Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1577 – ราชันย์ฉลามผลึกม่วง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1577 – ราชันย์ฉลามผลึกม่วง
บทที่ 1577 – ราชันย์ฉลามผลึกม่วง
ภายใต้การจ้องมองตื่นตระหนกของมนุษย์เงือกมังกรสมุทร อสูรสยบมังกรทะลวงเข้าไปยังรูที่มันได้รับบาดเจ็บไปก่อนหน้านี้ทันที
ฉัวะ!
อ๊ากกก!
ฟันและกงเล็บอันแหลมคมของอสูรสยบมังกรทะลุทะลวงเข้าไปยังร่างกายของมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทำให้เขาต้องกรีดร้องออกมา เสียงกรีดร้องของเขาทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆต้องหวาดผวา
มั่นใจได้เลยว่ามนุษย์เงือกมังกรสมุทรผู้นี้ต้อวตายอย่างแน่นอน ชิงสุ่ยมองไปที่ราชันย์ฉลามยักษ์ “เจ้าจะยอมจำนนก็ได้นะ?”
กฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา!
เขตแดนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นภายใต้ผลของกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา ราชันย์ฉลามยักษ์คำรามออกมาในขณธนี้ เสียงของเขาดังกระจายไปทั่วพระราชวังทะเลราชันย์
“อย่าฝืนไปหน่อยเลย เผ่ามัจฉานั้นหักหลังเจ้า เจ้าโง่งมจนถึงขนาดคิดจะใช้ประโยชน์จากเผ่ามัจฉาแต่เขาก็ได้รับรู้ถึงแผนการทั้งหมดของเจ้าแล้ว” ชิงสุ่ยกล่าวเช่นนี้เพื่อเป็นการปกป้องเผ่ามัจฉา
เขารู้ดีว่าบางครั้งการให้โอกาสแก่ศัตรูนั้นดีกว่าการฆ่าพวกเขาทั้งหมด เผ่ามัจฉานั้นค่อยข้างสำคัญหากพระราชวังทะเลราชันย์ต้องการที่จะอยู่รอดในแดนทะเลน้ำเเข็ง
ดังนั้นชิงสุ่ยจึงให้โอกาสเผ่ามัจฉา เมื่อวันนี้ผ่านพ้นไปชิงสุ่ยย่อมสามารถทำให้พวกเขาจงรักภักดีต่อพระราชวังทะเลราชันย์จนสุดหัวใจได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นหากเผ่ามัจฉามีปัญญาเพียงน้อยนิดพวกเขาย่อมรู้ดีว่าควรทำอะไร
คำพูดของชิงสุ่ยทำให้ราชันย์ฉลามยักษ์ต้องตกตะลึง พวกเขาวางแผนที่จะใช้เรื่องนี้ไว้เป็นไพ่ตายเพราะเมื่อใช้ออกมาแล้วพระราชวังทะเลราชันย์ต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน
เผ่ามัจฉานั้นเป็นเหมือนเสาหลักของพระราชวังทะเลราชันย์ พวกเขามียอดฝีมือมากมายและยังมีรูปแบบประตูมัจฉามังกรอันทรงพลังที่คอยปกป้องพระราชวังทะเลราชันย์
“เมื่อเจ้าอยากจะเห็นเผ่ามัจฉานัก ก็จงดูเถอะ!”
แปะ! แปะ! แปะ!
ชิงสุ่ยปรบมือของเขาจากนั้นคนของเผ่ามัจฉาก็ปรากฏตัวขึ้น ณ ที่แห่งนี้
รูปแบบประตูมัจฉามังกร!
นี่คือรูปแบบอันทรงพลังของเผ่ามัจฉา ด้วยรูปแบบนี้จะทำให้พลังของเผ่ามัจฉาจะทรงพลังยิ่งขึ้นดุจมังกร
ชิงสุ่ยได้มองไปรอบๆตัวในขณะนี้และเจ้าไปก่อกวนศัตรูเป็นครั้งคราว ในที่สุดเขาก็พบตำแหน่งที่เหมาะสมที่ตนเองจะแสดงพลังออกมาได้มากที่สุดแล้ว
ควบคุม!
ชิงสุ่ยกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวาที่มีผลต้อสัตว์อสูรรวมถึงหุบเขา 9 เทวา…
ศัตรูกว่า 300 คนได้ตายลงไปในตอนนี้จากการคาดการของชิงสุ่ยและเขารู้สึกไม่พอใจที่ศัตรูฉวยโอกาสโจมตีในตอนที่พระราชวังทะเลราชันย์กำลังย่ำแย่มากที่สุด
ชิงสุ่ยวางแผนที่จะทำให้พระราชวังทะเลราชันย์นั้นมากยิ่งขึ้นไปอีกจนสามารถดูแลตนเองได้!
โฮก!
อีเย่ เจี้ยนเก้อเรียกสัตว์อสูรผลึก 9 เศียรออกมา ในตอนนี้ชิงสุ่ยตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของสัตว์อสูรธาตุน้ำตัวนี้ มันราวกับพระเจ้าเมื่ออยู่ในน้ำ ร่างกายขนาดใหญ่ของมันปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความเป็นราชันย์ออกมาซึ่งทำให้ราชันย์ฉลามยักษ์ต้องรู้สึกหวาดกลัว
มนุษย์เงือกมังกรสมุทรที่ตายไปก่อนหน้านี้ได้ส่งผลกระทบต่อพระราชวังมังกรสมุทรเป็นอย่างมาก นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของการต่อสู้ครั้งนี้ ราชันย์ฉลามยักษ์ควรจะมีความสุขที่มนุษย์เงือกมังกรสมุทรตายลงไปแต่พวกเขากลับไม่มีอารมณ์เช่นนั้นเพราะหวาดกลัวกับพลังของชิงสุ่ยแทน ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงมือเผ่าฉลามยักษ์ก็ได้ล้มตายไปกว่า 200 คนแล้ว แม้ว่าคนพวกนั้นจะไม่ใช่ราชันย์ฉลามยักษ์แต่พวกเขาก็ถือเป็นผู้ที่แข็งแกร่งในเผ่าฉลามยักษ์
มู่หยุน ชิงเฉิงได้มาถึงตรงที่ชิงสุ่ยกับลังต่อสู้อยู่กับราชันย์ฉลามยักษ์
ชิงสุ่ยเรียกสัตว์อสูรของเขาออกมา อสูรอัสนีคลั่ง มังกรไอยราเกล็ดทองคำ และอสูรสยบมังกรที่กำลังสังหารศัตรูอย่างบ้าคลั่ง วิหคเพลิงนรกานต์และแมงมุมอสูร 8 เศียรรวมไปถึงมังกรไอยราเกล็ดทองคำต่างก็เป็นนักฆ่าผู้ช่ำชอง มังกรไอยราเกล็ดทองคำพุ่งเข้าไปชนกับกลุ่มของศัตรูอย่างต่อเนื่อง
อสูรอัสนีคลั่งและอสูรสยบมังกรก็ได้สังหารมนุษย์เงือกมังกรสมุทรและฉลามยักษ์ไปเช่นกัน มนุษย์เงือกมังกรสมุทรนั้นถือเป็นเหล่าผู้ปกครองของพระราชวังมังกรสมุทรและพวกเขามีอยู่เพียง 1000 คนเท่านั้น แม้จะตายไปเพียงคนเดียวก็ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
ปกติแล้วพระราชวังทะเลราชันย์นั้นจะเป็นฝ่ายที่สูญเสียมากกว่าแต่ในตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว นอกจากนี้ผู้ที่เสียชีวิตของพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูรยังถือเป็นเหล่ายออดฝีมือ เผ่ามัจฉากำลังสังหารเผ่าอื่นๆราวกับผักปลา
ผ้าไหมสายรุ้งมายาของมู่หยุน ชิงเฉิงพัวพันไปรอบราชันย์ฉลามยักษ์อีกครั้ง แน่นอนว่านี่เป็นเพราะชิงสุ่ยได้ทำให้เขาอ่อนแอลงไปแล้ว มนุษย์เงือกมังกรสมุทรและราชันย์ฉลามยักษ์คนที่เหลือต่างรู้สึกหวาดกลัวทันทีกับสิ่งที่ได้เห็น
อีเย่ เจี้ยนเก้อและสัตว์อสูรผลึก 9 เศียรของนางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามู่หยุน ชิงเฉิง นางถือกระบี่สีขาวของตนเองในการสังหารศัตรูไปพร้อมกับสัตว์อสูรผลึก 9 เศียรที่คอยโจมตีและป้องกันไปพร้อมกับนางอย่างพร้อมเพรียงกัน…
เผ่ามัจฉาเริ่มต้นการสังหารหมู่ศัตรู นี่ยังเป็นเหตุผลที่ชิงสุ่ยพยายามทำให้เผ่ามัจฉากลับมาเป็นพันธมิตรอีกครั้งเพราะไม่อย่างนั้นต้องเป็นผลเสียครั้งใหญ่ของพระราชวังทะเลราชันย์อย่างแน่นอน
ถึงแม้จะมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากก็ตามเผ่ามัจฉาก็ยังคงพยายามสังหารศัตรูไปอย่างต่อเนื่อง พระราชวังทะเลราชันย์ได้ร่วมกันต่อสู้อย่างอาจหาญ เพียงแค่เผ่ามัจฉาก็ทำให้พระราชวังทะเลราชันย์ทรงพลังขึ้นมากแล้ว สิ่งที่พวกเขาต่อสู้ในวันนี้ล้วนเป็นตัวกำหนดอนาคตของผ่ามัจฉาทั้งสิ้น
เผ่ามนุษย์เงือก เผ่าเปลือกแข็ง เผ่ามนุษย์เงือกมังกรดำ…
ทั้งหมดต่างก็เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ สนามรบตรงหน้าในขณธนี้เต็มไปด้วยเลือดหลากสีสัน แม้จะถูกเจือจางลงไปก็ถูกเพิ่มเติมเข้ามาอยู่ตลอดเวลา
ชิงสุ่ยยังคงโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่อง เขาจำกัดต้องค้นหาศัตรูที่ทรงพลังและสังหารเพื่อให้ส่งผลต่อสงครามนี้มากที่สุด เขามีกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวาและเส้นทางมังกรทะยานรวมถึงโล่วารีวชิระซึ่งทำให้เขาสสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วแม้ว่าจะอยู่ภายในน้ำ
นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยได้เห็นรูปแบบขนาดใหญ่เช่นนี้และอยู่ภายในน้ำ สถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เหล่ายอดฝีมือของพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูรต่างก็ล้มตายลงอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่ระเบิดออกมาจากระยะไกลๆ หัวใจของเขาเต้นระรัวเมื่อได้เห็นอีเย่ เจี้ยนเก้อกระเด็นไปพร้อมกับสัตว์อสูรผลึก 9 เศียรที่คำรามออกมาและพุ่งเข้าไปปะทะกับศัตรู
ราชันย์ฉลามผลึกม่วง!
ชิงสุ่ยรู้ว่าพระราชวังฉลามอสูรนั้นมีราชันย์ฉลามผลึกม่วงอยู่ พวกเขาเป็นเหมือนผู้พิทักษ์ของพระราชวังฉลามอสูร พวกเขาทรงพลังและอยู่เหนือทุกๆคนในเผ่ามาอย่างยาวนาน
ชิงสุ่ยไม่เคยสัมผัสกลิ่นอายที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อนและไม่รู้ว่าควรทำอะไรก่อนดีในตอนนี้ ชิงสุ่ยจับมือของอีเย่ เจี้ยนเก้อและดึงนางขึ้นมา
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” ชิงสุ่ยถามขึ้นอย่างกังวล
“ข้าไม่เป็นไร”
อีเย่ เจี้ยนเก้อกระอักเลือดออกมาทันทีที่นางกล่าวจบ
ชิงสุ่ยส่งลมปราณแรกเริ่มเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายของนาง
“ราชันย์ฉลามผลึกม่วงช่างทรงพลังยิ่งนัก ข้ากระเด็นออกมาเพียงเพราะการโจมตีครั้งเดียวของเขาเท่านั้น เจ้าต้องระวังให้ดี” อีเย่ เจี้ยนเก้อรู้ว่าชิงสุ่ยต้องเข้าไปต่อสู้อย่างแน่นอนและไม่มีทางที่จะหยุดเขาได้ นางจึงบอกเขาให้ระวังให้ดี
“อย่ากังวลไปเลย ข้าไม่เป็นอะไรแน่นอน มันกล้าที่จะทำร้ายผู้หญิงของข้า ข้าจะหักขามันออกมาซะ” ชิงสุ่ยมองไปยังราชันย์ฉลามผลึกม่วง
“เจ้ากล่าวอะไรไร้สาระยิ่งนัก?” อีเย่ เจี้ยนเก้อในตอนนี้นั้นถือเป็นคู่ครองชิงสุ่ยดังนั้นนางจึงรู้สึกเขินอายขึ้นมา
“เจ้าไปเสริมทางด้านจ้าวประมุขวังเถอะ พาสัตว์อสูรผลึก 9 เศียรไปกับเจ้าด้วย ข้าจะได้สบายใจ” ชิงสุ่ยเตือนนาง
“แต่ข้าเป็นห่วงเจ้า” อีเย่ เจี้ยนเก้อมองไปยังราชันย์ฉลามผลึกม่วง
“เจ้าเองก็รู้ดีไม่ใช่หรือว่าข้าแข็งแกร่งมากเพียงใด? ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะหาทางจัดการกับเขาเอง” ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา
อีเย่ เจี้ยนเก้อเตือนเขาให้ระวังอีกครั้งและพุ่งไปหามู่หยุน ชิงเฉิงพร้อมกับสัตว์อสูรผลึก 9 เศียร ผู้ที่ทรงพลังที่สุดของพระราชวังมังกรสมุทรได้มาถึงที่นี่แล้ว เพราะถ้าหากราชันย์ฉลามผลึกม่วงแห่งพระราชวังฉลามอสูรมาที่นี่ก็หมายความว่าผู้ที่ทรงพลังที่สุดของพระราชวังมังกรสมุทรก็ต้องมาที่นี่ด้วยเช่นกัน
ชิงสุ่ยจะวอกแวกไม่ได้ในตอนนี้ เขาเห็นเพียงว่าพระราชวังทะเลราชันย์กำลังร่วมต่อสู้กับใครบางคนพร้อมกับมู่หยุน ชิงเฉิง ในตอนที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับราชันย์ฉลามผลึกม่วง
ชิงสุ่ยต้องการที่จะจัดการศัตรูอย่างรวดเร็วแต่มันคงไม่ง่ายที่จะทำเช่นนั้น
ชิงสุ่ยยังได้เรียกอสูรอัสนีคลั่งและอสูรสยบมังกรออกมา
วชิระคลั่งสังหาร!
เคล็ดวิชาล่าสังหาร!
ปราณจักรพรรดิ!
……
เขาเพิ่มพลังของตนเองให้อยู่ในจุดสูงสุดและลดพลังของศัตรูลงไปเช่นกัน ความเร็วของราชันย์ฉลามยักษ์ที่อยู่ตรงหน้านั้นลดลงไปกว่าครึ่งหนึ่ง
ราชันย์ฉลามผลึกม่วงคำรามออกมาเสียงดัง เขารู้สึกประหลาดใจที่พลังของตนเองนั้นลดลงไป จากนั้นเขาก็หันมาพร้อมกับฟาดฝ่ามือตรงเข้ามาที่ชิงสุ่ย
อัสนีกัมปนาท!
ผลของอัสนีกัมปนาทดูจะไม่ได้ผลในขณะนี้ ชิงสุ่ยอยากที่จะจบการต่อสู้นี้โดยเร็วที่สุดเพราะเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ของมู่หยุน ชิงเฉิงและอีเย่ เจี้ยนเก้อนั้นเป็นเช่นไร ชิงสุ่ยสั่งให้อสูรสยบมังกรพุ่งเข้าไปโจมตีราชันย์ฉลามผลึกม่วง
อัสนีจู่โจม!
อัสนีจู่โจม!
……
ร่างของชิงสุ่ยหายไปทันทีเมื่อเขาเข้าไปโจมตีพร้อมกับง้าวทองทะลวงศัตรูของเขา!
ทักษะวชิระจู่โจม!
ชิงสุ่ยและอสูรสยบมังกรต่างก็เล็งที่จะโจมตีไปที่ดวงตาของราชันย์ฉลามผลึกม่วง
อสูรอัสนีคลั่งใช้อัสนีจู่โจมเพื่อโจมตีในขณะนี้ พลังในตอนนี้ของอสูรอัสนีคลั่งนั้นน่ากลัวยิ่งนัก สายฟ้าสีม่วงของมันก็ทรงพลังอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่าศัตรูนั้นทรงพลังมากเกินไปและถ้าหากเขาเร่งรีบมากเกินไปก็อาจจะเกิดผลเสียต่อตัวเขาเองได้ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงรู้สึกกังวลขึ้นมา
ฉึก!
ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อการโจมตีของเขาสามารถเข้าไปยังดวงตาของราชันย์ฉลามผลึกม่วงได้ ชิงสุ่ยวางแผนที่จะให้อสูรสยบมังกรเข้าไปโจมตีสมองของศัตรูจากข้างในแต่ผลของการโจมตีด้วยอัสนีจู่โจมนั้นได้หมดลงไปแล้วและอสูรสยบมังกรก็ได้โจมตีไปที่ตาอีกข้างหนึ่งทำให้ศัตรูตาบอดทั้งสองข้างในตอนนี้