Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1553 – สองปีศาจแห่งตระกูลฉ่าย
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1553 – สองปีศาจแห่งตระกูลฉ่าย
บทที่ 1553 – สองปีศาจแห่งตระกูลฉ่าย
สำหรับเรื่องนี้ชิงสุ่ยไม่มีความเห็นใดๆ เพราะเข้ารู้ดีว่ายังไงซะเธอคงจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างง่ายๆ
“ดีงั้นเอาตามที่เจ้าว่า เมื่อใดที่เจ้าต้องการกำจัดพวกเขาก็มาบอกข้าก็แล้วกัน”ชิงสุ่ยพยักหน้าและพูดออกมา
“เอาล่ะ งั้นข้าขอตัวจะไปพักผ่อนก่อน เจ้าเองก็ควรพักได้แล้ว? “
……
สองวันได้ผ่านไปอย่ารวดเร็วมาก ในช่วงเวลานี้ ชิงสุ่ยยังคงอยู่ที่ตระกูลฉิน นอกเหนือจากเวลาที่เขาใช้สอนคนอื่นๆ ชิงสุ่ยจะอาศัยอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะเป็นส่วนมากเพื่อฝึกฝน ส่วนเวลานอกจากนั้นเขาจะใช้มันร่วมกับฉินชิง
ชิงสุ่ยมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในการคิดถึงอนาคตของเขา กับผู้หญิงคนนี้ นอกจากนี้เขายังสัญญากับเธออีกว่าเมื่อทุกๆอย่างจบลงเขาจะพาเธอไปยังหอคอยจักรพรรดิของเขา แต่นั้นก็เมื่อทุกๆอย่างจบลง
แต่ ณ ตอนนี้นี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดที่ชิงสุ่ยต้องทำคือการก้าวข้ามไปยังระดับที่สูงกว่านี้ก่อน ไม่ใช่เพราะเขาอยากแข็งแกร่งเหนือใครเพียง เขาเพียงแค่ไม่อยากถูกรังแกเท่านั้น
เมื่อคิดถึงเส้นที่ที่เขาผ่านมา ทำให้เขารู้ว่าหากเขาไม่เติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเขาและครอบครัวของเขาก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกที่โหดร้ายใบนี้ได้
ในตอนนี้ข่าวลือเรื่องของตระกูลฉิน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา ได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างจนไม่สามารถหยุดได้แล้ว มันยิ่งทำให้ตระกูลกู๋ถูกรังเกลียดมากยิ่งขึ้น
เดิมทีพวกเขาก็มีมีชื่อเสียงที่ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งทำให้พวกเขาถูกกีดกันอย่างมาก นอกจากนี้ตระกูลฉินก็ได้ชื่อว่าตระกูลที่มีจิตใจอารีที่สุดในแถบนี้ มันทำให้ทุกๆคนอยากช่วยเหลือพวกเขามากยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากข่าวลือเหล่านั้น ยังมีข่าวที่ฉินชิงต้องการไปทวงความยุติธรรมของพวกเขาคืนอีกด้วย มันจึงทำให้ตอนนี้มีผู้คนมากมายจะตามองระหว่างสองตระกูลอย่างมาก
ในตอนนี้สิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจก็คือเหตุผลทำไมตระกูลฉินถึงได้ส่งฉินชิงออกไป ถึงแม้เธอจะงดงามอย่างมากแต่พลังบ่มเพาะของเธอก็ไม่ได้จัดว่าแข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้ นอกจากนี้เธอก็ยังคงเป็นเพียงแค่เด็กน้อยเท่านั้น มันคงเป็นเรื่องยากที่เธอจะรับมือกับสามตระกูล
มีความคิดมากมายที่หลังไหลออกมาจากปากผู้คน บ้างก็ว่าชายชราของตระกูลฉินบาดเจ็บสาหัส จนต้องส่งเธอไป บ้างก็มอกว่าเธอมีความสามารถที่พิเศษแอบซ่อนอยู่ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าทำไมตระกูลฉินถึงตัดสินใจเช่นนั้น
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือที่ว่าตระกูลฉินได้ส่งสารท้าประลองเป็นตายขึ้น เพื่อให้โอกาสตระกูลอื่นๆ แต่ความจริงแล้วมันเป็นอุบายของชิงสุ่ยที่จะสามารถฆ่าผู้คนอื่นๆได้อย่างสง่าผ่าเผย
……
โดยสถานที่ที่กำหนดไว้ก็คือบนเกาะหมาป่าราตรี หากตระกูลทั้งสามมีความกล้าเพียงพอ พวกเขาจะต้องมาประลองกันที่เกาะแห่งนั้น เพราชิงสุ่ยและฉินชิงจะรออยู่ที่แห่งนั้นตลอดทั้งวัน โดยไม่จำกัดว่าจะมีใครกี่คนเข้าร่วมก็ได้ เพียงแค่ชิงสุ่ยและฉินชิงยังมีลมหายใจอยู่พวกเขาสามารถท้าประลองได้ตลอดเวลา
มันจึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากที่มุ่งหน้าไปยังเกาะหมาป่าราตรี นอกจากนี้ยังมีผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งจำนวนมากไปอยู่ในที่แห่งนั้น หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉินชิงและชิงสุ่ยพวกเขาได้วางแผนที่จะแอบช่วยพวกเขาอย่างลับ นั้นเพราะสิ่งที่ทั้งสามตระกูลทำลงไปเป็นเรื่องที่น่ารังเกลียดอย่างมาก โดยเฉพาะตระกูลกู๋ จึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ต้องการกำจัดพวกเขา นอกจากนี้มันยังเป็นวิธีที่จะได้ตีสนิทกับตระกูลฉินอีกด้วย
ยอดภูเขาหมาป่าราตรี!
ในตอนนี้ชิงสุ่ยและฉินชิง ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเกาะ ขณะที่เหลืออีกประมาณหนึ่งชั่วยาม ก็จะถึงเวลานั้นหมายแล้ว ในขณะนี้มันยังเป็นเวลาเช้าตรู่ แสงอาทิตย์ยังไม่ได้สาดส่องมายังพื้นโลกในตอนนี้ ยามใดที่แสงอาทิตย์สาดส่องออกมา นั่นก็หมายความว่าการประลองได้เริ่มต้นขึ้น
ในที่สุดเวลาก็มาถึง พื้นที่แห่งนี้นั้นได้ถูกฉาบไปด้วยแสงสีทองอร่าม
ในตอนนี้ทั้ง ชิงสุ่ยและฉินชิงดูสงบอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปที่กำลังออกมาจากร่างกายของฉินชิง
“เจ้าคิดยังไงบ้าง?” ฉินชิงมองไปที่ชิงสุ่ยก่อนที่จะย้ายสายตาไปที่กลุ่มคนอื่น ๆ หนึ่งในนั้นมีคนของตระกูลฉินที่มาให้กำลังใจอยู่ด้วย
“ข้าแค่คิดว่าใครกันที่จะกล้ามาต่อสู้กับเรา” ชิงสุ่ยยิ้มออกมาและมองไปที่เธอ
“ไม่ว่าใครจะแสดงตัวออกมา พวกเราจะฆ่าเขาให้หมด แล้วตอนนี้เจ้ามั่นใจมั้ยละ ว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้? “ฉินชิงยิ้มและมองไปที่ชิงสุ่ย
“แน่นอนว่ามั่นใจ การได้ร่วมสู่กับชิงเอ๋อของข้า ทำให้ข้าเป็นอมตะไม่มีใครสามรถทำอะไรข้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างมาไม่มีใครเอาชนะพวกเราไปได้หรอก”ชิงสุ่ยกล่าวออกมา ขณะที่เขายักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“เจ้าจะอยู่ข้างๆข้าไปตลอดได้รึไม่โดยที่ไม่ใช่ประโยชน์จากร่างกายของข้า?” ฉินชิงกล่าวออกมาอย่างสงบ ไม่มีการแสดงออกใดๆจากคำพูดก่อนหน้านี้ของชิงสุ่ย
“เอางี้ เจ้ายินดีที่จะให้ข้าใช้ประโยชน์จากเจ้าหรือไม่” ชิงสุ่ยยิ้มและถามกลับ
“ในอดีตไม่มีใครกล้าพูดกับข้าแบบนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าจะรู้ทำไมถึงไม่มีใครกล้าพูดแบบนั้น แต่ข้าก็ไม่คิดว่าจะได้ยินมันออกมาอยู่ดี เพราะมันไม่ใช่ประโยคที่คนทั่วๆไปจะกล้ากล่าวออกมา “ฉินชิงกล่าวออกมาและถอนหายใจ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนมากมายกว่ากล่าวถึงเจ้าอย่างไร? พวกเขาเรียกเจ้าว่า เทพธิดาชิง นั้นแหละที่ทำให้เจ้าดูสูงส่งเกินจะคว้ามา ว่าแต่จะพูดแบบนั้นกับเจ้าเลยเพียงแค่ชายตามองพวกเขายังไม่กล้า นั้นเป็นเพราะเกือบทุกคนๆรู้สึกต่ำต้อยเมื่อพวกเขายืนอยู่ตรงหน้าเจ้า ช่องว่างระหว่างเจ้าและคนอื่นๆมันดูห่างไกลกันมากเกินไป ผู้ชายทุกๆคนมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการมองหาผู้หญิงที่พวกเขารักได้อย่างสุดใจไม่ใช่หาผู้หญิงที่จะต้องมาเทิดทูนและบูชา “ชิงสุ่ย ยิ้มให้
ฉินชิงยิ้มและมองไปที่เขา “แล้วเจ้าละรู้สึกเช่นใดเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า “
“จะมากหรือน้อย … ถึงแม้แต่ข้าก็ยังรู้สึกด้อยค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้า …… ” ชิงสุ่ยหัวเราะเบา ๆ
“งั้นทำไม เจ้าถึงยังคงยืนกรานที่จะไม่ไปจากข้าละ? ข้ารู้สึกว่าคำพูดของเจ้าจะดูย้อนแย้งแปลกๆนะ”
“ข้ารู้ดีกว่าข้านั้นไม่คู่ควรกับเจ้า แต่ถึงอย่างไรข้าก็มิอาจปล่อยเจ้าไปได้ ดังนั้นสิ่งที่ข้าต้องทำคือการดึงเจ้าลงมาจากสวรรค์ อย่างน้อยมันก็เพียงพอ ที่คนธรรมดาเช่นข้า จะสามารถครอบครองเจ้า “เมื่อถึงจุดนี้ ชิงสุ่ยเริ่มมองผ่านหลายสิ่งหลายอย่าง เพราะหากเป็นเช่นดังเก่า เขาจะไม่มีทางใดเลยที่จะสามารถครอบครองเธอ
ฉินชิงมองไปที่ชิงสุ่ยและยิ้มให้ “โอ้ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมในการสรรเสริญผู้คนจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนสรรเสริญข้าถึงขั้นนี้ ไว้ข้าจะต้องพิจารณาตัวเองเสียใหม่แล้ว “
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าในตอนนี้เธอต้องการหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะตอนนี้เวลาแห่งการประลองมาถึงแล้ว
ไม่สังเกตเห็นเวลาก็ล่วงเลยมาถึงเที่ยงแล้ว มีเพียง คนเพียงสองคนเท่านั้นที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้ พวกเขายืนอยู่ในจุดไม่ไกลจากชิงสุ่ยและฉินชิงมากนัก
ชายทั้งสองคนนั้นดูอยู่ในวัยกลางคน ชายที่ทางด้านซ้ายมีร่างกายที่สูงและผอมอย่างมาก เขามีผิวออกสีแทนน้ำผึ้ง มีจมูกที่สูงมาก นอกจากนี้ยังมีริมฝีปากของเขากว้างกว่าคนปกติ การปรากฏตัวของเขาทำให้ผู้คนคิดถึงหมาล่าเนื้อ
ส่วนคนที่อยู่ทางขวามือตรงข้ามกับชายคนแรก แม้ว่าร่างกายของเขาจะดูเตี้ย แต่ร่างของเขาก็หนากว่าผู้ชายคนแรกถึงสองเท่า ร่างกายของเขาดูเหมือนถังน้ำ นอกจากนี้ยังไม่สามารถมองเห็นคอของเขาได้จากด้านหน้า
สองปีศาจแห่งตระกูลฉ่าย!
“นั้นมันสองปีศาจแห่งตระกูลฉ่าย! ข้าไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะดูเด็กขนาดนี้!
“นั้นพวกเขาจริงๆรึ ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นชายชราที่มีอายุกว่าพันปีอย่างนั้นรึ?”
“นั้นแหละพวกเขา ข้าเคยได้ยินมันมาจากท่านปู่ของข้าเมื่อ500ปีก่อน นอกจากนี้ข้ายังเคยเห็นภาพวาดของพวกเขามาแล้ว ดังนั้นนี่จึงใช่พวกเขาไม่ผิดอย่างแน่นอน แต่ที่ข้าสงสัยทำไมพวกเขาถึงไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย แม้อายุของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น “
“เก้อ ซี่หลง นั้นใช่สองปีศาจแห่งตระกูลฉ่ายจริงๆหรือ?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่มันก็อาจจะเป็นไปได้ พวกเขาไม่เพียงที่จะมีนิสัยโหดเหี้ยม แต่พวกเขานั้นก็แข็งแกร่งอย่างมาก นอกจากนี้พวกเขายังมีวิธีการต่างๆ และกลยุทธ์มากมายที่เลวทราม เพื่อจัดการกับฝ่ายตรงข้าม นี่จึงเป็นที่มาของฉายาของพวกเขา”
……
ในตอนนี้ไม่มีใครสามารถหยุดการต่อสู้ได้ไม่ส่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกๆอย่างจะจบลงเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายลงไป
“พวกเราทั้งสองคนมาจากตระกูลฉ่าย เพื่อร่วมประลอง! ยินดีที่ได้พบพวกท่านทั้งสอง! “ชายที่มีรูปร่างอ้วน กล่าวด้วยเสียงที่แข็งขัน
“เราเป็นตัวแทนของตระกูลฉิน เราอยู่ที่นี่เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตระกูลของตัวเอง! ยินดีที่ได้พบท่าน! “ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างใจเย็น แม้ว่าชายคนนี้จะยิ้มออกมาให้ชิงสุ่ยแต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างบ้าคลั่ง
“ความยุติธรรม? เจ้าไม่พูดเกินไปหน่อยหรือไม่? เจ้าเองไม่ใช่รึ ที่เป็นคนเริ่มต้นฆ่าคนของตระกูลเลิงก่อน งั้นช่วยพอสิอะไรคือความยุติธรรมของตระกูลเลิง? “ชายวัยกลางคนที่สูงผอม เงียบอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะตัดสินใจที่จะพูดออกมา
“พวกท่านก็รู้ดีนิทำไมข้าถึงลงมือกับตระกูลเลิง พวกเขานั้นไม่ลังเลที่จะใช้กลุ่มคนของพวกเขารุมทำร้ายข้า ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังเสียมารยาทอย่างมากกับชิงเอ๋อ ดังนั้นสมควรแล้วที่พวกเขาถูกสังหารในมือของข้า หากเป็นไปได้ หากเป็นไปได้ข้าอยากจะย้อนกลับไปฆ่าพวกเขาทุกๆคนที่อยู่ในตระกูลเลิงเสียให้หมด”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“เยี่ยม ไม่มีอะไรที่ต้องพูดกันอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเราไม่สามารถเจรจากันด้วยคำพูดได้ งั้นก็มาพูดคุยกันด้วยกำลัง และอย่าหาว่าพวกเรารังแกพวกเจ้าละ เพราะเป็นพวกเจ้าเองที่ได้เริ่มสงครามขึ้นมาก่อน”ชายคนที่ผอมกล่าวออกมาอย่างยโส
ชิงสุ่ยได้เรียกง้าวทองออกมา ก่อนที่จะหันไปบอกฉินชิง “ระวังตัวให้มาก ข้าสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ผิดปกติซึ่งเปล่งออกมาจากร่างกายของพวกเขาทั้งสองคน จะดีที่สุดถ้าเราจบการต่อสู้นี้ได้อย่างรวดเร็ว “
ในตอนนี้ชิงสุ่ยสื่อสารออกไปทางพลังวิญญาณของเขา โดยที่คนอื่นๆไม่ได้ยิน
ในตอนนี้ชายที่ผอมแห้งได้หยิบเอาอาวุธที่คล้ายกับหนามยาวสีดำออกมาสองอัน ขณะที่ชายที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ยได้นำเอาถุงมือสีเงินออกมา ในตอนนี้แม้จะไม่ใช่ชิงสุ่ย ทุกๆคนที่อยุ่ในที่แห้งนี้ก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นคายเลือดที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากอาวุธของพวกเขา
“-ข้าจะสู้กับเจ้าอ้วนนั้นเอง!”เมื่อกล่าวจบชิงสุ่ยพุ่งออกไปพร้อมกับง้าวในมือของเขาทัน ในขณะที่แสงสีทองที่ดูคล้ายกับมังกรสีทองได้ทะยานออกไป ทิ่งเอาเพียงแค่เส้นทางสีทองข้างหลังชิงสุ่ยเท่านั้น