Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1793 - ทักษะพยัคฆ์ขาว พลังที่น่ากลัวของอี่หวง กู่หวู๋
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1793 - ทักษะพยัคฆ์ขาว พลังที่น่ากลัวของอี่หวง กู่หวู๋
AST
บทที่1793 – ทักษะพยัคฆ์ขาว พลังที่น่ากลัวของอี่หวง กู่หวู๋
ชิงสุ่ยยังคงขะมักเขม้นพยายามอย่างหนักในการฟูมฟักบรรดาลูกหลานทั้งหมดของตระกูลชิงยิ่งเขาพยายามเสริมพลังให้กับคนตระกูลชิงมากขึ้นเท่าไหร่ สิ่งที่ทุกคนพัฒนาจะถ่ายทอดเข้าสู่คนรุ่นหลังมากขึ้นเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในสายเลือดของเขาได้ตกทอดสู่บรรดาลูกๆของเขาอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่นชิงซุนและชิงหมิง ทั้งสองได้รับพลังสืบทอดสายเลือดโดยตรงมาจากชิงสุ่ย ทั้งสองคนจึงมีพลังในการพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ
ชิงซุนสืบทอดพลังแห่งธรรมชาติซึ่งถือเป็นพลังที่เต็มไปด้วยความมั่นคงและป่าเถื่อนแม้ว่าเขาจะเพิ่งเข้าสู่ช่วงระดับกลาง แต่ในแง่ของความแข็งแกร่ง ชิงซุนเป็นอีกหนึ่งคนที่มีรากฐานพลังมั่นคง เขาสามารถแยกตัวออกไปหยัดยืนได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้พลังธรรมชาติของเขาเป็นศัตรูที่สำคัญต่อพลังแห่งความชั่วร้ายทั้งหมด มันมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการต่อกรกับปีศาจ ดังนั้นถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังที่ถูกครอบงำไปด้วยความชั่วร้าย พลังของชิงซุนจะยิ่งมีบทบาทมากยิ่งขึ้น
แต่สำหรับชิงหมิงเขาได้รับพลังแห่งจ้าวพิภพ ซึ่งตั้งแต่ที่ชิงสุ่ยค้นพบมัน เขายังรู้สึกว่ามันคือปริศนาชิ้นใหญ่ ชิงหมิงคือลูกชายของเขาอย่างแน่นอนแต่ทำไมพลังถ่ายทอดทางสายเลือดถึงได้แปลกประหลาด ลึกๆในใจของชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความกังวลว่าในอนาคตชิงหมิงอาจจะกลายเป็นราชาในหมู่นักฆ่าก็เป็นได้
เหยียนหลางชิงซิ่วและชิงเถิง ปากก็ได้รับการสืบทอดสายเลือดมาจากชิงสุ่ยเช่นกันทั้งสามคนได้รับการสืบทอดร่างกาย 9 หยางมาจากเขา ซึ่งตอนนี้มันยังเป็นเพียงแค่ความสามารถที่อ่อนแอแต่ในอนาคตมันจะพัฒนากลายเป็นร่างกาย 9 หยางที่แข็งแกร่ง
บรรดาลูกชายและลูกสาวของเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนที่อัจฉริยะเพียงแต่ทุกคนยังไม่ได้ตระหนักถึงมรดกทางสายเลือดที่สืบทอดมาจากเขา อย่างไรก็ตามชิงหยินและชิงนิ๋วนั้นค่อนข้างจะมีลักษณะร่างกายที่คล้ายกับร่างกายศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเธอจะสืบทอดความสามารถมาจากหญิงสาวผู้เป็นแม่
ชิงสุ่ยได้วางแผนสำหรับอนาคตของตระกูลชิงและตระกูลเหยียนเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเดิมทีชิงสุ่ยเองก็เคยคิดจะให้ลูกๆของเขาใช้นามสกุลเหยียน เหมือนที่เหยีนหลางใช้
แต่เนื่องจากตระกูลเหยียนไม่สร้างความผิดมหันต์คุยกับแม่ของเขาเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนชื่อไปใช้ตระกูลเหลียน อันที่จริงแล้วเหยียนจงเยว่เองก็ไม่ได้สนใจเรื่องราวเหล่านี้เพราะไม่ว่าพวกเขาจะใช้นามสกุลใดสุดท้ายสายเลือดของเขาก็ยังคงไหลเวียนอยู่ภายใต้ตัวลูกๆหลานๆของเขา นี่คือความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
และมันคงเป็นไปไม่ได้ที่ชิงสุ่ยจะเกลียดพ่อของเขาเพราะพ่อของเขาไม่ใช่คนที่ทำผิด และคนที่ควรรับผิดชอบคือคนตระกูลเหยียน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เหยียนจงเยว่เองก็ไม่เคยให้อภัยคนของตระกูลเหยียน และไม่เคยบอกให้ชิงสุ่ยให้อภัย อย่างไรก็ตามหนี้แค้นได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว และผู้ที่สมควรได้รับความตายก็ได้ล่วงลับไปแล้วเช่นกัน
ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาชิงชิงพี่สาวของชิงสุ่ยมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อก่อนเธอคิดว่าพ่อของเธอได้ตายจากไปแล้ว แต่เมื่อเธอได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับพ่อของเธอ และได้รู้จักน้องชายที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ มันทำให้เธอมีสภาพชีวิตที่เปลี่ยนไปมันเป็นสภาพชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริง เหยียนจงเยว้ใช้เวลาตลอดหลายปีเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจลูกสาวของเขาแน่นอนว่าเขาเองก็พยายามช่วยเหลือชิงสุ่ย เพียงแต่ชิงสุ่ยนั้นโดดเด่นเกินไป เกินกว่าที่เขาจะหาวิธีชดเชยให้กับลูกชายของเขาได้ อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ของทั้งสามคนยังคงแนบแน่น เมื่อเขาฟื้นความทรงจำ เขาก็จดจำคนที่เขารักได้มากที่สุด นั้นก็คือชิงอี้ เพียงแต่ตอนนี้ ตระกูลเหยียนก็ไม่อาจขาดเขาได้ เขาจึงทำได้แค่เพียงการเดินทางไปกลับระหว่าง 2 สถานที่เพื่อทำให้เห็นว่าทั้ง 2 ที่สำคัญเท่ากัน
เหยียนจงเยว่ยังคงพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ช่างน่าเศร้าที่ปัจจุบันเขาเองยังไม่สามารถบรรลุระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้บางทีระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศอาจจะเป็นขีดจำกัดชีวิตของเขา ส่วนจะบรรลุระดับต่อไปได้หรือไม่นั้นล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาและความพยายาม
แม้แต่ในตระกูลชิงเองก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถบรรลุระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศได้คงมีเพียงแค่ชิงสุ่ย หลวนหลวน และบรรดาหญิงสาวที่มีพลังโดดเด่นเท่านั้นที่พัฒนาเกินกว่าระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศ สำหรับสือฉิงจวง หยวนสู่ จรู้ชิง หยุนต้วน ห่าวหยุนลิ่วลี่ พวกเธอละเว้นจากการฝึกฝนมานาน และไม่มีความโดดเด่นใดๆอีกต่อไปแล้ว จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเธอจะก้าวขึ้นสู่ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศ
และแม้จะเป็นเช่นนั้นชิงสุ่ยก็ยังคงจะเตรียมแผนการไว้มากมายเขาเชื่อว่าโลกนี้ไร้ขอบเขต สักวันเขาจะต้องได้ยาเม็ดสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มาครอบครอง และเมื่อถึงเวลานั้นทุกคนที่อยู่รอบกายของเขาจะได้รับพลังเหนือธรรมชาติ
นอกเหนือจากนี้เขาเองยังจำเป็นต้องหาวิธีการยืดอายุไขให้กับทุกคนแม้จะรู้ดีว่าการทำให้คนคนนึงกลายเป็นอมตะได้มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระไร้เหตุผล แต่เขาก็ยังคงต้องพยายามหาหนทางต่อไป
ทางด้านของอีเย่เจี้ยนเก้อตลอดหลายปีที่ผ่านมาชิงสุ่ยได้พยายามช่วยเหลือในการฝึกฝนของเธอ จะทำให้เธอพัฒนาแทบทุกด้าน แต่ตอนนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดที่อาศัยอยู่ในตระกูลชิงกลับเป็นอี่หวง กู่หวู๋ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับชิงสุ่ยมาก
เธอขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝนรูปแบบพยัคฆ์จนกระทั่งมันได้ประสานร่างกับร่างกายของเธอก่อกำเนิดกลายเป็นร่างกายเทวะศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาวซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาชิงสุ่ยก็ได้ร่วมเป็นสักขีพยานตอนที่ร่างกายของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนหยก มันเป็นความสวยงามที่แทรกซึมลึกเข้าไปในร่างกายของเขาเช่นกัน
ตอนนี้เธอมีพลังมากถึง2,000 เต๋า แม้ว่าถ้าหากนับรวมกับอีเย่เจี้ยนเก้อแล้ว เธอจะยังคงอ่อนแอกว่า แต่อย่างน้อยเธอก็อยู่เหนือมูหยุนชิงเก้อ หลัวชิงเฉิงและชิงห่านอี้ ที่สำคัญเธอเป็นคนที่สามารถพัฒนาตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเขา
หลังจากที่ผ่านการช่วยเหลือทางด้านการฝึกฝนจากชิงสุ่ยพลังกายของเธอก็พุ่งสูงถึงระดับ 5000 เต๋า มันคือความก้าวหน้าที่แสนน่ากลัว และภายในอีก 3 เดือนข้างหน้า ชิงสุ่ยยังมั่นใจว่าเธอจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกประมาณ 2-3 เท่า
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทักษะการต่อสู้ของเธอเธอสามารถสร้างร่างจำลองของพยัคฆ์ขาวทั้งหมด 8 ตัวออกมาได้ โดยแต่ละตัวจะมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 4 ชั่วโมง และความแข็งแกร่งของพวกมันจะคิดเป็น 4 เท่าของความแข็งแกร่งดั้งเดิมของเธอ ฉะนั้นนี่ก็ถือว่าเป็นทักษะการต่อสู้ที่แสนน่ากลัวที่สุด
แต่ในความโชคดีก็ยังมีความน่าเศร้าเพราะว่าทักษะพยัคฆ์ขาวศักดิ์สิทธิ์ของเธอได้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้วซึ่งมันเป็นไปได้น้อยมากที่เธอจะสามารถพัฒนากันต่อไปได้ ดังนั้นหลังจากนี้ชีวิตของเธอจะต้องเผชิญหน้ากับความลำบากในการฟันฝ่าอุปสรรคมากยิ่งขึ้น
บทที่1793 – ทักษะพยัคฆ์ขาว พลังที่น่ากลัวของอี่หวง กู่หวู๋
ชิงสุ่ยยังคงขะมักเขม้นพยายามอย่างหนักในการฟูมฟักบรรดาลูกหลานทั้งหมดของตระกูลชิงยิ่งเขาพยายามเสริมพลังให้กับคนตระกูลชิงมากขึ้นเท่าไหร่ สิ่งที่ทุกคนพัฒนาจะถ่ายทอดเข้าสู่คนรุ่นหลังมากขึ้นเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในสายเลือดของเขาได้ตกทอดสู่บรรดาลูกๆของเขาอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่นชิงซุนและชิงหมิง ทั้งสองได้รับพลังสืบทอดสายเลือดโดยตรงมาจากชิงสุ่ย ทั้งสองคนจึงมีพลังในการพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ
ชิงซุนสืบทอดพลังแห่งธรรมชาติซึ่งถือเป็นพลังที่เต็มไปด้วยความมั่นคงและป่าเถื่อนแม้ว่าเขาจะเพิ่งเข้าสู่ช่วงระดับกลาง แต่ในแง่ของความแข็งแกร่ง ชิงซุนเป็นอีกหนึ่งคนที่มีรากฐานพลังมั่นคง เขาสามารถแยกตัวออกไปหยัดยืนได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้พลังธรรมชาติของเขาเป็นศัตรูที่สำคัญต่อพลังแห่งความชั่วร้ายทั้งหมด มันมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการต่อกรกับปีศาจ ดังนั้นถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังที่ถูกครอบงำไปด้วยความชั่วร้าย พลังของชิงซุนจะยิ่งมีบทบาทมากยิ่งขึ้น
แต่สำหรับชิงหมิงเขาได้รับพลังแห่งจ้าวพิภพ ซึ่งตั้งแต่ที่ชิงสุ่ยค้นพบมัน เขายังรู้สึกว่ามันคือปริศนาชิ้นใหญ่ ชิงหมิงคือลูกชายของเขาอย่างแน่นอนแต่ทำไมพลังถ่ายทอดทางสายเลือดถึงได้แปลกประหลาด ลึกๆในใจของชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความกังวลว่าในอนาคตชิงหมิงอาจจะกลายเป็นราชาในหมู่นักฆ่าก็เป็นได้
เหยียนหลางชิงซิ่วและชิงเถิง ปากก็ได้รับการสืบทอดสายเลือดมาจากชิงสุ่ยเช่นกันทั้งสามคนได้รับการสืบทอดร่างกาย 9 หยางมาจากเขา ซึ่งตอนนี้มันยังเป็นเพียงแค่ความสามารถที่อ่อนแอแต่ในอนาคตมันจะพัฒนากลายเป็นร่างกาย 9 หยางที่แข็งแกร่ง
บรรดาลูกชายและลูกสาวของเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนที่อัจฉริยะเพียงแต่ทุกคนยังไม่ได้ตระหนักถึงมรดกทางสายเลือดที่สืบทอดมาจากเขา อย่างไรก็ตามชิงหยินและชิงนิ๋วนั้นค่อนข้างจะมีลักษณะร่างกายที่คล้ายกับร่างกายศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเธอจะสืบทอดความสามารถมาจากหญิงสาวผู้เป็นแม่
ชิงสุ่ยได้วางแผนสำหรับอนาคตของตระกูลชิงและตระกูลเหยียนเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเดิมทีชิงสุ่ยเองก็เคยคิดจะให้ลูกๆของเขาใช้นามสกุลเหยียน เหมือนที่เหยีนหลางใช้
แต่เนื่องจากตระกูลเหยียนไม่สร้างความผิดมหันต์คุยกับแม่ของเขาเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนชื่อไปใช้ตระกูลเหลียน อันที่จริงแล้วเหยียนจงเยว่เองก็ไม่ได้สนใจเรื่องราวเหล่านี้เพราะไม่ว่าพวกเขาจะใช้นามสกุลใดสุดท้ายสายเลือดของเขาก็ยังคงไหลเวียนอยู่ภายใต้ตัวลูกๆหลานๆของเขา นี่คือความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
และมันคงเป็นไปไม่ได้ที่ชิงสุ่ยจะเกลียดพ่อของเขาเพราะพ่อของเขาไม่ใช่คนที่ทำผิด และคนที่ควรรับผิดชอบคือคนตระกูลเหยียน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เหยียนจงเยว่เองก็ไม่เคยให้อภัยคนของตระกูลเหยียน และไม่เคยบอกให้ชิงสุ่ยให้อภัย อย่างไรก็ตามหนี้แค้นได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว และผู้ที่สมควรได้รับความตายก็ได้ล่วงลับไปแล้วเช่นกัน
ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาชิงชิงพี่สาวของชิงสุ่ยมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อก่อนเธอคิดว่าพ่อของเธอได้ตายจากไปแล้ว แต่เมื่อเธอได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับพ่อของเธอ และได้รู้จักน้องชายที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ มันทำให้เธอมีสภาพชีวิตที่เปลี่ยนไปมันเป็นสภาพชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริง เหยียนจงเยว้ใช้เวลาตลอดหลายปีเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจลูกสาวของเขาแน่นอนว่าเขาเองก็พยายามช่วยเหลือชิงสุ่ย เพียงแต่ชิงสุ่ยนั้นโดดเด่นเกินไป เกินกว่าที่เขาจะหาวิธีชดเชยให้กับลูกชายของเขาได้ อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ของทั้งสามคนยังคงแนบแน่น เมื่อเขาฟื้นความทรงจำ เขาก็จดจำคนที่เขารักได้มากที่สุด นั้นก็คือชิงอี้ เพียงแต่ตอนนี้ ตระกูลเหยียนก็ไม่อาจขาดเขาได้ เขาจึงทำได้แค่เพียงการเดินทางไปกลับระหว่าง 2 สถานที่เพื่อทำให้เห็นว่าทั้ง 2 ที่สำคัญเท่ากัน
เหยียนจงเยว่ยังคงพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ช่างน่าเศร้าที่ปัจจุบันเขาเองยังไม่สามารถบรรลุระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้บางทีระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศอาจจะเป็นขีดจำกัดชีวิตของเขา ส่วนจะบรรลุระดับต่อไปได้หรือไม่นั้นล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาและความพยายาม
แม้แต่ในตระกูลชิงเองก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถบรรลุระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศได้คงมีเพียงแค่ชิงสุ่ย หลวนหลวน และบรรดาหญิงสาวที่มีพลังโดดเด่นเท่านั้นที่พัฒนาเกินกว่าระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศ สำหรับสือฉิงจวง หยวนสู่ จรู้ชิง หยุนต้วน ห่าวหยุนลิ่วลี่ พวกเธอละเว้นจากการฝึกฝนมานาน และไม่มีความโดดเด่นใดๆอีกต่อไปแล้ว จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเธอจะก้าวขึ้นสู่ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศ
และแม้จะเป็นเช่นนั้นชิงสุ่ยก็ยังคงจะเตรียมแผนการไว้มากมายเขาเชื่อว่าโลกนี้ไร้ขอบเขต สักวันเขาจะต้องได้ยาเม็ดสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มาครอบครอง และเมื่อถึงเวลานั้นทุกคนที่อยู่รอบกายของเขาจะได้รับพลังเหนือธรรมชาติ
นอกเหนือจากนี้เขาเองยังจำเป็นต้องหาวิธีการยืดอายุไขให้กับทุกคนแม้จะรู้ดีว่าการทำให้คนคนนึงกลายเป็นอมตะได้มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระไร้เหตุผล แต่เขาก็ยังคงต้องพยายามหาหนทางต่อไป
ทางด้านของอีเย่เจี้ยนเก้อตลอดหลายปีที่ผ่านมาชิงสุ่ยได้พยายามช่วยเหลือในการฝึกฝนของเธอ จะทำให้เธอพัฒนาแทบทุกด้าน แต่ตอนนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดที่อาศัยอยู่ในตระกูลชิงกลับเป็นอี่หวง กู่หวู๋ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับชิงสุ่ยมาก
เธอขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝนรูปแบบพยัคฆ์จนกระทั่งมันได้ประสานร่างกับร่างกายของเธอก่อกำเนิดกลายเป็นร่างกายเทวะศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาวซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาชิงสุ่ยก็ได้ร่วมเป็นสักขีพยานตอนที่ร่างกายของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนหยก มันเป็นความสวยงามที่แทรกซึมลึกเข้าไปในร่างกายของเขาเช่นกัน
ตอนนี้เธอมีพลังมากถึง2,000 เต๋า แม้ว่าถ้าหากนับรวมกับอีเย่เจี้ยนเก้อแล้ว เธอจะยังคงอ่อนแอกว่า แต่อย่างน้อยเธอก็อยู่เหนือมูหยุนชิงเก้อ หลัวชิงเฉิงและชิงห่านอี้ ที่สำคัญเธอเป็นคนที่สามารถพัฒนาตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเขา
หลังจากที่ผ่านการช่วยเหลือทางด้านการฝึกฝนจากชิงสุ่ยพลังกายของเธอก็พุ่งสูงถึงระดับ 5000 เต๋า มันคือความก้าวหน้าที่แสนน่ากลัว และภายในอีก 3 เดือนข้างหน้า ชิงสุ่ยยังมั่นใจว่าเธอจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกประมาณ 2-3 เท่า
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทักษะการต่อสู้ของเธอเธอสามารถสร้างร่างจำลองของพยัคฆ์ขาวทั้งหมด 8 ตัวออกมาได้ โดยแต่ละตัวจะมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 4 ชั่วโมง และความแข็งแกร่งของพวกมันจะคิดเป็น 4 เท่าของความแข็งแกร่งดั้งเดิมของเธอ ฉะนั้นนี่ก็ถือว่าเป็นทักษะการต่อสู้ที่แสนน่ากลัวที่สุด
แต่ในความโชคดีก็ยังมีความน่าเศร้าเพราะว่าทักษะพยัคฆ์ขาวศักดิ์สิทธิ์ของเธอได้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้วซึ่งมันเป็นไปได้น้อยมากที่เธอจะสามารถพัฒนากันต่อไปได้ ดังนั้นหลังจากนี้ชีวิตของเธอจะต้องเผชิญหน้ากับความลำบากในการฟันฝ่าอุปสรรคมากยิ่งขึ้น
เราใช้คุกกี้เพื่อให้แน่ใจว่าเรามอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่คุณบนเว็บไซต์ของเรา หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไป เราจะถือว่าคุณยอมรับและเข้าใจ