Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1658 – ฝ่าฟันผ่านทัณฑ์สวรรค์พินาศอย่างยากลำบาก พวกเราจะก่อตั้งเป็นพันธมิตรกัน?
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1658 – ฝ่าฟันผ่านทัณฑ์สวรรค์พินาศอย่างยากลำบาก พวกเราจะก่อตั้งเป็นพันธมิตรกัน?
AST
สายฟ้าเริ่มฟาดลงมายังร่างของเธอมันจะช่วยในการปรับสภาพร่างกายของเธอ ดังนั้นเธอต้องไม่ต่อต้านพวกมัน เธอจะไม่เป็นอะไรตราบใดที่ทนรับได้ มันเป็นประโยชน์สำหรับร่างกายของเธอ เพราะสายฟ้าไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆให้ตัวเธอ
สายฟ้ายังคงหลั่งไหลลงมาหากเป็นคนธรรมดาคงไม่สามารถต้านทานพลังที่น่ากลัวนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาย่อมได้รับบาดเจ็บ
หลังจากที่อดทนต่อสายฟ้าฟาดไม่กี่ครั้งร่างกายของอีเย่เจี้ยนเก้อก็กลับมาเป็นปกติแล้ว สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกโล่งใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอต้องตั้งมั่น ชิงสุ่ยจะไม่ยอมให้มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้นกับเธอ
“อย่ากังวลเจี้ยนเก้อจะไม่เป็นอะไร” มู่หยุนชิงเฉิงสามารถบอกได้ว่าชิงสุ่ยกำลังกังวลใจ ขณะเดียวกัน เธอก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้ เมื่อตอนที่เธอต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์พินาศ เขาไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงเธอเลย
เมื่อคิดถึงจุดนี้มู่หยุนชิงเฉิงถึงกับตกตะลึง เธอรู้สึกตกใจกับความคิดของตัวเองและสับสน เธอไม่ทันได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวในภายหลัง
เวลาผ่านไปเรื่อยๆสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนักหน่วง พวกมันเป็นประกายแสงสีขาวราวหิมะ พวกมันกระแทกลงบนพื้นและไหลเข้าสู่ร่างของอีเย่เจี้ยนเก้อทันที
อย่างไรก็ตามเป็นบางส่วนเท่านั้นที่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของเธอสายฟ้าไม่ได้ทำให้ร่างกายของอีเย่เจี้ยนเก้อแข็งทื่อ เธอหลบเลี่ยงสายฟ้าให้ฟาดลงที่พื้นและดูดซับพลังจากพวกมัน การสะสมพวกมันทีละน้อยจะช่วงปรับสภาพร่างกายเธอ
เนื่องจากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอที่ต้องเจอกับทัณฑ์สวรรค์พินาศเธอค่อนข้างมีประสบการณ์กับมัน เธอเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ พลังปราณอมตะให้ร่างของเธอค่อยๆก่อตัวขึ้นจนมีขนาดเท่ากำปั้นอยู่ภายในร่าง
สายฟ้าผ่าลงมามากขึ้นเรื่อยๆพวกมันรุนแรงกว่าครั้งก่อน โชคดีที่ร่างกายของอีเย่เจี้ยนเก้อเปลี่ยนไปมากแล้วในเวลานี้
สายฟ้าที่ทรงพลังทำให้อีเย่เจี้ยนเก้อตัวสั่นไหวชิงสุ่ยจ้องมองไปที่เธออย่างไม่ละสายตา
ในขณะนี้อีเย่เจี้ยนเก้อรู้สึกเหนื่อยมาก เธอเกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว แต่ในใจของเธอก็ปรากฏตัวใบหน้าของชิงสุ่ยขึ้นทันใด เธอนึกถึงสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวกับเธอ
เธอนึกถึงการแต่งงานกับชิงสุ่ยพวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าจะมีลูก หากมีลูกชาย เขาก็คงจะหน้าตาเหมือนชิงสุ่ยมาก ถ้าเป็นลูกสาว เธอก็จะหน้าคล้ายกับชิงสุ่ยน้อยลง
เมื่อคิดถึงมันมันทำให้เธอรู้สึกราวกับมีพละกำลังขึ้นมาอีกครั้ง หากเธอประสบความสำเร็จในครั้งนี้ เธอจะบรรลุถึงระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเธอก็จะไม่ต้องกังวลกับตัวเองอีกต่อไป เธอจะสามารถช่วยเหลือเขาได้
ร่างกายของเธอเริ่มแข็งทื่อมันเกิดขึ้นเพราะการโดนสายฟ้าที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งจิตสำนึกของเธอก็เกิดความสั่นคลอน นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวของทัณฑ์สวรรค์พินาศ มันมีโอกาสที่สติของเธอจะหลุดลอยได้มาก
โชคดีที่เธอพยายามหลบเลี่ยงสายฟ้าส่วนใหญ่ได้เธอจัดการฟื้นฟูร่างกายตัวเอง ตราบใดที่ไม่ถูกจู่โจมจนตาย คนๆนั้นจะได้รับประโยชน์มากมายจากสายฟ้านี้ แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ยังมีคนที่ไม่ต้องการเอาชีวิตไปเสี่ยง มันเป็นการเดิมพันที่อันตราย ความผิดพลาดจากการประมาทเพียงนิดอาจทำให้คนผู้นั้นสิ้นชีพ
ชิงสุ่ยยังคงมีความกังวลร่างกายของอีเย่เจี้ยนเก้ออยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก แม้ว่าสายฟ้าที่รุนแรงจะไม่ทำลายร่างกายของเธอทั้งหมด เขาก็กลัวว่ามันจะทำให้เธอหมดสติในทันทีด้วยสภาพที่อ่อนแรง
ชั่วพริบตานั้นสายฟ้า 2 สายฟาดลงมาพร้อมกัน ชิงสุ่ยก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ทันรู้ตัว เขาเกือบจะวิ่งเข้าไปหาเธอในตอนที่สายฟ้าพุ่งลงมา แต่มู่หยุนชิงเฉิงก็หยุดเขาไว้ได้ “เจ้าจะทำอะไร มันไม่เพียงแค่จะเป็นผลร้ายกับตัวเอง นี่จะเป็นการทำร้ายเจี้ยนเก้อและทำให้เธอตายได้”
ชิงสุ่ยสงบลงอีเย่เจี้ยนเก้อยังมีเข็มทองคำบางเล่มฝังอยู่บนร่างกายเธอ เข็มทองคำเหล่านี้สามารถช่วยปกป้องหัวใจและหลอดเลือดของเธอ นอกจากนี้มันยังช่วยกระตุ้นศักยภาพที่มีออกมา
เมื่อสายฟ้าอันต่อไปฟาดลงมาเห็นได้ชัดว่ามันมีขนาดเล็กกว่าครั้งล่าสุด ชิงสุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ณตอนนี้ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของอีเย่เจี้ยนเก้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปริมาณของสายฟ้าที่ฟาดลงมาก็เริ่มลดลง ผ่านไปครู่หนึ่งสายฟ้าก็สลายไปจนหมด ขณะนี้ กลิ่นอายรอบตัวเธอยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ก่อนที่อีเย่เจี้ยนเก้อจะทันรู้สึกตัวเธอก็ปรากฏต่อหน้าชิงสุ่ยทันที “ข้าทำสำเร็จ!”
มู่หยุนชิงเฉิงปลีกตัวออกไปโดยที่พวกเขาทั้งสองไม่ได้สังเกตเห็นชิงสุ่ยปล่อยอีเย่เจี้ยนเก้อออกหลังจากที่พวกเขากอดกันพักหนึ่ง “เจ้ารู้สึกอย่างไร”
“ยอดเยี่ยมข้ารู้สึกได้ถึงพลังที่มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน” อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ขอบคุณ
ชิงสุ่ยได้สัมผัสความแข็งแกร่งของอีเย่เจี้ยนเก้อเธอมีพลังมากกว่ามู่หยุนชิงเฉิงเล็กน้อย พลังเทวะแห่งเต๋าของเธออยู่ที่ประมาณ 1,200 เต๋า
ความแข็งแกร่งของเธอเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างแน่นอนแม้ว่าจะมีระยะห่างที่มากพอสมควรในด้านความแข็งแกร่งระหว่างเธอกับชิงสุ่ย พลังของเธอนับว่าเพิ่มสูงขึ้นมาก
ในที่สุดผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏตัวขึ้นในหมู่หญิงสาวของชิงสุ่ยแม้แต่ชิงสุ่ยก็ยังคิดว่ามันยากที่จะเชื่อ.ไอลีนโนเวล.
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของอีเย่เจี้ยนเก้อผสานเข้ากับพลังปราณอมตะ
ชิงสุ่ยประหลาดใจสำหรับเรื่องนี้ความสามารถของพลังปราณอมตะช่างคล้ายกับปราณเทพมังกรมรกต มันทำให้ชิงสุ่ยตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอย่างไร ไม่ว่าอันนั้น พวกมันต่างก็ทรงพลัง
ในทำนองเดียวกันมันก็สามารถยกระดับได้อีก
“เจ้ายังจำสิ่งที่พูดได้ไหม!” ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่อีเย่เจี้ยนเก้อ
อีเย่เจี้ยนเก้อถึงกับตกตะลึงเธอรู้สึกอายจริงๆ เมื่อคนผู้หนึ่งประสบกับความยากลำบากและเอาชีวิตรอดมาได้ ภายในหัวใจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น แม้แต่อีเย่เจี้ยนเก้อก็ไม่มีข้อยกเว้น เธอมองชิงสุ่ยด้วยใบหน้าที่เขินอาย “แน่นอนว่าข้าจำได้”
……
เพียงไม่นานก็มีผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ถึง2 คนภายในพระราชวังทะเลราชันย์ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ภายใน 2 วันที่ผ่านมา ชนเผ่าใต้ทะเลที่แข็งแกร่ง 3 คนได้เดินทางมาที่นี่เพื่อขอเข้าร่วม
ชนเผ่าใต้ทะเลมีสัมผัสที่ทรงพลังพวกเขารู้ว่ามีผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วพวกเขาจะไม่มาที่สถานที่แห่งนี้ เพราะพวกเขาจะถูกสังหารอย่างกับผักปลาโดยฝีมือของคนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
ชนเผ่าใต้ทะเลทั้ง3 นั้นเป็นคนของปูราชันย์ศึกประกายอินทนิล พวกเขาทั้งสามเป็นพี่น้องที่มีพลังทัดเทียมกัน แต่หากเทียบกับอีเย่เจี้ยนเก้อและมู่หยุนชิงเฉิงแล้ว พวกเขานั้นด้อยกว่ามาก
มันเป็นเรื่องดีที่มีคนมาขอเข้าร่วมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ด้วยความแข็งแกร่งที่มีพร้อม ทุกสิ่งจะอยู่ภายใต้การควบคุม ถ้าเป็นในอดีต แม้ว่าพวกเขาจะมาขอเข้าร่วม มันก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเธอจะสามารถตอบรับได้อย่างดีพอ
ตอนนี้สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงไปถึงแม้ความแตกต่างด้านพลังจะไม่สำคัญ พวกเขาก็ยังต้องแสดงความนอบน้อมต่อผู้ที่มาหา
ตอนนี้พระราชวังทะเลราชันย์แข็งแกร่งขึ้นพวกเขามีทั้งเผ่ามัจฉา เงือกอสูรทมิฬ และเผ่าอื่นๆ โดยตอนนี้ปูราชันย์ศึกประกายอินทนิลก็ได้ถูกรวมเข้ามาเป็นพวกแล้ว
ชิงสุ่ยได้พบกับสามพี่น้องพวกเขาเป็นคนฉลาด ลึกลงไป พวกเขารู้ว่าพระราชวังทะเลราชันย์จะต้องยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก การมาขอเข้าร่วมในตอนนี้จะทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์ในอนาคต
ในขณะที่ชิงสุ่ยได้พบพวกเขาเขาอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวเองกับพระราชวังทะเลราชันย์ เขาต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเขาเช่นกัน
ทั้งสามตระหนักถึงการมีอยู่ของชิงสุ่ยก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้ที่จัดการพระราชวังทรายทองคำได้อย่างง่ายดาย ผู้คนโดยทั่วไปต่างก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของเขา นอกจากนี้เมื่อพวกเขาได้อยู่ใกล้ชิงสุ่ย พวกเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แทบจะทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก
สิ่งต่างๆย่อมเป็นไปด้วยดีตราบใดที่มันบรรลุเป้าหมายชิงสุ่ยรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องไปเยี่ยมเยือนพระราชวังสุริยา ชิงสุ่ยคาดว่าในไม่ช้าพระราชวังทะเลราชันย์ต้องก้าวหน้าเหนือกว่าพระราชวังสุริยา
พระราชวังสุริยายังคงสงบเป็นปกติพระราชวังมังกรไม่ได้ปรากฏตัวใดๆออกมา เรื่องนี้ทำให้ชิงสุ่ยเริ่มสงสัย พวกเขาไม่เคลื่อนไหวอะไรเกือบจะ 1 สัปดาห์แล้ว
ชิงสุ่ยจะแวะเวียนมาที่นี่ทุกวันประมุขแห่งพระราชวังสุริยารู้เรื่องนี้ ลึกลงไปเธอรู้สึกมีความสุข ชิงสุ่ยเป็นคนที่รับผิดชอบ ถ้าพระราชวังมังกรมายังที่นี่ แน่นอนว่าเขาจะยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อปกป้องเธอ อย่างน้อยนี่คือสิ่งที่เธอรู้สึก
โดยปกติแล้วชิงสุ่ยคอยตรวจสอบอยู่ห่างๆหากเขาเห็นว่าทุกอย่างปกติ เขาก็จะกลับไป มันเป็นความบังเอิญที่ครั้งนี้เขาพบเข้ากับประมุขแห่งพระราชวังสุริยา เธอยิ้มขณะที่เดินมาใกล้ชิงสุ่ย
หญิงผู้นี้นั้นน่ารักและงดงามเผ่าเงือกไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่านาคาเร้นลับ ทั้งสองเป็นสายเลือดอันสูงส่งภายในโลกใต้มหาสมุทร
“เจ้ามาแล้ว!”ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวอย่างมีความสุขเมื่อเธอเห็นชิงสุ่ย
“ใช่ข้าอยู่ที่นี่แล้ว” หัวใจของชิงสุ่ยสั่นไหวขณะที่เขามองดูประมุขแห่งพระราชวังสุริยา มันไม่ใช่อาการจากความรักใคร่ มันเป็นอารมณ์ของการได้ผูกมิตรกัน
ครั้งหนึ่งประมุขแห่งพระราชวังสุริยานั้นทรงพลังยิ่งกว่าอีเย่เจี้ยนเก้อและมู่หยุนชิงเฉิงเธออยู่ห่างเพียงครึ่งก้าวจากระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ อาจกล่าวได้ว่าเท้าข้างหนึ่งของเธอเข้าไปเหยียบมันไว้แล้ว
เธอเป็นเงือกเช่นเดียวกับมู่หยุนชิงเฉิงและเนื่องจากเธอมีสายเลือดที่ทรงพลัง ชิงสุ่ยจึงสามารถช่วยเธอให้บรรลุระดับ ปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้ช่วยเธอ เธอก็สามารถจัดการมันด้วยตัวเองได้ภายใน 10 ปีหรือน้อยกว่า 100 ปี
หากพระราชวังสุริยาและพระราชวังทะเลราชันย์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันและจัดตั้งพันธมิตรมันจะเป็นประโยชน์แก่พวกเขาทั้งในทะเลอุดรและแดนทะเลน้ำเเข็ง
“ข้าขอยินดีด้วยสำหรับภรรยาของเจ้าที่บรรลุระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์”ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอรู้เรื่องนี้แล้วไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอที่จะทราบข่าวเช่นนี้
”ขอบคุณถ้าหากพระราชวังสุริยาและพระราชวังทะเลราชันย์ก่อตั้งพันธมิตรกัน จุดแข็งของพวกเราทั้งสองก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่นนั้นจะไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเราอีก” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“พวกเจ้าคงไม่จำเป็นต้องสนใจข้าด้วยความแข็งแกร่งที่ข้ามีในตอนนี้ ข้ารู้ขีดจำกัดของตัวเองดี ยิ่งพระราชวังสุริยาอยู่ในช่วงที่ยากลำบากแบบนี้ ข้าก็จะต้องมุ่งหน้าต่อไป ” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาส่ายหัวศีรษะ
“ข้าสามารถช่วยให้เจ้าบรรลุระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เร็วขึ้นได้เจ้าเต็มใจที่จะทำมันหรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวความคิดที่อยู่ในใจ ด้วยผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ 3 คน มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการพวกเขาลงได้
”จริงงั้นหรือ?เจ้ายินดีช่วยข้าหรือ?” แทนที่จะถามว่าเขาช่วยเธอได้หรือไม่ ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากลับถามว่าเขายินดีช่วยเธอหรือไม่
“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจข้าสามารถช่วยเจ้าได้ จากนั้นข้าจะแนะนำเจ้าให้พวกนางรู้จัก แล้วพวกเราจะก่อตั้งเป็นพันธมิตรกัน เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”
“แน่นอนข้ายินดีทำ แต่สำหรับผู้อื่นข้าไม่แน่ใจ”