Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1806 - ข้าคิดถึงเจ้าตั้ง 3 ครั้ง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1806 - ข้าคิดถึงเจ้าตั้ง 3 ครั้ง
AST
บทที่1806 – ข้าคิดถึงเจ้าตั้ง 3 ครั้ง
ในตอนแรกชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าร่างกายของ ถานท่าย หลิงเยียนกำลังสั่นเครือเล็กน้อย แต่ไม่นานนักร่างกายของเธอก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ผิวหน้าของเธอดูเปล่งปลั่งพร้อมกับผิวหนังเนียนนุ่มปล่อยกลิ่นหอมจางๆ
”เจ้าสบายดีหรือไม่?”แม้ว่าเธอจะไม่ตอบคำถามต่อชิงสุ่ยสีหน้าก็บ่งบอกคำตอบอย่างชัดเจน
”ข้าสบายดีเจ้าดูดีมากจริงๆ”ถานท่าย หลิงเยียนตบไหล่ชิงสุ่ย
ปฏิกิริยาที่เธอมีต่อชิงสุ่ยแสดงให้เห็นว่าเธอยังคงเหมือนเดิมไม่ได้ปฏิเสธเขา และบางทีเธออาจจะพยายามยอมรับเขาอยู่
”แน่นอนว่าข้ารู้สึกดี แต่ข้าไม่รู้สึกดีเลยหลังจากที่ได้เห็นเจ้า “ชิงสุ่ยยิ้มให้กับถานท่ายหลิงเยียน ”ทำไมรึ?หรือว่าเจ้าไม่อยากเห็นหน้าข้า?”ถานท่าย หลิงเยียนเงยหน้ามองดูชิงสุ่ย
”ก็เพราะว่าข้ารู้สึกถึงความทุกข์ระทมที่อยู่ในใจของเจ้าข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุขมากขึ้น บอกข้ามาเถิดว่าอะไรที่ทำให้เจ้ามีความสุข ข้าจะได้ช่วยให้เจ้ามีความสุขเพื่อที่ข้าจะได้มีความสุขเช่นกัน”ชิงสุ่ยมองเข้าไปในดวงตาที่สดใสของเธอ
เธอตกตะลึงอีกครั้งคำพูดของชิงสุ่ยทั้งหนักแน่นและเต็มไปด้วยความจริงใจ “ทำไมเจ้าถึงบอกว่าข้ากำลังไม่มีความสุขล่ะ ข้ารู้สึกดีกว่าแต่ก่อนหลายเท่า และข้าเองก็คิดถึงเจ้าหลายๆครั้ง อืม สอง หรือบางทีก็ 3 ครั้ง”
ชิงสุ่ยดวงตาเบิกกว้าง”3 ครั้งเองหรือ?”
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าตัวเขาควรมีความสุขหรือเสียใจดีหากเฉลี่ยแล้วเวลา 2 ปีเธอแทบจะไม่ได้คิดถึงเขาเลย
”แม้จะเป็นเพียง3 ครั้ง แต่คนเดียวที่ข้าคิดถึงก็มีเพียงเจ้า”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ”โอ้เจ้าบอกว่าเจ้าคิดถึงข้า ว่าแต่ความคิดถึงของเจ้าเจ้ารู้สึกเช่นไร?”ชิงสุ่ยจ้องมองถานท่ายหลิงเยียนด้วยสายตาคาดหวัง
ถานท่ายหลิงเยียนแสดงทีท่าเขินอายใบหน้าเหมือนพระอาทิตย์ขนาบข้างแสงจันทร์
ชิงสุ่ยกล้าถามโดยไม่ได้กลัวว่าเธอจะโกรธเลยเขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหัวใจของเธอแต่ยังปิดกั้นเขาอยู่อีกไหม แต่เขาก็ไม่กลัว เพราะเชื่อว่าการกระทำของเขาจะสามารถปลดผนึกประตูที่ขวางกั้นจิตใจเธอเอาไว้ได้
”ข้าฝันถึงเจ้าเพราะข้าคิดถึงเจ้าในขณะเดียวกันข้าเองก็อยากรู้ว่าปัจจุบันเจ้าสบายดีหรือไม่”ถานท่ายหลิงเยียนกระซิบใกล้ๆหู
ชิงสุ่ยโอบกอดเธอด้วยความตื่นเต้น”ถ้าหากเจ้าอยากรู้ว่าข้าสบายดีหรือไม่ คงต้องพิสูจน์”
เขาหัวเราะคึกคักเมื่อเห็นความเขินอายบนใบหน้าถานท่ายหลิงเยียนคำพูดของเขามีวัตถุประสงค์จงใจสร้างบรรยากาศที่บิดเบือน ”ไม่ไม่……”
ชิงสุ่ยยิ้มและไม่ทำอะไรต่อเขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าเขาค่อนข้างจะสนิทกับเธอกว่าที่คิด มิฉะนั้นเธอคงไม่ยอมให้ทำอะไรแบบนี้
”เอาล่ะเจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าจะทำเช่นนี้แบบเดียวในฝัน แต่เมื่อไหร่ที่เราต้องการ โปรดบอกข้า ข้าพร้อมจะอุทิศร่างกายให้กับเจ้า”ชิงสุ่ยลูบหัวของเธอขณะกล่าวเบาๆ
แม้เธอจะยอมรับการพูดคุยในสิ่งต่างๆแต่เมื่ออยู่ในระยะใกล้คำพูดก็เต็มไปด้วยความอึดอัด
”เจ้าคนชั่ว”ถานท่ายหลิงเยียนไม่ได้ต่อต้านแต่ก็พูดอย่างเขินอาย บางทีเธออัดต้องการการยอมรับจากชิงสุ่ย หัวใจของเธอจึงไม่ได้ต่อต้านการกระทำของเขา
”พวกเราก็แยกห่างกันมานานข้าคิดถึงเจ้ามาก ไม่มีรางวัลอะไรให้กับข้าบ้างเลยเหรอ?”ชิงสุ่ยลูบปลายจมูกของเขาขณะกล่าวถาม ”แล้วเจ้าอยากได้รางวัลแบบไหน……”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวตะกุกตะกักหลังจากไตร่ตรอง
”ถ้าหาก….ข้าจะขอรอยจูบเจ้าละ?”ชิงสุ่ยหยั่งเชิง
เนื่องจากระดับความใกล้ชิดในปัจจุบันระหว่างชิงสุ่ยและถานท่ายหลิงเยียนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ชิงสุ่ยยังจำเป็นต้องระมัดระวังเพราะกลัวว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอาจจะทำให้ความพยายามทั้งหมดของเขาสูญเปล่า
ถานท่ายหลิงเยียนแสดงความเขินอายบนใบหน้าและดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยเต็มใจ ส่วนทางชิงสุ่ย เขากำลังพ่ายแพ้ให้กับใบหน้าที่นุ่มนวล พร้อมกลิ่นหอมจางๆ
ความนุ่มนวลกระตุ้นให้ชิงสุ่ยเกิดความกระหายจนหัวใจเต้นอย่างรุนแรง
ถานท่ายหลิงเยียนค่อยๆขยับริมฝีปากประทับตราที่แก้มชิงสุ่ยหลังจากที่เธอหายใจประมาณ 2 ครั้งเธอก็ค่อยๆขยับร่างกายออกห่าง ทุกขั้นตอนที่เธอกระทำ เธอทำลงไปด้วยความกล้าหาญ
”ช่างงดงามและทรงเสน่ห์เหลือเกิน”ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่ถานท่ายหลิงเยียน
มือของถานท่ายหลิงเยียนเปลี่ยนจากโอบไหล่มาเป็นโอบเอว เธอพยายามเบนหน้าหลบเพื่อไม่เห็นใบหน้าที่เขินอาย
เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วความเขินอายยังคงอยู่พร้อมความประทับใจในอ้อมกอดเป็นเวลาประมาณกว่าครึ่งชั่วโมง และแล้วถานท่ายหลิงเยียนก็เงยหน้าขึ้นมองก่อนที่ชิงสุ่ยจะปล่อยมือ
”ไปดูน้องฉินกันเถิดนางน่าจะกลับมาแล้ว”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวแม้ใบหน้าจะมีร่องรอยแห่งความเขินอายหลงเหลืออยู่
ชิงสุ่ยพยักหน้า”ไปกันเถอะ!”
”ชิงสุ่ยเจ้าควรไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะรอรูเหม่ย แล้วค่อยตามไป” ถานท่ายหลิงเยียนไม่อยากจะเข้าไปร่วมวงขัดจังหวะเพราะห่าง ทุกขั้นตอนที่เธอกระทำ เธอทำลงไปด้วยความกล้าหาญ
”ช่างงดงามและทรงเสน่ห์เหลือเกิน”ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่ถานท่ายหลิงเยียน
มือของถานท่ายหลิงเยียนเปลี่ยนจากโอบไหล่มาเป็นโอบเอว เธอพยายามเบนหน้าหลบเพื่อไม่เห็นใบหน้าที่เขินอาย
เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วความเขินอายยังคงอยู่พร้อมความประทับใจในอ้อมกอดเป็นเวลาประมาณกว่าครึ่งชั่วโมง และแล้วถานท่ายหลิงเยียนก็เงยหน้าขึ้นมองก่อนที่ชิงสุ่ยจะปล่อยมือ
”ไปดูน้องฉินกันเถิดนางน่าจะกลับมาแล้ว”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวแม้ใบหน้าจะมีร่องรอยแห่งความเขินอายหลงเหลืออยู่
ชิงสุ่ยพยักหน้า”ไปกันเถอะ!”
”ชิงสุ่ยเจ้าควรไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะรอรูเหม่ย แล้วค่อยตามไป” ถานท่ายหลิงเยียนไม่อยากจะเข้าไปร่วมวงขัดจังหวะเพราะเธอรู้ดีว่าชิงสุ่ยเองก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับฉินชิง จึงไม่เหมาะที่เธอจะไปร่วมในตอนนี้……..
ภายในลานกว้างหน้าที่พักของฉินชิงชิงสุ่ยเผอิญโดนชนกับฉินชิงเข้าพอดี เมื่อตอนที่เขาเข้ามา ฉินชิงกำลังจะเดินออกไปหาถานท่ายหลิงเยียน และเมื่อได้เห็นหน้าชิงสุ่ย เธอถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่รอยยิ้มอันแสนมีความสุขก็ปรากฏขึ้นในไม่ช้า
”ชิงสุ่ยนี้เจ้าจริงๆหรือ”เสียงของเธอเป็นไปด้วยความตื่นเต้น
ชิงสุ่ยอ้าแขนขณะเดียวกันฉินชิงก็โผตัวเข้าสู่อ้อมแขนชิงสุ่ย หลังจากหลายปีผ่านไป ฉินชิงก็ค้นพบความรู้สึกของตัวเอง ตอนนี้ดวงตาทั้งสองกำลังจ้องมองกัน
บทที่1806 – ข้าคิดถึงเจ้าตั้ง 3 ครั้ง
ในตอนแรกชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าร่างกายของ ถานท่าย หลิงเยียนกำลังสั่นเครือเล็กน้อย แต่ไม่นานนักร่างกายของเธอก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ผิวหน้าของเธอดูเปล่งปลั่งพร้อมกับผิวหนังเนียนนุ่มปล่อยกลิ่นหอมจางๆ
”เจ้าสบายดีหรือไม่?”แม้ว่าเธอจะไม่ตอบคำถามต่อชิงสุ่ยสีหน้าก็บ่งบอกคำตอบอย่างชัดเจน
”ข้าสบายดีเจ้าดูดีมากจริงๆ”ถานท่าย หลิงเยียนตบไหล่ชิงสุ่ย
ปฏิกิริยาที่เธอมีต่อชิงสุ่ยแสดงให้เห็นว่าเธอยังคงเหมือนเดิมไม่ได้ปฏิเสธเขา และบางทีเธออาจจะพยายามยอมรับเขาอยู่
”แน่นอนว่าข้ารู้สึกดี แต่ข้าไม่รู้สึกดีเลยหลังจากที่ได้เห็นเจ้า “ชิงสุ่ยยิ้มให้กับถานท่ายหลิงเยียน ”ทำไมรึ?หรือว่าเจ้าไม่อยากเห็นหน้าข้า?”ถานท่าย หลิงเยียนเงยหน้ามองดูชิงสุ่ย
”ก็เพราะว่าข้ารู้สึกถึงความทุกข์ระทมที่อยู่ในใจของเจ้าข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุขมากขึ้น บอกข้ามาเถิดว่าอะไรที่ทำให้เจ้ามีความสุข ข้าจะได้ช่วยให้เจ้ามีความสุขเพื่อที่ข้าจะได้มีความสุขเช่นกัน”ชิงสุ่ยมองเข้าไปในดวงตาที่สดใสของเธอ
เธอตกตะลึงอีกครั้งคำพูดของชิงสุ่ยทั้งหนักแน่นและเต็มไปด้วยความจริงใจ “ทำไมเจ้าถึงบอกว่าข้ากำลังไม่มีความสุขล่ะ ข้ารู้สึกดีกว่าแต่ก่อนหลายเท่า และข้าเองก็คิดถึงเจ้าหลายๆครั้ง อืม สอง หรือบางทีก็ 3 ครั้ง”
ชิงสุ่ยดวงตาเบิกกว้าง”3 ครั้งเองหรือ?”
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าตัวเขาควรมีความสุขหรือเสียใจดีหากเฉลี่ยแล้วเวลา 2 ปีเธอแทบจะไม่ได้คิดถึงเขาเลย
”แม้จะเป็นเพียง3 ครั้ง แต่คนเดียวที่ข้าคิดถึงก็มีเพียงเจ้า”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ”โอ้เจ้าบอกว่าเจ้าคิดถึงข้า ว่าแต่ความคิดถึงของเจ้าเจ้ารู้สึกเช่นไร?”ชิงสุ่ยจ้องมองถานท่ายหลิงเยียนด้วยสายตาคาดหวัง
ถานท่ายหลิงเยียนแสดงทีท่าเขินอายใบหน้าเหมือนพระอาทิตย์ขนาบข้างแสงจันทร์
ชิงสุ่ยกล้าถามโดยไม่ได้กลัวว่าเธอจะโกรธเลยเขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหัวใจของเธอแต่ยังปิดกั้นเขาอยู่อีกไหม แต่เขาก็ไม่กลัว เพราะเชื่อว่าการกระทำของเขาจะสามารถปลดผนึกประตูที่ขวางกั้นจิตใจเธอเอาไว้ได้
”ข้าฝันถึงเจ้าเพราะข้าคิดถึงเจ้าในขณะเดียวกันข้าเองก็อยากรู้ว่าปัจจุบันเจ้าสบายดีหรือไม่”ถานท่ายหลิงเยียนกระซิบใกล้ๆหู
ชิงสุ่ยโอบกอดเธอด้วยความตื่นเต้น”ถ้าหากเจ้าอยากรู้ว่าข้าสบายดีหรือไม่ คงต้องพิสูจน์”
เขาหัวเราะคึกคักเมื่อเห็นความเขินอายบนใบหน้าถานท่ายหลิงเยียนคำพูดของเขามีวัตถุประสงค์จงใจสร้างบรรยากาศที่บิดเบือน ”ไม่ไม่……”
ชิงสุ่ยยิ้มและไม่ทำอะไรต่อเขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าเขาค่อนข้างจะสนิทกับเธอกว่าที่คิด มิฉะนั้นเธอคงไม่ยอมให้ทำอะไรแบบนี้
”เอาล่ะเจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าจะทำเช่นนี้แบบเดียวในฝัน แต่เมื่อไหร่ที่เราต้องการ โปรดบอกข้า ข้าพร้อมจะอุทิศร่างกายให้กับเจ้า”ชิงสุ่ยลูบหัวของเธอขณะกล่าวเบาๆ
แม้เธอจะยอมรับการพูดคุยในสิ่งต่างๆแต่เมื่ออยู่ในระยะใกล้คำพูดก็เต็มไปด้วยความอึดอัด
”เจ้าคนชั่ว”ถานท่ายหลิงเยียนไม่ได้ต่อต้านแต่ก็พูดอย่างเขินอาย บางทีเธออัดต้องการการยอมรับจากชิงสุ่ย หัวใจของเธอจึงไม่ได้ต่อต้านการกระทำของเขา
”พวกเราก็แยกห่างกันมานานข้าคิดถึงเจ้ามาก ไม่มีรางวัลอะไรให้กับข้าบ้างเลยเหรอ?”ชิงสุ่ยลูบปลายจมูกของเขาขณะกล่าวถาม ”แล้วเจ้าอยากได้รางวัลแบบไหน……”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวตะกุกตะกักหลังจากไตร่ตรอง
”ถ้าหาก….ข้าจะขอรอยจูบเจ้าละ?”ชิงสุ่ยหยั่งเชิง
เนื่องจากระดับความใกล้ชิดในปัจจุบันระหว่างชิงสุ่ยและถานท่ายหลิงเยียนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ชิงสุ่ยยังจำเป็นต้องระมัดระวังเพราะกลัวว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอาจจะทำให้ความพยายามทั้งหมดของเขาสูญเปล่า
ถานท่ายหลิงเยียนแสดงความเขินอายบนใบหน้าและดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยเต็มใจ ส่วนทางชิงสุ่ย เขากำลังพ่ายแพ้ให้กับใบหน้าที่นุ่มนวล พร้อมกลิ่นหอมจางๆ
ความนุ่มนวลกระตุ้นให้ชิงสุ่ยเกิดความกระหายจนหัวใจเต้นอย่างรุนแรง
ถานท่ายหลิงเยียนค่อยๆขยับริมฝีปากประทับตราที่แก้มชิงสุ่ยหลังจากที่เธอหายใจประมาณ 2 ครั้งเธอก็ค่อยๆขยับร่างกายออกห่าง ทุกขั้นตอนที่เธอกระทำ เธอทำลงไปด้วยความกล้าหาญ
”ช่างงดงามและทรงเสน่ห์เหลือเกิน”ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่ถานท่ายหลิงเยียน
มือของถานท่ายหลิงเยียนเปลี่ยนจากโอบไหล่มาเป็นโอบเอว เธอพยายามเบนหน้าหลบเพื่อไม่เห็นใบหน้าที่เขินอาย
เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วความเขินอายยังคงอยู่พร้อมความประทับใจในอ้อมกอดเป็นเวลาประมาณกว่าครึ่งชั่วโมง และแล้วถานท่ายหลิงเยียนก็เงยหน้าขึ้นมองก่อนที่ชิงสุ่ยจะปล่อยมือ
”ไปดูน้องฉินกันเถิดนางน่าจะกลับมาแล้ว”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวแม้ใบหน้าจะมีร่องรอยแห่งความเขินอายหลงเหลืออยู่
ชิงสุ่ยพยักหน้า”ไปกันเถอะ!”
”ชิงสุ่ยเจ้าควรไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะรอรูเหม่ย แล้วค่อยตามไป” ถานท่ายหลิงเยียนไม่อยากจะเข้าไปร่วมวงขัดจังหวะเพราะห่าง ทุกขั้นตอนที่เธอกระทำ เธอทำลงไปด้วยความกล้าหาญ
”ช่างงดงามและทรงเสน่ห์เหลือเกิน”ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่ถานท่ายหลิงเยียน
มือของถานท่ายหลิงเยียนเปลี่ยนจากโอบไหล่มาเป็นโอบเอว เธอพยายามเบนหน้าหลบเพื่อไม่เห็นใบหน้าที่เขินอาย
เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วความเขินอายยังคงอยู่พร้อมความประทับใจในอ้อมกอดเป็นเวลาประมาณกว่าครึ่งชั่วโมง และแล้วถานท่ายหลิงเยียนก็เงยหน้าขึ้นมองก่อนที่ชิงสุ่ยจะปล่อยมือ
”ไปดูน้องฉินกันเถิดนางน่าจะกลับมาแล้ว”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวแม้ใบหน้าจะมีร่องรอยแห่งความเขินอายหลงเหลืออยู่
ชิงสุ่ยพยักหน้า”ไปกันเถอะ!”
”ชิงสุ่ยเจ้าควรไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะรอรูเหม่ย แล้วค่อยตามไป” ถานท่ายหลิงเยียนไม่อยากจะเข้าไปร่วมวงขัดจังหวะเพราะเธอรู้ดีว่าชิงสุ่ยเองก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับฉินชิง จึงไม่เหมาะที่เธอจะไปร่วมในตอนนี้……..
ภายในลานกว้างหน้าที่พักของฉินชิงชิงสุ่ยเผอิญโดนชนกับฉินชิงเข้าพอดี เมื่อตอนที่เขาเข้ามา ฉินชิงกำลังจะเดินออกไปหาถานท่ายหลิงเยียน และเมื่อได้เห็นหน้าชิงสุ่ย เธอถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่รอยยิ้มอันแสนมีความสุขก็ปรากฏขึ้นในไม่ช้า
”ชิงสุ่ยนี้เจ้าจริงๆหรือ”เสียงของเธอเป็นไปด้วยความตื่นเต้น
ชิงสุ่ยอ้าแขนขณะเดียวกันฉินชิงก็โผตัวเข้าสู่อ้อมแขนชิงสุ่ย หลังจากหลายปีผ่านไป ฉินชิงก็ค้นพบความรู้สึกของตัวเอง ตอนนี้ดวงตาทั้งสองกำลังจ้องมองกัน