนะข้าได้ท่านก็จะชนะ” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
ปากของชายชรากระตุกขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออก เขาพยักหน้า “หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่มากพิธีอีกต่อไป”
“การเมตตาต่อศัตรูก็เหมือนการทำร้ายตัวเอง” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้น
ชายชราปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าชิงสุ่ยอย่างรวดเร็ว ชายชราผู้นี้สวมเสื้อคลุมหลวมๆ ด้วยอายุของเขาทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องทำร้ายชายชราผู้นี้
ดวงตาของชายชรานั้นเป็นประกายและเฉียบคมอย่างยิ่งราวกับใบมีด ร่างกายของเขาดูราวกับว่าคนธรรมดาที่ไม่มีการฝึกฝนใดๆ แต่เพราะเคล็ดวิชาที่ชายชราฝึกฝน ทำให้กลิ่นอายของเขาที่ปล่อยออกมาเฉียบคมอย่างยิ่งในตอนนี้
อาวุธของชายชราเป็นไม้เท้าอสรพิษที่มีดอกไม้อยู่ 5 ดอก
ชิงสุ่ยไม่ได้กังวลเกี่ยวกับไม้เท้านี้ สำหรับสิ่งที่ชั่วร้ายเช่นนี้ชิงสุ่ยไม่เคยรู้สึกหวาดกลัว แต่เขารู้ดีว่าเขาต้องระวังให้มากบางครั้งการมั่นใจที่มากเกินไปก็อันตราย
“โปรดชี้แนะด้วย!” ชายชราพุ่งตรงออกไปทันทีน้ำเสียงของเขานั้นเย็นชาอย่างยิ่ง
ชิงสุ่ยนำง้าวทองทะลวงศัตรูของเขาออกมาพร้อมกับพยักหน้า “โปรดชี้แนะด้วย!”
ชายชราพุ่งตรงเข้าไปหาชิงสุ่ย การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้รวดเร็วนักแต่มีลูกเล่นมากมาย ทำให้เกิดภาพติดตาขึ้นถึง 4 ร่างขณะที่เขาพุ่งไปหาชิงสุ่ย มีกลิ่นอายถึง 5 ชั้นที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขา
ชิงสุ่ยยิ้มลูกเล่นเล็กน้อยๆนี้เหมือนเด็กน้อยที่กำลังเล่นกับเขา
ชิงสุ่ยยังคงมีสีหน้าที่เฉยชา พลังของชายชรานั้นแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเขา แต่โดยธรรมชาติแล้วเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ชิงสุ่ยก็ไม่ได้ใช้ลูกเล่นต่างๆของเขา
ทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึก!
ติ๊ง!
ในตอนแรกเริ่มชิงสุ่ยได้ประเมินศัตรูและเตรียมการทุกๆอย่างตั้งแต่ศัตรูของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว
ชายชรารู้สึกรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พลังของเขาของเขาโดนลดลงไปในตอนนี้
ติ๊ง!
ย่าห์!
ง้าวทองทะลวงศัตรูของชิงสุ่ยนั้นมีความสามารถในการเจาะทะลวง มันได้พุ่งทะลวงไม้เท้าอสรพิษที่พุ่งเข้ามาทันที อสรพิษที่อยู่บนไม้เท้านั้นลอบโจมตีชิงสุ่ยอยู่หลายครั้ง บางครั้งมันก็พ่นพิษออกมา น่าเสียดายที่พลังปราณของชิงสุ่ยสามารถป้องกันเอาไว้ได้หมด
หลังจากที่เขากำจัดอสรพิษที่อยู่ไม้เท้าก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมา
ชายชราปราศจากอาวุธในตอนนี้ไม่นานนักเขาก็ไม่อาจต่อกรกับชิงสุ่ยได้ ไม่นานหลังจากนั้นเขาได้รับบาดเจ็บแต่เขาไม่ได้เลือกที่จะยอมแพ้ แม้ว่าชัยชนะคงตกเป็นของชิงสุ่ยอย่างชัดเจนแล้ว
“ท่านหมอเทวดาชนะ แม้แต่ชายชราคนนั้นก็ไม่ใช่คู่มือของเขา!”
“ชายชราผู้นั้นก็ถือว่ามีตำแหน่งในตระกูลสือ ใครจะคิดกันว่าเขาจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย”
“ตั้งแต่ท่านหมอเทวดาชิงกล้าที่จะรับการประลองครั้งนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเขามีความมั่นใจ ข้าเชื่อว่าเขาจะสามารถเอาชนะต่อไปเรื่อยๆได้”
……
ชิงสุ่ยยืนอยู่กลางอากาศไม่ได้ไล่ตามศัตรูของเขาไปแต่อย่างใด ศัตรูของเขาพ่ายแพ้และได้รับบาดเจ็บในตอนนี้ อาการบาดเจ็บนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้อย่างน้อยก็หลายเดือน การพ่ายแพ้ในครั้งนี้ส่งผลต่อพลังที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตของชายชราเป็นอย่างยิ่งมันเหมือนกับการทิ้งปีศาจเอาไว้ภายในจิตใจของเขา มันคงจะยากยิ่งนักหากชายชราต้องการที่จะยกระดับขึ้นอีกในอนาคต
“เจ้าหนุ่ม เจ้าช่างทรงพลังจริงๆ”
ชายชราอีกคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าชิงสุ่ย ชายชราผู้นี้มีร่างกายที่อ้วนและมีสีหน้าที่ดูมีความสุข มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาอยู่เสมอทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างเขารู้สึกว่าเขานั้นเป็นมิตร
“ท่านผู้อาวุโส พลังของท่านนั้นมากยิ่งนัก มาเริ่มกันเถอะ!” ชิงสุ่ยหัวเราะ
“หนุ่มสาวมักจะเลือดร้อนเช่นนี้ มาเริ่มกันเถอะ” ชายชรานำค้อนคู่ขนาดใหญ่ของเขาออกมาขณะที่เขาพูด พร้อมกับเรียกอสูรศิลาทองคำ
ชิงสุ่ยมองไปที่ค้อนคู่สีเทานั้น หลังจากที่ได้มองใกล้ๆเขาก็บอกได้ว่ามันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน