Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 2050 – ตระกูลจ้านแห่งเมืองฟ้าอุดร ผนึกเส้นลมปราณหยาง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 2050 – ตระกูลจ้านแห่งเมืองฟ้าอุดร ผนึกเส้นลมปราณหยาง
บทที่ 2050 – ตระกูลจ้านแห่งเมืองฟ้าอุดร ผนึกเส้นลมปราณหยาง
“เอาล่ะ ไปเล่นสนุกกับเธอด้วยกันเถอะ อาหารที่มีรสชาติก็ไม่แย่ ทำไมเราไม่เติมให้เต็มก่อน? ความกระหายทางเพศจะได้เพิ่มขึ้น พวกเราจะได้มีอารมณ์ที่ดีหลังจากกินอาหาร”ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายจ้านกล่าวอย่างมีความสุข
ชิงสุ่ยถึงกับพูดไม่ออก ทำไมคนพวกนี้ถึงได้กล้าพูดคำพูดไร้ยางอายเสียมารยาทขนาดนี้
ชายอีกคนนึงที่อายุน้อยกว่าชายทั้งสองคนไม่พูดจาหรือบอกจะเข้าร่วม บางทีสถานะของเขาคงจะต่ำกว่า 2 คนที่เหลือ และแล้วนายน้อยผานก็กล่าวว่า “ศิษย์น้องซง เจ้าสนใจจะเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่?”
ศิษย์น้องซงคนนั้นดูท่าจะไม่ชินกับเรื่องเหล่านี้ เขาดึงสายหน้า “ข้าคงไม่เข้าร่วมล่ะ พวกท่านทั้ง 2 อดทนอดกลั้นอีกสักนิดได้หรือไม่? ถ้าหากหญิงสาวคนนั้นเต็มใจ พวกท่านก็ทำตามเหมาะสม อยากให้ อย่าบังคับเธอเลย มันคงจะดีถ้าหากเราลืมมันไปเพราะปัญหาที่ตามมาจะได้น้อยลง”
“ศิษย์น้องซง โอกาสที่พวกเราจะได้ออกมามันหายากจริง เมื่อได้ออกมาเราก็ต้องปรนเปรอตัวเอง นี่เป็นเพียงครั้งเดียวในรอบ 10 ปี แล้วมันก็มีโอกาสเพียงแค่ 2 เดือนนี้เท่านั้น อย่าขลาดกลัวหน่อยเลย”นายน้อยผานดูเหมือนจะไม่สนใจ
“แต่ถ้าพวกเราสร้างปัญหา พวกเราจะตอบอาจารย์ว่าอย่างไร”ศิษย์น้องซงกล่าวอย่างรอบคอบ
“เจ้าคงประเมินพวกเราต่ำเกินไป ไม่มีใครกล้าทำให้พวกเราขุ่นเคือง แม้ว่าพวกเราจะทำอะไรลงไปก็ไม่มีใครกล้า คนที่แข็งแกร่งย่อมกลืนกินคนที่อ่อนแอ ใครที่มันกล้าเราจะแสดงให้มันเห็นว่าหมัดของเรานั้นแข็งแกร่งกว่าขนาดไหน” นายน้อยผานหัวเราะ
ศิษย์น้องซงไม่พูดอะไรต่อ อีกไม่นานพวกเขาจะต้องกลับ เขาจึงปล่อยให้ทุกอย่างเลยตามเลย
“พวกเจ้าทำอะไรอยู่? อาหารอยู่ไหน!!” นายน้อยผานตะโกนเสียงดัง ออกคำสั่งกับชิงสุ่ยและอวี้ซีหยวน
นอกเหนือจากกลุ่มคนทั้งห้า ก็มีเพียงแค่ชิงสุ่ยและอวี้ซีหยวนที่ยังคงอยู่
“พวกเราให้บริการอาหารกับมนุษย์เท่านั้น พวกเราไม่อนุญาตให้พวกสัตว์เข้ามา”อวี้ซีหยวนกล่าวอย่างเช่นชา เธออยากสังหารพวกมันทันทีที่ได้ยินคำพูดก่อนหน้านี้ แต่เธอเลือกที่จะอดกลั้น เธออยากรู้ว่าคนเหล่านี้เป็นใคร
“โอ้ แม่สาวน้อย เดี๋ยวพวกเราจะทำให้เจ้ากลายเป็นนางกะหรี่ร่านคอยรับใช้พวกเราเอง”นายน้อยจ้านหัวเราะลั่น
“บัดซบ”จิตสังหารพุ่งพ่านรอบตัวอวี้ซีหยวน
“บัดซบ? เดี๋ยวเจ้าจะได้รู้จักว่าอะไรคือบัดซบ ไอ้หนุ่มคนนั้นคงจะเป็นเสี่ยเลี้ยงเจ้าสินะ เขาก็ดูไม่เลวเลย แต่เขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากคอยดูอยู่ด้านข้าง”นายน้อยจ้านยังคงหัวเราะ ราวกับว่าเขาไม่สนใจคำพูดหยาบคายของอวี้ซีหยวน
“เจ้าคงจะเกิดมาพร้อมปากอันสัปดนและน่ารังเกียจ ข้าว่าเจ้าไม่มีปากคงจะดีกว่า”ชิงสุ่ยไม่ต้องการโต้เถียงอีกต่อไป เขาปล่อยหมัดอัดเข้าที่ปากนายน้อยจ้านด้วยความเร็วแสง
พรวดดด!!
ฟันทั้งหมดของนายน้อยจ้านแตกบดละเอียด เลือดทะลักท่วมปาก ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้เขาสลบไปทันที
“พูดมา ว่าพวกเจ้าเป็นใคร?”ชิงสุ่ยถามอย่างใจเย็น
แม้ว่าหนึ่งในพวกเขาจะถูกโจมตีจนสลบ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ขลาดกลัว นายน้อยจ้านที่ถูกโจมตีไปก่อนหน้าไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก พวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกว่าชิงสุ่ยน่าทึ่งอันใด “มันไม่สำคัญหรอกว่าพวกเราเป็นใคร? แต่เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าทำร้ายใคร”นายน้อยผานกล่าวถาม
“ข้าไม่เห็นจะอยากรู้เลย คนที่ไร้ความสามารถขณะนี้ ต่อให้ตายไปมันก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยคำพูดแข็งกระด้าง
ความสงบของชิงสุ่ยทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก จู่ๆศิษย์น้องซงก็กล่าวกับชิงสุ่ยว่า “เขามาจากตระกูลจ้านแห่งเมืองฟ้าอุดร ต่อให้ทุกคนในเมืองรุ้งครามรวมตัวกัน ก็ไม่สามารถต่อกรกับตระกูลจ้านของเขาได้”
“ข้าถามว่าพวกเจ้าเป็นใคร พวกเราเลือกที่จะไม่ตอบ ข้าก็จะทำให้พวกเจ้าตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับไอ้โง่ก่อนหน้านี้ “ชิงสุ่ยแปลกใจเล็กน้อยที่คนของเมืองฟ้าครามมาโผล่อยู่ในเมืองเล็กๆแห่งนี้…หากจะบอกว่าชิงสุ่ยไม่กังวลเลยก็คงจะเป็นเรื่องโกหก
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก ข้าจะทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาในภัตตาคารแห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าจะไม่มีวันหยุดเราได้”นายน้อยผานหัวเราะ
ในขณะเดียวกันชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็ก้าวขาเดินออกมา “เจ้าได้ทำร้ายคนของตระกูลจ้าน แม้ว่าพวกเราจะไม่ทำอะไรเจ้าตอนนี้ แต่เจ้าจะไม่มีทางรักษาชีวิตของตนไว้ได้แน่ พ่อหนุ่มน้อย หัดใช้สมองซะบ้าง ความประมาทมีแต่จะนำเจ้าไปสู่ความตาย “
ชิงสุ่ยอยู่ในจุดที่ค่อนข้างอึดอัด ชายวัยกลางคนสองคนนี้มีพลังมาก เทียบเท่ากับพลังของเจ้ากินเลนน้อย ความสง่าของพวกเขาก็อยู่ในระดับที่เกือบจะทัดเทียมกับเจ้ากินเลนน้อย แต่กลิ่นอายของพวกเขาอันตรายมากกว่า ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเจ้ากิเลนน้อยคงไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้เลยแม้แต่คนเดียว
นี่คงเป็นอีกเหตุผลทำไมนายน้อยผานและศิษย์น้องซงถึงได้ดูไม่สะทกสะท้าน พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เนื่องจากพลังที่ชิงสุ่ยใช้จัดการนายน้อยจ้านมันถือว่าเป็นพลังแสนธรรมดา ไม่มีความจำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปยุ่ง พวกเขาจึงอยู่เฉย ชิงสุ่ยรู้ว่าพวกเขาจะโยนปัญหาให้กับตระกูลจ้าน และปล่อยให้ตระกูลจ้านมาจัดการชิงสุ่ย พวกเขาเชื่อลึกว่าชิงสุ่ยจะไม่มีทางอยากเป็นศัตรูกับพวกเขา
ชิงสุ่ยไม่อยากเคลื่อนไหวใดๆ เพียงแค่ปล่อยให้หลงซู่เอ๋อ(แมงมุมอสูรเศียรมังกรร่างคน)และอสูรสยบมังกรออกมาจัดการทุกอย่างก็จบ แล้วหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น? เหล่าผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังก็จะออกมาต่อสู้ เขาอาจจะต้องสูญเสียทุกอย่างที่เขามี ชิงสุ่ยยังไม่อยากลงเอยมันผู้แพ้ เขาไม่ต้องการดึงเอาตระกูลอวี้ลงหลุมไปกับเขา
“ออกไปกันเถอะ และพาตัวนายน้อยจ้านกลับไปด้วย”นายน้อยผานหัวเราะและออกคำสั่งกับชายวัยกลางคนอีก 2 คนที่เหลือ
“หลังจากที่เจ้ามาทำลายข้าวของถึงบ้านของข้า การจะปล่อยพวกเจ้ากลับไปมันคงไม่ง่ายขนาดนั้น”ชิงสุ่ย หยุดนายน้อยผาน
“โอ้? ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องการให้พวกเราทำอะไรล่ะ? พวกเราทำร้ายที่ของเจ้า ให้พวกเราทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างนั้นหรือ?”
“มันไม่ควรมีอะไรถูกทำลายตั้งแต่แรก ข้าคงจะต้องเอาเข็มกระทุ้งพวกเจ้าสักเข็ม 2 เข็ม”หลังจากกล่าวจบ ชิงสุ่ยก็หายวับไปในพริบตาพร้อมกับเข็มทองคำในมือ
“เจ้ามันเลวทราม”
ชายวัยกลางคนสองคนทนไม่ไหว รีบพุ่งเข้าหาชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยไม่ได้พยายามที่จะหลบเลย เขาแค่ยิงเข็มทองคำในมือออกไปเร็วมากจนมองไม่เห็น
ชิงสุ่ยลูกชายทั้งสองคนกระแทกจนกระเด็นกลับ แต่ด้วยพลังป้องกันที่เหลือล้นทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่ช่างน่าเสียดายที่แรงกระแทกที่ส่งกลับมา ทำให้เขาบินชนกับสิ่งของต่างๆภายในภัตตาคาร จนทำให้เขาอยู่ในสภาพที่ดูเลวร้าย
“ชิงสุ่ย!!” อวี้ซีหยวนรีบเข้าไปพยุงชิงสุ่ย สายตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นอะไร”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างใจเย็น
“เจ้าทำอะไรกับข้า?”นายน้อยผานตะโกนใส่ชิงสุ่ย
“ก็ไม่มีอะไรมาก ข้าแค่ปิดผนึกเส้นลมปราณหยางของเจ้า เจ้าจะได้หลุดจากความเป็นชายตลอดกาล”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยท่าทางสบายใจ
นายน้อยผานงุนงงไปชั่วขณะ แต่แล้วเขาก็เข้าใจความหมาย เขาจึงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ปลดผนึกเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!!”
“ถ้าหากเจ้าฆ่าข้า เจ้าก็จะกลายเป็นคนพิการตลอดไป ชีวิตเจ้าหลังจากนี้จะได้แต่ดูหญิงสาวโฉมงามผ่านไปมาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างไม่แยแส
“นายน้อย ข้าจะไปจับตัวเขาแล้วบังคับให้เขาคลายเส้นลมปราณหยางให้กับท่าน”ชายวัยกลางคนคนนึงเหงื่อแตกพลั่ก เขาจ้องมองชิงสุ่ยดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธ ใครจะไปคิดว่านายน้อยคนสำคัญจะถูกโจมตีทั้งๆที่อยู่ภายใต้การปกป้องของเขา
……………