Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1892 - สัญชาตญาณของหญิงสาว
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1892 - สัญชาตญาณของหญิงสาว
หลังจากผ่านไป2 ชั่วโมง หญิงสาวผู้นั้นก็กลับคืนสู่ความสงบ รัศมีกลิ่นออายไร้ขอบเขตกระจายอยู่รอบตัวของเธออย่างชัดเจน แม้แต่ชิงสุ่ยก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเธอ
ขณะที่สายลมโบกสะบัดพัดผ่านเสื้อผ้าของเธอมันเป็นภาพที่งดงามเหนือจินตนาการ
ข้าหายดีแล้วข้าควรจะขอบคุณเจ้าอย่างไรดี ? หญิงสาวคนนั้นหันหลังกลับมามองชิงสุ่ย ด้วยท่าทางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข สิ่งที่ขัดขวางจิตใจของเธอในที่สุดก็ถูกแก้ไข และคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ก็คือชิงสุ่ย…..แม้เธอจะไม่กลัวตาย แต่เธอก็ไม่ต้องการความต่างๆเช่นกัน ฉะนั้นเมื่อเธอรอดพ้นจากความตาย ร่างกายของเธอก็เป็นสุขอย่างแท้จริง
เขาบอกเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าข้าไม่ต้องการอะไร แต่ถ้าหากเจ้าอยากตอบแทนข้าจริงๆ ข้ายังขาดหญิงสาวคอยรับใช้ข้างกาย ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว
เรื่องนั้นเจ้าฝันไปเถอะแต่ถ้าหากข้าตอบแทนเจ้าได้ เจ้าบอกข้ามาได้เลย สิ่งใดที่เจ้าต้องการหาความสามารถของข้าเพียงพอ ข้าก็พร้อมจะทำทุกอย่างให้กับเจ้า หญิงสาวกล่าวกับชิงสุ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ชิงสุ่ยส่ายหน้า เรื่องเงินไม่ได้สำคัญกับข้า ส่วนเรื่องโฉมงาม พวกนางก็อยู่รอบกายข้า พร้อมกับยอมให้กำเนิดบุตรให้กับข้า ถ้าให้พูดตรงๆ มันก็คงไม่มีสิ่งใดจะขอจากเจ้าได้อีก
หญิงสาวจ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยความงุนงงเธอไม่รู้ความหมายที่แท้จริงในสิ่งที่เขากล่าว
หรือว่าเขากำลังบอกว่าข้ามีสิ่งที่เขาต้องการ? เธอพยายามครุ่นคิด
นี่มันก็เย็นมากแล้วข้าเองก็อยากพักอยู่ที่หอคอยจักรพรรดิสัก 2-3 วัน มันพอเป็นไปได้หรือไม่? หญิงสาวกล่าวถามชิงสุ่ยขณะเงยหน้ามองขึ้นฟ้า
แน่นอนอยู่แล้วแต่เจ้าจะต้องจ่ายค่าเช่าห้องด้วยนะ ชิงสุ่ยกล่าวตอบ
เรื่องเงินไม่มีปัญหา
เธอรู้สึกหมดสิ้นความคิดเล็กน้อยเธอไม่คิดเลยว่าชิงสุ่ยจะตอบกลับมาแบบนี้
เมื่อทั้งสองคนกลับไปที่หอคอยจักรพรรดิมันก็เป็นเวลาช่วงอาหารมื้อเย็นพอดีพอดี หญิงสาวคนนั้นแยกตัวไปอาบน้ำเพื่อขจัดสารพิษและสิ่งสกปรกที่ติดค้างอยู่บนร่างกายของเธอ
ชิงสุ่ยปล่อยให้เธอไปอาบน้ำส่วนตัวของเขาแยกตัวไปที่ห้องโถงใหญ่
น้องชายการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์พร้อมกับสาวสวยเป็นอย่างไรบ้าง? เหลียนหลิงเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเมื่อเห็นชิงสุ่ยกลับมา
คุณชายเหลียนดูเหมือนว่าท่านจะเปลี่ยนแปลงไปมาก ภายนอกอาจจะดูขี้อายแต่ภายในนั้น….เห้อ ช่างมันเถอะ ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะ ในอดีตชิงสุ่ยจดจำภาพลักษณ์ของเหลียนหลิงเฟิงในรูปคุณชายใบหน้าหล่อเหลาหลงใหลในความรัก แต่ตอนนี้เขาดูเปลี่ยนแปลงไปจากเก่าแทบจะหมดสิ้น
เอาหน่าเขามันก็แค่คนโรคจิต คิดพิลึกว่าคนอื่น หยินต่งกล่าวแทรก
ฮ่าฮ่า ข้าก็แค่พัฒนาไปมากกว่าเก่า เปลี่ยนเป็นคนที่คิดทั้งเรื่องภายในและภายนอกก็เท่านั้น เหลียนหลิงเฟิงเผยเห็นรอยยิ้มที่ดูน่าอึดอัดใจ
……………………..
ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งพูดคุยกันอยู่หญิงสาวคนนั้นก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ อย่างไรก็ตามชุดที่เธอสวมใส่ก็ยังเป็นชุดผ้าสีม่วงปักลายทอง ซึ่งสร้างความสง่างามและเป็นเกียรติ กลิ่นอายที่ปลดปล่อยอยู่รอบตัวเธอ สูงส่งยิ่งกว่าคนระดับราชวงศ์ เมื่อเธอเห็นชิงสุ่ยและอีก 2 คนกำลังพูดคุยกัน เธอจริงๆและกล่าวถามว่า พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่? ทำไมถึงได้ดูมีความสุขนัก
เออ…น้องชายของข้าบอกพวกเราว่าเจ้าดูสวยยิ่งนัก เหลียนหลิงเฟิงระเบิดเสียงหัวเราะ
หืมเขาบอกอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่? หญิงสาวคนนั้นกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
น้องชายของข้ายังบอกอีกว่าเขาจะต้องกุมหัวใจของเจ้าให้ได้ เหลียนหลิงเฟิงยังคงพูดอย่างไม่หยุดหย่อน
แม้ว่าชิงสุ่ยกับหญิงสาวคนนั้นจะรู้จักกันไม่นานเธอก็พยายามทำความเข้าใจในตัวชิงสุ่ย และเชื่อว่าเขาคงไม่ใช่คนที่พูดอะไรแบบนี้ อย่างไรก็ตามเธอเองก็รู้สึกถึงความแปลก เพราะตอนที่เขาสกัดพิษออกจากร่างกายของเธอ เธอรู้สึกถึงแววตาอันร้อนแรงที่จ้องมองเธอหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนที่เขาช่วยกำจัดพิษสายตาที่เขามองมามันเป็นสายตาที่ดูไม่ค่อยพึงพอใจ แม้จะไม่รู้ว่ามันเป็นความไม่พึงพอใจจากเรื่องอะไร แต่ถ้าหากนับจากมุมมองของเหลียนหลิงเฟิงและหยินต่ง แววตาของพวกเขามองเธอกับชิงสุ่ยแปรเปลี่ยนไปเหมือนมีอะไรเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกันเหลียนหลิงเฟิงก็ยังคงกล่าวชมน้องชายของเขาอย่างต่อเนื่องและด้วยคำพูดที่ดูลื่นหู น้ำเสียงที่แสนสงบมันทำให้หญิงสาวหลายคนรู้สึกผ่อนคลายไม่ได้ยินแล้วอยากอยู่กับชายคนนี้
ในแง่ของภาพลักษณ์เขาดูดีกว่าชิงสุ่ยเพียงแค่เล็กน้อย ในขณะที่ชิงสุ่ย ได้เปรียบกว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฝึกฝนพลัง การทำอาหาร การรักษาและอื่นๆอีกมากมาย
ชิงสุ่ยถูจมูกส่ายหน้าเมื่อเห็นแววตาของหญิงสาว มารับอาหารอาหารเย็นด้วยกันเถอะ ถือว่าเป็นมื้อฉลองที่เจ้าสลัดพิษออกจากตัวของเจ้าได้
เวลาในปัจจุบันดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ารอคอยจักรพรรดิเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยมากมาย โต๊ะยาว 2 ตัวถูกต่อกันเพื่อจัดเป็นโต๊ะอาหาร โดยบริเวณรอบข้างโต๊ะเต็มไปด้วยผู้คนที่ชิงสุ่ยรัก แม้กระทั่งผู้อาวุโสเทียนยี่ อวี้เนียงและครอบครัวของเธอก็มาร่วมรับประทานอาหารด้วย
ในขณะที่ชิงสุ่ยกำลังรับประทานอาหารเขาก็สังเกตเห็นหญิงสาวกำลังมองเขาด้วยแววตาประหลาด มันเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งดูไร้ประโยชน์และทรงพลังในเวลาเดียวกัน
มีอะไรหรือ?เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ชิงสุ่ยที่นั่งอยู่ถัดจากเก้าอี้ของเธอกล่าวถาม ส่วนอีกข้างนึงของชิงสุ่ย เป็นตำแหน่งเก้าอี้ของอีเย่เจี้ยนเก้อที่กำลังอุ้มชิงซิ่ว ตำแหน่งที่ตั้ง 2 คนนั่งเป็นตำแหน่งสำคัญของห้อง ซึ่งหญิงสาวทั้งสองคนได้สร้างบรรยากาศที่ดูน่าอึดอัดใจแก่หญิงสาวคนอื่น แปลด้วยบรรยากาศของห้องมันทำให้ความอึดอัดใจลดลงจนเหลือเพียงแค่เล็กน้อย
หญิงสาวคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า ข้าไม่แน่ใจว่าข้าควรพูดอะไรหรือไม่
พูดมาได้เลยถ้าเจ้าอยากจะพูดบางทีข้าอาจช่วยก็ได้ ข้าเองก็ช่วยชีวิตเจ้าไป 1 รอบแล้ว หากเจ้าไม่รังเกียจ ก็ปล่อยให้ข้าได้ช่วยเจ้าอีกรอบนึง ชิงสุ่ยกล่าวตอบ
ตอนแรกข้าเชื่อว่าพิษในตัวของข้าคงจะเป็นพิษอาสัญมฤตยูมาจากพระราชวังอมตะเบญจพิษ แต่จู่ๆความคิดของข้านึกถึงใครบางคนที่น่าสงสัยมากที่สุด และข้าก็เชื่อว่าคนๆนั้นเป็นคนวางยาพิษข้า หญิงสาวแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างมาก
ใครรึ? ชิงสุ่ยเองก็อยากรู้คำตอบ
ผู้นำเทวะสูงสุดของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ หญิงสาวต้องมองชิงสุ่ยและกล่าวตอบอย่างช้าๆ
ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกใจอย่างมากผู้นำเทวะสูงสุดของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์……มันคือตำแหน่งที่เป็นยิ่งกว่าผู้นำของเหล่าผู้นำเทวะ หากนับด้านพลังความแข็งแกร่งผู้นำเทวะสูงสุดของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ ย่อมต้องอยู่เหนือผู้นำเทวดาอย่างหญิงสาวคนนี้ แล้วทำไมผู้นำเทวะสูงสุดถึงต้องวางยาพิษเธอ? เขาตั้งใจจะควบคุมเธอให้ทำตามคำสั่ง หรือคิดจะสังหารเธอกันแน่?