Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1851 - เจ้าอยากจะแต่งงานกับข้าจริงๆรึ?
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1851 - เจ้าอยากจะแต่งงานกับข้าจริงๆรึ?
AST
บทที่1851 – เจ้าอยากจะแต่งงานกับข้าจริงๆรึ?
”เจ้ารู้สึกสบายหรือไม่?”ชิงสุ่ยหัวเราะเบาๆ
จักรพรรดินีผีดูดเลือดพยายามฝืนสีหน้าเธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ชอบล้อเล่น แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังเขินอาย
”ไอ้คนเจ้าเล่ห์”จักรพรรดินีผีดูดเลือดค่อยๆส่งต่อลูกน้อยในมือสู่อ้อมอกชิงสุ่ยก่อนจะเดินออกจากห้องแห่งนี้ไป
ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอกำลังจะไปอาบน้ำโดยปกติแล้วหญิงสาวที่พึ่งให้กำเนิดบุตรมักจะใช้เวลาทั้งหมดในการดูแลลูกน้อยจึงไม่มีเวลาออกไปอาบน้ำหรือทำอะไรเลย คนโบราณบนโลกใบนี้กล่าวไว้ว่าร่างกายของผู้ที่พึ่งให้กำเนิดบุตรไม่ควรสัมผัสความเย็น เพราะว่าร่างกายคนเหล่านี้จะคงอยู่ซึ่งสถานะอ่อนแอไปชั่วคราวหากสัมผัสความเย็นมีโอกาสที่จะป่วยได้ง่าย
แต่สำหรับจักรพรรดินีผีดูดเลือดแม้เธอจะรู้สึกอ่อนแอแต่เธอก็ยังคงทรงพลัง ไข้หวัดธรรมดาไม่มีทางย่างกรายเข้าสู่ร่างกายของเธอได้เลย
ชิงสุ่ยค่อยๆอบอุ่นสาวน้อยที่พึ่งอิ่มนมจากเต้าของจักรพรรดินีผีดูดเลือดเขาค่อยๆบรรจงจุมพิตกลางหน้าผากเจ้าหนูน้อย มันคือความรักความเอาใจใส่ที่เขาถ่ายทอดออกไปโดยตรง เขารู้สึกถึงความพิเศษในตัวของเด็กน้อยและรู้สึกถึงความสุขฝังลึกเข้าสู่กระดูก
ในขณะที่จักรพรรดินีผีดูดเลือดกลับมาในครั้งนี้เธอใส่ชุดคลุมยาวสีฟ้า ยิ่งทำให้เธอดูงดงามและสง่างามพร้อมกับปล่อยกลิ่นอายที่ดึงดูดยิ่งกว่าปกติ ตัวของชิงสุ่ยถึงกับตกอยู่ในภวังค์ชั่วคราวขณะจ้องมองเธอ
เจ้าหนูน้อยในอ้อมกอดชิงสุ่ยตอนนี้ได้หลับไปแล้วแต่เขาก็ยังคงกอดเธอเอาไว้ด้วยความรัก จักรพรรดินีผีดูดเลือดก็ยังคงนิ่งเงียบ ขณะที่เธอเดินเข้าใกล้เขา จากนั้นเธอก็ให้ค่อยอุ้มเจ้าหนูน้อยจากอ้อมอกชิงสุ่ยมาวางลงบนเตียง
และทั้งสองคนก็ค่อยๆเดินออกไปข้างนอกอย่างช้าเพื่อตรงห้องนั่งเล่น
”เจ้าวางแผนจะพักอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่?”จักรพรรดินีผีดุเลือดเอ่ยปากกล่าวถาม
แม้เธอจะรู้ว่าคำถามของเธอดูไม่ถูกต้องแต่มันก็ถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องถามเขา
”เจ้าวางแผนจะขับไล่ข้าออกไปอีกแล้วหรือ?”ชิงสุ่ยหัวเราะ
จักรพรรดินีผีดูดเลือดยิ้ม”ถ้าหากข้าขอให้เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดไป เจ้าจะฟังคำขอของข้าอย่างนั้นหรือ?”
ชิงสุ่ยเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจ”ชายแท้ย่อมยินดีที่จะมีสาวงามข้างกาย แต่ความหลับไหลจะนำไปสู่ความสูญเสียพลัง มันจะเป็นเส้นทางนำพาวีรบุรุษสู่หลุมฝังศพ”
จักรพรรดินีผีดูดเลือดแสดงให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย ”ว่าแต่ตอนนี้เจ้าหนูน้อยแสนน่ารักของเราก็เกิดมาแล้ว เมื่อไหร่ที่เจ้าจะแต่งงานกับข้าละ?”ชิงสุ่ยลูบจมูกขณะกล่าวถาม
จักรพรรดินีผีดูดเลือดได้แต่อ้ำอึ้งใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นก่อนจะกล่าวถามกลับไปว่า “เจ้าอยากจะแต่งงานกับข้าจริงๆรึ?”
”แน่นอนอยู่แล้วยังไงซะเราก็มีลูกด้วยกัน การแต่งงานก็เป็นสิ่งที่เราควรทำไม่ใช่รึ”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยคำพูดที่ฟังดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
”ชิชะข้าไม่สนใจเจ้าหรอก และข้าก็ไม่คิดแต่งงานกับเจ้าด้วย”จักรพรรดินีผีดูดเลือดส่ายหน้าไปมา
”หรือว่าเจ้าจะมีคนอยู่ในใจของเจ้าแล้ว?”ชิงสุ่ยกล่าวถามด้วยความสับสน
”เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน?ข้าจะดูดเลือดเจ้าไปทำไมถ้าข้ามีคนที่สนใจอยู่แล้ว”จักรพรรดินีผีดูดเลือดโต้เถียงกลับ ”โอ้นั่นก็หมายความว่าข้าจะต้องเป็นคนที่เจ้ารัก แล้วทำไมเจ้าถึงไม่คิดแต่งงานกับข้าล่ะ?”ชิงสุ่ยพยายามพูดจาหว่านล้อม
”พวกเราไม่เห็นต้องจัดพิธีรีตองใดๆเลยหรือว่าเจ้าจะไม่เชื่อใจหากไม่ได้ทำพิธีที่เจ้าต้องการ?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดจ้องมองชิงสุ่ยด้วยดวงตาที่แสนงดงาม
ชิงสุ่ยสัมผัสได้ถึงความงามจากดวงตาก่อนจะยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง”ข้า ข้าแค่กลัวว่าหากไม่มีพิธีมันจะทำให้เจ้ารู้สึกผิด”
”ตราบใดที่ใครคนหนึ่งรักใครอีกคนนึงคนคนนั้นย่อมเต็มใจทำทุกอย่างแม้จะต้องผ่านพ้นความยากลําบากหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม พิธีการก็เป็นเพียงแค่ทางผ่าน เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ชิงสุ่ยตกตะลึงอีกครั้ง”ไม่คิดเลยว่าสาวน้อยอย่างเจ้า จะพูดอะไรที่เป็นสาระแบบนี้ได้”
”อย่ามาเรียกข้าว่าสาวน้อยอีก”จักรพรรดินีผีดูดเลือดจ้องเขม่งไปที่ชิงสุ่ย ”ถ้าไม่ให้ข้าเรียกเจ้าแบบนี้ให้ข้าเรียกว่าอะไรดีล่ะ? ที่รักของข้าดีไหม?”ชิงสุ่ยสนุกสนานกับการล้อเล่นแบบสุดๆ หลายวันที่ผ่านมาทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลาดีๆมาด้วยกัน สิ่งมีชีวิตประเภทมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีแต่ความแปลกใหม่ เนื่องจากปัจจัยหลายประการทำให้คนแปลกหน้าทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นคนที่มีชีวิตใกล้เคียงกันมากที่สุด
เธอหมดความคิดที่จะจัดการกับคำพูดของชิงสุ่ยแต่เธอก็มีความสุขที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ มันไม่ได้น่าเบื่อเลย
”เอาละเจ้าจะเรียกข้าว่าอะไรก็ตามแต่ใจต้องการเลยละกัน”
”ว่าแต่เจ้าจะวางแผนอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่”ชิงสุ่ยกล่าวถามเพราะเขาเองก็สงสัยว่าคนที่แข็งแกร่งระดับเธอจะยอมทนอยู่ในที่เดิมจนกระทั่งลาจากโลกนี้ไปจริงๆหรือ
”ข้าไม่มีวันทิ้งคนของข้าและลูกน้อยของข้าก็ยังคงเยาว์วัยยิ่งนัก ข้ามีความสุขที่ได้เลี้ยงดูลูกน้อย อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็ไม่รู้สึกเหงา”จักรพรรดินีผีดูดเลือดกล่าวด้วยความสุขมากกว่าปกติเมื่อพูดถึงลูกน้อยของเธอ
ในตอนแรกชิงสุ่ยวางแผนจะพาเธอไปเยี่ยมชมชีวิตมนุษย์แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาคงไม่อาจเปลี่ยนความคิดของเธอได้ เพราะเธอมีชะตากรรมและสิ่งที่ต้องต่อสู้ของตนเอง
”ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าไม่ทำให้คนของเจ้าแข็งแกร่งล่ะ? ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะได้กลายเป็นราชินีที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าผีดูดเลือด”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว
”ข้าไม่เคยคิดทะเยอทะยานไกลขนาดนั้นเนื่องด้วยผู้คนเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดนั้นมีมากมาย ฉะนั้นคนที่แข็งแกร่งกว่าและพร้อมกว่าข้าย่อมมีอยู่เสมอ ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของข้าคือการที่คนของข้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”จักรพรรดินีผีดูดเลือดส่ายหน้า
”แต่ว่าเจ้าหนูน้อยของเราเกิดมาพร้อมกับพลังที่แข็งแกร่ง อนาคตเธอจะต้องเติบโตและอยู่เหนือเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดทั้งปวง”ชิงสุ่ยคิดวิเคราะห์ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกไป
”ดูเหมือนว่าเจ้าก็จะรับรู้ถึงสถานะตัวตนของเธอด้วยเช่นกันสินะ”จักรพรรดินีผีดูดเลือดพูดจาโดยไม่ได้มีท่าทีแปลกใจนัก
”ข้าเองก็เป็นผู้สืบทอดมรดกแห่งเทพสงครามข้าย่อมรู้ดีว่าลูกสาวของข้าสืบทอดพลังปีศาจศักดิ์สิทธิ์”ชิงสุ่ยมองดูจักรพรรดินีผีดูดเลือดด้วยสีหน้าแปลกๆ
”ผู้สืบทอดมรดกแห่งเทพสงคราม?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดแสดงท่าทีแปลกใจ
”ไม่ใช่แค่นั้นข้าคือเทพสงครามทองคำผู้อยู่เหนือเทพสงครามทั้งปวง”
เทพสงครามทองคำเปรียบดั่งกษัตริย์ของเหล่าเทพสงครามเขาคือตัวแทนผู้นำที่นำเหล่าเทพสงครามเข้าห้ำหั่นกับศัตรูคู่อาฆาต
จักรพรรดินีผีดูดเลือดแสดงความแปลกใจเพราะว่าเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดคือศัตรูกับเผ่าเทพสงคราม ย้อนกลับไปในสมัยโบราณกาล มีหลายครั้งที่ทั้งสองฝ่ายได้เผชิญหน้าเข้าหากันจึงรู้ว่าฝ่ายใดยืนอยู่จุดใด ผลสุดท้ายเผ่าพันธ์ุผีดูดเลือดจึงถูกมองว่าเป็นเผ่าปีศาจชั่วร้าย
”โชคชะตาของเจ้าชี้นำเจ้าสู้หนทางในการสังหารข้าใช่หรือไม่?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดกล่าวถามกลับไปทันที
ชิงสุ่ยรู้ดีถึงชะตากรรมของเทพสงครามพวกเขาเดินอยู่บนเส้นทางกำจัดอสูรและปีศาจ ดวงจิตของมนุษย์โลกนี้จึงถูกชักนำและยากที่จะต่อต้าน
แต่สำหรับชิงสุ่ยดวงจิตของเขาคือดวงจิตที่มาจากโลกภายนอก เพียงแต่กำเนิดในร่างใหม่อยู่ในโลกใบนี้ เขาจึงไม่สนใจกฏของโลกใบนี้ และไม่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง และได้เผชิญหน้ากับหลายๆคนที่ไม่สนใจเรื่องบุญคุณโทษ การใช้ชีวิตที่มีแต่สงครามพลันจะนำไปสู่ความเจ็บปวด หนทางที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตคงเป็นหนทางที่แสวงหาความรักและความสันติ
”ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรข้าขอยืนยันได้เลยว่าเรื่องที่เจ้าคิดจะไม่มีวันเกิดขึ้น ข้าไม่สนใจกฏ แม้ว่ามันจะบีบบังคับข้าให้ทำร้ายตัวเอง ข้าก็จะไม่มีวันทำร้ายเจ้า”ชิงสุ่ยจับมือจักรพรรดินีผีดูดเลือดและกล่าวด้วยความจริงใจ
บทที่1851 – เจ้าอยากจะแต่งงานกับข้าจริงๆรึ?
”เจ้ารู้สึกสบายหรือไม่?”ชิงสุ่ยหัวเราะเบาๆ
จักรพรรดินีผีดูดเลือดพยายามฝืนสีหน้าเธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ชอบล้อเล่น แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังเขินอาย
”ไอ้คนเจ้าเล่ห์”จักรพรรดินีผีดูดเลือดค่อยๆส่งต่อลูกน้อยในมือสู่อ้อมอกชิงสุ่ยก่อนจะเดินออกจากห้องแห่งนี้ไป
ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอกำลังจะไปอาบน้ำโดยปกติแล้วหญิงสาวที่พึ่งให้กำเนิดบุตรมักจะใช้เวลาทั้งหมดในการดูแลลูกน้อยจึงไม่มีเวลาออกไปอาบน้ำหรือทำอะไรเลย คนโบราณบนโลกใบนี้กล่าวไว้ว่าร่างกายของผู้ที่พึ่งให้กำเนิดบุตรไม่ควรสัมผัสความเย็น เพราะว่าร่างกายคนเหล่านี้จะคงอยู่ซึ่งสถานะอ่อนแอไปชั่วคราวหากสัมผัสความเย็นมีโอกาสที่จะป่วยได้ง่าย
แต่สำหรับจักรพรรดินีผีดูดเลือดแม้เธอจะรู้สึกอ่อนแอแต่เธอก็ยังคงทรงพลัง ไข้หวัดธรรมดาไม่มีทางย่างกรายเข้าสู่ร่างกายของเธอได้เลย
ชิงสุ่ยค่อยๆอบอุ่นสาวน้อยที่พึ่งอิ่มนมจากเต้าของจักรพรรดินีผีดูดเลือดเขาค่อยๆบรรจงจุมพิตกลางหน้าผากเจ้าหนูน้อย มันคือความรักความเอาใจใส่ที่เขาถ่ายทอดออกไปโดยตรง เขารู้สึกถึงความพิเศษในตัวของเด็กน้อยและรู้สึกถึงความสุขฝังลึกเข้าสู่กระดูก
ในขณะที่จักรพรรดินีผีดูดเลือดกลับมาในครั้งนี้เธอใส่ชุดคลุมยาวสีฟ้า ยิ่งทำให้เธอดูงดงามและสง่างามพร้อมกับปล่อยกลิ่นอายที่ดึงดูดยิ่งกว่าปกติ ตัวของชิงสุ่ยถึงกับตกอยู่ในภวังค์ชั่วคราวขณะจ้องมองเธอ
เจ้าหนูน้อยในอ้อมกอดชิงสุ่ยตอนนี้ได้หลับไปแล้วแต่เขาก็ยังคงกอดเธอเอาไว้ด้วยความรัก จักรพรรดินีผีดูดเลือดก็ยังคงนิ่งเงียบ ขณะที่เธอเดินเข้าใกล้เขา จากนั้นเธอก็ให้ค่อยอุ้มเจ้าหนูน้อยจากอ้อมอกชิงสุ่ยมาวางลงบนเตียง
และทั้งสองคนก็ค่อยๆเดินออกไปข้างนอกอย่างช้าเพื่อตรงห้องนั่งเล่น
”เจ้าวางแผนจะพักอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่?”จักรพรรดินีผีดุเลือดเอ่ยปากกล่าวถาม
แม้เธอจะรู้ว่าคำถามของเธอดูไม่ถูกต้องแต่มันก็ถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องถามเขา
”เจ้าวางแผนจะขับไล่ข้าออกไปอีกแล้วหรือ?”ชิงสุ่ยหัวเราะ
จักรพรรดินีผีดูดเลือดยิ้ม”ถ้าหากข้าขอให้เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดไป เจ้าจะฟังคำขอของข้าอย่างนั้นหรือ?”
ชิงสุ่ยเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจ”ชายแท้ย่อมยินดีที่จะมีสาวงามข้างกาย แต่ความหลับไหลจะนำไปสู่ความสูญเสียพลัง มันจะเป็นเส้นทางนำพาวีรบุรุษสู่หลุมฝังศพ”
จักรพรรดินีผีดูดเลือดแสดงให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย ”ว่าแต่ตอนนี้เจ้าหนูน้อยแสนน่ารักของเราก็เกิดมาแล้ว เมื่อไหร่ที่เจ้าจะแต่งงานกับข้าละ?”ชิงสุ่ยลูบจมูกขณะกล่าวถาม
จักรพรรดินีผีดูดเลือดได้แต่อ้ำอึ้งใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นก่อนจะกล่าวถามกลับไปว่า “เจ้าอยากจะแต่งงานกับข้าจริงๆรึ?”
”แน่นอนอยู่แล้วยังไงซะเราก็มีลูกด้วยกัน การแต่งงานก็เป็นสิ่งที่เราควรทำไม่ใช่รึ”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยคำพูดที่ฟังดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
”ชิชะข้าไม่สนใจเจ้าหรอก และข้าก็ไม่คิดแต่งงานกับเจ้าด้วย”จักรพรรดินีผีดูดเลือดส่ายหน้าไปมา
”หรือว่าเจ้าจะมีคนอยู่ในใจของเจ้าแล้ว?”ชิงสุ่ยกล่าวถามด้วยความสับสน
”เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน?ข้าจะดูดเลือดเจ้าไปทำไมถ้าข้ามีคนที่สนใจอยู่แล้ว”จักรพรรดินีผีดูดเลือดโต้เถียงกลับ ”โอ้นั่นก็หมายความว่าข้าจะต้องเป็นคนที่เจ้ารัก แล้วทำไมเจ้าถึงไม่คิดแต่งงานกับข้าล่ะ?”ชิงสุ่ยพยายามพูดจาหว่านล้อม
”พวกเราไม่เห็นต้องจัดพิธีรีตองใดๆเลยหรือว่าเจ้าจะไม่เชื่อใจหากไม่ได้ทำพิธีที่เจ้าต้องการ?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดจ้องมองชิงสุ่ยด้วยดวงตาที่แสนงดงาม
ชิงสุ่ยสัมผัสได้ถึงความงามจากดวงตาก่อนจะยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง”ข้า ข้าแค่กลัวว่าหากไม่มีพิธีมันจะทำให้เจ้ารู้สึกผิด”
”ตราบใดที่ใครคนหนึ่งรักใครอีกคนนึงคนคนนั้นย่อมเต็มใจทำทุกอย่างแม้จะต้องผ่านพ้นความยากลําบากหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม พิธีการก็เป็นเพียงแค่ทางผ่าน เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ชิงสุ่ยตกตะลึงอีกครั้ง”ไม่คิดเลยว่าสาวน้อยอย่างเจ้า จะพูดอะไรที่เป็นสาระแบบนี้ได้”
”อย่ามาเรียกข้าว่าสาวน้อยอีก”จักรพรรดินีผีดูดเลือดจ้องเขม่งไปที่ชิงสุ่ย ”ถ้าไม่ให้ข้าเรียกเจ้าแบบนี้ให้ข้าเรียกว่าอะไรดีล่ะ? ที่รักของข้าดีไหม?”ชิงสุ่ยสนุกสนานกับการล้อเล่นแบบสุดๆ หลายวันที่ผ่านมาทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลาดีๆมาด้วยกัน สิ่งมีชีวิตประเภทมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีแต่ความแปลกใหม่ เนื่องจากปัจจัยหลายประการทำให้คนแปลกหน้าทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นคนที่มีชีวิตใกล้เคียงกันมากที่สุด
เธอหมดความคิดที่จะจัดการกับคำพูดของชิงสุ่ยแต่เธอก็มีความสุขที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ มันไม่ได้น่าเบื่อเลย
”เอาละเจ้าจะเรียกข้าว่าอะไรก็ตามแต่ใจต้องการเลยละกัน”
”ว่าแต่เจ้าจะวางแผนอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่”ชิงสุ่ยกล่าวถามเพราะเขาเองก็สงสัยว่าคนที่แข็งแกร่งระดับเธอจะยอมทนอยู่ในที่เดิมจนกระทั่งลาจากโลกนี้ไปจริงๆหรือ
”ข้าไม่มีวันทิ้งคนของข้าและลูกน้อยของข้าก็ยังคงเยาว์วัยยิ่งนัก ข้ามีความสุขที่ได้เลี้ยงดูลูกน้อย อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็ไม่รู้สึกเหงา”จักรพรรดินีผีดูดเลือดกล่าวด้วยความสุขมากกว่าปกติเมื่อพูดถึงลูกน้อยของเธอ
ในตอนแรกชิงสุ่ยวางแผนจะพาเธอไปเยี่ยมชมชีวิตมนุษย์แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาคงไม่อาจเปลี่ยนความคิดของเธอได้ เพราะเธอมีชะตากรรมและสิ่งที่ต้องต่อสู้ของตนเอง
”ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าไม่ทำให้คนของเจ้าแข็งแกร่งล่ะ? ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะได้กลายเป็นราชินีที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าผีดูดเลือด”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว
”ข้าไม่เคยคิดทะเยอทะยานไกลขนาดนั้นเนื่องด้วยผู้คนเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดนั้นมีมากมาย ฉะนั้นคนที่แข็งแกร่งกว่าและพร้อมกว่าข้าย่อมมีอยู่เสมอ ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของข้าคือการที่คนของข้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”จักรพรรดินีผีดูดเลือดส่ายหน้า
”แต่ว่าเจ้าหนูน้อยของเราเกิดมาพร้อมกับพลังที่แข็งแกร่ง อนาคตเธอจะต้องเติบโตและอยู่เหนือเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดทั้งปวง”ชิงสุ่ยคิดวิเคราะห์ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกไป
”ดูเหมือนว่าเจ้าก็จะรับรู้ถึงสถานะตัวตนของเธอด้วยเช่นกันสินะ”จักรพรรดินีผีดูดเลือดพูดจาโดยไม่ได้มีท่าทีแปลกใจนัก
”ข้าเองก็เป็นผู้สืบทอดมรดกแห่งเทพสงครามข้าย่อมรู้ดีว่าลูกสาวของข้าสืบทอดพลังปีศาจศักดิ์สิทธิ์”ชิงสุ่ยมองดูจักรพรรดินีผีดูดเลือดด้วยสีหน้าแปลกๆ
”ผู้สืบทอดมรดกแห่งเทพสงคราม?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดแสดงท่าทีแปลกใจ
”ไม่ใช่แค่นั้นข้าคือเทพสงครามทองคำผู้อยู่เหนือเทพสงครามทั้งปวง”
เทพสงครามทองคำเปรียบดั่งกษัตริย์ของเหล่าเทพสงครามเขาคือตัวแทนผู้นำที่นำเหล่าเทพสงครามเข้าห้ำหั่นกับศัตรูคู่อาฆาต
จักรพรรดินีผีดูดเลือดแสดงความแปลกใจเพราะว่าเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดคือศัตรูกับเผ่าเทพสงคราม ย้อนกลับไปในสมัยโบราณกาล มีหลายครั้งที่ทั้งสองฝ่ายได้เผชิญหน้าเข้าหากันจึงรู้ว่าฝ่ายใดยืนอยู่จุดใด ผลสุดท้ายเผ่าพันธ์ุผีดูดเลือดจึงถูกมองว่าเป็นเผ่าปีศาจชั่วร้าย
”โชคชะตาของเจ้าชี้นำเจ้าสู้หนทางในการสังหารข้าใช่หรือไม่?”จักรพรรดินีผีดูดเลือดกล่าวถามกลับไปทันที
ชิงสุ่ยรู้ดีถึงชะตากรรมของเทพสงครามพวกเขาเดินอยู่บนเส้นทางกำจัดอสูรและปีศาจ ดวงจิตของมนุษย์โลกนี้จึงถูกชักนำและยากที่จะต่อต้าน
แต่สำหรับชิงสุ่ยดวงจิตของเขาคือดวงจิตที่มาจากโลกภายนอก เพียงแต่กำเนิดในร่างใหม่อยู่ในโลกใบนี้ เขาจึงไม่สนใจกฏของโลกใบนี้ และไม่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง และได้เผชิญหน้ากับหลายๆคนที่ไม่สนใจเรื่องบุญคุณโทษ การใช้ชีวิตที่มีแต่สงครามพลันจะนำไปสู่ความเจ็บปวด หนทางที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตคงเป็นหนทางที่แสวงหาความรักและความสันติ
”ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรข้าขอยืนยันได้เลยว่าเรื่องที่เจ้าคิดจะไม่มีวันเกิดขึ้น ข้าไม่สนใจกฏ แม้ว่ามันจะบีบบังคับข้าให้ทำร้ายตัวเอง ข้าก็จะไม่มีวันทำร้ายเจ้า”ชิงสุ่ยจับมือจักรพรรดินีผีดูดเลือดและกล่าวด้วยความจริงใจ