Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 2018 – หญ้าเมฆแดง ก้านจันทราทนง และผลอัสนีบาต
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 2018 – หญ้าเมฆแดง ก้านจันทราทนง และผลอัสนีบาต
บทที่ 2018 – หญ้าเมฆแดง ก้านจันทราทนง และผลอัสนีบาต
ชิงสุ่ยมีความสุขมากที่รู้ว่าจะพบเจอหญ้าเมฆแดงได้ที่ไหน สวนสมุนไพรอื่นๆหวังจงเองก็ไม่รู้ แต่เขาก็เลยบอกข่าวลือเรื่องยอดเขาอัสนีบาตแก่ชิงสุ่ย
ยอดเขาอัสนีบาตเป็นสถานที่ที่มีพายุหนักตลอดปี มองไม่เห็นแม้แต่ต้นไม้ แต่ในหมู่มวลต้นไม้ทั้งหมด จะมีต้นไม้บังต้นที่โชคดีไม่ถูกฟ้าผ่า ต้นไม้เหล่านั้นจะเติบโตและออกผล ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามผลอัสนีบาต
แม้ว่าผลอัสนีบาตจะงอกเงย แต่พวกมันก็มีโอกาสมากถึง 99 ส่วนที่จะถูกฟ้าผ่าก่อนสุกงอม ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับผลอัสนีบาตจึงค่อนข้างยาก และยอดเขาอสนีบาตเองก็เป็นสถานที่ที่อันตราย อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสายฟ้าที่มีพลังมหาศาล
ชิงสุ่ยสุขใจที่ได้ยินข่าว อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย หลังจากนี้เขาก็ต้องคิดหาวิธีลดความเสี่ยงและคว้าผลอสนีบาตมาไว้ในครอบครองให้ได้
“คุณชายชิง ข้าไม่ได้คิดจะเข้าไปในส่วนลึกของพื้นที่ ฉะนั้นข้าคงต้องขอตัวถอยหลังกลับ ตามหาขุมทรัพย์ที่อยู่บริเวณแถวนี้แทน”เล่ยเปาคุยกับชิงสุ่ย
“ฟังดูก็เป็นความคิดเข้าท่า อันที่จริงแล้วแผนเดิมของข้าเองก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปข้างใน แต่ในเมื่อข้ามีวิธีการหลบหลีกของตนเอง การเดินทางเข้าไปในส่วนลึกก็ไม่ใช่ปัญหา พวกเราสามคนจึงวางแผนจะเข้าไปข้างในอีกเล็กน้อยเพื่อดูว่าพวกเราเธอโชคดีเจออะไรอีกบ้าง ถ้าอย่างนั้น หลังจากนี้พวกเราคงต้องแยกทางกัน”ชิงสุ่ยยิ้มตอบ
………..
เล่ยเปาและหวังจงจากไป ชิงสุ่ยจัดเตรียมเก็บข้าวของเพื่อเข้าไปยังส่วนลึกพร้อมกับหญิงสาวทั้งสองคน
“ชิงสุ่ย ท่านคิดว่าคนของพระราชวังจันทร์กระจ่างกำลังทำอะไรอยู่? พวกคนเหล่านั้นมาสร้างพันธะปลอม พวกเราได้ตกลงกันแล้วว่าถ้าหากเห็นสัญญาณของอีกฝ่าย เราจะเข้าไปช่วยเหลือทันที ตอนนี้พวกพระราชวังจันทร์กระจ่างก็ควรจะมาถึงแล้ว”อวี้ซีหยวนยิ้มขณะกล่าว
“อันที่จริง คนเหล่านั้นคงไม่สนใจข้อตกลงตั้งแต่แรก พวกเขาแค่เพียงทำตัวสุภาพ และข้าก็เชื่อว่าคนเหล่านั้นอาจจะเอาชีวิตรอดได้ดีกว่าพวกเรา ในเมื่อพระราชวังจันทร์กระจ่างดูจะไม่สนใจสัญญาณจากพระราชวังอมตะมหาสุริยัน ฉะนั้นถ้าหากพวกเราได้ยินสัญญาณอีก ไม่ว่าจะเป็นจากฝั่งไหน พวกเราก็ควรจะทำเป็นไม่สนใจบ้าง”เป่ยหมิงเสวี่ยเหมือนรู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะออกมาเช่นไร
ชิงสุ่ยเองก็คิดเช่นนั้น ในเมื่อแต่ละคนมาจากต่างฝ่ายต่างถิ่น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเหล่านั้นจะคิดแทงข้างหลังผู้อื่น
“เอาล่ะ อย่ามาพูดเรื่องของคนอื่นอีกเลย จดจ่ออยู่กับการเดินทางของพวกเราเถอะ บางทีพวกเราอาจจะเจอสัตว์ปราณจิตตัวอื่นอีกก็ได้”ชิงสุ่ยรู้วิธีดึงดูดใจผู้อื่น
แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิด หญิงสาวทั้งสองคนยิ้มอย่างมีความสุข โดยเฉพาะอวี้ซีหยวนที่กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและมีเสน่ห์ “พี่ใหญ่สุ่ย ถ้าหากพวกเราโชคดีเจอพวกมัน ท่านจะต้องช่วยข้าจับมัน”
ชิงสุ่ยมองดูอวี้ซีหยวนที่กำลังปลดปล่อยเสน่ห์ ในขณะที่เป่ยหมิงเสวี่ยไม่สามารถโน้มน้าวใจได้เหมือนกับอวี้ซีหยวน เธอจึงทำได้แค่ยิ้ม
“ตกลง ถ้าหากข้าช่วยท่านจับมัน ท่านจะตอบแทนข้าอย่างไร?”ชิงสุ่ยยิ้มกว้าง
“ในเมื่อข้านับถือท่านเป็นพี่ใหญ่สุ่ย ท่านยังอยากให้ข้าตอบแทนท่านด้วยวิธีใดดีล่ะ?”อวี้ซีหยวนหัวเราะเบาๆ
“น้องสาวหยวน ไม่ใช่ว่าเจ้าโสดอยู่หรือ? เจ้าไม่ลองตอบแทนด้วยร่างกายดูล่ะ?”มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นเป่ยหมิงเสวี่ยกล่าวเรื่องตลกแบบนี้ออกมากับอวี้ซีหยวน “ฮ่าฮ่าฮ่า พี่สาวหยวน ท่านช่างเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ดูสายตาของท่านสิ หรือว่าท่านคิดแบบนี้มาตลอด แต่ท่านไม่กล้าพูด ข้าช่วยท่านถ่ายทอดข้อความนี้ให้พี่ใหญ่ชิงสุ่ยได้นะ เมื่อพิจารณาความงดงามของท่านแล้ว ชายทุกคนจะต้องยอมรับข้อเสนอของท่านอย่างแน่นอน ท่านคิดเช่นไร? พี่ใหญ่สุ่ยละ?”อวี้ซีหยวนหันกลับมามองชิงสุ่ย
“เอ่อ…..”ชิงสุ่ยถึงกับพูดไม่ออก เขาจ้องมองอวี้ซีหยวนและไม่คิดว่าเธอจะมีความชั่วร้ายลึกๆอยู่ภายในใจ
อวี้ซีหยวนยิ้ม ในขณะที่เป่ยหมิงเสวี่ยพยายามหลีกเลี่ยงการสบตา เธอรู้ดีว่าเธอไม่อาบโต้เถียงแข่งกับอวี้ซีหยวนได้
ชิงสุ่ยจึงพยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ดูนั่นสิพระจันทร์คืนนี้งดงามยิ่ง”
“มันยังพึ่งเที่ยงคืน”อวี้ซีหยวนกระซิบ
ที่เห็นภาพลักษณ์อวี้ซีหยวน ชิงสุ่ยก็ยิ่งพูดไม่ออก เขาทำได้เพียงแค่ระเบิดเสียงหัวเราะ ในตอนนี้ ทั้ง 3 คนกำลังเข้าไปในพื้นที่ส่วนลึก ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้ากิเลนน้อย พวกเขาก็คงต้องต่อสู้กับหลายสิ่งหลายอย่าง
“สมุนไพรที่นี่ค่อนข้างดี มันดีกว่าภายนอกมาก”ชิงสุ่ยรีบเก็บดอกบัวเหมันต์
พวกเขายืนอยู่บนยอดเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ ยอดเขาที่เต็มไปด้วยดอกบัวมากมาย ทุกต้นล้วนอยู่ในช่วงออกดอก
โฮกกกก!!
แต่ก่อนที่เขาจะได้เก็บดอกบัวเหมันต์ต้นอื่นๆที่เหลือ เสียงคำรามก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน
มันเป็นเสียงคำรามของหมี
ชิงสุ่ยรับรู้ถึงเสียงที่ดังมาก เขาคงจะเป็นห่วงถ้าหากไม่มีเจ้ากิเลนน้อยอยู่ฝั่งเดียวกัน เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่ได้อยู่อย่างลําพัง เขาจำเป็นต้องคอยปกป้องหญิงสาวทั้งสอง แม้ว่าพวกเธอจะมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มากพอจะเชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่อยู่ในส่วนลึก โฮกกกก!! โฮกกกก!!
เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเดียว
ชิงสุ่ยสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างหนัก เขามองเห็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ร่างยักษ์ ความสูงเกือบ 50 เมตร มันก็คือหมีตัวใหญ่โต น้ำหนักของมันหากคำนวณจากสายตาจะต้องหนักกว่างูเหลือมที่มีความยาว 200 เมตรอย่างแน่นอน
ชิงสุ่ยไม่รู้จะอธิบายเหตุการณ์นี้ได้อย่างไรนอกจากคำว่าบังเอิญ การจะได้เจออสูรร่างกายใหญ่โตและดุร้ายเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดี
อสูรหมีทลายเหมันต์
ข้อความคำอธิบายปรากฏขึ้นในจิตใจชิงสุ่ย
อสูรหมีทลายเหมันต์ สามารถสร้างแรงระเบิดน้ำแข็งได้ ทุกครั้งที่มันโจมตีจะมีโอกาส 30 ส่วนที่จะรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพียงแค่คุณสมบัตินี้คุณสมบัติเดียวก็เพียงพอจะท้าทายอำนาจสวรรค์ และการโจมตีทุกๆ 3 ครั้ง จะมีครั้งหนึ่งรุนแรงกว่า 2 ครั้งก่อนเท่าตัว
นอกเหนือจากพลังโจมตีที่แข็งแกร่ง มันยังมีโอกาสแช่แข็งศัตรูหลังการโจมตี ถ้าหากพลังแพร่งพรายเข้าสู่ร่างศัตรู ผู้นั้นจะเคลื่อนที่ช้าลงและการตอบสนองช้าลง จนบางทีอาจจะถูกตรึงร่างอยู่กับที่อย่างสมบูรณ์
ด้วยจำนวนที่ปรากฏตัวถึง 5 ตนประจวบกับโอกาสในการพบเจออันแสนน้อยนิด มันถือว่าเป็นโชคดีอย่างแท้จริง ชิงสุ่ยชำเลืองมองอสูรหมีทลายเหมันต์และหันไปกล่าวกับหญิงสาวทั้งสองว่า “ชอบหมีตัวนี้หรือไม่? ถ้าหากพวกท่านชอบ ข้าจะจัดการมัน 2 ตัวให้กับพวกท่าน มาทำให้การเดินทางครั้งนี้ของเราคุ้มค่ากันเถอะ”
ชิงสุ่ยได้ตรวจสอบคุณสมบัติและเห็นว่ามันสมควร หญิงสาวทั้งสองคนเองก็มองอสูรหมีทลายเหมันต์ด้วยสายตาแห่งความหวัง พวกเธอรู้สึกว่าหมีตัวนี้อาจจะเกือบอยู่ในระดับเดียวกับเจ้ากิเลนน้อย และที่สำคัญกว่าคือเจ้าอสูรหมีทลายเหมันต์มันดูน่ารัก และยิ่งใหญ่ในเวลาเดียวกัน
“ข้าชอบมันมาก”อวี่ซี่หยวนกล่าวอย่างเร่งรีบ
“ข้าเองก็ชอบเหมือนกัน”เป่ยหมิงเสวี่ยเม้มริมฝีปากด้วยท่าทางเขินอาย