Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1639 –การประลองเป็นตาย
AST
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับแฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
บทที่1639 –การประลองเป็นตาย
ในตอนนี้พวกเขาก็ได้ผู้ที่จะเข้าร่วมการประลองครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแม้ว่าในตอนนี้หยินเทียนยืนยันว่ามีส่วนร่วมในการประลองแต่เขาก็ถูกปฏิเสธโดยเฟิงซี่และหยินชา แม้แต่ชิงสุ่ยก็ไม่เห็นด้วยที่เขามีส่วนร่วมในการประลองครั้งนี้ เพราะว่าอาการของเขานั้นยังไม่หาย
อีกหนึ่งเหตุผลหากหยินเทียนเข้าร่วมการเขาจะต้องเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักที่จะถูกจัดการ ยิ่งไปกว่านั้นหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา นิกายจันทรานิรันกาลจะตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงจะมีเพียงสี่คนเท่านั้นที่เจ้ารว่มต่อสู้ในครั้งนี้
ชิงสุ่ยไม่รู้จักชื่อจริงๆของชายชราหวังดังนั้นเขาจึงมักเรียกชายชราว่าอาวุโสหวัง ซึ่งชายชราก็ดูเหมือนจะชื่นชอบให้เขาเรียกเช่นนั้น หลังจากท่านอาหารเย็นเสร็จ ชายชราหวังได้เริ่มสอบถามชิงสุ่ยเรื่องทักษะการทำอาหารของเขา รวมถึงสูตรอาหารต่างๆ ในเวลานี้ชิงสุ่ยได้แบ่งปั่นสูตรอาหารและเครื่องปรุงที่เขามีให้กับชายชรา
เขายังคงมีส่วนผสมมากมายที่เก็บอยู่ในดินแดนหยกดังนั้นเขาจึงสามารถมอบให้ชายชราไปโดยไม่คิดอะไร ในตอนนี้ดินแดนหยกได้ติดอยู่ที่ระดับแปดมาเป็นเวลานาน แม้แต่ตัวของชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่าจะเลื่อนระดับให้มันได้อย่างไรในตอนนี้
สำหรับทั้งเรียนแบบสัตว์อสูรทั้งเก้าของเขาก็ได้มาถึงรูปแบบมังกรซึ่งเป็นรูปแบบสุดท้ายแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ชำนาญมากพอที่จะใช้มัน สำหรับทักษะเสริมสร้างกายาบรรพกาลของเขาก็ติดอยู่ที่ชั้นที่แปดเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นชิงสุ่ยยังไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่ามันจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นที่เก้าได้ในเร็ววัน …….
ชิงสุ่ยมีทักษะในการสังหารจำนวนมากแต่เขามักจะเน้นหลักไปที่การฝึกฝนร่างกายของเขามากกว่า นอกจากนี้ความสามารถในการป้องกันของเขาคืออำนาจที่ทรงพลังที่สุดของเขา อย่างไรก็ตามด้วยทักษะที่เขามีมันก็มากพอจะทดแทนกับความแข็งแกร่งในการจู่โจมของเขา
ดังนั้นในขณะนี้เขาสามารถประสานการโจมตีของเขากับเฟิงซี่ได้แม้จะไม่มากพอที่จะสังหารฝ่ายตรงข้ามแต่เขาก็สามารถช่วยเหลือเฟิงซี่ให้จัดการกับคนทั้งหมด
……
ในเวลานี้ข่าวลือได้แพร่ออกไปอย่างกว้างขวางอีกสามวันการประลองเป็นตายของตระกูลหยินและหงจะเริ่มขึ้น
ในตอนนี้ชิงสุ่ยกลับไปที่ลานบ้านของเขาและไปหาผู้หญิงทั้งสองคน
“ท่านป้าบอกเราว่าเราจะจบเรื่องทั้งหมดโดยการประลองเพียงครั้งเดียวและทั้งสองฝ่ายสามารถส่งคนออกมาได้เพียงแค่สิบคนเท่านั้น” ชิงสุ่ยนั่งลงข้างๆพวกเธอและอธิบาย
ขณะที่เขาองดูพวกเธอที่อยู่ใกล้ๆหัวใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันคงจะดีไม่น้อยถ้าเขาสามารถมีอะไรกับพวกเธอทั้งสองคนได้พร้อมๆกัน แต่ในตอนนี้เขายังคงไม่สามารถแตะต้องพวกเธอได้ เช่นเดียวกันหลิงเหยียน และฉิงชิงที่สามารถสังเกตเห็นสายตาที่แปลกประหลาดของชิงสุ่ย แต่พวกเธอก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในเวลานี้
“แล้วฝั่งเราจะส่งตัวแทนไปกี่คนกันละ?” หลิงเหยียนถาม
“สี่!” ชิงสุ่ยตอบอย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นที่จะต้องให้ข้าและน้องชิงลงมือสินะ” เธอกล่าวออกมา
“จริงๆแล้วข้าเองก็ไม่ได้บทบาทอกไรมากนักข้าเป็นเพียงผู้สนันสนุนการประลองเท่านั้น หน้าที่หลักๆจะอยู่ที่ท่านป้าเฟิง และก็พี่หยินชา”
“แล้วตัวแทนคนอีกของเราคือใคร” ฉินชิงถามหลังจากคิดสักครู่
“ชายชราหวังที่เป็นพ่อครัว” ชิงสุ่ยยิ้มและพูดว่า
เมื่อได้ยินอย่างนั้นทั้งสองก็ตกตะลึงอย่างมาก พวกเธอรู้ว่าชายชราหวังคือใคร พวกเธอเคยพบเขาครั้งหนึ่งในงานเลี้ยง และเขาก็ได้เป็นคนที่จัดอาหารให้พวกเธอ หากดูเพียงภายนอกพวกเธอก็คิดว่าเขาเป็นแค่พ่อครัวธรรมดาเท่านั้น ไม่มีใครคิดว่าเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง
……
ในช่วงวันที่สองชิงสุ่ยไม่ได้ฝึกฝนแต่อย่างใด เขาจะใช้เวลาส่วนมากในการปรับแต่ความแข็งแกร่งให้หญิงสาวทั้งสอง นอกจากนี้เขายังได้ด้วยเหลือเฟิงซี่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเธอขึ้น
นอกจากเฟิงซี่แล้วเขายังช่วยหยินชาและชายชราหวังอีกด้วย ในเวลาที่เหลือชิงสุ่ยได้นัดทุกๆคนมาเพื่อฝึกฝนรูปจตุรทิศร่วมกัน โดยที่ชายชราหวังยืนอยู่ในตำแหน่งของพยัคฆ์ขาว ในขณะที่ชิงสุ่ยจะยืนอยู่ในตำแหน่งของมังกรเขียว หยินชาจะยืนอยู่บนตำแหน่งของเต่าดำ สำหรับเฟิงซี่ เอจะประจำอยู่ในตำแหน่งวิหกเพลิง
ความสามารถของชิงสุ่ยคือการควบคุมกระแสของการต่อสู้ถึงแม้ว่าเขาจะมีความเร็วมากมายขนาดไหน เขาเลือกที่จะไม่เคลื่อนไหวใดๆในการต่อสู้ เขากลับให้ชายชราหวังไว้เป็นผู้ดูแลบทบาทหลักที่น่ารังเกียจ ตำแหน่งที่เขายืนอยู่คือตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด โดยพื้นฐานแล้วรูปแบบการต่อสู้จะเปลี่ยนไปตามบุคคลที่ยืนอยู่ในตำแหน่งแนวหน้า เพื่อให้พวกเขาทำการประสานงาน ช่วยเหลือสนับสนุน เข้าหากันได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นชิงสุ่ยจึงเน้นย้ำกับทุกๆคนว่าทุกๆคนต้องดูแลตำแหน่งของตัวเองให้ดีที่สุด
สาเหตุที่ชิงสุ่ยให้ชายชราหวังเป็นแนวหน้าเพราะเขามีความแข็งแกร่งมากกว่าใครอื่นๆนอกจากนี้เขายังมีสัตว์อสูรที่มีความสามารถในการป้องกันที่ยอดเยี่ยม มันเป็นเวลานานแล้วที่เขาส่งมันออกไปสู้รบครั้งสุดท้าย เมื่อเขาเรียกมันออกมา ชิงสุ่ยตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อมองไปที่ภาพลักษณ์ของมัน มันคือนั้นเป็นอสูรอุกกาบาต ที่มีความสามารถไม่ได้ด้อยกว่าอสูรรัตกาลของเขาเลย แต่ที่ทำให้ชิงสุ่ยรู้กตกตะลึงก็คือความแข็งแกร่งของมันมากมายกว่าอสูรของเขาหลายเท่านัก หากพูดในแง่ของความแข็งแกร่ง ในตอนนี้มันเหนือกว่าอสูรของเขาอย่างมาก
พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งทั้งหมดจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่กับตัว เนื่องจากเขาเองก็มีสัตว์อสูรที่ทรงพลังเขาจึงคาดหวังให้พวกเขามีสัตว์ร้ายที่ทรงพลังเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยไม่ได้วางแผนที่จะเรียกพวกมันออกมา ถึงแม้ตัวเขาจะสามารถประสานงามกับสัตว์อสูรของเขาได้ดี แต่ในตอนนี้เขาไม่ใช่กุญแจสำคัญของแผน
เหตุผลที่ชิงสุ่ยเลือกรูปแบบจุตรทิศนั้นเพราะพวกเขามีสี่คนที่จริงแล้วเขามีรูปแบบมากมายที่สามารถนำมาใช้ได้ แต่ถึงอย่างไรรูปแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายในการเรียนรู้ จึงอาจกล่าวได้ว่ามันเป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุดที่สามารถใช้ได้เลยในตอนนี้
ชายชราหวังและหยินชารู้สึกทึ่งกับสิ่งนี้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากมายเมื่ออยู่ในรูปแบบนี้ของชิงสุ่ย สำหรับตำแหน่งที่เราเลือกยืนอยู่นั้นทำให้เขาสามารถเพิ่มความเร็วได้ 30% ตำแหน่งของชายชราหวังช่วยให้สร้างความเสียเสียหายเพิ่มขึ้น 30% สำหรับหยินชาที่ๆเขาอยู่ช้วยให้พลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้น30% สำหรับเฟิงซี่ เพิ่มพลังวิญญาณของเธอขึ้น 30%
พวกเขาทุกคนอิจฉากับการที่ชิงสุ่ยมีรูปแบบนี้อย่างมากในทางตรงกันข้ามชิงสุ่ยยิ้มและพูดว่า“ ถ้าพวกท่านสนใจที่จะเรียนรู้มัน ข้าสามารถสอนพวกท่านได้ในภายหลัง แต่ขึ้นอยู่กับพวกท่านว่าจะสามารถเข้าใจมันได้ถึงขนาดไหน”
ความจริงที่ความสามารถของรุปแบบจุตรทิศนั้นทรงพลังถึงขนาดนนี้นั้นเพราะชิงสุ่ยนี่เป็นเพราะชิงสุ่ยเป็นคนสร้างรุปแบบนี้ขึ้น หลังจากนั้น ชิงสุ่ยได้เพิ่มความแข็งแกร่งของรูปแบบนี้ลงไปด้วย หงส์เพลิงสะบั้นและ รัศมีแห่งเทพสังหาร
มันยิ่งทำให้ทุกๆคนตกตะลึงมากยิ่งขึ้นแม้แต่เฟิงซี่ก็ยังประหลาดใจมากเช่นกัน แม้ว่าเธอจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสามารถลึกลับของชิงสุ่ยมาก่อน แต่เธอก็ไม่เคยคาดหวังให้พวกเขาจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้
ชายชราหวังและหยินชาใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะได้สติกลับมาพวกเขามองดูไปที่ชิงสุ่ย ราวกับว่าเว่าพวกเขากำลังมองดูสัตว์ประหลาดอยู่ก็มิปาน
“อย่ามองข้าแบบนั้น ตอนนี้พวกท่านรู้แล้วหรือยังว่าทำไมท่านป้าเฟิงต้องการให้ข้ามาที่นี่ตอนนี้? นี่คือความ ทั้งหมดของข้า แต่หากให้ต่อสู้จริงๆข้าคงทำอะไรได้ไม่มากนัก “ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
มันน่าหลงใหลมากความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในระยะเวลาอันสั้น โดยที่เพิ่มความสามารถให้การจู่โจมของข้าเพิ่มขึ้นเกือบ 80% และการป้องกันของข้าเพิ่มถึง50% นี่มันคืออะไรกัน……”
สำหรับหยินชาในตอนนี้พลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้นถึง80% และความสามารถในการจู่โจมของเขาเพิ่มขึ้นประมาณ 50%
“ในตอนนี้ข้า มีความรู้สึกว่าข้าสามารถกำจัดคนทั้งของตระกูลหงได้โดยเพียงลำพัง” ชายชราหวังกล่าวด้วยจิตวิญญาณของวีรบุรุษขณะที่เอื้อมมือไปที่ก้อนเมฆ
ถึงอย่างไรเขาก็ได้ถอนหายใจออกมา“แต่ถ้าไม่มีชิงสุ่ยพลังของข้า ก็จะกลับไปเป็นเหมือนที่เคยเป็น……”
ทุกคนเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของชายชราหวังถึงแม้จะมีอำนาจมาขึ้นเท่าไรก้ตามนี้ก็ไม่ใช่พลังที่แท้จริงของพวกเขา
ในวันที่สามชิงสุ่ยออกไปฝึกฝนตามปกติในตอนเช้าเขาพบเจอชายชราหวังที่ถือมีดเล่มหนึ่งในมือ ซึ่งมันดุธรรมดาอย่างมาก มันเป็นมีดทำครัวทั่วไป ในขณะที่เขาควงมันอย่างง่าย เมื่อมองไปพักใหญ่ชิงสุ่ยรู้ได้ในทันทีว่านี่คืออาวุธของเขา
ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ได้ขัดจังหวะเขาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาชิงสุ่ยได้มอบยาเม็ดยาหลายอย่างให้กับเขา และช่วยเหลือเขาในการปรับแต่งรากฐานใหม่เกือยทั้งหมด
ในเวลานี้ที่ศูนย์กลางของนิกายผู้คนจำนวนมากได้มารายล้อมเพื่อรอดูการประลองครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสจากตระกูลใหญ่ๆหรือผู้คุมกฎของนิกายก็ต่างมาอยู่ในที่แห่งนี้
วันนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่นี่นอกเหนือจากคนของนิกายแล้ว ยังมีบุคคลภายนอกอีกไม่กี่คนได้เข้าชบการประลองในครั้งนี้ ตอนนี้กลุ่มของชิงสุ่ยและตระกูลหงมาถึงลานประลองเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่หยินเทียนและคนอื่นๆ นั่งอยู่ที่ข้างๆลานประลอง มีผู้คนมากมายตะโกนชื่อของเขา
“ท่านประมุข หยินเทียนกลับมาแล้ว”
“ใช่แล้วดูเหมือนว่าคราวนี้ ตระกูลหงจะหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ”
”พวกข้าบ้ารึไม่เมื่อท่านประมุขหยินเทียนกลับมาแล้ว ทำไมพวกเขาจึงกล้าท้าทายตระกูลหยินกันละมันผิดปกติอย่างยิ่งทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้?
“อาจเป็นไปตามที่ตระกูลหงพูดเอาไว้จริงๆตอนนี้ท่านประมุขอาจจะอ่อนแอลงก็ได้”
“ตระกูลหงช่างน่ารังเกียจจริง! พวกเขาคิดแสวงหาผลประโยชน์จากความโชคร้ายของคนอื่น!”
“นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ เขายังคงมีสถานะสูงเช่นนี้แม้จะสูญเสียพลัง ไม่แปลกที่ผู้คนจะเริ่มดูถูกเขา”
……
ในสามวันก่อนหน้านี้เฟิงซี่ได้เสนอการประลองให้กับตระกูลหงซึ่งพวกเขาก็ตอบรับมันโดยทันที จำนวนผู้บ่มเพาะสิบคนที่ให้พวกเขาได้เปรียบอย่างมาก และพวกเขารู้ว่าในตอนนี้ตระกูลหยินไม่สามารถที่จะขอความช่วยเหลือจากใครได้
ในตอนนี้ชายชราคนหนึ่งได้ปรากฏตัวบนท้องฟ้าก่อนที่เขาจะพูดว่า“ วันนี้เป็นวันที่ตระกูลหงและหยินเผ่าจะท้าประลองเป็นตายกัน และข้าก็แน่ใจว่าพวกเจ้าทุกๆคนต้องรู้เกี่ยวกับมัน ดังนั้นข้าคิดว่าข้าไม่จำเป็นต้องพูดถึงมันอีกครั้ง ดังนั้นเรามาเริ่มกันดีกว่า ”
ในเวลานั้นเองชายชราคนคนนั้นก็ได้กล่าวออกมาอีกครั้ง“ข้าเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของที่นี้ และข้าก็มาที่นี่ในฐานะกรรมการเพื่อจับตาดูสถานการณ์ที่นี่ กฎของการประลองเป็นตายนั้นง่ายมาก ทั้งสองฝ่ายต้องส่งตัวแทนลงมาไม่เกินสิบคน ผู้ชนะจะได้รับการตัดสินสามารถสังหารหรือไว้ชีวิตอีกฝ่าย ผู้เข้าร่วมทุกคนต้องความรับผิดชอบต่อชีวิตของเขาเอง ข้าหวังว่าทั้งสองตระกูลสามารถปฏิบัติตามกฎเหล่านี้ได้ ”
“นี่มันสนามรบชัดๆ ผู้เข้าร่วมมีความรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเอง……. ข้าสงสัยจริงๆว่าใครจะได้รับชัยชนะในครั้งนี้”.ไอรีนโนเวล.
“สิบคน เจ้าคิดว่าตระกูลหยินจะมีกำลังพอหรือไม่?”
”แน่นอนว่า!นอกจากนี้ได้ยินข่าวมาว่าตระกูลหงได้บังคับชิงเฟิงและหมิงอวี้ไม่ให้ช่วยเหลือพวกเขาอีกด้วย ข้าไม่รู้จริงๆว่าพวกเขาจะหากำลังจากไหนเข้าประลองในครั้งนี้”
“ดูเหมือนว่า ตระกูลหยินจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ตระกูลหงก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ถ้าข้าเดาไม่คิดนิกายจันทรานิรันกาลกำลังจะเกิดผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ”
……
“ตอนนี้ข้าขอเชิญตัวแทนของทั้งสองฝ่ายขึ้นบนเวที!” ชายชราที่เป็นกรรมการกล่าว