Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 2024 – จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ข้าจะเปลืองผ้าของเจ้าต่อหน้าทุกคน
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 2024 – จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ข้าจะเปลืองผ้าของเจ้าต่อหน้าทุกคน
บทที่ 2024 – จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ข้าจะเปลืองผ้าของเจ้าต่อหน้าทุกคน
ชิงสุ่ยเข้าใจได้ทันทีเลยว่าความสามารถหลักของแมงมุมอสูรเศียรมังกรตอนนี้เน้นไปทางด้านการลดความเร็วของเป้าหมาย ดักจับ และใช้พิษในการทำลาย
ในสถานะปัจจุบัน แมงมุมอสูรเศียรมังกรมีทั้งความเร็ว พลังป้องกัน และกรงเล็บที่น่าทึ่ง ด้วยการพัฒนาระดับก้าวกระโดด ทำให้มีอสูรเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะสามารถกำราบแมงมุมอสูรเศียรมังกร
ชิงสุ่ยได้สั่งให้แมงมุมอสูรเศียรมังกรแสดงความสามารถของตนออกมาให้เขาดูภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ซึ่งมันทำให้เขาพอใจอย่างมาก
การได้เป็นเจ้านายของแมงมุมอสูรเศียรมังกร สามารถทำให้เขาสั่งการฆ่าสัตว์ต่างๆได้โดยไม่ต้องกังวล และสามารถใช้งานอสูรสยบมังกรให้สังหารศัตรูได้อย่างง่ายกว่าที่เคย ถ้าหากย้อนกลับไปในก้นบึ้งทะเลสาบและเขาได้ครอบครองแมงมุมอสูรเศียรมังกรที่มีความสามารถระดับสูงในตอนนี้ เขาจะต่อกรกับสัตว์ประหลาดใต้น้ำที่อยู่ก้นบึ้งทะเลสาบได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม แมงมุมอสูรเศียรมังกรก็คงไม่ได้รับพลังที่แข็งแกร่งระดับนี้หากไม่เกิดเรื่องในก้นทะเลสาบ การเดินทางย่อมมีความเสี่ยง และรางวัลแห่งความเสี่ยงนั้นก็คุ้มค่า
เมื่อตะวันกำลังจะทอแสงยามเช้า ชิงสุ่ยก็ถูกขับออกมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ อันที่จริงเขาเองก็ออกมาตอนเวลาเที่ยงคืนแต่หญิงสาวทั้งสองนอนหลับแล้ว เราจึงกลับเข้าสู่ดินแดนต่างมิติจนกระทั่งเช้าตรู่
ชิงสุ่ยเดินเล่นอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าอันแสนกว้างขวาง ท้องฟ้าส่องประกายไปด้วยดวงดาวแสงสีทองระยิบระยับราวกับอัญมณี
สายลมยามเช้าให้ความรู้สึกหนาวเหน็บ แต่มันจะหนาวเฉพาะคนที่ไม่ได้ฝึกฝนเท่านั้น ตั้งแต่ระดับเซียนเทียนขึ้นไป สภาพอากาศไม่มีผล
เพลงหมัดไทเก๊ก
ชิงสุ่ยฝึกฝนเพลงหมัดยามเช้าโดยไม่ได้รบกวนหญิงสาวที่กำลังพักผ่อน เขาใช้เพลงหมัดในการคงระดับรักษารากฐานพลังและรากฐานพลังปราณ ยิ่งเขาฝึกฝนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรับรู้ถึงความมหัศจรรย์ของเพลงหมัดมากขึ้นเท่านั้น
ดวงอาทิตย์กำลังจะส่องแสงทางฝั่งตะวันออก ประกายแสงจากดวงดาวสะท้อนพระอาทิตย์กระทบพื้นดิน เปล่งประกายทุกสิ่งมีชีวิตให้เต็มไปด้วยความมีชีวา
เมื่อเขากลับมา เขาก็พบว่าหญิงสาวทั้งสองคนได้จัดเตรียมอาหารรอคอยไว้แล้ว
“มาเถอะ ถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว”อวี้ซีหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เป่ยหมิงเสวียจ้องมองชิงสุ่ยพร้อมรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน เธออยากจะเป็นดังเพื่อนสนิทของชิงสุ่ยเหมือนที่เคยเป็น อวี้ซีหยวนเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ก่อนที่เธอจะหันไปมองเป่ยหมิงเสวีย “พวกท่านสองคนปิดบังอะไรจากข้าหรือเปล่า?”
“ไม่!!”เป่ยหมิงเสวียปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า แสดงว่ามันต้องมีอะไรบางอย่าง หรือว่าพวกท่าน….”
“ไม่ พวกเราแค่….”เป่ยหมิงเสวียกำลังจะพูด เธอเองไม่เคยเผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้ เธอจึงเผลอเกือบหลุดปาก แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันยิ่งทำให้อวี้ซีหยวนสงสัยเพิ่มขึ้น
“พวกท่านทำอะไรหรือ?”อวี้ซีหยวนหัวเราะเยาะ
“เอาละ อย่าไปสนใจเรื่องนั้นเลยกินข้าวกันเถอะ”ชิงสุ่ยตอบกลับหลังจากเห็นความอึดอัดใจบนใบหน้าเป่ยหมิงเสวีย
“พี่สาวเสวียของข้าเป็นคนดี ท่านไม่ควรทำกับข้าเช่นนี้ถ้าหากท่านอยากจะใกล้ชิดกับพี่สาวเสวีย”อวี้ซีหยวนจ้องมองชิงสุ่ยด้วยความโศกเศร้า
ชิงสุ่ยยกมือขึ้น “เอาล่ะ ความผิดของข้าเอง พวกเรากินข้าวกันดีไหม พวกเรา….”
“พี่สาวเสวีย พูดมาเถอะ ข้าอยากจะรู้เหลือเกินว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกท่าน? เขาแอบแต๊ะอั๋งท่านใช่หรือไม่?”น้ำเสียงของอวี้ซีหยวนดูเจ้าเล่ห์
แม้เธอจะพูดไม่ดังแต่ชิงสุ่ยก็ได้ยินชัดเจน
ชิงสุ่ยถึงกับสำลัก ช่างน่าแปลกที่หญิงสาวมีเสน่ห์เช่นนี้ถึงได้มีนิสัยเหมือนสุนัขจิ้งจอกสาว
“เอาละ หยุดคาดเดาได้แล้ว พวกเราแค่กอดกันตอนถูกลากลงไปในน้ำเท่านั้น”เป่ยหมิงเสวียจ้องมองอวี้ซีหยวนอย่างเขินอาย
“มีเพียงเท่านี้เหรอ? อืม อืม อืม กินข้าวกัน”อวี้ซีหยวนดูผิดหวัง เธอรู้ว่าไม่ง่ายที่จะได้คำตอบ แต่ก็รู้ว่าควรหยุดตอนใด
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ทั้งสามคนก็เดินทางต่อ คราวนี้พวกเขาเลือกที่จะมุ่งหน้ากลับพร้อมกับตามหาสมบัติระหว่างทาง อสูรสยบมังกรยังคงออกค้นหาอย่างไม่หยุดหย่อน
การเดินทางกลับมันแตกต่างจากการเดินทางออกค้นหา เพราะมันมีทิศทางที่ชัดเจนนั่นก็คือการมุ่งหน้ากลับไปยังดินแดนแห่งปราณจิต
ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยสมุนไพรและหินวิเศษมากมาย น่าเสียดายที่ชิงสุ่ยไม่อาจตามหาวัตถุดิบที่ใช้สร้างกระบี่บินได้ เขาขาดส่วนผสมอีกเพียงแค่ 2 อย่างและหวังว่าจะได้เจอมันในที่แห่งนี้ แต่แล้วความหวังของมันก็เริ่มลดน้อยลง
10 วันต่อมา ทั้ง 3 คนเดินทางมาถึงดินแดนปราณจิต ในขณะที่ทั้งสามคนเข้าใกล้ ชิงสุ่ยก็เก็บสัตว์อสูรของตน และวางแผนจะพักอยู่บริเวณแห่งนี้จนกระทั่งประตูทางเข้าเปิดออก
ชิงสุ่ยสอดส่ายสายตามองหาแต่ก็ไม่พบเล่ยเปาหรือหวังจง แต่คนของพระราชวังจันทร์กระจ่างก็อยู่ที่นี่ พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นชิงสุ่ยและยิ่งขาวทั้งสองคนรอดกลับมา ถ้าว่าพวกเขาก็ไม่ได้ประหลาดใจ
“สหายชิง การเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”ชูไป๋ยิ้มดูเหมือนการทักทาย
“ก็ดี!! แล้วพวกท่านล่ะ?”ชิงสุ่ยหัวเราะยิ้มเยาะ
ชิงสุ่ยนึกถึงภาพคนเหล่านี้ที่หลบหนีออกไป เขาไม่มีความเห็นใจจากใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับชายวัยกลางคนที่ปล่อยให้อสรพิษ 3 หัวของตัวเองตาย สายตาของชายผู้นั้นกำลังจับจ้องหญิงสาวข้างกายทั้งสองคนของเขาเหมือนกำลังจะฉีกกระชากเสื้อผ้าของพวกนางออก
“เห้อ เจ้าคนน่าขนลุก ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ หากเจ้ามองข้าแบบนี้อีก ข้าจะดึงลูกตาของเจ้าออกมา”อวี้ซีหยวนกล่าวกับชายวัยกลางคน
“ฮ่าฮ่า เจ้าลูกเจี๊ยบ ข้าชอบจริงๆ ข้ามีนามว่าซงจง ข้าหวังว่าจะได้เป็นเพื่อนกับเจ้า”ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างมีความสุข
“ไร้สาระ ฝันไปเถอะ ข้าคนจะรังเกียจตัวเองจนตายถ้าหากต้องเป็นเพื่อนกับเจ้า”อวี้ซีหยวนเกลียดตั้งแต่ตอนที่เขามองเธอตอนบริเวณริมทะเลสาบแล้ว และไม่คิดว่าเขาจะยังคงแสดงทีท่ารังเกียจเหมือนเดิม
ฟีน่าการแสดงออกของซงจงเปลี่ยนไป เขายอมเพิกเฉยกับคำพูดที่ทุกครั้งก่อนหน้าซึ่งฟังดูเหมือนหยอกล้อ แต่คำพูดมานั้นมันทำให้เขาเสียความภาคภูมิใจของชาย ยิ่งไปกว่านั้นคนรอบข้างของเขาก็ล้วนเป็นคนมีเกียรติ มันจะยิ่งทำให้ตระกูลซงของเขาเสียหน้า
“เจ้ามันลิ้นอสรพิษ จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ข้าจะเปลืองผ้าของเจ้าต่อหน้าทุกคน”ดวงตาของซงจงดูสยดสยองอย่างยิ่ง