Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1557 – ชัยชนะ
บทที่ 1557 – ชัยชนะ
ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์อสูรเท่านั้น ฝ่ายตรงข้ามเองตกใจอย่างมากเมื่อได้ เห็นมันเช่นเดียวกัน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอสูรสยบมังกรนั้นน่ากลัวมากขนาดไหน ก่อนที่พวกเขาจะจ้องมองไปที่สัตว์อสูรของตัวเองและถอนหายใจออกมา
แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเกี่ยวกับอสูรสยบมังกรมาก่อน แต่เขาก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อในความแข็งแกร่งของพวกมัน แต่ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าสิ่งที่เขาได้ยินมานั้นผิดพลาดไปอย่างมาก สิ่งที่เขาได้ยินมันแทบจะเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พวกเขาเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้
ในตอนนี้ชิงสุ่ย ได้นำแส้เพลิงมังกรออกม ขณะที่เขาฟาดแส้มังกรเพลิงสีเทา ลงไปในอากาศ ก่อนให้เกิดเสียงดังสนั่นออกมาในขณะที่อากาศรอบได้ระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง
เสียงคำรามของสิงโต …
ในตอนนี้สิงโตทองคำได้คำรามออกมาเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ฝังตัวเอง ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเจ้าใส่ชิงสุ่ยในทันที เช่นเดียวกับชายชราที่ได้ขว้างก่อนโลหะเหลวสีแดงออกมา
โลหะเพลิง5ธาตุ!
นี่เป็นหนึ่งในแร่เหล็กที่ทรงพลัง และอาจกล่าวได้ว่านี่เป็นหนึ่งในสิ่งของที่ที่ยากที่สุดในโลก เมื่อใครก็ตามได้สัมผัสเข้ากับมันแล้ว พวกเขาจะถูกก่อนโลหะดังกล่าวแทรกซึมเข้าไปในร่างกาย ก่อนที่มันจะหลอมละลายร่างกายของพวกเขาจากข้างใน มันจึงเป็นสิ่งมันตรายอย่างมาก
หุบเขาเก้าเทวา!
ชิงสุ่ยได้ตระหนักว่าหุบเขาเก้าเทวานั้นมีประโยชน์อย่างมาก แม้ว่ามันจะไม่สามารถทำลายก้อนโลหะสีแดงดังกล่าวได้ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นดังป้อมปราการไร้พ่าย ด้วยขนาดที่ใหญ่โตเทียมฟ้า ไม่มีแม้แต่โอกาสใดเลยที่ก้อนโลหะสีแดงจะรอดผ่านมาได้
ฟู่ๆ!
เสียงของโลหะเพลิง5ธาตุที่กำลังกัดกร่อนหุบเขาเก้าเทวาดังออกมา แต่ถึงอย่างไรแล้วมันก็ไม่สามารถเจาะทะลุผ่านมาได้
เปรี๊ยบ!
แส้เพลิงในมือของชิงสุ่ยได้ฟาดลงไปที่สิงโตทองคำ อย่างรุนแรงจนมันต้องหยุดการเคลื่อนไหว
เถาวัลย์อสูรกระหายเลือด!
เกือบจะในเวลาเดียวกันชิงชุ่ยได้ปลดแส้ของเขาออกก่อนที่ ใช้เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดพันธนาการพวกมันเอาไว้ แม้พวกมันนั้นจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตามพวกมันก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องทำให้ชิงสุ่ยต้องลงมือด้วยตัวเอง
การผสมผสานทักษะของเขากับการเลือกใช้สัตว์อสูรมันทำให้เขาได้เปรียบอย่างมากในการต่อสู้ นอกจากนี้มันยังให้เขาสามารถสร้างวิธีที่หลากหลายในการกำจัดฝ่ายตรงข้าม
นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังรู้อีกว่าแม้สิงโตทองคำจะทรงพลังอย่างมาก และมีความเร็วที่เป็นเลิศ แต่ถึงอย่างไรมันก็มีพลังป้องกันที่อ่อนแอ ดังนั้นเขาจึงได้เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดออกมาเพื่อพันธนาการพวกมันไว้
ในตอนนี้เมื่อชายชราทั้งสองรู้สึกตัวก็สายไปแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งที่ถูกจำกัดลง ทำให้ความสามารถของพวกเขาลดลงอย่างมาก มากจนทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้ามาช่วยพวกมันได้ทันในตอนนี้
ในขณะเดียวกันตอนนี้อสูรสยบมังกรที่ลอยอยู่ข้างหลังชิงสุ่ย ได้กระโจนไปที่เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดและทำการขย้ำลงไปที่สิงโตทองคำในทันที
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างกระทันเพียงแค่เสี่ยวลมหายใจเท่านั้น โดยที่ชายชราทั้งสองคนไม่สามารถทำที่จะอะไรได้เลย พวกเขาได้เพียงแค่ยืนมองสัตว์อสูรของเขาถูกสังหารตายไปต่อหน้าต่อตา
ในตอนนี้ชายสองคนตระหนักดีว่าอสูรสยบมังกรน่ากลัวขนาดไหน แต่ที่น่าหวาดกลัวกว่าก็คือชายหนุ่มที่ควบคุมมันอยู่
ถึงแม้เรื่องนี้จะทำให้พวกเขาตกใจอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรพวกเขานั้นก็ยังคงสติเอาไว้ได้
การตายของสิงโตทองคำได้สร้างความหวาดกลัวให้พวกเขาไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์ในการต่อสู้ในอดีตทั้งหมดที่พวกเขาสะสมมา มันยังทำให้พวกเขานั้นยังคงยืนหยัดอยู่ที่ตรงนี้ได้
พวกเขาเป็นถึงหนึ่งในสิบ บรรพบุรุษสังหารสวรรค์ของตระกูลกู่ หากพวกเขาหลบหนีไปในตอนนี้ ตระกูลกู่คงไม่มีหน้าอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่พวกเขายังยืนอยู่ที่ตรงนี้ นอกจากนี้พวกเขายังคงมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง
ในตอนนี้ชายชราทั้งสองได้หยิบขวานซึ่งเป็นอาวุธของพวกเขาออกมา
ขวานยักษ์เป็นอาวุธที่นิยมใช้อย่างมากในอดีต ด้วยความพลังจู่โจมที่มากมาย มากพอที่จะสังหารศัตรูเพียงการจู่โจมเดียว มันจึงเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างมากในอดีต แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันนั้นเป็นอาวุธที่ใช้ได้ยากมาก เพราะมันเป็นอาวุธที่ต้องใช้พละกำลังและความแข็งแกร่งอย่างมากในการควบคุม ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นอาวุธหนักที่ค่อนข้างจะช้า
ในตอนนี้ชายชราทั้งสองยิ้มออกมา นี่ก็นานมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้ใช้มัน พวกเขามีความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่จะได้พลังที่แท้จริงในการต่อสู่กับชิงสุ่ย
ในตอนนิ้ชิงสุ่ยได้เก็บแส้เพลิงในมือของเขาพร้อมเรียกง้าวทองออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยรู้ว่าแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะอ่อนแอลงเพราะความสามารถของเขาแล้ว แต่จิตใจของพวกเขาไม่อ่อนแอลงเลย ราวกับว่ามันนั้นได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเก่าเสียด้วยซ้ำๆ
9รากฐานบรรพกาลศึก, กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต!
ตอนนิ้ชิงสุ่ยมั่นใจว่าขวานในมือของพวกเขาต้องไม่ใช่อาวุธธรรมดา ดังนั้นชิงสุ่ยจึงตัดสินใจที่จะใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีทั้งหมดออกมา
ย๊า!
ตูม!
ง้าวในมือของชิงสุ่ยได้ฟาดลงไปที่ขวานยักษ์ของชายชราคนหนึ่ง ในตอนนี้ขวานของเขาได้ปะทะเข้าด้วยกัน ก่อห้เกิดลอยร้าวเล็กๆขึ้นมา
ชายชรามองไปที่ขวานของตัวเองด้วยดวงตาที่เปิดกว้างขึ้นด้วยความไม่เชื่อ ในอดีตที่ผ่านมา เขาเคยใช้ขวานเล่มนี้ต่อกรกับผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งมามากมาย แต่ก็ไม่ใครเลยที่สามารถสร้างรอยขีดขวนให้มันได้ แต่ในตอนนี้เพียงค่าการจู่โจมเดียวของชิงสุ่ยก็สร้างรอยร้าวให้มันได้แล้ว ด้วยความเสียหายในครั้งนี้จะทำให้อำนาจของมันอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดด
ทะลายขุนเขา!
ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความโกรธอย่างมาก ในตอนนี้เขาได้เหวี่ยงขวานขนาดมหึมาของเขาไปทางชิงสุ่ย ในขณะที่ขวานของเขาค่อยๆขยายตัวขึ้นใหญ่กว่า100เมตร
ในขณะที่มันยังคงขยายตัวออกไปจนใหญ่เทียบเท่ากับภูเขาลูกเล็กๆ
ในทางกลับกันชิงสุ่ยได้ชูง้าวของเขาขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่จะรวมรวมปราณไปไว้ที่จุเดียวกัน
9รากฐานบรรพกาลศึก!
ทันใดนั้นเงาสีทองขนาดใหญ่ได้เปล่งออกมาจากง้าวทองของเขา ในขณะที่กลิ่นอายที่มันปลดปล่อยออกมาได้ขยายตัวใหญ่ขึ้นเทียบกับชวานของชายชราเลยในขณะนี้ นอกจากนี้กลิ่นอายของมันยังโดดเด่นจนให้ความรู้สึกราวกับมันนั้นสามารถทำลายได้แม้แต่ชั้นฟ้าและสรวงสวรรค์
ในตอนนี้ชิงสุ่ยมองไปที่ชายด้วยความจริงๆ ก่อนที่จะฟาดลงไปอย่างรุนแรง
ตูม!
ขวานของชายชราถูกทำลายในที่สุด
ในตอนนี้ชายชรารู้แล้วว่าไม่ว่าทางไหนเขาก็ไม่มีทางเอาชนะชายผู้นี้ด้วย ถึงแม้ชายหนุ่มคนนี้จะมีอายุน้อยกว่าเขาหลายเท่า แต่ความสามารถของเขาไม่อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย เขาได้หันมองที่ชิงสุ่ยด้วยความรู้สึกท้อแท้
เช่นเดียวกันในตอนนี้ชิงสุ่ยจ้องมองไปที่ชายชรา ในการต่อสู้ครั้งนี้ชิงสุ่ยรู้ว่า มันเป็นพรที่มีค่าสำหรับเขา การที่เขาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งในครั้งนี้ มันทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เช่นเดียวกันในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขานั้นสามารถดึงเอาศักยภาพของง้าวทองออกมาได้มากกว่าเก่า ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณการต่อสู้ในวันนี้
ตอนนี้ชายชราได้อ่อนแอลงอย่างมาก ในเพียงความจริงที่ว่าเขานั้นได้บาดเจ็บอย่างมากจากการปะทะในครั้งแรก และหลังจากการประทะในครั้งที่สอง จนขวานของเขาถูกทำลายลงไป ในตอนนี้เขาแทบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย
สำหรับตอนนี้ชายชราอีกคนได้แต่อยู่มองอยู่โดยไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากฉินชิงได้สกัดเขขาไว้ ตอนแรกชิงสุ่ยแอบเป็นห่วงเธอเล็กน้อย แต่ในเมื่อมองดูเธอในตอนนี้ เขารู้ได้เลยว่าเธอนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เขาจินตานาการเอาไว้นัก
ฉึก!
ในตอนนี้ง้าวทองในมือของชิงสุ่ยได้แทงทะลุหัวใจของชายชราไปอย่างง่ายดาย ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็รู้สึกแปลกใจที่ ชายชราไม่ได้พยายามที่จะหลบเลี่ยง หรือแม้จะต่อต้านมันเลยแม้แต่น้อย ราวกับเขาจงใจปล่อยให้ชิงสุ่ยสังหารเขา
“เจ้าจะสัญญากับข้าได้ไหม?” เลือดไหลออกจากปากของชายชรา ขณะที่เขากล่าว
“ท่านต้องการให้ข้าสัญญาอะไรรึ” ชิงสุ่ยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยในตอนนี้ เขาเกลียดความรู้สึกแบบนี้อย่างมาก มันจะดีกว่าถ้าคู่ต่อสู้ของเขาตายลงไปในทัน แม้ว่าชิงสุ่ยจะรู้ว่าเขาสามารถเอาชนะชายชราคนนี้ได้ แต่มันก็ไม่มาหพอสังหารเขาในพริบตา
“ได้โปรดอย่าทำลายตระกูลกู่!” ชายชรารวบรวมลมหายใจสุดท้าย และกล่าวออกมา
“ตราบเท่าที่ตระกูลกู่นั้นไม่เข้ามาสร้างปัญหาในกับเรา ยิ่งไปกว่าข้าจะไม่มีเวลามากพอที่จะฆ่าคนอื่นโดยไร้ความจำเป็น” ชิงสุ่ยกล่าวขณะมองไปที่ชายชรา
“ขอบคุณ!”
หลังจากที่ชายชราคนนั้นตายลงไป ชายชราอีกคนก็ดูเหมือนหมดกำลังใจสู้ต่อ เช่นเดียวกันในตอนนี้ ฉินชิงเองก็ไม่ได้เลือกที่จะฆ่าเขา “ออกไปซะ!”
ชิงสุ่ยแอบตกใจเมื่อได้ยินฉินชิงกล่าวออกมา เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะกล่าวเช่นนี้ออกมา
“อย่ามองข้าแบบนั้น ข้าเองก็เกลียดการฆ่าฟันเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เขาก็เหลือเวลาอยู่ได้อีกไม่นานนัก “ฉินชิงส่ายศีรษะและถอนหายใจ
“เจ้าต้องการที่จะต่อสู้ต่อไปไหม?” ชิงสุ่ยถาม ฉินชิง
“ไม่ๆไม่มีเหตุผลที่เราต้องสู้ต่อไปแล้ว”ฉินชิงมองไปที่เวที
“ไม่คิดเลยแม้แต่บรรพบุรุษของตระกูลกู่ก็ยังไม่คู่มือของพวกเขา หลังจากนี้คงไม่มีใครที่สามารถหยุดพวกเขาได้อีกแล้ว ในที่สุดช่วงเวลาแห่งความรุ่นโรจน์ของตระกูลฉินก็มาถึง”
“มันก็ไม่แน่หรอก เจ้าหนุ่มนั้นเป็นคนที่มาจากดินแดนอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็มีความสัมพันธ์กับท่านหญิงชิงอีกด้วย แม้แน่ว่าหลังจากเรื่องราวทั้งหมดจบลง นางอาจจะตามเขาออกไปยังโลกภายนอก นั่นอาจทำให้ตระกูลฉินสูญเสียความแข็งแกร่งไปอีกครั้งก็ได้ “
“ถึงแม้นางและเขาจะจากไป แต่ท่านบรรพบุรุษของตระกูลฉินและฉินป่ายฟงก็ไม่ได้อ่อนแอเลยนะ จะมีแค่ผู้นำและบรรพบุรุษของแต่ละตระกูลเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้ นอกเหนือจากนี้ ในตอนนี้ตระกูลฉ่าย เยว่และกู่ก็ได้สูญเสียผู้บ่มเพาะที่แข็งไปเป็นจำนวนมาก คงจะยากที่พวกเขาจะกลับมาแข็งแกร่งในอีกพันปี ? “
“ข้าก็ว่าอย่างงั้นถึงไม่มีทั้งคู่อยู่ก็ แทบจะไม่มีใครรับมือกับตระกูลฉินเลย “
……
หลังจากที่การต่อสู้จบลงชิงสุ่ยก็ไม่ได้บีบบังคับให้ใครออกมา เขาได้เพียงรออยู่ที่นั้นจนพระอาทิตย์ใกล้ตกลง
“เราจะกลับบ้านเลยหรือไม่” ชิงสุ่ยถาม
“อือ ตอนนี้ข้าต้องการพักผ่อนและ ในวันนี้เรื่องราวที่ค้างคาในใจของเธอได้คลี่คลายแล้ว มันจึงทำให้เธอผ่อนคลายอย่างมาก”
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉินหยิงจะทำให้ฉินชิงจมอยู่ในความทุกนานขนาดไหน แต่ที่เขารู้เวลาจะเยียวยาทุกๆอย่างเอง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากรีบร้อนเกี่ยวกับมัน
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้กลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉิน
ก่อนที่จะแยกย้ายไปอาบน้ำ ก่อนที่จะออกมารับประทานอาหารร่วมกับคนอื่นๆ
หลังจากที่อาบน้ำแต่งกายจนเสร็จ ชิงสุ่ยได้ออกมารอฉินชิงที่ชั้นล่าง เพื่อรอที่จะเข้าไปในงานเลี้ยงพร้อมๆกับเธอ
แต่ถึงอย่างไรในตอนนี้ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าเธอนั้นอาบน้ำนานเกินไปหน่อย ในตอนนี้เขาออกมายืนรอเธอไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงก็ตาม