Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1723 - สุ่ยหยุนเฟิง
AST
บทที่1723 – สุ่ยหยุนเฟิง
”ฆ่ามันนน!!วางรูปแบบเดี๋ยวนี้!!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของสุ่ยหยุนเฟิงชายวัยกลางคนที่เหลือก็รีบทำตามอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่กลัวการโจมตีของชิงสุ่ยแม้ว่ามันจะทำให้พี่น้องของพวกเขาบาดเจ็บปางตายภายในการโจมตีครั้งเดียว
ชิงสุ่ยเฝ้ามองดูศัตรูที่กำลังถาโถมเข้าใส่จากทุกทิศทางจากนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มอันน่าสยดสยอง สิ่งที่พวกมันทำเป็นเหมือนการละเล่นของเด็กที่กำลังขุดหลุมฝังตัวเอง
ความตั้งใจแรกเริ่มของชิงสุ่ยคือการยุติทุกอย่างให้เร็วที่สุดและไม่ต้องการก่อศัตรูซึ่งกันและกันแต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ทุกอย่างจะนำพามาถึงจุดนี้โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อมันถึงจุดแตกหัก เขาก็ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจศัตรูอีกต่อไป ง้าวทองทะลวงศัตรู!!
7ดาราสะบั้นจันทร์!!
ชิงสุ่ยอุ้มชิงห่านอี้พุ่งผ่านศัตรูเขาตัดผ่ากลางร่างคนของสุ่ยหยุนเฟิงด้วยง้าวทองทะลวงศัตรูในมือของเขา แต่ในขณะเดียวกัน ชายร่างสูงผอมก็ใช้โอกาสนี้ปักกระบี่เข้าตรงกลางหัวใจของชิงสุ่ยด้วยความเร็วปานสายฟ้า
แรงกดดันมหาศาลก่อตัวขึ้นอย่างฉับพลันทันทีที่เขาสังหารชายคนนึงเขาก็เบี่ยงตัวหลบเพียงแค่ครึ่งนิ้ว กระบี่ที่ชายร่างผอมสูงคนนั้นก็คลาดตัวเขาไปเพียงแค่เล็กน้อย และในระหว่างที่ชิงสุ่ยยังคงอุ้มชิงห่านอี้ เขาก็เริ่มใช้รูปแบบย่างก้าวเก้าเทวา ซึ่งมันทำให้ชิงห่านอี้รับรู้ได้ถึงความน่าอัศจรรย์ของทักษะนี้
ผู้คนเคยบอกไว้ว่าทักษะการเคลื่อนไหวจะพัฒนาได้เร็วที่สุดผ่านการต่อสู้ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดว่าทักษะการเคลื่อนไหวของเขาอยู่เหนือค่ายกลรูปแบบสังหารของศัตรู แผนที่พวกเขาตั้งใจจะใช้สังหารล้มเหลวไม่เป็นท่าซึ่งในทางกลับกันพวกเขาต่างหากที่ถูกไล่สังหาร
เมื่อคนของเขาเริ่มล้มตายไป2 คน พวกเขาก็ตระหนักได้ว่ารูปแบบสังหารที่พวกเขาใช้มันไม่ได้ผลอีกแล้ว แต่ช่างน่าเสียดายที่พวกเขาคิดได้ก็ช้าไป
”ก่อนหน้านี้ข้าได้กล่าวเตือนพวกเจ้าไปแล้ว แต่ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่เห็นคุณค่าชีวิตของตัวเอง ฉะนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติต่อพวกเจ้าเยี่ยงมนุษย์”
”เจ้าคิดจริงๆหรือว่าพละกำลังของเจ้าจะเอามากดดันข้าได้?เจ้าคงประเมินถ้ำวารีจันทราของข้าต่ำไป” สุ่ยหยุนเฟิงยังคงยืนนิ่ง ขณะจ้องมองชิงสุ่ยด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
ชิงสุ่ยเองก็หันกลับมามองเขาเช่นกันแต่มือของเขายังคงจ้วงแทงง้าวทองทะลวงศัตรูกลับไปช่องว่างที่อยู่ทางด้านหลัง
พรวดดดดด!!
เลือดสดๆทะลักออกจากที่ว่างเปล่าที่อยู่ด้านหลังชิงสุ่ย
”อย่าบอกนะหรือว่าไอ้พวกคนกระจอกทั้งหมดนี่คือไพ่ตายของเจ้า”ชิงสุ่ยดึงง้าวทองทะลวงศัตรูออกจากตัวของชายชุดดำที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น
แต่แล้วการแสดงออกทางสีหน้าของชิงห่านอี้ก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยดูเหมือนชายที่นอนจมกองเลือดจะเป็นคนของตระกูลมังกรซ่อนเร้น
แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจกว่าคือความสามารถในการตรวจจับศัตรูของชิงสุ่ยคนของตระกูลมังกรซ่อนเร้นนั้นแข็งแกร่งในระดับเดียวกับตระกูลหยวน และสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วถึงแม้แต่คนของถ้ำมังกรวารีเองยังมองแทบไม่ทัน Aileen-novel
อันที่จริงชิงสุ่ยเองสัมผัสได้ถึงภาพเงาพร่ามัวทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้องโถงแห่งนี้ เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องราวของตระกูลมังกรซ่อนเร้นมาก่อน เขาจึงอาศัยช่วงเวลาที่เหมาะสมเบิกเนตรสวรรค์ของเขาเพื่อตรวจจับวัตถุซ่อนเร้นทุกอย่างที่อยู่ภายในห้อง
ในตอนแรกที่เขาได้ยินเรื่องราวของคนตระกูลมังกรซ่อนเร้นชิงสุยได้แต่สงสัยว่าทักษะเบิกเนตรสวรรค์ของเขาจะสามารถตรวจจับความสามารถในการซ่อนเร้นของคนกลุ่มนี้ได้หรือไม่ และแล้วมันก็ได้ผล
ชิงสุ่ยจ้องมองร่างของคนที่เพิ่งถูกเขาสับออกเป็นสองส่วนเขาไม่คาดคิดเลยว่าคนของตระกูลมังกรซ่อนเร้นว่ามีหน้าตาซูบผอมรวมถึงร่างกายที่ผอมแห้ง แต่การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วเกินกว่าที่คนจะคาดคิดได้ แต่ชิงสุ่ยก็สามารถกำจัดเขาได้ภายในการโจมตีแค่ครั้งเดียว ซึ่งมันก็ทำให้ชิงสุ่ยรู้ถึงความสามารถของพวกมันเช่นกัน
ท่วงท่าโจมตีของชิงสุ่ยนั้นเกิดจากการผสมระหว่างทักษะกระบี่พื้นฐานและทักษะเก้ารากฐานบรรพกาลศึกจึงทำให้มีความแม่นยำรวดเร็วและรุนแรง
แม้ว่าเผ่ามังกรซ่อนเร้นจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วแต่เมื่อถูกตรวจจับได้ความเร็วของพวกมันก็ยังแพ้ความเร็วในการโจมตีของชิงสุ่ย มันจึงเหมือนกับการที่มนุษย์วิ่งเข้าชนรถสิบล้อที่วิ่งด้วยความเร็วสูง
ใบหน้าของสุ่ยหยุนเฟิงเริ่มบูดเบี้ยวดูเหมือนว่าเพื่อให้แผนการของเขาเป็นไปตามที่เขาต้องการ เขาจึงลงทุนจ้างจ้างคนตระกูลมังกรซ่อนเร้นมาลอบฆ่าชิงสุ่ย แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เขาพามาจะถูกสังหารภายในชั่วพริบตา นั่นยิ่งทำให้เขาต้องหาวิธีพูดคุยกับตระกูลมังกรซ่อนเร้นเพื่อไม่ให้เกิดศึกอีกด้านโดยที่เขาไม่ตั้งใจ
ส่วนทางฝั่งของชิงสุ่ยเขาเองก็ได้เรียนรู้และเข้าใจพลังใหม่ที่เขาครอบครอง ซึ่งมันยิ่งทำให้เขามั่นใจยิ่งขึ้นว่าตัวเขาเองเพียงแค่คนเดียวก็สามารถจัดการกับจ้าวแห่งถ้ำวารีจันทราได้
เพียงแค่พลังของตัวเขาก็เพียงพอแล้วยังไม่ได้นับรวมถึงสัตว์อสูรที่เป็นกำลังสำคัญ ชิงสุ่ยยังไม่ต้องการเปิดเผยความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรที่เขาครอบครอง เขาอยากทดลองเผชิญหน้ากับสุ่ยหยุนเฟิงด้วยตัวของเขาเองก่อน
ในที่สุดสุ่ยหยุนเฟิงก็เริ่มเคลื่อนไหวร่างกายของเขาเปรียบเสมือนก้อนหินยักษ์พุ่งตรงมาทางชิงสุ่ย ขณะที่เขาอยู่กลางอากาศ เขาก็เหวียงฝ่ามือข้างหนึ่งเข้าปะทะกับชิงสุ่ยอย่างฉับพลัน
กรงขังวารีสั่นคลอนนภา!!
ผนึกวารีสั่นคลอนนภา!!
ฝ่ามือของสุ่ยหยุนเฟิงแสงสว่างและค่อยๆขยายตัวกลืนกินชิงสุ่ยก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่กดดันเหมือนกับติดอยู่ในคุกคุมขัง
มันเป็นความสามารถที่สร้างขึ้นกดดันอันรุนแรงจนน่าประหลาดใจช่างน่าเสียดายที่ชิงสุ่ยนั้นมีพลังต้านทานการกดดันทางปราณจิตขั้นสูง จึงทำให้กรงขังวารีสั่นคลอนนภาที่ถูกปล่อยออกมาไร้ผลในทันที
ผนึกราชันราชสีห์!!
ชิงสุ่ยปลดปล่อยผนึกราชสีห์เข้าประทะกับผนึกวารีสั่นคลอนนภาที่สุ่ยหยุนเฟิงปลดปล่อยออกมา
ปังงงงงงงงง!!
เสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับผนึกราชันราชสีห์ที่ค่อยๆจางหายไป แต่ผนึกวารีสั่นคลอนนภากลับยังคงอยู่และยังคงพุ่งตรงมาหาชิงสุ่ย
หนึ่งง้าวสิ้นอาณาจักร!!
ชิงสุ่ยขว้างง้าวทองทะลวงศัตรูออกไปเหมือนมังกรทองซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจในพลังของตน
ปังงงงงง!!
เสียงดังสั่นสะเทือนอย่างชัดเจนพร้อมกับผนึกวารีสั่นคลอนนภาที่ค่อยๆจางหายไป
ปราณจิตมุ่งมั่น!!
ชิงสุ่ยรวบรวมสติภายในทะเลแห่งปัญญาและไม่นานนักเขาก็เข้าถึงการรับรู้ทั่วทั้งพื้นที่ทุกอณู มันเหมือนกับว่าเวลารอบตัวเขาเริ่มเดินช้าลง หรืออีกทางหนึ่งเขาเรียกว่าตัวของเขานั้นเร็วขึ้น
กระบี่สังหารอสูร!!!
ในขณะเดียวกันสุ่ยหยุนเฟิงก็ดึงกระบี่ยาวสีเขียวที่เหน็บอยู่ข้างลำตัวออกมาอย่างช้าๆ มันคือกระบี่ที่มีความยาว 4 ฟุตกว้าง 3 นิ้ว กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากกระบี่เล่มนั้นเต็มไปด้วยความเปล่งประกายและความกระปรี้กระเป๋า มันเป็นกระบี่ที่ดึงดูดใจชิงสุ่ยจนอยากเอามันมาไว้ในครอบครอง แต่อย่างไรซะ เขาก็มีง้าวทองทะลวงศัตรูอยู่กับตัวอยู่แล้ว