Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1619 - 1 กระบวนท่า น่าหลานผิง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1619 - 1 กระบวนท่า น่าหลานผิง
บทที่ 1619 – 1 กระบวนท่า น่าหลานผิง
ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวตอบกลับว่า “ถูกต้อง ผู้ชนะมีสิทธิ์ตั้งเงื่อนไข!”
ชายชราคนนี้คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลน่าหลานและเป็นหนึ่งในผู้ที่อาวุโสที่สุด น่าหลานซิงห่ายบรรพบุรุษตระกูลน่าหลาน เมื่อเห็นความมั่นใจของชิงสุ่ย เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ใครที่จะล้มได้ง่ายๆ แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าชิงสุ่ยจะมีโอกาสชนะเขาได้
น่าหลานชิงห่ายคือคนที่ทําให้กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรําล่มสลาย ฉะนั้นเขาจึงแข็งแกร่งที่สุดในที่นี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ และเขาเองก็เป็นคนทําให้ชื่อเสียงของตระกูลน่าหลานโด่งดังเกรียงไกรจนทุกคนต้องเคารพ
ตระกูลน่าหลานเคยเป็นตระกูลที่ต้อยต่ํา แต่ก็สามารถหยัดยืนขึ้นมาอยู่ในจุดจุดนี้ได้ น่าหลานซึ่งหายเป็นคนที่มีอารมณ์ที่รุนแรงปาเถื่อน แต่อย่างไรก็ตามเขาเองก็ใช้ชีวิตมาอย่างยืนยาวแล้วและได้ผ่านสิ่งต่างๆมาอย่างโชกโชน เมื่อเขาเห็นว่าหลวนหลวนแข็งแกร่งเพียงใด เขาจึงจําเป็นต้องก้าวออกมาบนสังเวียนเพื่อปิดฉากเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเอง
และเมื่อเป็นตัวเขา มันยิ่งทําให้เขามั่นใจว่าหลังจากนี้จะไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการแสดงพลังเพื่อให้ผู้คนรับรู้ว่าตระกูลน่าหลานนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด
แสงประกายว่าในชั่วพริบตา ชิงสุ่ยก็ขึ้นไปปรากฏการณ์บนท้องฟ้าห่างกับชายชราเพียงแค่50 เมตร เมื่อการต่อสู้ครั้งนี้กลายเป็นการต่อสู้ของผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง ระยะแค่นี้ถือว่าเป็นระยะที่อันตรายยิ่ง
ชิงสุ่ยยังคงแสดงรอยยิ้มเจื่อนๆบนใบหน้า กลิ่นอายที่ดูสบายๆยิ่งทําให้น่าหลานชิงห่า ยอึดอัดใจทั้งๆที่อยู่ในสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายเหตุใดชายหนุ่มผู้นั้นถึงกล้าแสดงความยินยโสดูถูกเหยียดหยามคิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง
น่าหลานชิงห่ายเชื่อว่าชิงสุ่ยไม่ใช่คนโง่เขลาที่จะแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา แต่จากข้อมูลที่ได้รับเรื่องราวของชิงสุ่ยกลับกลายเป็นความลับยิ่งเหมือนกับชายที่ปิดบังบางสิ่งบางอย่างอยู่
อย่างไรก็ตามน่าหลานซิงค่ายก็ยังคงมั่นใจในตัวเอง เพราะเขากําลังเผชิญหน้ากับเด็กวัยแบเบาะในสายตาเขา ก่อนที่เขาจะยิ้มและกล่าวกับชิงสุ่ยว่า “มาเริ่มกันเถอะ!”
”เตรียมรับมือ”
ชิงสุ่ยใช้เพียงแค่มือเปล่าและยังไม่มีทีท่าจะหยิบอาวุธของตัวเองออกมา มันยิ่งทําให้ชายชรารู้สึกลังเลเพราะเขาได้หยิบกระบี่ม่วงประจําตัวออกมาตั้งแต่แรกเริ่ม
ภาพตรงหน้ายิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับชายชรา จากนั้นเขาก็เริ่มเข้าทํานั่นด้วยกระบวนท่าแรกของเขา แต่แล้วชิงสุ่ยก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อและพุ่งเข้าหาชายชราโดยตรง
26R5
หมัดที่เขาปลดปล่อยออกมา ทําให้ชายชราผู้นั้นต้องประหลาดใจ ไม่ใช่เพราะชิงสุ่ยเป็นคนหยิ่งยโสโง่งม แต่กลายเป็นตัวเขาเองที่ไม่รู้อะไรเลย ทันใดนั้นหมัดและกระบี่ม่วงก็เข้าปะทะกันทันที
วชิระจู่โจม!
ทักษะวชิระจู่โจมของชิงสุ่ย ไม่เพียงแต่ทําลายกระบี่ม่วงให้แตกหักเป็นเสี่ยงๆ แต่ยังทะลุอัดชายชราผู้นั้นให้ลอยกระเด็นออกไปและล้มกระแทกพื้นจนบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้ออกมาต่อสู้ ยังไงซะตระกูลน่าหลานก็ไม่มีทางยกระดับตัวเองจนกลายเป็นภัยพิบัติของตระกูลชิงได้เลย ในตอนนี้ความสามารถของ อีหวง หวีเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ไหนจะยังมี เหวินเหรินอูซ วงชางห่ายหมิงเยวี่ย หมิงเยวี่ยเก้อโหลว ที่ล้วนแข็งแกร่งไม่ต่างกัน
อีหวง หวีคือหญิงสาวที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหญิงสาวทั้งหมด เพียงแค่ทักษะรูปแบบพยัคฆ์อย่างเดียว น่าหลานซิงค่ายก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอแล้ว และไม่มีทางที่ใครจะแตะต้องตัวเธอได้เลย
ในตอนที่ตระกูลน่าหลานทําร้ายกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรํา กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรําเพียงแค่แยกตัวจากไปเนื่องจากน่าหลานชิงห่ายได้ทําการสังหารผู้นําสูงสุดของพวกเขา และเมื่อสูญเสียผู้นํา กลุ่มคนก็ย่อมต้องแตกกระจายกันออกไป แต่เมื่อเร็วๆนี้ ข่าวลือเรื่องกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรํากําลังกลับ มารวมกลุ่มกันและวางแผนเข้าแก้แค้นตระกูลน่าหลาน เพื่อสร้างชื่อให้กับตัวเองอีกครั้ง
ชายชราพ่นเลือดคําโตออกมา การโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวทําให้อวัยวะภายในแตกกระจายเสียหายอย่างหนัก แต่ก่อนแม้ชายชราผู้นี้จะมีอายุขัยไปมากแต่ก็ยังพอที่จะปกป้องตะกูลน่าหลานได้ยาวนานอีกสัก 100 ปี
อย่างไรก็ตาม เขาคงได้แต่กล่าวโทษตัวเองที่เข้ามาพัวพันกับตระกูลชิง และจากการโจมตีครั้งนี้ น่าหลานซิงค่ายก็คงอยู่ได้ไม่เกิน 3 วัน
“งั้นเราย้อนกลับมาพูดถึงเงื่อนไขที่ผู้ชนะสามารถกําหนดต่อผู้แพ้กันดีกว่า ข้าไม่ต้องการอะไรมากและขอเจาะจงเรื่องความสัมพันธ์ของแม่นางน้อยจากตระกูลป้ายหม่าตระกูลน่าหลานจะต้องเลิกพิธีการหมั้นกับตระกูลป้ายหม่าซะ มันคงไม่ยากเกินไปหรอกนะเจ้าคิดว่าอย่างไร?” ชิง สู่ยยิ้มและจ้องมองน่าหลานชิงห่ายอย่างเย็นชา
น่าหลานชิงห่ายพยักหน้าในขณะที่ความรู้สึกท้อแท้กําลังครอบคลุมจิตใจ
ชายชราจากตระกูลน่าหลานจ้องมองตระกูลชิงด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง ชายที่อยู่ เบื้องหน้าสามารถฆ่าล้างตระกูลน่าหลานได้ในพริบตา แต่เขากลับเรื่องที่จะกําหนดเงื่อนไขง่ายๆ เพื่อที่จะให้ทั้งสองตระกูลแยกย้ายจากกันไป
ชายชราหน้ายอมรับเงื่อนไข และมองดูชิงสุ่ยเดินลงจากเวทีประลองและกล่าวกับคนตระกูลชิง “ไปกันเถอะ กลับบ้านเรากัน”
ผู้คนจากตระกูลชิงเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข ส่วนทางฝั่งของตระกูลน่าหลาน พวกเขาเหมือนแบกหินที่หนักกว่าพันชั่งเอาไว้บนหลัง แต่ละคนกลับไปด้วยสีหน้าโศกเศร้า โดยเฉพาะกลุ่มรุ่นที่ 3 และเหล่าผู้อาวุโส ทุกคนต่างรู้ดีว่าความสูญเสียครั้งนี้มีความหมายต่อพวกเขามากเพียงใด
ตระกูลน่าหลานสูญเสียสถานะยิ่งใหญ่ และต้องเผชิญหน้ากับข่าวลือว่าจะถูกล้างแค้น และส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ถึงอาการบาดเจ็บของน่าหลานซิงค่าย จึงคิดว่าเขายังคงสบายดีและกลับบ้านไปพักฟื้นจนหายในอีกไม่ช้า
เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ชิงสุ่ยสามารถเอาชนะน่าหลานชิงหายได้ด้วยกระบวนท่าเดียวแต่ใครๆก็รู้ว่าน่าหลานซิงห่ายมีความแข็งแกร่งเพียงใด เขาคือคนที่ลงมือสังหารผู้นําของกลุ่มวิหคอัคคร่ายรําและบังคับให้กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรําต้องล่มสลาย ผู้ฝึกตนระดับสูงขณะนี้จะพ่ายแพ้ในการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวได้อย่างไร แต่ละคนต่างไม่เชื่อสายตาว่านี่คือเรื่องจริง
“ผู้อาวุโสผู้ก่อตั้งตระกูลน่าหลานเป็นอย่างไรบ้าง?” อีหวง หกล่าวถามชิงสุ่ย
“บริเวณโดยรอบนี้จะไม่เหลือใครที่เป็นภัยคุกคามต่อตระกูลชิงอีกแล้ว” ชิงสุ่ยตอบ ซึ่ง คําตอบนั้นก็ชัดเจนมาก
อีหวง คู่หวี่ยิ้ม “อีกไม่นานนัก เรื่องราวของผู้อาวุโสผู้ก่อตั้งแห่งตระกูลน่าหลานก็คงจะ เลือนลางหายไป”
ในช่วงบ่าย มีคนสองคนได้มาเยี่ยมเยียนตระกูลชิง แล้วตัวของชิงสุ่ยเองก็รู้สึกประหลาดใจกับแขกที่มาเยี่ยมไม่ใช่น้อย นั่นก็คือน่าหลานผิงและหญิงสาวอีกคนนึง
ในตอนนั้นเอง ชิงสุ่ยก็กําลังเล่นกับเด็กๆอยู่ที่บริเวณลานฝึกซ้อมด้านหน้า ทันทีที่เขาได้ยินเสียงเคาะประตู เขาก็เรียกเชิญคนจากภายนอกให้เข้ามาข้างในได้ทันที เพราะเขารู้ดีว่าคนที่มาก็คือน่าหลานผิงและหญิงสาวซึ่งเขารู้ในตอนหลังว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่ของน่าหลานผิง
“เจ้ามาที่ตระกูลชิงของข้าด้วยเหตุอันใด?”ชิงสุ่ยถามด้วยความสงสัย
“ตระกูลชิงมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และชื่อตรง ส่วนตัวข้าหวังแค่จะมีที่ที่ข้าพอจะมีตัวตนและคุ้มครองข้าได้ ไม่ทราบว่าท่านพอจะรับข้าเข้าไปอยู่ร่วมด้วยได้หรือไม่?”น่าหลานผิงจ้องมองและกล่าวอย่างใจเย็น แม้ว่าคําพูดของเขาจะต้อยตําและไม่มีสิทธิ์ขอร้องอะไรเช่นนี้
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจ ก่อนหน้านี้ในเวทีประลอง ชิงสุ่ยเองก็มีความประทับใจที่ดีต่อเด็กหนุ่ มคนและยังคิดจะสั่งสอนวิธีการใช้พลัง เพราะความสามารถของเด็กหนุ่มผู้นี้ถ้าหากฝึกฝนให้ถูกวิธี เส้นทางเดินของเด็กหนุ่มคนนี้จะทอดยาวไกลไปสุดลูกหูลูกตา แต่ยังไงซะมันก็เป็นเพียงความคิ ดชั่ววูบที่ผ่านมาเท่านั้น เพราะยังไงซะเขาก็ยังเป็นคนของตระกูลน่าหลานหรือต่อให้ชิงสุ่ยรับรู้ เรื่องราวว่าน่าหลานผิงไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีจากตระกูลน่าหลานแต่เขาก็ยังมีเลือดเนื้อเชื้อสาย ของตระกูลน่าหลานไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
และเมื่อคิดวิเคราะห์เรื่องราว ชิงสุ่ยก็ไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นหมาป่าในคราบลูกแกะที่ปิดบังอะไรบางอย่างอยู่หรือไม่
“นายท่านกําลังกลัวว่าข้าจะมีจุดประสงค์แอบแฝงเพื่อเข้ามาทําร้ายคนตระกูลชิงใช่หรือไม่?”น่าหลานผิงกล่าวถามหลังจากสังเกตสีหน้าของชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยส่ายหน้า “เจ้าเป็นลูกที่กตัญญและข้าเชื่อว่าเจ้ารักแม่ของเจ้ามาก ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่พาแม่ของเจ้ามาที่นี่ด้วยถ้าเจ้าคิดจะหักหลังตระกูลของข้า ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไม่เคยถือว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลน่าหลาน ใช่เรื่องจริงหรือไม่?”
น่าหลานผิงยิ้ม “นายท่าน ท่านมีวิจารณญาณที่ดีเยี่ยม แม้ข้าจะไม่มีอะไรจะพูด แต่ ข้าขอยืนยันได้เลยว่าตระกูลน่าหลานไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับข้า ข้าไม่เคยสนใจชื่อเสียงเงินทองอํานาจสิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงอย่างเดียวคือต้องการให้แม่ของข้าอยู่อย่างปลอดภัยไม่ต้องมีอะไรให้กังวลและข้าจะอยู่เคียงข้างนางเพื่อทําให้แน่ใจว่านางจะปลอดภัยจริงๆ ๆและดูเหมือนสถานที่แห่งนี้ก็จะเป็นที่ที่ข้าถวิลหามันทั้งปลอดภัยและเงียบสงบที่สุดสําหรับแม่ของข้าท่านแม่ของข้าคือคนในสายเลือดคนเดียวที่เหลืออยู่ของข้านายท่านพอจะช่วยข้าได้หรือไม่?”