Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1633 – การเดินทาง
AST
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับแฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
บทที่1633 – การเดินทาง
ก่อนที่เขาจะกลับไปหอคอยจักรพรรดิชิงสุ่ยได้กลับไปที่พระราชวังเทพสมุทรอีกครั้งและพักที่นี่หนึ่งคืนเพื่อยู่กับเจี้ยนเก้อแตกต่างจากครั้งที่แล้ว เพราะทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันตลอดไม่แยกจากกันเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดเจี้ยนเก้อก็ยอมจำนนต่อความรักและความหลงใหลที่บริสุทธิ์และไร้มลทินที่ชิงสุ่ยมอบให้
และในที่สุดเธอก็ได้พ่ายแพ้ให้กับชิงสุ่ยขณะที่เขาจับเธอกดลงและค่อยๆคร่ำครวญสะโพกของเขาเป็นจังหวะๆ เขาได้ปิดตาลงในขณะที่สะโพกของเขาก็ยังเคลื่อนไหนอยู่ ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังสั่นทะเทือนอยู่ภายใต้ช่วงล่างของเขา
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้มองลงเพื่อดูท่าทางที่สง่างามของเธอลมหายใจที่แผ่วเบาและเต็มไปด้วยความสุขได้ถูกครางออกมาเป็นจังหวะๆ มันนั้นเต็มที่ด้วยบริสุทธิ์และไร้เดียงสา และยังเขินอายอีกด้วย ในเวลานี้หัวใจของเขานั้นเต้นถี่ขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับเขาได้หลุดลอยไปท่ามกลางห้วงอวกาศก็มิปาน
……..
หลังจากที่เสร็จสิ้นชิงสุ่ยก็ได้เริ่มอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นที่พระรางวังสุริยา เมื่อได้ยินชิงสุ่ยกล่าวออกมาเธอได้แต่ยิ้มและพูดว่า:“ เจ้ามีแรงจูงใจนอกจากนั้นรึป่าวได้เดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น?”
ชิงสุ่ยยื่นมือออกมาและได้ตบลงไปที่ก้นของเธอด้วยความทะลึ่งเสียงที่ชัดเจนและมีเสน่ห์ได้เปล่งออกมา
หลังจากที่ชิงสุ่ยกลับมาทางด้านหลิงเฟิง หยินต่งและคนอื่นๆที่ รู้ว่าชิงสุ่ยกำลังจะจากไปอีกครั้ง พวกเขาไม่คอยมีความสุขกับข่าวในครั้งนี้มากนักแต่ถึงอย่างไรพวกเขารู้ดีว่าที่ชิงสุ่ยต้องไปนั้นก็เพราะต้องการช่วยเหลือโอ่วเทียน และช่วยเหลือเฟิงซี่
นอกเหนือจากนั้นพวกเขาเองก็อดที่จะหดหู่ใจไม่ได้เนื่องจากเฟิงซี่นั้นได้กลายมาเป็นดังเสาหลักที่คอยให้คำปรึกษาพวกเขา รวมถึงกับเป็นอาจารย์อีกด้วย ดังนั้นในการเดินทางของเธอในครั้งนี้จึงได้สร้างความเศร้าสร้อยในใจให้ทุกๆคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสวี่ย นั่ว
แม้ว่าเสวี่ย นั่วจะยังคงเรียกเธอว่าท่านป้า แต่เฟิงซี่ก็ปฏิบัติต่อเธอราวกับว่าเธอเป็นลูกสาวแท้ๆของตัวเอง เธอได้ให้ความรักและเอาใจเสวี่ยนั่วมากกว่าใครๆ
ในตอนนี้ฉินชิงได้กลับมาแล้ว และเธอก็รู้ว่าหลิงเหยียนเป็นผู้สืบทอดมรดกของเทพอสูร มันทำให้เธอนั้นใหความสนใจในตัวของหลิงเหยียนอย่างมาก นอกจากนี้เธอทั้งสองต่างก็ประหลาดใจกับความสวยงามของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างไรทั้งคู่ก็รู้ว่าเธอทั้งสองก็คือภรรยาของชิงสุ่ยเหมือนกัน
แม้ว่าฉินชิงจะรู้อยู่แล้วว่าชิงสุ่ยมีภรรยาอยู่แล้วแต่เธอก็ยังคงได้รับผลกระทบทางจิตใจในวันนี้ เมื่อเห็นหลิงเหยียน ในตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะข้ามผ่านมันไปได้
ในตอนนี้ฉินชิงพึ่งมาถึงแต่ชิงสุ่ย และเฟิงซี่ตั้งใจจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้มันทำให้เธอรู้สึกน้อยใจนิดหน่อย อย่างไรเธอก็สามารถเข้าใจได้ถึงเหตุผลของเขา
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้แนะนำเธอให้รู้จักกับถานท่านหลิงเหยียน และบอกว่าเธอนั้นคือภรรยาของเขา
“นางเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา เจ้าช่างโชคดีจริงๆ” ฉินชิงยิ้มออกมา
ชิงสุ่ยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำชมของฉินชิงที่มีต่อหลิงเหยียน ถึงมันจะเป็นคำพูดที่ดี แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของพวกเขา ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันเป็นประโยคที่ไม่ควรกล่าวออกมาในตอนนี้
“ท่านหญิงชิงอ่อนน้อมถ่อมตนมากเกินแล้ว อันที่จริงข้า รู้สึกว่าเจ้าสวยกว่าข้าเสียอีก นี่ข้าพูดจริงๆนะ” ถานท่ายหลิงเหยียนยิ้มเบาๆออกมา
“โปรดเรียกข้าว่าฉิงชิง ถ้าท่านพี่เหยียนไม่รังเกียจ” ฉินชิงยิ้มเบา ๆ
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะเรียกเจ้าว่าชิงก็แล้วกัน”
ชิงสุ่ยรู้แปลกใจเกี่ยวกับสิ่งนี้แต่ที่เขาสามารถบอกได้ก็คือทั้งคู่ยอมปรับตัวเข้าหากัน เพราะทั้งคู่นั้นเป็นผู้หญิงของเขา
ในตอนนี้ฉินชิงรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเดินทีที่เธอมาในครั้งนี้เพื่อมาหาชิงสุ่ยแต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็กำจะจากไปในอีกไม่ช้า เมื่อเห็นถึงความตั้งใจของฉิงชิง หลิงเหยียนจึงได้กล่าวออกมา
“ท่านแม่บุญธรรมจะเป็นอย่างไร หากเราให้น้องชิงร่วมเดินทางไปด้วยในครั้งนี้” หลิงเหยียนกล่าวออกมาก่อนที่จะมองไปที่ฉินชิง
“ข้าไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนาง” เฟิงซี่หัวเราะ
แม้ว่าคำพูดของเฟิงวี่จะดูผ่อนคลายแต่ความจริงๆแล้วมันได้แฝงความหมายเอาไว้ ในการเดินทางครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องยากลำบากอย่างมาก เนื่องมีอันตรายมากมายที่รอพวกเขาอยู่ภายหน้า นอกยังมีศัตรูของนิกายจันทรานิรันกาลที่คอยจ้องจะเล่นงานพวกเขาอยู่อีกด้วย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครๆจะร่วมเดินทางไปกับเธอ
“น้องชิง เจ้าจะไปด้วยกันรึไม่ ยิ่งไปกันหลายๆคนจะทำให้เราปลอดภัยมากยิ่งขึ้น” หลิงเหยียน กล่าวกับฉินชิง
ฉินชิงยิ้มออกมาและกล่าว“ถ้าเช่นนั้นก็คงต้องขอรบกวนท่านพี่และท่านป้าแล้ว”
ในวันถัดไปชิงสุ่ย เฟิงซี่ หยินเทียน หลิงเหยียน และ ฉินชิง ได้เดินทางไปโดยนั่งอยู่ในรถม้าสัตว์อสูรขนาดใหญ่ มันดูเหมือนกับโรงแรมที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ในเวลานี้ ด้วยมีมังกรสีทองขนาดยักษ์ที่ทำหน้าที่เป็นคนลากรถม้า
หลังจากที่กล่าวลาทุกๆคนทั้งหมดก็ได้ออกเดินทางในทันที
ความเร็วของมังกรทองคำนั้นรวดเร็วอย่างมากแต่ถึงอย่างไรมันก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการเดินทาง เพื่อไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของทวีปแห่งนี้ โชคดีที่มังกรทองคำนั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีความพิเศษอย่างมาก มันจึงสามารถเดินทางได้ทั้งในเวลากลางวัยและคืนโดยไม่ต้องหยุดพัก
ครึ่งเดือนต่อมาชิงสุ่ยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนแต่ในช่วงเวลานี้พวกเขาได้ผ่านเมืองที่นับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังไม่มีปัญหาในระหว่างการเดินทางเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับฉินชิงและหลิงเหยียนที่ได้ค่อยๆปรับตัวและสนิทกันมากยิ่งขึ้น
หยุด!.ไอรีนโนเวล.
เฟิงซี่พูดเบาๆ ขณะที่หยุดมังกรของเธอ เมื่อถึงจุดนี้ชิงสุ่ยรู้ว่ามีบางอย่างที่แปลกออกไป เพราะมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งถูกปล่อยออกมาต่อหน้าพวกเขาและมันไม่ได้เป็นเพียงแค่หนึ่งจุดเท่านั้น
ตั้งแต่แรกชิงสุ่ยรู้ดีกว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ได้เป็นไปอย่างง่ายดายนอกจากนี้หยินเทียนก็ได้หายดีแล้ว พวกที่รอให้โฮ่วตายอยู่ก็คงจะทนนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะหายดีแล้วแต่ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ได้กลับมามันเป็นเรื่องดีที่จะจัดการกับเขา
ยิ่งไปกว่านี้มันจะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งหากพวกเขาสามารถกลับไปถึงนิกาบจันทรานิรันกาลยังเป็นเรื่องยากที่จะลอบสังหารเขาลง
ในตอนนี้เฟิงซี่ไม่ได้พูดอะไรเธอได้ลอยออกมาจากรถม้าพร้อมๆกับชิงสุ่ยและปล่อยให้สองคนที่เหลือคอยดูหยินเทียนเอาไว้ ดูเหมือนเธอจะมั่นใจในตัวเองมากๆ
ในตอนนี้มีผู้คนแปดลอยเข้ามามี6อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นบัญชาสวรรค์พินาศ แต่อีกสองคนชิงสุ่ยไม่สามารถบอกได้ว่าพลังของพวกเราอยู่ในระดับใด เขาไม่สามารถมองเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขาในตอนนี้
“หยวนหยาง เจ้าคิดว่าคนเหล่านี้จะสามารถหยุดข้าได้อย่างนั้นรึ ข้าไม่ต้องการฆ่าใครตอนนี้ ไสหัวออกไปซะ” กลิ่นอายอันทรงพลังได้ระเบิดออกมา จากร่างกายของเฟิงซี่ ทำให้พื้นที่ทั้งหมดถูกห่อหุ้มไปด้วยแรงกดดันที่มหาศาล
“ฮ่าๆ เจ้าคิดว่าเราจะมาที่นี่หากเราไม่มีแผนอย่างนั้นรึ ในอดีตเราไม่สามารถทำอะไรกับเจ้าได้ แต่เมื่อสองปีก่อนร่างกายของเจ้าดูเหมือนจะมีปัญหา จากที่ข้าคาดการณ์เอาไว้ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเจ้าคงจะเหลือเพียงแค่70%เท่านั้นเอง” หนึ่งในสองชายชรากล่าวออกมา
“ข้ารู้ดีว่าร่างกายของข้าเป็นยังไง แม้ข้าจะอ่อนแอลงก็ไม่ใช่ปัญหาในการสังหารพวกเจ้า” เธอกล่าวอย่างใจเย็น
เฟิงซี่รู้ดีสิ่งที่ชายชราพูดนั้นเป็นความจริงแต่ถึงอย่างไรก็ตามนี่เป็นความรับที่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้ แล้วชายชราผู้นี้รู้มันได้อย่างไร
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชิงสุ่ยยื่นมือออกไปจับที่ข้อมือของเฟิงซี่ แล้วบอกว่า “ท่านป้า ท่านไม่ต้องกังวลไป ข้าจะรักษาให้ท่านในภายหลังทำไม ท่านไม่บอกข้าก่อนหน้านี้”
“ชิงสุ่ยข้าไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถเอาชนะคนเหล่านี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังรู้สึกได้ว่ายังมีคนอื่นที่รอเล่นงานเราอยู่ ชิงสุ่ยข้าจะเรียกสัตว์อสูรของข้าออกมา เจ้าจงพาท่านลุงและภรรยาของเจ้าหนี้ไปซะ”
ชิงสุ่ยรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมรตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามกำลังรอโอกาสนี้อยู่ 30%ของความแข็งแกร่งนั้นถือว่ามากมายมหาศาลอย่างมาก ด้วยความแข็งแกร่งที่ลดลงไปมันเป็นเรื่องยากที่เธอจะรับมือพวกเขา แต่สิ่งอื่นใดคือ ยังมีกลุ่มคนกลุ่มอื่นที่รอคอยพวกเขาอยู่อีกด้วย
“ท่านป้าอย่าพึ่งวิตกไป ข้าสามารถช่วยฟื้นฟูพลังของท่านให้กลับไปสู่จุดสูงสุด และเหนือกว่าความแข็งแกร่งที่ผ่านมาเสียอีก” ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้เรียกใช้ทักษะหงส์เพลิงสะบั้นศึกและ รัศมีแห่งเทพสังหาร เพื่อฟื้นพลังให้กับเธอในตอนนี้
เธอจ้องมองที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่เชื่อด้วยทักษะที่เขาใช้ออกมามันได้เพิ่มความแข็งแกร่งโดยตรงให้กับเธอ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นรูปแบบที่สนับสนุนกลุ่มคนในวงกว้าง ซึ่งนี่เป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก
ชิงสุ่ยรู้สึกเสียใจเล็กน้อยในตอนนี้หากผู้หญิงและเขาทุกคนเรียนรู้ทักษะวิหคเพลิงผสานกาย พวกเขาจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้อีก 10% จากผู้หญิงของเขาหนึ่งคน
ในตอนนี้เฟิงซี่ตื่นเต้นเล็กน้อย:“เท่านี้ก็เพียงพอแล้วตอนนี้ข้ามั่นใจแล้วว่า ไม่ว่าผู้ใดจะปรากฏตัวออกมาในตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่มือของข้า ”
ในตอนนี้ชิงสุ่ยยังไม่ได้ใช้ไพ่ตายของเขาออกมาแต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยรูปแบบที่เขาวางเอาไว้ในตอนนี้ มันก็เพียงพอที่จะทำให้เฟิงซึ่สังหารอีกฝ่าย
ในตอนนี้หยินเทียนได้เดินออกมาแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่าเมื่อก่อน แต่ด้วยศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของเขา ทำให้เขาต้องออกมา ในตอนนี้เขาออกมาและยืนอยู่ข้างๆชิงสุ่ยและจ้องไปที่ชายชราเหล่านั้น “ หยวนหยางเจ้า คิดว่าคนของนิกายจันทรานิรันกาลง่ายที่จะทำลายอย่างนั้นรึ เจ้าเดรัจฉานรีบใส่หัวออกมา”
“ยอมได้ ข้าจะเป็นพยานในการตายของเจ้า หยินเทียน” เสียงดังกึกก้องดังขึ้น เมื่อคนๆหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าชายชราทั้งแปด
ชายคนนี้ดุมีอายุเท่ากับหยินเทียนแต่ความเป็นจริงเขาเป็นชายชราที่แก่กว่าหยินเทียนมากนัก เขาเป็นผู้บ่มเพาะที่อยู่ในโลกบรรพกาล
ชายคนนั้นแต่งตัวในชุดสีดำประกอบด้วยเกราะอ่อนที่หน้าอก นอกจากนี้ยังมีผ้าคลุมยาวที่ด้านหลังของเขา ซึ่งมันนั้นชั่งเข้าคู่กับใบหน้าที่ดูเยือกเย็นและเคร่งขรึมเหมือนมืดมนของเขา เขาดูน่ากลัวและทรงไปด้วยอำนาจ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาเป็นตัวตนที่ไม่ใช่ใครๆจะสามารถแตะต้องได้