Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1805 - หลิงเยียน ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1805 - หลิงเยียน ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน
AST
บทที่1805 – หลิงเยียน ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน
ผู้อาวุโสลำดับที่4 กล่าวคำทักทายชิงสุ่ยอย่างง่ายๆ แต่ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่น หรือความเหาะเหินห่างใดๆทั้งสิ้น
ผู้อาวุโสลำดับที่5 แตกต่างจากคนอื่น เขาเป็นคนที่ดูมืดมนและเย็นชา เขาไม่พูดอะไรกับชิงสุ่ยทั้งสิ้นยกเว้นพยักหน้า ทำตัวเหมือนท่อนซุงหรือไม่ก็ก้อนน้ำแข็ง
ผู้อาวุโสลำดับที่6 และ 7 ทั้งสองคนเป็นคนที่ดูมีอายุมาก แม้ว่าพวกเขาจะมีผมหงอก แต่ใบหน้ายังคงดูอ่อนเยาว์ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังปราณจิตที่ดี ชิงสุ่ยมองไม่เห็นแม้แต่รอยย่นบนใบหน้า
ผู้อาวุโสทั้งสองคนมีปฏิสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับชิงสุ่ยพวกเขาปฏิบัติต่อชิงสุ่ย เหมือนกับว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นศิษย์น้อง ซึ่งตัวของชิงสุ่ยเองก็รู้สึกอบอุ่นและค่อนข้างชื่นชอบทัศนคติของผู้อาวุโสทั้งสองคน
เฉินหวงไม่ได้แนะนำคนอื่นที่เหลือซึ่งชิงสุ่ยก็เข้าใจว่าทำไม คนที่เหลือคงไม่ใช่คนที่มีอำนาจมากพอจะพูดได้ และคนเหล่านั้นก็รอคอยที่จะทำตามคำสั่งอย่างเดียว
ในความเป็นจริงอี่หวงกู่หวู่ก็ไม่ได้ต้องการและไม่ได้เห็นด้วยที่จะเข้ามารับตำแหน่งรองจ้าวสวรรค์ แต่เพื่อผลประโยชน์ที่มีต่อชิงสุ่ย และการที่มีชิงสุ่ยอยู่ใกล้ๆเพื่อช่วยให้เธอโล่งใจ เธอจึงจำเป็นต้องรับตำแหน่ง
แน่นอนว่าเฉินหวงก็ให้อิสระไม่ต่างอะไรจากชิงสุ่ยนั่นก็หมายความว่าเธอไม่จำเป็นต้องอยู่ภายในที่ตั้งของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ หรือไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย
หลังจากได้ทำความรู้จักกับคนอื่นๆจนเสร็จสิ้นชิงสุ่ยและอี่หวงกู่หวู่ก็มุ่งหน้ากลับในช่วงเย็น ส่วนเฉินหวงก็ทำหน้าที่ของเธอต่อ
………………………… ……………………..
หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันชิงสุ่ยก็เตรียมพร้อมมุ่งหน้าไปเยี่ยมเยียนพระราชวังจอมอสูร เขากลับมาที่บ้านหลายวันแล้ว และเขาก็ได้จัดการสิ่งต่างๆมากมายภายในตระกูลชิง มันก็ถึงเวลาที่เขาจะว่าง
ตัวของชิงสุ่ยสงสัยมานานแล้วว่าตอนนี้ถานท่ายหลิงเยียนและฉินชิงจะเป็นอย่างไรบ้าง
ชิงสุ่ยเดินทางมาที่พระราชวังจอมอสูรภายในชั่วพริบตาโดยอาศัยทักษะย่างก้าว9 เทวา ภาพฉากที่คุ้นเคยทำให้หัวใจของเขาเกิดความรู้สึกที่มันไม่อธิบายได้ เขาอยากพบหญิงสาวที่เขาต้องการใจจะขาด
ความสุขจากข้อผิดพลาดทำให้เขาได้พบเจอกับถานท่ายหลิงเยียนแล้วตลอดการผจญภัยหลายปีที่ผ่านมา มันทำให้ชิงสุ่ยคิดว่าเขาอยู่ในความฝัน
เขาจะไม่มีทางปล่อยหญิงสาวคนนี้ไปแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการในตอนแรกเธออาจจะปฏิเสธเขามาโดยตลอด แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเธอได้เปลี่ยนไปและไม่ได้ปฏิเสธเขาอีกแล้ว แต่หลังจากที่ห่างหายกันไปนาน ชิงสุ่ยเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะย้อนกลับไปเหมือนเช่นวันแรกที่เจอกันอีกหรือไม่
เขาคิดไม่ออกและได้แต่เป็นกังวลเล็กน้อยกระนั้นเขาก็ไม่ได้วิตกกังวลจนเกินไป ได้แต่หวังว่าเธอจะใช้ชีวิตได้ดีกว่าเรา
ผู้คนที่อยู่ในพระราชวังจอมอสูรแสดงความเคารพคำกล่าวต้อนรับชิงสุ่ย” คารวะ ท่านผู้พิทักษ์!!”
ชิงสุ่ยพยักหน้า”นายหญิงอยู่ที่นี่หรือไม่?”
ชิงสุ่ยเคยเป็นผู้พิทักษ์ประจำพระราชวังจอมอสูรและยังเป็นผู้พิทักษ์ของพระราชวังหมาป่ามังกร รวมถึงอยู่ในตำแหน่งผู้พิทักษ์ของพระราชวังอาทิตย์อัสดง และตอนนี้เขาเองก็ได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสรับเชิญของภาคีวิหคอัคคีเทวะซึ่งเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ประจำกลุ่มเช่นกัน ”เออข้าเองก็หารู้ไม่”
ชิงสุ่ยลูบหน้าผากก่อนจะพยักหน้าเขารู้ดีว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้ที่อยู่ของถานท่ายหลิงเยียน คนที่รู้คงจะมีเพียงแค่ ซานยู ฮัวรูเหม่ย และคนอื่นอีกไม่กี่คน
ชิงสุ่ยเดินตรงไปยังลานที่แสนคุ้นเคยมันคือลานกว้างที่เคยถูกใช้โดยถานท่ายหลิงเยียน อย่างไรก็ตามในอดีตตอนที่พวกเขาออกเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกัน ชิงสุ่ยและถานท่ายหลิงเยียนก็พักอาศัยแยกกันอยู่ในอาคารคนละหลัง แน่นอนว่ามันก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
บางครั้งชิงสุ่ยก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาถึงโหยหาอยากจะเข้าใกล้เธอทั้งๆที่เธอเต็มไปด้วยความเย็นชา?
แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวของเขาเองได้ตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว
เคล้ง!!
เมื่อเข้าใกล้ลานกว้างชิงสุ่ยก็ได้ยินเสียงมันเป็นเสียงท่วงทำนองที่มีความสุข ภายใต้เสียงของดีดพิณ บ่งบอกถึงความสงบสุขแทรกไปด้วยความเหงาและความเจ็บปวดใจ
บทเพลงที่ทำให้จิตใจของคนตกอยู่ในความโดดเดี่ยวไร้วิญญาณไร้ที่พึ่ง
ไม่มีการแบ่งปันความสุขได้เผชิญหน้าความทุกข์ไม่มีความแตกต่างในการใช้ชีวิต และไม่มีการแบ่งปันเสียงหัวเราะและความเจ็บปวด
ชิงสุ่ยรู้สึกหดหู่ใจเมื่อได้ยินเสียงเพลงเธอไม่เคยมีความสุข และหัวใจก็ตกอยู่ในความเหงา ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกผิดหวังและไร้หนทาง
ความขุ่นเคืองในความไม่ชัดเจนกำลังเอ่อล้นท่วมจิตใจของเขา
”ทำไมเจ้ายังไม่เข้ามาข้างในล่ะ?”น้ำเสียงใสและเย็นยะเยือก ดังไพเราะเต็มไปด้วยความยินดี เสียงของเธอไม่เหมือนกับเสียงของเฉินหวง มันเป็นเสียงที่ทรงเสน่ห์และปลอบโยนพร้อมจะทำให้ใจสั่นไหวตลอดเวลา
ชิงสุ่ยเงยหน้ามองเขาได้พบเจอกับถานท่ายหลิงเยียนที่กำลังนั่งอยู่บริเวณหน้าต่างของศาลา และจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ
เธอมัดผมม้วนและมีคิ้วสีเข้มดูสวยงาม ใบหน้าของเธอเย้ายวนน่าดึงดูด เปล่งประกายไปด้วยความน่าซับซ้อน มันส่งผลกระทบต่อจิตใจชิงสุ่ยทุกครั้งที่พบเห็นเธอ
ชุดสีขาวหิมะไม่สามารถซ่อนรูปร่างของมนรอบกายเธอได้แม้ว่าเธอจะมีร่างกายที่ดูบอบบาง แต่ก็มีหน้าอกที่สวยงาม ร่างเพียวบางของเธอเปรียบเสมือนรูปปั้นหยกที่ห่อด้วยผ้าใบสีขาว เธอเป็นผู้หญิงที่เข้าถึงยากที่สุดเท่าที่ชิงสุ่ยเคยพบเจอ ความภาคภูมิใจที่อยู่ในก้นบึ้งจิตวิญญาณของเธอเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
มันคือความงามที่ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้
ชิงสุ่ยปรากฏตัวต่อหน้าเธอในชั่วพริบตารอยยิ้มเริงร่าปรากฏบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็สวมกอดเธอ แม้ว่ามือของเขาจะโอบเอวแต่มันก็ไม่ได้เกิดเลยอะไร
”หลิงเยียนข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน!!”ชิงสุ่ยมองใบหน้าเธอพร้อมกับรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยเองก็สังเกตเห็นรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของเธอซึ่งเธอเองก็ตกใจในคำพูดที่ได้ยินจากปากชิงสุ่ย เพียงแค่คำพูดเธอก็สัมผัสได้ถึงความทรงจำในอดีต แม้แต่คนที่มีจิตใจเยือกเย็น ก็อยากจะมีใครสักคนดูแล
บางครั้งประโยคง่ายๆว่า”หลิงเยียน ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” อาจจะดีกว่าคำพูดที่ว่า “หลิงเยียน ข้ารักเจ้าเหลือเกิน”หลายสิบเท่าสำหรับผู้หญิงอย่างถานท่ายหลิงเยียน
บทที่1805 – หลิงเยียน ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน
ผู้อาวุโสลำดับที่4 กล่าวคำทักทายชิงสุ่ยอย่างง่ายๆ แต่ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่น หรือความเหาะเหินห่างใดๆทั้งสิ้น
ผู้อาวุโสลำดับที่5 แตกต่างจากคนอื่น เขาเป็นคนที่ดูมืดมนและเย็นชา เขาไม่พูดอะไรกับชิงสุ่ยทั้งสิ้นยกเว้นพยักหน้า ทำตัวเหมือนท่อนซุงหรือไม่ก็ก้อนน้ำแข็ง
ผู้อาวุโสลำดับที่6 และ 7 ทั้งสองคนเป็นคนที่ดูมีอายุมาก แม้ว่าพวกเขาจะมีผมหงอก แต่ใบหน้ายังคงดูอ่อนเยาว์ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังปราณจิตที่ดี ชิงสุ่ยมองไม่เห็นแม้แต่รอยย่นบนใบหน้า
ผู้อาวุโสทั้งสองคนมีปฏิสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับชิงสุ่ยพวกเขาปฏิบัติต่อชิงสุ่ย เหมือนกับว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นศิษย์น้อง ซึ่งตัวของชิงสุ่ยเองก็รู้สึกอบอุ่นและค่อนข้างชื่นชอบทัศนคติของผู้อาวุโสทั้งสองคน
เฉินหวงไม่ได้แนะนำคนอื่นที่เหลือซึ่งชิงสุ่ยก็เข้าใจว่าทำไม คนที่เหลือคงไม่ใช่คนที่มีอำนาจมากพอจะพูดได้ และคนเหล่านั้นก็รอคอยที่จะทำตามคำสั่งอย่างเดียว
ในความเป็นจริงอี่หวงกู่หวู่ก็ไม่ได้ต้องการและไม่ได้เห็นด้วยที่จะเข้ามารับตำแหน่งรองจ้าวสวรรค์ แต่เพื่อผลประโยชน์ที่มีต่อชิงสุ่ย และการที่มีชิงสุ่ยอยู่ใกล้ๆเพื่อช่วยให้เธอโล่งใจ เธอจึงจำเป็นต้องรับตำแหน่ง
แน่นอนว่าเฉินหวงก็ให้อิสระไม่ต่างอะไรจากชิงสุ่ยนั่นก็หมายความว่าเธอไม่จำเป็นต้องอยู่ภายในที่ตั้งของกลุ่มภาคีวิหคอัคคีเทวะ หรือไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย
หลังจากได้ทำความรู้จักกับคนอื่นๆจนเสร็จสิ้นชิงสุ่ยและอี่หวงกู่หวู่ก็มุ่งหน้ากลับในช่วงเย็น ส่วนเฉินหวงก็ทำหน้าที่ของเธอต่อ
………………………… ……………………..
หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันชิงสุ่ยก็เตรียมพร้อมมุ่งหน้าไปเยี่ยมเยียนพระราชวังจอมอสูร เขากลับมาที่บ้านหลายวันแล้ว และเขาก็ได้จัดการสิ่งต่างๆมากมายภายในตระกูลชิง มันก็ถึงเวลาที่เขาจะว่าง
ตัวของชิงสุ่ยสงสัยมานานแล้วว่าตอนนี้ถานท่ายหลิงเยียนและฉินชิงจะเป็นอย่างไรบ้าง
ชิงสุ่ยเดินทางมาที่พระราชวังจอมอสูรภายในชั่วพริบตาโดยอาศัยทักษะย่างก้าว9 เทวา ภาพฉากที่คุ้นเคยทำให้หัวใจของเขาเกิดความรู้สึกที่มันไม่อธิบายได้ เขาอยากพบหญิงสาวที่เขาต้องการใจจะขาด
ความสุขจากข้อผิดพลาดทำให้เขาได้พบเจอกับถานท่ายหลิงเยียนแล้วตลอดการผจญภัยหลายปีที่ผ่านมา มันทำให้ชิงสุ่ยคิดว่าเขาอยู่ในความฝัน
เขาจะไม่มีทางปล่อยหญิงสาวคนนี้ไปแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการในตอนแรกเธออาจจะปฏิเสธเขามาโดยตลอด แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเธอได้เปลี่ยนไปและไม่ได้ปฏิเสธเขาอีกแล้ว แต่หลังจากที่ห่างหายกันไปนาน ชิงสุ่ยเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะย้อนกลับไปเหมือนเช่นวันแรกที่เจอกันอีกหรือไม่
เขาคิดไม่ออกและได้แต่เป็นกังวลเล็กน้อยกระนั้นเขาก็ไม่ได้วิตกกังวลจนเกินไป ได้แต่หวังว่าเธอจะใช้ชีวิตได้ดีกว่าเรา
ผู้คนที่อยู่ในพระราชวังจอมอสูรแสดงความเคารพคำกล่าวต้อนรับชิงสุ่ย” คารวะ ท่านผู้พิทักษ์!!”
ชิงสุ่ยพยักหน้า”นายหญิงอยู่ที่นี่หรือไม่?”
ชิงสุ่ยเคยเป็นผู้พิทักษ์ประจำพระราชวังจอมอสูรและยังเป็นผู้พิทักษ์ของพระราชวังหมาป่ามังกร รวมถึงอยู่ในตำแหน่งผู้พิทักษ์ของพระราชวังอาทิตย์อัสดง และตอนนี้เขาเองก็ได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสรับเชิญของภาคีวิหคอัคคีเทวะซึ่งเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ประจำกลุ่มเช่นกัน ”เออข้าเองก็หารู้ไม่”
ชิงสุ่ยลูบหน้าผากก่อนจะพยักหน้าเขารู้ดีว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้ที่อยู่ของถานท่ายหลิงเยียน คนที่รู้คงจะมีเพียงแค่ ซานยู ฮัวรูเหม่ย และคนอื่นอีกไม่กี่คน
ชิงสุ่ยเดินตรงไปยังลานที่แสนคุ้นเคยมันคือลานกว้างที่เคยถูกใช้โดยถานท่ายหลิงเยียน อย่างไรก็ตามในอดีตตอนที่พวกเขาออกเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกัน ชิงสุ่ยและถานท่ายหลิงเยียนก็พักอาศัยแยกกันอยู่ในอาคารคนละหลัง แน่นอนว่ามันก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
บางครั้งชิงสุ่ยก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาถึงโหยหาอยากจะเข้าใกล้เธอทั้งๆที่เธอเต็มไปด้วยความเย็นชา?
แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวของเขาเองได้ตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว
เคล้ง!!
เมื่อเข้าใกล้ลานกว้างชิงสุ่ยก็ได้ยินเสียงมันเป็นเสียงท่วงทำนองที่มีความสุข ภายใต้เสียงของดีดพิณ บ่งบอกถึงความสงบสุขแทรกไปด้วยความเหงาและความเจ็บปวดใจ
บทเพลงที่ทำให้จิตใจของคนตกอยู่ในความโดดเดี่ยวไร้วิญญาณไร้ที่พึ่ง
ไม่มีการแบ่งปันความสุขได้เผชิญหน้าความทุกข์ไม่มีความแตกต่างในการใช้ชีวิต และไม่มีการแบ่งปันเสียงหัวเราะและความเจ็บปวด
ชิงสุ่ยรู้สึกหดหู่ใจเมื่อได้ยินเสียงเพลงเธอไม่เคยมีความสุข และหัวใจก็ตกอยู่ในความเหงา ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกผิดหวังและไร้หนทาง
ความขุ่นเคืองในความไม่ชัดเจนกำลังเอ่อล้นท่วมจิตใจของเขา
”ทำไมเจ้ายังไม่เข้ามาข้างในล่ะ?”น้ำเสียงใสและเย็นยะเยือก ดังไพเราะเต็มไปด้วยความยินดี เสียงของเธอไม่เหมือนกับเสียงของเฉินหวง มันเป็นเสียงที่ทรงเสน่ห์และปลอบโยนพร้อมจะทำให้ใจสั่นไหวตลอดเวลา
ชิงสุ่ยเงยหน้ามองเขาได้พบเจอกับถานท่ายหลิงเยียนที่กำลังนั่งอยู่บริเวณหน้าต่างของศาลา และจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ
เธอมัดผมม้วนและมีคิ้วสีเข้มดูสวยงาม ใบหน้าของเธอเย้ายวนน่าดึงดูด เปล่งประกายไปด้วยความน่าซับซ้อน มันส่งผลกระทบต่อจิตใจชิงสุ่ยทุกครั้งที่พบเห็นเธอ
ชุดสีขาวหิมะไม่สามารถซ่อนรูปร่างของมนรอบกายเธอได้แม้ว่าเธอจะมีร่างกายที่ดูบอบบาง แต่ก็มีหน้าอกที่สวยงาม ร่างเพียวบางของเธอเปรียบเสมือนรูปปั้นหยกที่ห่อด้วยผ้าใบสีขาว เธอเป็นผู้หญิงที่เข้าถึงยากที่สุดเท่าที่ชิงสุ่ยเคยพบเจอ ความภาคภูมิใจที่อยู่ในก้นบึ้งจิตวิญญาณของเธอเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
มันคือความงามที่ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้
ชิงสุ่ยปรากฏตัวต่อหน้าเธอในชั่วพริบตารอยยิ้มเริงร่าปรากฏบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็สวมกอดเธอ แม้ว่ามือของเขาจะโอบเอวแต่มันก็ไม่ได้เกิดเลยอะไร
”หลิงเยียนข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน!!”ชิงสุ่ยมองใบหน้าเธอพร้อมกับรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยเองก็สังเกตเห็นรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของเธอซึ่งเธอเองก็ตกใจในคำพูดที่ได้ยินจากปากชิงสุ่ย เพียงแค่คำพูดเธอก็สัมผัสได้ถึงความทรงจำในอดีต แม้แต่คนที่มีจิตใจเยือกเย็น ก็อยากจะมีใครสักคนดูแล
บางครั้งประโยคง่ายๆว่า”หลิงเยียน ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” อาจจะดีกว่าคำพูดที่ว่า “หลิงเยียน ข้ารักเจ้าเหลือเกิน”หลายสิบเท่าสำหรับผู้หญิงอย่างถานท่ายหลิงเยียน