Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 2016 – แผนที่ขุมทรัพย์ ใครบางคนกำลังตกอยู่ในอันตราย
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 2016 – แผนที่ขุมทรัพย์ ใครบางคนกำลังตกอยู่ในอันตราย
บทที่ 2016 – แผนที่ขุมทรัพย์ ใครบางคนกำลังตกอยู่ในอันตราย!!
เกี่ยวคลื่นแห่งความกดดันหลายรูปร่างเหมือนหลุดออกมาจากตัวของมัน มันพยายามต่อต้านมนุษย์และสัตว์ทุกตัวที่หมายจะเข้าไปในถ้ำ
ทันใดนั้นข้อความก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของชิงสุ่ย
เทพสงครามขวานพิโรธ!!
ถ้ำแห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเทพสงคราม เทพสงครามขวานพิโรธหรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือสุสานของอดีตองค์เทพ ด้านหลังของกระดูกเทพสงครามยังมีห้องอยู่อีกห้องนึง ยิ่งไปกว่านั้นมันก็คือส่วนลึกที่สุดของถ้ำ ชิงสุ่ยกระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะเข้าไปดู พลังไร้รูปลักษณ์เองก็พยายามชี้นำเส้นทางชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยเดินเข้าไปภายในส่วนลึกที่สุดของถ้ำ แต่ละย่างก้าวของเขาหนักอึ้งเหมือนถูก
บทที่ 2016 – แผนที่ขุมทรัพย์ ใครบางคนกำลังตกอยู่ในอันตราย!!
เกี่ยวคลื่นแห่งความกดดันหลายรูปร่างเหมือนหลุดออกมาจากตัวของมัน มันพยายามต่อต้านมนุษย์และสัตว์ทุกตัวที่หมายจะเข้าไปในถ้ำ
ทันใดนั้นข้อความก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของชิงสุ่ย
เทพสงครามขวานพิโรธ!!
ถ้ำแห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเทพสงคราม เทพสงครามขวานพิโรธหรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือสุสานของอดีตองค์เทพ ด้านหลังของกระดูกเทพสงครามยังมีห้องอยู่อีกห้องนึง ยิ่งไปกว่านั้นมันก็คือส่วนลึกที่สุดของถ้ำ ชิงสุ่ยกระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะเข้าไปดู พลังไร้รูปลักษณ์เองก็พยายามชี้นำเส้นทางชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยเดินเข้าไปภายในส่วนลึกที่สุดของถ้ำ แต่ละย่างก้าวของเขาหนักอึ้งเหมือนถูกหยุดด้วยพลังบางอย่าง
บนพื้นยังคงเห็นรอยเท้า แต่เมื่อชิงสุ่ยเดินไปถึงร่างของเทพสงครามขวานพิโรธ ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวรวมไปถึงรอยเท้าชี้นำและโครงกระดูกก็อันตรธานหายไปกลายเป็นฝุ่น เหลือเพียงแค่ชุดเกราะและขวานยักษ์
คลื่นพลังที่ไร้รูปร่างละครสร้างแรงกดดันก็หายไปเช่นกัน
หญิงสาวที่คอยติดตามทั้งสองคนจึงสามารถเดินเข้ามาภายในได้ ส่วนทางด้านของชิงสุ่ยก็ไปถึงห้องที่แสนจะดูเรียบง่าย มีโต๊ะ เตียง เก้าอี้อยู่ภายใน โดยที่บนโต๊ะมีแผ่นหนังภาพสัตว์อสูร ชิงสุ่ยจึงหยิบมันขึ้นมาดู และมันก็มีข้อความเขียนอยู่บนแผ่นหนังอย่างชัดเจน
‘ข้ามีนามว่าเฟิงเล่ยกวง หรือที่คนอื่นรู้จักกันในนามเทพสงครามขวานพิโรธ’
ชิงสุ่ยมองข้ามเขาพูดอื่น เทพสงครามขวานพิโรธใช้คำพูดที่ดูหยิ่งยโสและฟุ่มเฟือยเกินไป คำพูดส่วนใหญ่ชี้นำบ่งบอกว่าเขาพลาดพลั้งติดกับดักศัตรู….บนข้อความระบุว่าเขาไม่มีลูกหรือลูกศิษย์ซึ่งเป็นสิ่งที่เขารู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิต เขาอาจเรียกได้ว่าตายก่อนวัยอันควร เพราะแม้แต่ตอนตาย เขาก็ยังคงหนุ่มและยังไม่ได้ตกแต่งภรรยาเลยด้วยซ้ำ
เขาหวังว่าสักวันหนึ่งจะมีคนเอาชุดเกราะและขวานศึกของเขาไปใช้งาน เขาหวังว่าบุคคลพิเศษคนนั้นจะมีชะตาต้องกันกับเขา หรือไม่ก็สามารถหาผู้ที่รับช่วงแทนเขาได้
‘มีกล่องหยกอยู่ใต้เตียง ข้างในบรรจุปราณต้นกำเนิดและแก่นแท้ต้นกำเนิดของข้าก่อนที่เขาจะตาย จำเอาไว้!! หากผู้ใดไม่ใช่ผู้สืบทอดมรดกขวานพิโรธเทพสงคราม อย่าได้คิดดูดซับแก่นแท้แห่งต้นกำเนิดเด็ดขาด มิฉะนั้นเจ้าจะไม่อาจต้านทานผลที่ตามมาได้’
‘แล้วมันยังมีกล่องหยกอีกหนึ่งอัน หากบุคคลที่พบพานเข้ามาภายในที่แห่งนี้ไม่สามารถสืบทอดชุดเกราะของข้าได้ สิ่งของที่อยู่ในกล่องหยกอีกกล่องจะถือว่าเป็นของขวัญสำหรับผู้ที่พยายามสวมใส่มัน หวังว่าเจ้าจะช่วยตามหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะสืบทอดเจตจำนงของข้าได้’
‘แต่ถ้าหากเจ้าคือผู้สืบทอดเจตจำนงของข้า กล่องหยกชิ้นนี้ก็จะเป็นของเจ้าทันที’
นอกเหนือจากคำพูดเหล่านี้ก็ไม่เหลือสิ่งอื่นใดอีก ชิงสุ่ยค้นพบของหยก 2 กล่องใต้เตียง ด้านบนของกล่องเขียนว่าแก่นแท้ต้นกำเนิด ส่วนอีกกล่องไม่เขียนอะไรไว้
“ออกไปก่อน!!”ชิงสุ่ยยิ้มและนำกล่องยกทั้งสองออกไป เมื่อเขาเดินผ่านชุดเกราะและขวานศึกเป็นครั้งที่ 2 เขาก็เก็บพวกมันเอามาไว้กับตัว กระบวนท่าของขวานพิโรธ ถูกใจนึกอยู่บนตัวขวาน จะมีเพียงแค่ผู้สืบทอดมรดกเทพสงครามขวานพิโรธเท่านั้นที่จะเข้าใจเนื้อหาของมัน
ชิงสุ่ยเก็บกล่องหยกและชุดเกราะเทพขวานสงคราม หญิงสาวทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้สืบทอดเทพสงครามขวานพิโรธ เขาจึงเก็บพวกมันเอาไว้กับตนเอง ชิงสุ่ยคือผู้นำเหล่าเทพสงคราม จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ดีว่าในอนาคตผู้สืบทอดมรดกเทพสงครามขวานพิโรธจะกลายมาเป็นพันธมิตรของเขา เขาจึงเต็มใจช่วยค้นหาทายาท เพราะมันก็เท่ากับว่าเขาจะช่วยผู้คนเช่นกัน
เทพสงครามขวานพิโรธคงจะคัดเลือกผู้สืบทอดด้วยกลวิธีพิถีพิถัน สุดท้ายแล้วผู้ที่จะเป็นผู้สืบทอดเทพสงครามขวานพิโรธอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถและร่างกายที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่กำเนิด
“ชิงสุ่ย เรามาดูกันดีกว่าว่าในกล่องหยกอีกกล่องนึงมันมีอะไรอยู่ภายใน ข้าอยากรู้จะแย่อยู่แล้ว”อวี้ซีหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอยากรู้
“เอาล่ะ มาดูกันว่าอะไรคืออะไร”ชิงสุ่ยหยิบมันออกมาเปิด
จากการมองเพียงแค่แวบเดียว ชิงสุ่ยก็รู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไร มีอะไรบางอย่างถูกเขียนอยู่บนแผ่นหนังสัตว์ แผนที่สมบัติ!! มันคือแผนที่ขุมสมบัติ!! ชิงสุ่ยค่อนข้างก็วนกระวายใจ เขาไม่ได้เห็นแผนที่สมบัติมานานมากแล้ว ในอดีตเขาได้รับมันมา 2-3 ครั้งและแต่ละครั้งก็มอบประโยชน์มหาศาลให้กับเขา
“แผนที่สมบัติ จำไว้ว่าพวกเราจะต้องออกตามหามันในอนาคต ว่าแต่ใครรู้บ้างว่ามันอยู่แห่งหนใด?”ชิงสุ่ยกางแผนที่บนมือของเขา
สถานที่ในภาพวาดเป็นยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยริ้วคลื่นสีขาว แม้แต่ต้นไม้รอบๆก็เต็มไปด้วยสีขาวคล้ายหิมะ ถ้าหากเข้าใจไม่ผิดสีขาวที่อยู่บนภาพวาดจะต้องเป็นหิมะ สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือยอดเขามันมีลักษณะเหมือนกระบี่โค้ง
“สิ่งเดียวที่เป็นจุดเด่นสะดุดตาคือยอดเขาที่มีหิมะตกตลอดปีและต้องหายอดเขาที่มีลักษณะเหมือนกระบี่”อวี้ซีหยวนกล่าว
“ดูที่ลักษณะของแผ่นดินเหล่านี้ บนยอดเขาสูงมีลักษณะเหมือนกระบี่และมีความสูงมากที่สุด ดูเหมือนมันจะตั้งอยู่ที่จุดศูนย์กลางของพื้นที่ และรูปร่างแผ่นดินแต่ละแห่งก็เหมือนจะเป็นรูปแบบอะไรสักอย่าง”เป่ยหมิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ชิงสุ่ยยิ้ม มันคือการวางค่ายกล นอกจากนี้เขาก็ตระหนักได้ว่าเป่ยหมิงเสวี่ยเป็นคนที่มีทักษะการสังเกตที่ค่อนข้างดี
ในขณะเดียวกันเจ้ากิเลนน้อยก็บินกลับมา ชิงสุ่ยโยนอาหารให้มันกินอย่างมีความสุข ภูเขาตัดสินใจพักที่นี่ 1 วัน และเตรียมตัวเดินทางไปอีก 500 ลี้ในวันพรุ่งนี้
หญิงสาวทั้งสองคนรับหน้าที่เป็นผู้จัดเตรียมอาหารโดยอาศัยส่วนผสมและวัตถุดิบของชิงสุ่ย เนื่องจากทุกอย่างจะเตรียมเอาไว้แล้ว หญิงสาวทั้งสองคนจึงเต็มใจทำอาหารด้วยตัวเอง
ในยามกลางคืน ชิงสุ่ยสร้างค่ายที่พักและปล่อยให้หญิงสาวพักผ่อนอยู่ข้างใน ส่วนตัวเขาและมีเจ้ากิเลนน้อยรวมไปถึงอสูรสยบมังกรที่คอยเฝ้าปากถ้ำ ยามเที่ยงคืน เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังก้องพร้อมกับสัญญาณขอความช่วยเหลือ
มีคนกำลังตกอยู่ในอันตราย!! พวกเขาไม่แน่ใจว่าคนเหล่านี้เป็นสมาชิกของพระราชวังอมตะมหาสุริยันหรือพระราชวังจันทร์กระจ่าง จริงๆแล้วชิงสุ่ยก็ไม่ได้ชอบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลย
ถ้าหากจะให้เปรียบเทียบความประทับใจ เขาก็คงประทับใจในตัวเล่ยเป่ากับชูไป๋มากกว่า คนของพระราชวังจันทร์กระจ่างล้วนมีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมีจิตใจมั่นคง ในฐานะที่ผู้ชายต้องสูญเสียอวัยวะเพศชายของตนไป สภาพร่างกายและจิตใจของพวกเขาย่อมต้องเปลี่ยนแปลง
ในขณะเดียวกันหญิงสาวทั้งสองคนก็ออกมาจากถ้ำ ชิงสุ่ยจ้องมองพวกเธอและพวกเธอก็มองกลับมา “เราไปกันเถอะ ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ตกลงกันแล้วว่าถ้าเกิดใครเจอปัญหา คนที่อยู่ใกล้จะต้องให้ความช่วยเหลือ
หลังจากเก็บทุกอย่างเสร็จสิ้น ทั้งสามก็ขี่เจ้ากิเลนน้อยเดินทางไปยังต้นกำเนิดสัญญาณ
พวกเขาเดินทางมาถึงเร็วมาก และสิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกคือสัตว์อสูรโหดเหี้ยมรูปร่างใหญ่โตความยาวเกือบ 100 เมตร มันมีลักษณะเหมือนงูแต่มันมีขา ร่างกายของมันส่งกลิ่นแปลกประหลาด ไม่เพียงจะมีกลิ่นเหม็น แต่มันยังเป็นพิษ
คนที่ขอความช่วยเหลือครั้งนี้ก็คือเล่ยเป่าจากพระราชวังอมตะมหาสุริยัน 1 ใน 2 ผู้ติดตามได้ตายจากเขาไปแล้ว ในขณะที่อีกคนนึงก็ได้รับบาดเจ็บหนักถูกผิดเล่นงาน เล่ยเป่าก็โดนพิษเล่นงานแต่โชคดีที่เขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ทันทีที่เจ้ากิเลนน้อยปรากฏตัว เจ้าอสูรร่างยักษ์ก็ร่างกายสั่นเครือ วิ่งหนีทันที ปล่อยให้คนอื่นๆที่อยู่ในพื้นที่ตกตะลึง จะมีเพียงแค่ชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้งสองคนเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร
ในสายตาของหญิงสาวทั้งสอง เจ้ากิเลนน้อยคือสัตว์อสูรที่สามารถทำทุกอย่างได้ตามพึงพอใจในเขตแดนหิมะอุดร