Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1840 - กระแสทิศทางสงครามผันแปร ความเร็วคือความแข็งแกร่ง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1840 - กระแสทิศทางสงครามผันแปร ความเร็วคือความแข็งแกร่ง
AST
บทที่1840 – กระแสทิศทางสงครามผันแปร ความเร็วคือความแข็งแกร่ง
ครึ้นนนนนนน!!!
น้ำและอากาศถูกแหวกก่อให้เกิดเสียงกรีดร้องดังสนั่นลูกธนูพุ่งทะยานออกไปคล้ายกับดาวตกที่ล้อมรอบไปด้วยเปลวเพลิงสีแดง ทันทีที่มันชนเข้ากับภูเขา 9 เทวา มันก็หายวับทะลวงผ่านไปโผล่ทางด้านหลังของภูเขา 9 เทวาทันที
ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดคิดของชายผู้นั้นแต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อคือมันยังคงพุ่งตรงเข้าหาชิงสุ่ยโดยไม่มีทีท่าว่าพลังจะลดลงเลย
ชิงสุ่ยตกใจเป็นอย่างมากภูเขา 9 เทวาที่มีพลังป้องกันสูงส่งกลับไม่สามารถลดหลั่นพลังโจมตีของลูกธนูได้เลยแม้แต่เล็กน้อย
ลูกธนูที่พุ่งโจมตีเข้ามามีความเร็วมากเกินไปและตัวของชิงสุ่ยก็ไม่เหลือเวลาให้โต้ตอบ แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่าพลังของลูกธนูช่างเป็นพลังที่แสนคุ้นเคย
เขายืนอยู่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนแต่เลือกที่จะเปิดเขตแดนการรับรู้แห่งพลังปราณจิต ทันใดนั้นจิตวิญญาณมังกรทองก็ปรากฏกายต่อหน้าเขา มันส่งเสียงคำราม พร้อมกับเปล่งประกายแสงสีทองออกมา
ทางด้านของเฉินเจินเธอก็ได้เคลื่อนย้ายร่างกายเพื่อเตรียมตัวสกัดกั้นการโจมตีของลูกศรอันแสนทรงพลัง แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดการกระทำของเธอพร้อมกับมองภาพอันน่าตกตะลึง แม้ว่าเธอจะไม่ตกใจ เพราะเธอรู้ว่าจะต้องมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีกซ้ำๆ
วิญญาณมังกรทองกลืนกินลูกธนูเข้าไปจนหมดสิ้น…….
ชายร่างกายกำยำผู้ซึ่งยิงลูกธนูได้แต่ยืนมองด้วยสายตาอันเหลือเชื่อตอนนี้ร่างกายของเขากำลังสั่นคลอนด้วยความหวาดกลัว ธนูที่เขาใช้หาใช่ธนูธรรมดา มันคือลูกธนูที่อัดแน่นไปด้วยแก่นแท้แห่งพลังปราณแทบจะทั้งหมดในตัวของเขา แต่ลูกธนูดอกนั้นกลับถูกกลืนกินเหมือนลูกธนูธรรมดาไม่มีพลังอะไรเลย
ในช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตายชิงสุ่ยไม่ได้หวั่นเกรงใจได้ทั้งสิ้น เนื่องจากเขายังคงมีเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์เป็นปราการป้องกันที่ 1 และเกราะทองคำวชิระที่พร้อมจะชำระล้างการโจมตีถึงปลายได้แทบทุกชนิด เขาจึงเชื่อว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องปลอดภัยในการโจมตีครั้งแรก
แต่แล้วชิงสุ่ยกลับตรวจพบจิตวิญญาณแห่งมังกรปรากฏอยู่บนลำตัวลูกศรมันคือสิ่งที่เกินการคาดคิดของเขาเป็นอย่างมาก
มันช่างคล้ายคลึงกับจิตวิญญาณมังกรเก้าหยางที่อยู่ในตัวของเขานั่นก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าวิญญาณมังกรทอง คือพลังแห่งหยาง พลังที่จิตวิญญาณมังกรเก้าหยางใช้บริโภค
ในระหว่างที่ชิงสุ่ยและเฉินเจินกำลังมองดูภาพมังกรกลืนกินธนูทั้งสองคนเป็นไปด้วยความมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะในศึกครั้งนี้ได้
ทันใดนั้น7 ผู้นำปีศาจร่างยักษ์ก็พุ่งตรงเข้าหาชิงสุ่ยโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆทั้งสิ้น
สมกับข่าวลือที่ทุกคนบอกกล่าวกันจริงๆเผ่ายักษ์น้ำถูกขนานนามว่ากลุ่มอสูรที่เล่นสกปรก พวกมันไม่สนใจคำดูถูก และมักจะใช้กำลังจำนวนมากเข้ากดดัน กลั่นแกล้งผู้อื่นเพื่อสนองความโลภและปรารถนาของตนเอง
เฉินเจินไม่อยู่นิ่งอีกต่อไปเธอเข้าร่วมสงครามโดยที่ไม่ต้องตัดสินใจใดๆทั้งสิ้นเลย
ชิงสุ่ยยิ้มให้กับเฉินเจิน
ก่อนที่มือของเขาจะโบกสะบัดขยายขอบเขตดินแดนพระราชวัง 9 เทวา
กฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา!!
เคล็ดวิชาสังหาร!!
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมก่อนจะเริ่มโคจรพลังเพื่อเปิดใช้งานทักษะปราณจักรพรรดิ ทันทีที่พวกมันเข้าใกล้ชิงสุ่ยและเฉินเจินพวกมันรับรู้ได้ถึงพลังที่หายไปอย่างฉับพลัน ความเร็วลดลงกว่าครึ่ง ราวกับกำลังเหยียบย่ำอยู่บนโคลนตม
”ฆ่ามันนน!!”
ชิงสุ่ยพุ่งเข้าใส่ชายที่โจมตีเขาก่อนหน้านี้แน่นอนว่าในขณะเดียวกันชายคนนั้นยังคงตกตะลึงที่อาวุธของเขา มันกลายเป็นเพียงอาวุธไร้ความหมาย แต่เขาก็ไม่สนใจอีกแล้วแม้ช่องว่างของระดับพลังจะต่างกัน
ชิงสุ่ยกวาดง้าวทองทะลวงศัตรูออกไปด้านหน้าในแนวทแยงข้างคลื่นพลังถาโถมเข้าใส่เจ้าอสูรร่างยักษ์คนนั้น จนทำให้มันสีหน้าเคร่งเครียดในทันที
อสูรร่างยักษ์ผู้นั้นหลบหลีกการโจมตีได้ในครั้งแรกแต่ชิงสุ่ยก็เคลื่อนไหวพริบตาภายใต้กฎแห่งพระราชวังเก้าเทวา ไปปรากฏตัวด้านล่างและใช้พลังปราณกดขี่อสูรกายร่างยักษ์ผู้นั้นให้ถูกตรึงอยู่กับอากาศ หมดสิทธิ์ที่จะหลบหนีอีกต่อไป เมื่อเหตุการดำเนินมาถึงจุดนี้ชายผู้นั้นทำได้เพียงแค่แสดงสีหน้าซีดเผือด ร่างกายและจิตใจตกสู่ความอ่อนแอและสิ้นหวัง
ชิงสุ่ยเปรียบดังตัวแปรสำคัญในสงครามเขาทำให้ความเร็วของศัตรูลดลงเกือบครึ่ง นั้นไม่ต่างจากการทำให้กระบวนท่าศัตรูเคลื่อนไหวช้าลงไปเกือบ 1 กระบวนท่า
ความเร็วเปรียบดั่งพลังต่อให้มีพลังมากแต่ไม่สามารถโจมตีศัตรูให้โดนตัวได้ มันก็ไม่มีประโยชน์
ยอดยุทธที่แข็งแกร่งหลายคนบนโลกใบนี้ส่วนใหญ่จะมีความเร็วที่โดดเด่น สามารถปลิดชีพศัตรูได้ภายในชั่วพริบตา
เมื่อการเคลื่อนไหวของศัตรูช้าลงความแข็งแกร่งที่แท้จริงก็ลดลงไปประมาณเกือบ 20 ส่วน ซึ่งมากพอจะทำให้ศัตรูถดถอยห่างชั้นกับกลุ่มของชิงสุ่ยทันที
สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปยอดยุทธที่เคยอ่อนแอซึ่งยืนอยู่ด้านหลังชิงสุ่ย ตอนนี้เป็นดั่งช้าง ส่วนกลุ่มผู้นำอสูรทั้ง 7 ก็เป็นเพียงแค่มดที่ทำได้เพียงแค่กัดเท้าช้าง
เฉินเจินไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกเช่นไรหัวใจที่ไม่เคยคาดหวังตอนนี้เหมือนเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ในตอนแรกเธอตั้งใจจะให้ชิงสุ่ยช่วยเบี่ยงเบนความสนใจศัตรู เพื่อสร้างเวลาให้คนบางส่วนของเธอหลบหนีออกจากภัยสงคราม มิฉะนั้นคนทั้งหมดของภูเขาศักดิ์สิทธิ์คงจะกลายเป็นอาหารของอสูรยักษา
แต่สิ่งที่เขาทำกลับกลายเป็นการเพิ่มพลังให้กับพรรคพวกของเธอกว่า2 เท่า และสลายพลังสตูไปกว่าครึ่ง สิ่งที่เขาทำมันคือการเปลี่ยนแปลงกระแสทิศทางสงครามไปอย่างสิ้นเชิง
บทที่1840 – กระแสทิศทางสงครามผันแปร ความเร็วคือความแข็งแกร่ง
ครึ้นนนนนนน!!!
น้ำและอากาศถูกแหวกก่อให้เกิดเสียงกรีดร้องดังสนั่นลูกธนูพุ่งทะยานออกไปคล้ายกับดาวตกที่ล้อมรอบไปด้วยเปลวเพลิงสีแดง ทันทีที่มันชนเข้ากับภูเขา 9 เทวา มันก็หายวับทะลวงผ่านไปโผล่ทางด้านหลังของภูเขา 9 เทวาทันที
ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดคิดของชายผู้นั้นแต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อคือมันยังคงพุ่งตรงเข้าหาชิงสุ่ยโดยไม่มีทีท่าว่าพลังจะลดลงเลย
ชิงสุ่ยตกใจเป็นอย่างมากภูเขา 9 เทวาที่มีพลังป้องกันสูงส่งกลับไม่สามารถลดหลั่นพลังโจมตีของลูกธนูได้เลยแม้แต่เล็กน้อย
ลูกธนูที่พุ่งโจมตีเข้ามามีความเร็วมากเกินไปและตัวของชิงสุ่ยก็ไม่เหลือเวลาให้โต้ตอบ แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่าพลังของลูกธนูช่างเป็นพลังที่แสนคุ้นเคย
เขายืนอยู่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนแต่เลือกที่จะเปิดเขตแดนการรับรู้แห่งพลังปราณจิต ทันใดนั้นจิตวิญญาณมังกรทองก็ปรากฏกายต่อหน้าเขา มันส่งเสียงคำราม พร้อมกับเปล่งประกายแสงสีทองออกมา
ทางด้านของเฉินเจินเธอก็ได้เคลื่อนย้ายร่างกายเพื่อเตรียมตัวสกัดกั้นการโจมตีของลูกศรอันแสนทรงพลัง แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดการกระทำของเธอพร้อมกับมองภาพอันน่าตกตะลึง แม้ว่าเธอจะไม่ตกใจ เพราะเธอรู้ว่าจะต้องมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีกซ้ำๆ
วิญญาณมังกรทองกลืนกินลูกธนูเข้าไปจนหมดสิ้น…….
ชายร่างกายกำยำผู้ซึ่งยิงลูกธนูได้แต่ยืนมองด้วยสายตาอันเหลือเชื่อตอนนี้ร่างกายของเขากำลังสั่นคลอนด้วยความหวาดกลัว ธนูที่เขาใช้หาใช่ธนูธรรมดา มันคือลูกธนูที่อัดแน่นไปด้วยแก่นแท้แห่งพลังปราณแทบจะทั้งหมดในตัวของเขา แต่ลูกธนูดอกนั้นกลับถูกกลืนกินเหมือนลูกธนูธรรมดาไม่มีพลังอะไรเลย
ในช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตายชิงสุ่ยไม่ได้หวั่นเกรงใจได้ทั้งสิ้น เนื่องจากเขายังคงมีเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์เป็นปราการป้องกันที่ 1 และเกราะทองคำวชิระที่พร้อมจะชำระล้างการโจมตีถึงปลายได้แทบทุกชนิด เขาจึงเชื่อว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องปลอดภัยในการโจมตีครั้งแรก
แต่แล้วชิงสุ่ยกลับตรวจพบจิตวิญญาณแห่งมังกรปรากฏอยู่บนลำตัวลูกศรมันคือสิ่งที่เกินการคาดคิดของเขาเป็นอย่างมาก
มันช่างคล้ายคลึงกับจิตวิญญาณมังกรเก้าหยางที่อยู่ในตัวของเขานั่นก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าวิญญาณมังกรทอง คือพลังแห่งหยาง พลังที่จิตวิญญาณมังกรเก้าหยางใช้บริโภค
ในระหว่างที่ชิงสุ่ยและเฉินเจินกำลังมองดูภาพมังกรกลืนกินธนูทั้งสองคนเป็นไปด้วยความมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะในศึกครั้งนี้ได้
ทันใดนั้น7 ผู้นำปีศาจร่างยักษ์ก็พุ่งตรงเข้าหาชิงสุ่ยโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆทั้งสิ้น
สมกับข่าวลือที่ทุกคนบอกกล่าวกันจริงๆเผ่ายักษ์น้ำถูกขนานนามว่ากลุ่มอสูรที่เล่นสกปรก พวกมันไม่สนใจคำดูถูก และมักจะใช้กำลังจำนวนมากเข้ากดดัน กลั่นแกล้งผู้อื่นเพื่อสนองความโลภและปรารถนาของตนเอง
เฉินเจินไม่อยู่นิ่งอีกต่อไปเธอเข้าร่วมสงครามโดยที่ไม่ต้องตัดสินใจใดๆทั้งสิ้นเลย
ชิงสุ่ยยิ้มให้กับเฉินเจิน
ก่อนที่มือของเขาจะโบกสะบัดขยายขอบเขตดินแดนพระราชวัง 9 เทวา
กฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา!!
เคล็ดวิชาสังหาร!!
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมก่อนจะเริ่มโคจรพลังเพื่อเปิดใช้งานทักษะปราณจักรพรรดิ ทันทีที่พวกมันเข้าใกล้ชิงสุ่ยและเฉินเจินพวกมันรับรู้ได้ถึงพลังที่หายไปอย่างฉับพลัน ความเร็วลดลงกว่าครึ่ง ราวกับกำลังเหยียบย่ำอยู่บนโคลนตม
”ฆ่ามันนน!!”
ชิงสุ่ยพุ่งเข้าใส่ชายที่โจมตีเขาก่อนหน้านี้แน่นอนว่าในขณะเดียวกันชายคนนั้นยังคงตกตะลึงที่อาวุธของเขา มันกลายเป็นเพียงอาวุธไร้ความหมาย แต่เขาก็ไม่สนใจอีกแล้วแม้ช่องว่างของระดับพลังจะต่างกัน
ชิงสุ่ยกวาดง้าวทองทะลวงศัตรูออกไปด้านหน้าในแนวทแยงข้างคลื่นพลังถาโถมเข้าใส่เจ้าอสูรร่างยักษ์คนนั้น จนทำให้มันสีหน้าเคร่งเครียดในทันที
อสูรร่างยักษ์ผู้นั้นหลบหลีกการโจมตีได้ในครั้งแรกแต่ชิงสุ่ยก็เคลื่อนไหวพริบตาภายใต้กฎแห่งพระราชวังเก้าเทวา ไปปรากฏตัวด้านล่างและใช้พลังปราณกดขี่อสูรกายร่างยักษ์ผู้นั้นให้ถูกตรึงอยู่กับอากาศ หมดสิทธิ์ที่จะหลบหนีอีกต่อไป เมื่อเหตุการดำเนินมาถึงจุดนี้ชายผู้นั้นทำได้เพียงแค่แสดงสีหน้าซีดเผือด ร่างกายและจิตใจตกสู่ความอ่อนแอและสิ้นหวัง
ชิงสุ่ยเปรียบดังตัวแปรสำคัญในสงครามเขาทำให้ความเร็วของศัตรูลดลงเกือบครึ่ง นั้นไม่ต่างจากการทำให้กระบวนท่าศัตรูเคลื่อนไหวช้าลงไปเกือบ 1 กระบวนท่า
ความเร็วเปรียบดั่งพลังต่อให้มีพลังมากแต่ไม่สามารถโจมตีศัตรูให้โดนตัวได้ มันก็ไม่มีประโยชน์
ยอดยุทธที่แข็งแกร่งหลายคนบนโลกใบนี้ส่วนใหญ่จะมีความเร็วที่โดดเด่น สามารถปลิดชีพศัตรูได้ภายในชั่วพริบตา
เมื่อการเคลื่อนไหวของศัตรูช้าลงความแข็งแกร่งที่แท้จริงก็ลดลงไปประมาณเกือบ 20 ส่วน ซึ่งมากพอจะทำให้ศัตรูถดถอยห่างชั้นกับกลุ่มของชิงสุ่ยทันที
สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปยอดยุทธที่เคยอ่อนแอซึ่งยืนอยู่ด้านหลังชิงสุ่ย ตอนนี้เป็นดั่งช้าง ส่วนกลุ่มผู้นำอสูรทั้ง 7 ก็เป็นเพียงแค่มดที่ทำได้เพียงแค่กัดเท้าช้าง
เฉินเจินไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกเช่นไรหัวใจที่ไม่เคยคาดหวังตอนนี้เหมือนเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ในตอนแรกเธอตั้งใจจะให้ชิงสุ่ยช่วยเบี่ยงเบนความสนใจศัตรู เพื่อสร้างเวลาให้คนบางส่วนของเธอหลบหนีออกจากภัยสงคราม มิฉะนั้นคนทั้งหมดของภูเขาศักดิ์สิทธิ์คงจะกลายเป็นอาหารของอสูรยักษา
แต่สิ่งที่เขาทำกลับกลายเป็นการเพิ่มพลังให้กับพรรคพวกของเธอกว่า2 เท่า และสลายพลังสตูไปกว่าครึ่ง สิ่งที่เขาทำมันคือการเปลี่ยนแปลงกระแสทิศทางสงครามไปอย่างสิ้นเชิง