Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1304
บทที่ 1304 – องค์หญิงใหญ่ปลดปล่อยความเหงา ฟื้นฟูร่างกาย
เธอส่ายหัวหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกเลยจริงๆ เป็นไปได้ว่าที่นี่พวกเขาไม่ได้มีชื่อเสียง อีกอย่างข้าคิดว่าเจ้าจะรู้เรื่องพวกเขา เจ้าอยู่ที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตกนานถึง 2 ปีแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพวกเขาได้อย่างไร!”
“ถูกต้อง พวกเขาอาจอยู่ที่จักรวรรดิระดับหนึ่งหรือสอง” ชิงสุ่ยส่ายหัวเอื่อยๆ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เขายังไม่ละความสนใจไป อย่างน้อยเขาก็ต้องการให้นิกายรูปแบบอมตะช่วยเขาตามหาพวกนั้น
จากเรื่องทั้งหมดพลังธรรมดาทั่วไปภายในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเกรงขามเมื่อพวกเขาไปที่ 5 มหาทวีป อย่างไรก็ตามมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไปถึง 5 มหาทวีปและทำอะไร ไม่มีสิ่งไหนสำคัญไปกว่าการมีชีวิตรอด นี่เป็นกฏข้อหนึ่ง เชื่อว่าพวกเขาเองก็ตระหนักถึงจุดยืนของตัวที่มีอยู่ทุกวันนี้ ภายในเวลา 5 ปี ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาล ถ้าใครที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเป่ยถังปรากฏตัว ชิงสุ่ยจะไม่ลังเลที่ต้องฆ่าพวกเขา
ในช่วงเวลานี้จะดีที่สุดถ้าเขาสามารถหาตระกูลเป่ยถังเจอ เขายังคงพยายามมองหานิกายพุทธองค์ทองคำตามแต่สะดวก ครั้งหน้าเขาอาจจะพาเจ้าอ้วนน้อยไปด้วยและให้นำนิกายพุทธองค์ทองคำมาที่นี่ แน่นอนว่าเขาต้องหาที่ตั้งของนิกายให้ได้เสียก่อน
“เจ้ามีความบาดหมางกับพวกเราหรือ?” เธอถามหลังจากคิด
“ถูกต้อง ข้ากังวลว่าพวกเขาจะมุ่งหน้ากลับไปยัง 5 มหาทวีป ดังนั้นข้าจึงวางแผนที่จะควบคุมแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาล” ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากที่คิดสักพัก
“การควบคุมแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาลเป็นสิ่งที่ไม่ได้ยากสำหรับเจ้า แต่เดิมมันถูกควบคุมโดยนิกายที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก” เธอกล่าว
ชิงสุ่ยตัดสินใจแล้ว เขาเลือกที่จะกลับไปยังสำนักสวรรค์เร้นลับ ในอนาคตแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาลจะใช้เพียงเคลื่อนย้ายคนจาก 5 มหาทวีปมายังมหาทวีปอู่เซียตะวันตกเท่านั้น มันไม่ควรอนุญาตให้ใครจากมหาทวีปอู่เซียตะวันตกไปที่นั่น
ชิงสุ่ยจะพักที่นี่ประมาณหนึ่งหรือสองคืน ไม่ว่าความตั้งใจของเขาจะเป็นอย่างไร เขาก็จะทิ้งของบางส่วนรวมถึงเครื่องปรุงไว้ให้เธอ
เช้าตรู่ชิงสุ่ยใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาและออกเดินทางไป ตลอดเวลาเขาไม่พบทั้งอวี้ลู่หยานและถานท่ายหยวน พวกเธอออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยืนยันได้
ด้วยทักษะย่างก้าว 9 เทวา การเดินทางกลายเป็นสิ่งที่สะดวกสบายมาก การใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวากว่า 20 ครั้งในแต่ละวันเทียบเท่ากับการเดินทางเป็นเวลา 1 เดือนบนหลังของสัตว์อสูรบินได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับชิงสุ่ยที่จะเดินทางไปมาข้ามทวีป
ชิงสุ่ยไม่ได้มุ่งหน้าไปยังมหาทวีปราชันย์เหนือฟ้าเมื่อตอนที่เขาอยู่ใน 5 มหาทวีป เขาไปที่นั่นเพียงครั้งเดียวและใช้เวลาประมาณ 3 วัน ระยะทางระหว่าง 5 มหาทวีปไม่ใช่สิ่งที่สามารถขัดขวางชิงสุ่ยได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่สามารถหยุดยั้งเขาคือระยะทางระหว่าง 3 มหาทวีปและระยะห่างจากมหาทวีปอู่เซียตะวันตกไปถึง 5 มหาทวีป ตอนนี้เขามีธงสวรรค์ปัญจธาตุแล้ว สิ่งต่างๆกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นหลายเท่า
ทุกสิ่งทุกอย่างดูราวกับเป็นเรื่องบังเอิญ นี่ควรเรียกว่าเป็นการคัดสรรตามธรรมชาติหรือสิ่งที่เป็นไปโดยธรรมชาติ
หลังผ่านไปสิบกว่าวัน ชิงสุ่ยก็กลับมาถึงสำนักสวรรค์เร้นลับอีกครั้ง ในครั้งนี้คนแรกที่เขาพบอย่างประหลาดใจเป็นองค์หญิงใหญ่ เขาพบกับเธอระหว่างทางและรู้สึกทึ่ง มันดูเหมือนว่าเธอจะสลัดความเหงาทิ้งไปได้แบบรวดเร็ว
“เจ้ากลับมาแล้ว!” องค์หญิงใหญ่ดูเหมือนจะมีความสุขเมื่อเห็นชิงสุ่ย
กลิ่นอายรอบตัวองค์หญิงใหญ่เปลี่ยนไปและความแข็งแกร่งของเธอก็เพิ่มมากขึ้น แต่ตอนนี้ยังมีระยะห่างขนาดใหญ่ระหว่างเธอกับชิงสุ่ยอยู่ อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งในปัจจุบันขององค์หญิงใหญ่ก็สูงกว่าฟู่เหยียนเทียนแล้ว
เธอยังดูงดงามเหมือนปกติ เธอสวมชุดสีขาวหิมะเรียบๆธรรมดาในวันนี้ เสน่ห์ของเธออาจทำให้ใครก็ตามตกหลุมรักเธอได้ ดวงตาของเธอเป็นประกายมองดูเหมือนดั่งเทพธิดา เมื่อเทียบกับอีเย่เจี้ยนเก้อ เธอดูมีชีวิตชีวาและมีกลิ่นอายอันสง่างาม
ปราศจากคำพูดใดๆ ชิงสุ่ยโผเข้ากอดตัวเธอ “ท่านออกมาข้างนอกเพียงลำพังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“เมื่อเร็วๆนี้!”
“ข้าเองก็เพิ่งกลับมาถึงเช่นกัน” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
องค์หญิงใหญ่เงยหน้าขึ้นมองชิงสุ่ย เธอยื่นมือออกไปจับใบหน้าของชิงสุ่ย เขาสังเกตเห็นการแสดงออกที่แตกต่างไปจากเดิมของเธอ ดวงตาของเธอดูเหมือนต้องการบอกบางอย่าง
“ซูหนี่ มีอะไรงั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้น?” ชิงสุ่ยถามด้วยความกังวล
“ไม่มี ข้าแค่เพียงอยากเจอหน้าเจ้าเท่านั้น” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว หากว่าท่านอยากเล่นซุกซนกับข้า ข้าก็จะช่วยให้ท่านสมหวัง” ชิงสุ่ยพยายามแกล้งเธอ
“ใครจะอยากเล่นกับเจ้า คนไร้ยางอาย!” องค์หญิงใหญ่ฉวยโอกาสหยิกไปที่ใบหน้าของชิงสุ่ยทันที เธอเผยร้อยยิ้มจางๆออกมา
“พวกเขาอยู่ที่ไหน?” ขณะที่เดินไปทางคฤหาสน์ ชิงสุ่ยกุมมือเธอและถาม
“พวกเขาน่าจะอยู่ที่คฤหาสน์! ไปเยี่ยมพวกเขากันเถอะ ทำไมเจ้าถึงไม่ปล่อยมือข้าหล่ะ?” องค์หญิงใหญ่กล่าวขณะที่มือของเธอสั่น
“มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ? ทำอย่างกับว่าพวกเขาไม่รู้ ท่านยังคงอายอยู่เสมอแม้ว่าเราจะเป็นสามีและภรรยากันแล้ว” ชิงสุ่ยจับเธอไว้แน่น มันเหมือนกับว่าเขาไม่อยากปล่อยเธอไป
มันไม่สำคัญว่าองค์หญิงเจ็ดชอบเขาหรือไม่ ระหว่างเขาและองค์หญิงใหญ่จะไม่มีอะไรเปลี่ยน ในเวลาเดียวกันองค์หญิงเจ็ดก็จะไม่พยายามเอาตัวเองเข้ามาพัวพัน นี่เป็นบางสิ่งที่ไม่สามารถใช้กำลังบีบบังคับได้
องค์หญิงใหญ่จ้องมองไปที่ชิงสุ่ยผู้ที่เริ่มหยิ่งผยองมากขึ้น เธอเดินตามเขาไปที่ลาน อันที่จริงแล้ว ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไป พวกเขาก็เห็นหญิงสาว 3 คนกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ!”
ชิงซารีบวิ่งไปหาพวกเขาอย่างมีความสุข เธอเอามือคล้องไปที่รอบคอของชิงสุ่ยและยิ้มขณะมองเขา จากมุมมองของคนอื่นๆ มันดูเหมือนจะเป็นรอยยิ้มที่จางๆ ชิงซาไม่เคยหัวเราะดังเช่นนี้มาก่อน แม้แต่เวลาที่เธอยิ้มกว้างก็เป็นสิ่งที่สามารถนับครั้งได้
ชิงสุ่ยยิ้มขณะมองดูลูกสาวบุญธรรมของเขา เขาชอบที่จะมอบความอบอุ่นให้กับเธอและรู้สึกมีความสุขโดยเฉพาะเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นรอยยิ้มของเธอ เขาพบความสงบภายในใจ สิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตา เหมือนกับตอนที่เขาเจอกับหลวนหลวน
ชิงสุ่ยอุ้มเธอขึ้นและวางเธอลงหลังจากหมุนเธอไปรอบๆ 2 ครั้ง ทุกคนต่างก็ทักทายกันและกันพร้อมกับเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
ก่อนหน้านี้เมื่อชิงสุ่ยจับมือกับองค์หญิงใหญ่เดินมาที่นี่ สายตาของเขาจ้องมองไปที่องค์หญิงเจ็ด เขาไม่เห็นการแสดงออกแปลกๆจากเธอ ตรงกันข้ามดูเหมือนว่าเหยียนจินยวี้จะพูดอะไรไม่ออก อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาดังกล่าวหายไปอย่างรวดเร็วพอสมควร
ชิงสุ่ยไม่ทราบวิธีการที่สำนักสวรรค์เร้นลับใช้เพื่อช่วยเพิ่มพลังขององค์หญิงใหญ่ ตอนนี้มันเกือบจะถึง 4,000 สุริยาแล้ว ดูเหมือนว่าสำนักสวรรค์เร้นลับจะยังคงมีสิ่งที่เก็บงำเอาไว้
“ชิงสุ่ย เจ้ารู้สึกทึ่งในพลังของข้าหรือไม่? นี่คือมรดกที่สืบทอดกันมาในนิกาย มรดกที่สืบทอดกันมานี้สามารถใช้ได้เพียงทุกๆ 500 ปีเท่านั้น” องค์หญิงใหญ่มองไปที่ชิงสุ่ย เพราะเขาหันมามองเธออยู่หลายครั้ง เธอสามารถบอกได้ว่าเขากำลังวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของเธอ
“แน่นอน มันช่างยอดเยี่ยม!” แม้ว่าชิงสุ่ยจะรู้ว่าผู้อาวุโสสุยและผู้อาวุโสเฉาจะพยายามอย่างเต็มที่ เขาก็ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะทำถึงขนาดนี้ เขารู้สึกมีความสุขมากจริงๆ
“โอ๊ะ จริงสิ มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งซึ่งกำลังจะหมดอายุขัย ท่านกำลังจะถ่ายทอดลมปราณให้กับข้า” องค์หญิงใหญ่มองไปที่ชิงสุ่ยอีกครั้ง
“ถ่ายทอดลมปราณ……”
ชิงสุ่ยนึกถึงนักปราชญ์สุขสำราญ การถ่ายทอดลมปราณมีอยู่ 2 ชนิด ชนิดแรกคือการถ่ายลมปราณเพียงเล็กน้อย มันเป็นเหมือนกับการสร้างรากฐาน ส่วนอีกแบบหนึ่งเขาจดจำได้อย่างแม่นยำถึงตอนที่ถ่ายทอดลมปราณกับนักปราชญ์สุขสำราญ การถ่ายทอดลมปราณอีกอันนี้เกี่ยวข้องกับอายุขัยที่ใกล้จะหมดหรือไม่สามารถยืดอายุขัยได้อีกและกำลังเข้าสู่ความตาย มันเป็นการถ่ายทอดลมปราณที่คล้ายคลึงกับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาการต่อสู้ให้กับผู้อื่น
การถ่ายทอดลมปราณนื้ทรงพลังมาก แต่ก็มีความเสี่ยงสูง สาเหตุของความเสี่ยงนี้คือถ้าคนที่กำลังรับพลังอ่อนแอเกินไปพวกเขาอาจไม่สามารถทนต่อมันได้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ดูดซับความแข็งแกร่งเอาไว้ทั้งหมด เมื่อถึงจุดอิ่มตัวแล้วพวกเขาก็จะไม่สามารถดูดซับได้อีกต่อไป พลังที่หลงเหลืออยู่ภายในร่างกายของพวกเขาก็จะกลายเป็นอันตรายต่อพวกเขาเอง
ผู้อาวุโสซึ่งองค์หญิงใหญ่กล่าวถึงอาจเป็นชนิดหลัง เนื่องจากอายุขัยของผู้อาวุโสกำลังจะสิ้นสุดลง ชิงสุ่ยขมวดคิ้วและกล่าว “นี่อาจเป็นอันตรายได้”
“ข้ารู้ แต่ข้าเพิ่งผ่านการสืบทอดมรดกมาเมื่อเร็วๆนี้ มีพลังอันลึกลับไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของข้า มันจะช่วยลดความเสี่ยงให้น้อยลงที่สุด นอกจากนี้ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ ความเสี่ยงก็จะยิ่งเล็กน้อยลง” องค์หญิงใหญ่อธิบายเมื่อเห็นว่าชิงสุ่ยกังวล
ชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไร เขาจ้องมองไปที่องค์หญิงใหญ่
ทันใดนั้นอวี้ซูหนี่ก็ถึงกับตื่นตระหนกและรู้สึกกลัวเล็กน้อย ขณะที่เธอจ้องไปที่ชิงสุ่ย เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสงบสติอารมณ์ลงและกล่าวช้าๆว่า “แต่เดิมผู้อาวุโสเตรียมพร้อมที่จะถ่ายทอดลมปราณอยู่แล้ว ข้าเกลียดการถ่ายทอดลมปราณ ข้าไม่ต้องการปล่อยให้ท่านตายเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งของท่าน แต่ผู้อาวุโสได้ตัดสินใจแล้วด้วยตัวเอง ท่านรู้สึกว่าเวลาของตัวเองใกล้หมดลงแล้วและคงมีชีวิตอยู่ได้มากที่สุดแค่ปีเดียว”
“ระวังตัวให้มาก ข้าจะใช้เวลา 2 วันนี้เพื่อช่วยให้ร่างกายของท่านฟื้นตัวและคงความแข็งแกร่งของท่านเอาไว้” ชิงสุ่ยกล่าวและยิ้ม
“เจ้าโกรธงั้นหรือ?” นี่เป็นครั้งแรกที่องค์หญิงใหญ่ถามอะไรแบบนี้
“ทำไมท่านถึงถาม?”
“เจ้ารู้สึกว่าข้าทำทุกอย่างเพื่อความแข็งแกร่งงั้นหรือ?” องค์หญิงใหญ่ไม่แม้แต่จะกะพริบตา
“ทุกคนต่างก็หลงใหลในความแข็งแกร่ง ข้าแค่กังวลว่าท่านจะทำให้การฝึกตนของตัวเองด้อยลง ถ้าหัวใจของท่านไม่นิ่ง ความแข็งแกร่งของท่านก็จะไม่คงที่ ด้วยสิ่งนี้เมื่อท่านกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมากขึ้น ท่านจะสูญเสียการควบคุมตัวเองได้ง่ายมาก รวบรวมสติเอาไว้ อย่าให้ตัวเองตกอยู่ในวังวนแห่งการใฝ่หาความแข็งแกร่ง” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
“ข้าเข้าใจ ขอบคุณ!” องค์หญิงใหญ่ตกตะลึงและตอบกลับด้วยใจจริง
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดอาจส่งผลต่อเธอ อย่างไรก็ตามเขาไม่แน่ใจว่ามันจะส่งผลขนาดไหน
ในตอนกลางคืนชิงสุ่ยให้องค์หญิงใหญ่กลืนยาฟื้นกายาที่ปรับปรุงใหม่ลงไป หลังจากนั้นเขาพยายามช่วยเธอด้วยการฝังเข็มบางส่วน ด้วยเข็มทองคำมันสะดวกในการช่วยกระตุ้นผลของยา อย่างไรผลของยาก็ยังคงมีประสิทธิภาพมาก
พวกเขาอยู่ในห้องนอนขององค์หญิงใหญ่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชิงสุ่ยมาที่นี่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทุกอย่างแตกต่างไปจากเมื่อก่อน ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาได้รับการยืนยันแล้วจากคนอื่นๆ พวกเขายังไม่ได้ดำเนินการในขั้นตอนสุดท้าย
ตอนนี้องค์หญิงใหญ่เปลือยเปล่าจนหมดขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าจะมีเข็มทองคำอยู่ที่ด้านหลังของเธอจำนวนมาก แต่เธอก็ยังดูมีเสน่ห์อยู่เสมอ เรือนร่างสีขาวหิมะของเธอกำลังดึงดูดความสนใจ ขณะที่อยู่ภายในห้อง เขาถูกปลุกเร้าโดยเธอไปจนถึงจุดที่ร่างกายของเขาเริ่มจะลุกโชนเหมือนเปลวไฟ
องค์หญิงใหญ่เอนกายไปด้านข้าง เธอมองชิงสุ่ยด้วยดวงตาอันสวยงาม อย่างไรก็ตามเธอยังยิ้มขณะมองไปที่ชิงสุ่ย ลมหายใจของเธอเริ่มร้อนผ่าวขึ้น
ชิงสุ่ยขบฟันของเขาในขณะที่ช่วยเธอด้วยการฝังเข็ม ในขณะกันองค์หญิงใหญ่ก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของอวัยวะครึ่งล่างของชิงสุ่ย ส่วนนั้นมันยื่นออกมายาวมาก
หลังจากผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง การฝังเข็มทองคำฟื้นฟูร่างกายก็เสร็จสิ้น น่าประหลาดใจที่ผลออกมาดีผิดปกติ การฝังเข็มทองคำฟื้นฟูร่างกายจะไม่ช่วยยกระดับพลัง เป้าหมายหลักของมันคือการเสริมสร้างรากฐานคล้ายกับการหมั่นฝึกฝนพื้นฐาน
นี่เป็นการทำเพื่อทำให้ร่างกายของเธอมีเสถียรภาพมากขึ้นเพื่อรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเช่นเดียวกับภูเขา จุดประสงค์คือเพื่อให้พลังของเธอรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ภายในเส้นลมปราณและกระดูก นอกจากนี้ยังสามารถช่วยยกระดับศิลปะการต่อสู้ขึ้น
“ชิงสุ่ย ทำไมเจ้าไม่พักกับข้าที่นี่คืนนี้!”
เมื่อชิงสุ่ยดึงเข็มทองคำอันสุดท้ายออกเสร็จ เสียงขององค์หญิงใหญ่ก็ดังขึ้น