Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1863 - อย่าสร้างความโกรธแค้นกับชายคนนั้น
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1863 - อย่าสร้างความโกรธแค้นกับชายคนนั้น
AST
บทที่1863 – อย่าสร้างความโกรธแค้นกับชายคนนั้น
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความตระหนักรู้ชายชราก็หันมองมาหาชิงสุ่ยและกล่าวว่า “พวกเราจะจัดการเรื่องราวยุ่งเหยิงเหล่านี้ได้อย่างไร? สงสัยว่าพวกเราคงจะต้องยกเลิกงานแต่งระหว่างเปาเอ๋อและหญิงสาวผู้นั้นเสียแล้ว”
ชิงสุ่ยไม่ได้คาดหวังเลยว่าชายชราจะทำเช่นนี้เขาเป็นคนตัดแขนเหลียนเฉินหยางและขัดขวางงานแต่งงานของเฉินเจิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ตระกูลเหลีนเฉินอับอาย
แน่นอนว่าความอัปยศทั้งหมดที่เกิดขึ้นถือเป็นการหักหน้าตระกูลแล้วตัวของเหลียนเฉินเปาก็ไม่ยอมแพ้และไม่มีวันยอมปล่อยเฉินเจินไป แต่การตัดสินใจของผู้อาวุโสช่างเป็นอะไรที่น่าตกใจ ชิงสุ่ยไม่ต้องการสร้างศัตรูและชายชราก็มอบข้อเสนอที่ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องปฏิเสธออกมา
”ถ้าเป็นไปตามที่ท่านกล่าวข้าก็ขอขอบคุณมากไว้มีโอกาสคราวหน้าข้าขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงสุราท่าน”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าวตอบกลับ
”ตกลง!!ครั้งหน้าเจ้าอย่าลืมคำสัญญาของเจ้าล่ะ”ชายชราหัวเราะเบาๆ
”แน่นอนข้าไม่เคยผิดคำพูด!!”ชิงสุ่ยหัวเราะและพยักหน้า หลังจากพูดคุยกันเพียงแค่คำสองคำ ชายชราก็จากไปพร้อมกับคนของเขา
สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนชิงสุ่ยยังคงไม่เชื่อสายตาของตน
ในเวลาไม่นานนะหลังจากที่กลุ่มชายชราจากไปชายชราอีกคนนึงที่อยู่ในกลุ่มถามด้วยความสับสนว่า “พี่ใหญ่ การกระทำของท่านมีความหมายว่าอย่างไรกัน?” ทุกคนที่อยู่ในกลุ่มมีคำถามอยู่ในใจแต่สุดท้ายก็มีคนยอมตัดสินใจกล่าวถาม
คนที่กล่าวคำถามออกมาคือเหลียนเฉินหยงซึ่งเป็นคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเหลียนเฉินหยาง
”ชายหนุ่มผู้นั้นไม่ต่างอะไรจากมังกรทะยานในอนาคตเขาจะกลายเป็นคนที่ยืนอยู่เหนือพวกเรา นิกายสวรรค์ดาราอมตะก็เพิ่งเผชิญหน้ากับช่วงเวลาอันแสนยากลำบาก เราจึงไม่ควรสร้างศัตรู โดยเฉพาะกับชายคนนี้ เพราะในอนาคตหากเขาโกรธแค้น เราจะเป็นคนสร้างจุดจบของพวกเราเอง”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
”พี่ใหญ่กะอีแค่เจ้าหนูคนนั้น ท่านไม่พูดเกินจริงไปหน่อยเหรอ?”ชายชราอีกคนนึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขายังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่ง หนวดเครารุงรังจมูกใหญ่โต และมีสถานะเป็นพี่น้องอีกคนนึงของชายชรา แม้จะไม่ใช่พี่น้องในสายเลือด แต่ก็เป็นพี่น้องร่วมรบที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาอย่างยาวนาน ชื่อของเขาก็คือเหลียนเฉินจู้
”คำพูดของข้าไม่ได้เกินจริงเลยจริงๆแล้วปัจจุบันพลังของข้าต้องใช้เวลาอีกประมาณครึ่งเดือนเพื่อบรรลุระดับขั้นต่อไป แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมตอนนี้ข้าถึงบรรลุมันได้ทันที?”ชายชราตอบกลับด้วยคำถาม
กลุ่มชายชราจ้องมองด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อเหลียนเฉินจู้กล่าวถามด้วยความตกใจว่า “อย่าบอกนะว่า มันเป็นเพราะเด็กเหลือขอคนนั้น?”
เหลียนเฉินจู้อาจจะเป็นคนที่ดูป่าเถื่อนแต่ก็มีไหวพริบเขาจึงคาดเดาได้ว่าชายชรากำลังจะพูดถึงเจ้าเด็กชิงสุ่ย
”หึมพี่ใหญ่ทะลวงผ่านระดับพลังได้สำเร็จแล้วหรือ? เยี่ยมจริงๆ!! ตอนนี้นิกายของพวกเราแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นแล้ว”เหลียนเฉินหยงกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจ
”มันคงไม่เป็นเช่นนั้นหรอกเพราะตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ทุกสิ่งทุกอย่างของนิกายเรา ยังคงขึ้นอยู่กับเงื้อมมือของเหลียนเฉินฉี และพวกเราก็เข้าไปแทรกแซงไม่ได้อยู่ดี”
”พี่ใหญ่ตอนนี้ระดับพลังของท่านอยู่ในระดับพลังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 3 ใช่หรือไม่? ใครจะไปคิดว่าเจ้าหนูน้อยคนนั้นจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ท่านทะลวงผ่านระดับพลังไปได้”เหลียนเฉินหยุนกล่าวขัดจังหวะ
”พวกเจ้าฟังคำของข้าเอาไว้ให้ดีไม่ว่าอย่างไรก็ตามอย่าไปทำให้ชายหนุ่มคนนั้นโกรธเคือง ภายในความรู้สึกของข้า ข้ารู้สึกว่าตัวข้าเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”ชายชรากล่าวย้ำเตือน
แน่นอนว่าคำพูดเช่นนี้ยิ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้อาวุโสทั้งหมดที่ยืนอยู่รอบข้างเพราะในปัจจุบันชายชรามีพลังมากถึง 2 ล้านเต๋า แต่กลับกล้าบอกว่าตัวเองนั้นอ่อนแอกว่าชิงสุ่ย? ทุกคนได้แต่ยืนเงียบ เพราะคำพูดเช่นนี้สำหรับชายชราคนอื่นแล้วมันไม่ใช่เรื่องตลก
ผู้คนที่ยืนล้อมรอบผู้นำล้วนเป็นคนที่แข็งแกร่งและยิ่งพวกเขามีอายุมากย่อมต้องมีความมั่นใจเหนือกว่าบรรดาเด็กๆ แต่กลับได้ยินคำตอบ คำพูดที่บอกว่าแม้แต่ตัวเขาก็อ่อนแอกว่าเด็กรุ่นเยาว์
”โปรดจำเอาไว้อย่าทำให้ชายหนุ่มคนนั้นโกรธเคือง มิฉะนั้นนิกายของเราจะต้องเผชิญหน้ากับภัยหายนะ”
”แล้วเรื่องแขนของน้องหยางละ?”
”บาดเจ็บแค่นั้นถือว่าโชคดีแล้วดูเหมือนโชคชะตายังไว้ชีวิตน้องหยาง”
ทุกอย่างยังคงเงียบสงัดทุกคนถึงกับพูดไม่ออก มันยากที่จะเชื่อว่าชายชราคนนี้จะกล้าปล่อยวางและยอมให้เรื่องทุกอย่างจบไปแม้ฝั่งของตัวเองจะต้องเสียสละอย่างเดียว
………………………….
ชิงสุ่ยมองดูผู้คนจากนิกายสวรรค์ดาราอมตะค่อยๆจากไปและเมื่อเขาหันหน้ากลับ เขาก็สังเกตเห็นว่าเฉินเจินกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาด
”ข้าชอบสีหน้าของเจ้าตอนนี้จริงๆมันเกิดอะไรขึ้นรึ? หรือว่าเจ้ากำลังหลงไหลในใบหน้าอันหล่อเหลาของข้า?”
เฉินเจินเบือนหน้าหนีในใจของเธอเรื่องรู้สึกชื่นชอบชิงสุ่ย และค่อยๆยอมรับมันไปอย่างช้าๆ “ไม่ เจ้ายังคงเป็นคนที่น่าเกลียดเหมือนเดิม”
”ผู้หญิงนี่ก็เหมือนกับสัตว์ตัวน้อยๆที่หน้าซื่อใจคด”
”เจ้านั่นแหละที่เป็นสัตว์ป่า”
”ไม่ใช่แล้วข้าเป็นราชาสัตว์ ราชาที่ชอบล่ากระต่ายน้อย”ชิงสุ่ยหัวเราะอย่างสนุกสนาน
บทที่1863 – อย่าสร้างความโกรธแค้นกับชายคนนั้น
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความตระหนักรู้ชายชราก็หันมองมาหาชิงสุ่ยและกล่าวว่า “พวกเราจะจัดการเรื่องราวยุ่งเหยิงเหล่านี้ได้อย่างไร? สงสัยว่าพวกเราคงจะต้องยกเลิกงานแต่งระหว่างเปาเอ๋อและหญิงสาวผู้นั้นเสียแล้ว”
ชิงสุ่ยไม่ได้คาดหวังเลยว่าชายชราจะทำเช่นนี้เขาเป็นคนตัดแขนเหลียนเฉินหยางและขัดขวางงานแต่งงานของเฉินเจิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ตระกูลเหลีนเฉินอับอาย
แน่นอนว่าความอัปยศทั้งหมดที่เกิดขึ้นถือเป็นการหักหน้าตระกูลแล้วตัวของเหลียนเฉินเปาก็ไม่ยอมแพ้และไม่มีวันยอมปล่อยเฉินเจินไป แต่การตัดสินใจของผู้อาวุโสช่างเป็นอะไรที่น่าตกใจ ชิงสุ่ยไม่ต้องการสร้างศัตรูและชายชราก็มอบข้อเสนอที่ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องปฏิเสธออกมา
”ถ้าเป็นไปตามที่ท่านกล่าวข้าก็ขอขอบคุณมากไว้มีโอกาสคราวหน้าข้าขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงสุราท่าน”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าวตอบกลับ
”ตกลง!!ครั้งหน้าเจ้าอย่าลืมคำสัญญาของเจ้าล่ะ”ชายชราหัวเราะเบาๆ
”แน่นอนข้าไม่เคยผิดคำพูด!!”ชิงสุ่ยหัวเราะและพยักหน้า หลังจากพูดคุยกันเพียงแค่คำสองคำ ชายชราก็จากไปพร้อมกับคนของเขา
สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนชิงสุ่ยยังคงไม่เชื่อสายตาของตน
ในเวลาไม่นานนะหลังจากที่กลุ่มชายชราจากไปชายชราอีกคนนึงที่อยู่ในกลุ่มถามด้วยความสับสนว่า “พี่ใหญ่ การกระทำของท่านมีความหมายว่าอย่างไรกัน?” ทุกคนที่อยู่ในกลุ่มมีคำถามอยู่ในใจแต่สุดท้ายก็มีคนยอมตัดสินใจกล่าวถาม
คนที่กล่าวคำถามออกมาคือเหลียนเฉินหยงซึ่งเป็นคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเหลียนเฉินหยาง
”ชายหนุ่มผู้นั้นไม่ต่างอะไรจากมังกรทะยานในอนาคตเขาจะกลายเป็นคนที่ยืนอยู่เหนือพวกเรา นิกายสวรรค์ดาราอมตะก็เพิ่งเผชิญหน้ากับช่วงเวลาอันแสนยากลำบาก เราจึงไม่ควรสร้างศัตรู โดยเฉพาะกับชายคนนี้ เพราะในอนาคตหากเขาโกรธแค้น เราจะเป็นคนสร้างจุดจบของพวกเราเอง”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
”พี่ใหญ่กะอีแค่เจ้าหนูคนนั้น ท่านไม่พูดเกินจริงไปหน่อยเหรอ?”ชายชราอีกคนนึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขายังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่ง หนวดเครารุงรังจมูกใหญ่โต และมีสถานะเป็นพี่น้องอีกคนนึงของชายชรา แม้จะไม่ใช่พี่น้องในสายเลือด แต่ก็เป็นพี่น้องร่วมรบที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาอย่างยาวนาน ชื่อของเขาก็คือเหลียนเฉินจู้
”คำพูดของข้าไม่ได้เกินจริงเลยจริงๆแล้วปัจจุบันพลังของข้าต้องใช้เวลาอีกประมาณครึ่งเดือนเพื่อบรรลุระดับขั้นต่อไป แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมตอนนี้ข้าถึงบรรลุมันได้ทันที?”ชายชราตอบกลับด้วยคำถาม
กลุ่มชายชราจ้องมองด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อเหลียนเฉินจู้กล่าวถามด้วยความตกใจว่า “อย่าบอกนะว่า มันเป็นเพราะเด็กเหลือขอคนนั้น?”
เหลียนเฉินจู้อาจจะเป็นคนที่ดูป่าเถื่อนแต่ก็มีไหวพริบเขาจึงคาดเดาได้ว่าชายชรากำลังจะพูดถึงเจ้าเด็กชิงสุ่ย
”หึมพี่ใหญ่ทะลวงผ่านระดับพลังได้สำเร็จแล้วหรือ? เยี่ยมจริงๆ!! ตอนนี้นิกายของพวกเราแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นแล้ว”เหลียนเฉินหยงกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจ
”มันคงไม่เป็นเช่นนั้นหรอกเพราะตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ทุกสิ่งทุกอย่างของนิกายเรา ยังคงขึ้นอยู่กับเงื้อมมือของเหลียนเฉินฉี และพวกเราก็เข้าไปแทรกแซงไม่ได้อยู่ดี”
”พี่ใหญ่ตอนนี้ระดับพลังของท่านอยู่ในระดับพลังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 3 ใช่หรือไม่? ใครจะไปคิดว่าเจ้าหนูน้อยคนนั้นจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ท่านทะลวงผ่านระดับพลังไปได้”เหลียนเฉินหยุนกล่าวขัดจังหวะ
”พวกเจ้าฟังคำของข้าเอาไว้ให้ดีไม่ว่าอย่างไรก็ตามอย่าไปทำให้ชายหนุ่มคนนั้นโกรธเคือง ภายในความรู้สึกของข้า ข้ารู้สึกว่าตัวข้าเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”ชายชรากล่าวย้ำเตือน
แน่นอนว่าคำพูดเช่นนี้ยิ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้อาวุโสทั้งหมดที่ยืนอยู่รอบข้างเพราะในปัจจุบันชายชรามีพลังมากถึง 2 ล้านเต๋า แต่กลับกล้าบอกว่าตัวเองนั้นอ่อนแอกว่าชิงสุ่ย? ทุกคนได้แต่ยืนเงียบ เพราะคำพูดเช่นนี้สำหรับชายชราคนอื่นแล้วมันไม่ใช่เรื่องตลก
ผู้คนที่ยืนล้อมรอบผู้นำล้วนเป็นคนที่แข็งแกร่งและยิ่งพวกเขามีอายุมากย่อมต้องมีความมั่นใจเหนือกว่าบรรดาเด็กๆ แต่กลับได้ยินคำตอบ คำพูดที่บอกว่าแม้แต่ตัวเขาก็อ่อนแอกว่าเด็กรุ่นเยาว์
”โปรดจำเอาไว้อย่าทำให้ชายหนุ่มคนนั้นโกรธเคือง มิฉะนั้นนิกายของเราจะต้องเผชิญหน้ากับภัยหายนะ”
”แล้วเรื่องแขนของน้องหยางละ?”
”บาดเจ็บแค่นั้นถือว่าโชคดีแล้วดูเหมือนโชคชะตายังไว้ชีวิตน้องหยาง”
ทุกอย่างยังคงเงียบสงัดทุกคนถึงกับพูดไม่ออก มันยากที่จะเชื่อว่าชายชราคนนี้จะกล้าปล่อยวางและยอมให้เรื่องทุกอย่างจบไปแม้ฝั่งของตัวเองจะต้องเสียสละอย่างเดียว
………………………….
ชิงสุ่ยมองดูผู้คนจากนิกายสวรรค์ดาราอมตะค่อยๆจากไปและเมื่อเขาหันหน้ากลับ เขาก็สังเกตเห็นว่าเฉินเจินกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาด
”ข้าชอบสีหน้าของเจ้าตอนนี้จริงๆมันเกิดอะไรขึ้นรึ? หรือว่าเจ้ากำลังหลงไหลในใบหน้าอันหล่อเหลาของข้า?”
เฉินเจินเบือนหน้าหนีในใจของเธอเรื่องรู้สึกชื่นชอบชิงสุ่ย และค่อยๆยอมรับมันไปอย่างช้าๆ “ไม่ เจ้ายังคงเป็นคนที่น่าเกลียดเหมือนเดิม”
”ผู้หญิงนี่ก็เหมือนกับสัตว์ตัวน้อยๆที่หน้าซื่อใจคด”
”เจ้านั่นแหละที่เป็นสัตว์ป่า”
”ไม่ใช่แล้วข้าเป็นราชาสัตว์ ราชาที่ชอบล่ากระต่ายน้อย”ชิงสุ่ยหัวเราะอย่างสนุกสนาน