Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1631 - ลูกบุญธรรม
บทที่ 1631 – ลูกบุญธรรม
* ชื่อของเราดูเหมือน จะคล้ายคลึงกันอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นข้ามีความสุขจริงๆที่ได้พบเจ้า” อีเย้เจี้ยนเก้อยิ้มออกมาขณะมองไปที่ถานท้าย หลิงเหยียน
ชิงสุ่ยไม่ค่อยเล่าถึงสถานะของหลิงเหยียนมากนัก จะมีก็แค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเธอคือภรรยาของเขา
ในตอนนี้งสุยมองดูไปที่พวกเธอๆจัดได้ว่าเป็นหญิงงามอันดับต้นๆของโลกใบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นความงามของพวกเธอก็ยังมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งมันเป็นเสน่ห์ที่เกิดขึ้นมาโดยนิสัยใจคอของพวกเธอเอง
ถานท่ายหลิงเหยียน รู้ได้อย่างทันที่ว่าว่าผู้หญิงสองคนนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาของชิงสุ่ยอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังเป็นที่เก่งและมีความสามารถจึงไม่แปลกที่เขาจะมีสาวงามรายล้อมเช่นนี้ท้ายที่สุดนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน เธอจึงไม่ค่อยแปลกใจกับเรื่องในครั้งนี้มากนัก
“สวัสดี ข้าก็มีความสุขที่ได้พบเจ้าเช่นกัน!” เธอกล่าวโดยไม่ยิ้ม แต่เธอก็ยังแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติและอ่อนโยน
“ เจี้ยนเก้อ เจ้าพอจะมีเวลาว่างบ้างรึไม่ อาจจะใช้เวลาสองสามวัน ข้าจะพาเจ้ากลับไปเยี่ยมที่บ้านของเรา สาวน้อยของเราคิดถึงเจ้าอย่างมาก เช่นเดียวกับท่านแม่ของข้าและคนอื่นๆ” ชิงชุ่ยยิ้มและกล่าวออกมา
“ข้าก็กําลังคิดในสิ่งเดียวกันกับที่เจ้าคิดอยู่พอดี เอาจริงๆแล้วข้าอยากกลับไปในตอนนี้เลยเสียด้วยซ้ํา แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ยังคงต้องใช้เวลาพักใหญ่ในการเดินทางของเรา และข้าก็ไม่มีเวลามากพอ” แม้ว่าเจียนเก้อจะรู้ว่าชิงสุยมีทักษะย่างก้าวเก้าเทวาอยู่ แต่พวกเขาก็ยังคงใช้เวลาอีกประมาณครึ่งปีในการเดินทาง ซึ่งเธอไม่มีเวลามากมายขนาดนั้น
เนื่องจากในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ใช้ความสามารถของธงสวรรค์ปัญจธาตุเดินทางมาหาเธอ มันจึงทําให้เขาไม่สามารถใช้มันในการเดินทางกลับไปได้ในช่วงเวลานี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามชิงสุ่ยยังมีธงส วรรค์ปัญจธาตุอยู่อีกหลายแห่ง หากเขาใช้มันเขาก็สามารถลดระยะการเดินทางได้
เมื่อมาถึงจุดนี้ม่หยุน ชิงเฉิงรู้สึกว่าในตอนนี้เธอนั้นเป็นคนนอก เธอรู้ดีว่าเจี้ยนเก้อนั้นเป็นผู้หญิงของชิงสุ่ย และเธอก็รู้สึกว่าผู้หญิงที่เย็นชาคนนี้ก็เหมือนกัน มันจึงทําให้เธอรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“ จริงสิชิงสุ่ย แล้วเจ้าจะกลับไปเมื่อไร” เมื่อนึกถึงคําพูดของชิงสุ่ยที่มีคนรอเธอยู่ มันทําให้เธอกล่าวถามกลับมา
“คงอีกไม่นานนัก”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
ในตอนนี้เจี้ยนเก้อและมู่หยุนชิงเฉิงได้ย้ายมาอยู่ใสถานที่ลึกลับที่ชิงสุ่ยเป็นคนค้นพบ มันอัดแน่นไปด้วยปราณที่บริสุทธิ์และยังเต็มไปด้วยพลังฟ้าดิน นอกจากนี้มันยังตัดขาดกับสิ่งแวดล้มภายนอกอีกด้วย มันจึงทําให้พวกเธอสามารถอยู่ได้อย่างอิสระ
ใตอนนี้ชิงสุ่ยได้พบกับการจ้องมองมาของมู่หยุน ชิงเฉิงโดยไม่ได้ตั้งใจหลายต่อหลายครั้งเมื่อสบตากันเธอมักจะยิ้มให้เขาก่อนที่จะเบี่ยงหน้าหนีไป ซึ่งท่าทางของเธอมันทําให้เขาอึดอัดอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเคยสัมผัสร่างกายของเธอมาทั้งหมดแล้วด้วย แม้วว่ามันจะเป็นการรักษาก็ตามที แต่เขาก็มิอาจลบภาพๆนั้นไปจากใจของเขาได้
ในตอนแรกๆ มู่หยุนชิงเฉิงนั้นไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่ในช่วงไม่นานมานี้ เธอกลับมาความรู้สึกประหลาดที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรที่สําคัญมันยังทําให้เธอไม่กล้าสบหน้าเขาอีกด้วย
ในตอนนี้พวกเธอได้นําชิงสุ่ยและถานท่ายหลิงเหยียนไปที่พัก แม้ว่าหลิงเหยียนจะมีท่าทีที่เย็นชาแต่พวกเธอก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเธอ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ก็ดูเหมือนว่าหลิงเหยียนจะเปิดใจคุยกับเจี้ยนเก้อแล้วบาง แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่พวกเธอนั้นสามารถปรับตัวเข้าหากันได้รวดเร็วขนาดนี้
มันทําให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างมาก นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ เขาต้องการให้ผู้หญิงของเขานั้นสามัคคีกันแต่ก็ไม่จําเป็นสําหรับพวกเธอจะสนิทสนมเหมือนดังพี่น้องกันจริงๆ ของแค่พวกเธอมีความห่วงใยกันก็พอ
สําหรับวันที่สอง ชิงสุ่ยก็ยังคงนอนอยู่เพียงลําพัง แม้ว่าพวกเธอจะมีความงามที่ยากจะหาตัวจับแต่เขาไม่สามารถสัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้ เริ่มแรกเขาต้องการไปหาเจี้ยนเก้อแต่ก็ถูกเธอห้ามเอาไว้สําหรับหลิงเหยียนนั้นยิ่งแล้วไปกันใหญ่ มันจึงทําให้เขาได้แต่เพียงนอนอยู่เพียงลําพังที่ห้องของเขา
หลังจากที่วันที่สองผ่านไปชองชิงสุยและหลิงเหยียนก็ได้กล่าวลาพววกเธอ ก่อนที่จะเดินทางไปยังเมืองหลินหาย
“ พวกนางเป็นภรรยาของเจ้า” หลิงเหยียนนกล่าวถามกับชิงสุยในระหว่างการเดินทาง
“เจี้ยนเก้อเป็นภรรยาของข้า แต่มู่หยุน ชิงเฉิงเป็นราชินีของวังเทพสมุทร เราทั้งคู่เป็นแค่เพื่อนธรรมดาต่อกัย”ชิงสุ่ยรีบตอบกลับไป
เธอยิ้มออกมา ยิ้มออกมามากกว่าในทุกๆ และพูดว่า “พวกนางงดงามอย่างมาก เจ้าโชคดีอย่างมากที่มีความงาม เช่นนี้อยู่รายล้อม”
“ เจ้าเองก็งดงามเหมือนกัน” ชิงสุ่ยพูดอย่างจริงจัง
4 ข้าเป็นคนที่สวยกว่าหรือเป็นางที่สวยกว่า” เธอยิ้มและกล่าว
เมื่อได้ยินประโยคนี้ชิงสุ่ยเองก็ตกใจไม่น้อย เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะพูดเช่นนี้ออกมา เขาจึงได้แต่ตอบความจริงทั้งหมดออกมา “กล้วยไม้ในฤดูใบไม้ผลิและดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วงนั้นก็มีความงามที่แตกต่างกันไป ทุกๆคนมีความงามในแบบของตัวเองดังนั้นข้าจึงไม่สามารถบอกได้ ว่าว่าใครงามที่สุด”
“ ดูเหมือนว่าเจ้าจะชอบเจี้ยนเก้อมากกว่านี้นิดหน่อยนะ เพราะนางอ่อนโยนกว่าข้า” หลิงเหยียนถอนหายใจและกล่าว
เธอเองก็เข้าใจได้ดีถึงนิสัยที่เธอเป็นอยู่ คงไม่มีใครชอบผู้หญิงที่มีนิสัยเย็นชาเช่นเธอ
* ไม่หรอก ข้านั้นรักทุกๆคนอย่างเท่าเทียบข้าก็บอกแล้วไง ทุกๆคนก็มีความงามที่เป็นของตัวเองเช่นเดียวกับความเย็นชาที่เจ้ามี” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างหนักแน่น
ในช่วงเวลาบ่ายทั้งสองก็มาถึงเมืองหลิงห่าย ในตอนนี้หลิงเฟิงและคนอื่นๆได้ออกมาต้อนรับเขา
ในตอนนี้โฮว เทียนสามารถเดินได้เหมือนคนปกติทั่วไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรเขาไม่สามารถใช้ปราณในร่างของเขาได้ ยิ่งกว่านั้นเขาสูญเสียความแข็งแกร่งไปมากกว่าครึ่งในตอนนี้ แต่เขาก็มีความสุขเพราะร่างกายของเขาได้กําจัดหนอนพิษโบราณออกไปได้ทั้งหมดแล้ว หากสิ่งนั้นยังคงอยู่ในร่างกายของเขา ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาจะไม่สามารถฟื้นตัว เขาจะต้องทนแบกรับความเจ็บปวดทั้งหมดเอาไว้ แล้วก็ตายลงไปในที่สุด
4 ชิงสุ่ยเจ้ากลับมาแล้ว” เฟิงซี่ยิ้มหลังจากเห็นเขา เธอเป็นห่วงว่าเขาจะไม่กลับมาในเดือนนี้เนื่องจากความหวังและทางรอดในการรักษาสามีของเธอขึ้นอยู่กับเขา
* ป้าเฟิงหวังว่าท่านจะสบายดีนะ!” ชิงสุยทักทายดด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนี้เมื่อเห็นหลิงเหยียนทั้งหมดไม่ได้กล่าวถามอะไร ได้แต่ยิ้มออกมา
“ข้าสบายดี นี่คงเป็นภรรยาของชิงสุ่ยสินะ นางช่างสวยจริงๆ” เฟิงซี่ ยิ้มที่หลิงเหยียนและเดินไปหาเธอในขณะที่จับมือเธอโดยไม่ตั้งใจ
“ สวัสดีท่านป้าเฟิง!” หลิงเหยียนกล่าวทักทายเธอ ก่อนที่เธอจะมองไปที่ชิงสุ่ย
“ ชิงสุ่ยเป็นผู้มีพระคุณของข้า และบอกให้ข้าเป็นป้าของเขา ” เฟิงซี่กล่าวอย่างอบอุ่น
4 ข้าว่านี่ถือเป็นโชคดีของชิงสุ่ยแล้วที่ได้มีป้าเช่นท่าน” หลิงเหยียนกล่าวออกมา นอกจากนี้เธอยังสัมผัสได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนของนิกายจันทรานิรันกาล
“จริงๆแล้วเป็นข้าเองมากกว่าที่มีหลานที่เก่งกาจเช่นนี้” เธอเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆมากมายมานานกว่าสิบปีแล้ว แต่มีเพียงชิงสุ่ยเท่านั้นที่สามารถรักษาอาการสามีของเธอได้นอกจากนี้ยังให้การดูและตอนรับเอย่างดีอีกด้วย
ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางของหลินเหยียนเปลี่ยนไป ตอนนี้เธอไม่ได้ดูเย็นชาดังเช่นเมื่อก่อน ราวกับเธอพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นในวันนี้เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยเห็นว่าเธอพูดคุยกับคนแปลลกหน้ามากกว่า2ประโยค
เฟิงซี่ยิ้มออกมาและมองไปที่ดวงตาของหลิงเหยียน “ข้าไม่แน่ใจว่าทําไม แต่เมื่อข้ามองไปที่เจ้าแล้วข้ารู้สึกถึงความรู้สึกพิเศษอย่างมาก เจ้าจะรังเกลียดหรือไม่ถ้าเจ้ามาเป็นลูกบุญธรรมของ
ข้า!
– – –
คําขอของเฟิงซี่ ทําให้ชิงสุ่ยนั้นเปิดตากว้างด้วยความตะลึง ในวันนี้มีเรื่องน่าประหลาดใจมากเกินไปแล้วสําหรับเขา แต่สิ่งที่ทําให้เขาประหลาดใจมากขึ้นก็คือหลิงเหยียนไม่ได้ปฏิเสธมันแต่กลับยอมรับมันแต่โดยดี
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้แต่มองดูไปที่ เฟิงซี่ที่กําลังสวมสร้อยคอที่ประดับไปด้วยศิลาสีดําเข้มที่มีขนาดเท่ากับกําปั้น ให้กับหลิงเหยียน สร้อยคอเส้นนั้นได้เปล่งกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณออกมา มันทําให้เขารู้ว่ามันไม่สิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน
“วิเศษมาก หากใครก็ตามที่กลั่นแกล้งเจ้า เจ้าต้องบอกแม่บุณธรรมนะ และแม่จะจัดการทุกๆอย่างให้เจ้าเอง” เฟิงซีกล่าวอย่างมีความสุข
โฮวเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นภรรยาของเขามอบของขวัญให้หลิงเหยียน เขาก็หยิบเชีอกทองคําออกมาและมอบให้กับเธอ ชิงสุ่ยตกใจอย่างมาก จนอ้าปากค้างเมื่อเห็นเชือกเส้นนั้น
เชือกทองคําศักดิ์สิทธิ์
นี่เป็นสมบัติอย่างแท้จริง ยิ่งกว่านั้นเมื่อโฮวเทียนมอบมันให้กับเธอและบอกให้เธอหยดเลือดลงไป เพื่อให้มันจดจําว่าเธอคือนายของมัน ชิงสุ่ยรู้ดีว่าวัตถุนี้จะมีประโยชน์มากสําหรับหลิงเห ยียน แต่ถึงอย่างไรเธอก็ได้ปฏิเสธมัน แต่ ก็ถูกเฟิงซี่กล่าวคัดค้าน: “อย่าได้ปฏิเสธเลย ตอนนี้เจ้า อลูกสาวของข้าแล้วๆ ด้วยของสิ่งนี้มันจะช่วยให้เจ้านั้นเติบโตขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง และอีกอย่าง ข้าไม่ชอบที่เจ้าชอบแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหงาออกมาเลยของสิ่งนี้ถือว่าเป็นตัวแทนของ ข้า จะทําให้เจ้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้อยู่เพยงลําพัง นอกจากนี้เจ้าก็ยังเป็นภรรยาของชิงสุ่ยดังนั้นเจ้าก็ควรรับมันไว้ พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน”
ในตอนนี้หลิงเหลียนรู้ดีว่าเธอไม่มีโอกาสปฏิเสธอีกต่อไป เธอได้แต่ พยักหน้าเบา ๆ และกล่าว” ขอบคุณ!”