Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1365
บทที่ 1365 – การต่อสู้ พยัคฆ์ขาวแสดงพลัง ไม่อาจต้านทานได้
“ช่างน่าสงสารยิ่งนัก แต่ตระกูลอี่หวงคงไม่สนใจกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้”
“ใช่แล้ว มันคงเป็นเรื่องที่ดีหากเขาไม่ได้ไปฉกชิงตัวหญิงสาวผู้นี้หรือหากหญิงสาวผู้นี้เป็นเพียงคนธรรมดา แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะไม่ใช่คนธรรมดาและดูเหมือนว่านางจะเกี่ยวข้องกับท่านหมอเทวดาชิงด้วยเช่นกัน”
“เช่นนี้ก็ไม่ดีแล้ว เจ้าไม่เห็นงั้นหรือว่าพวกเขานั้นสนิทสนมกันอย่างยิ่ง? มีเพียงหญิงสาวเช่นนานเท่านั้นที่เหมาะสมสำหรับท่านหมอเทวดาชิง”
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าท่านหมอเทวดาชิงจะลงมือเพื่อหญิงสาวผู้นี้หรือไม่ในวันนี้? ในตอนนี้เขานั้นมีอิทธิพลอย่างยิ่ง ย่อมมีคนมากมายที่ต้องการจะช่วยเหลือท่านหมอเทวดาชิง”
“มันก็ยากที่จะบอกได้ เพราะตระกูลอี่หวงนั้นก็ถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง มีเพียงตระกูลปู้หยางที่สามารถร่วมต่อสู้กับท่านหมอเทวดาชิงได้จริงๆ หากพวกเขาก้าวออกมาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอนว่าย่อมมีอีกหลายคนที่ต้องการเข้าร่วมด้วยเช่นกัน”
…
ฝูงชนต่างคาดเดาไปต่างๆนานา มีบางคนที่นับถือตระกูลอี่หวงแต่ก็มีบางคนที่นับถือชิงสุ่ยด้วยเช่นกัน สายตาของผู้คนจำนวนมากในตอนนี้มองไปที่อี่หวง ตูซิน
“คำตอบงั้นหรือ? แม่ของเจ้าเป็นหญิงสาวของข้า เจ้าก็เป็นลูกสาวของข้าและข้านั้นเป็นพ่อที่แท้จริงของเจ้า การตายของแม่ของเจ้านั้นหากจะโทษใครก็ต้องโทษที่ชายผู้นั้น ดูเหมือนมันจะผ่านมานานหลายปีแล้ว กลับไปเถอะ เลือดที่ไหลอยู่ในร่างกายของเจ้านั้นเป็นตระกูลอี่หวง” อี่หวง ตูซินเดินออกมาและกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ
ชิงสุ่ยยังคงมีรอยยิ้มจางๆ เขารู้ว่าชายผู้นี้วางแผนอะไรอยู่
คนอื่นๆจะไม่พูดได้เช่นไร? ทุกๆคนต่างเห็นว่าชิงสุ่ยนั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับหญิงสาวผู้นี้และไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นเลือดที่หลั่งไหลอยู่ภายในร่างกายของนางนั้นก็เป็นของตระกูลอี่หวง สิ่งต่างๆในตอนนี้เกินกว่าการคาดคิดของพวกเขาไปมาก
และหญิงสาวจากตระกูลชือก็ยังคงนั่งอยู่ที่นี่เช่นเดียวกันโดยไม่กล่าวอะไรออกมา ผู้คนของตระกูลชือก็ไม่ได้ทำอะไรเช่นกัน เพราะนี่คือเรื่องของตระกูลอี่หวง
“เจ้าเหมาะสมแล้วงั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องผ่านอะไรมาบ้างตลอดหลายปี? เจ้าคิดจริงๆนั้นหรือว่าข้าสนใจตระกูลอี่หวง? ข้ามาที่นี่เพื่อทำให้เจ้าสารภาพผิดต่อท่านพ่อและท่านแม่ของข้า” อี่หวง กู่หวู๋นั้นดูไม่ได้โกรธเคืองอะไรแต่นางมองไปที่อี่หวง ตูซินด้วยความเย็นชา
“สารภาพผิดงั้นหรือ? ข้าทำสิ่งใดผิดกัน พวกเขาได้รับสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต่างก็ตายไปแล้ว เช่นนั้นข้าจะยอมรับผิดต่อพวกเขาได้อย่างไรกัน?” ไม่มีใครรู้ว่าอี่หวง ตูซินมันโง่จริงๆหรือเขาพยายามแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมา
“เจ้าสามารถทำเช่นนี้ได้เมื่อเจ้าตายไป เจ้าได้มีชีวิตอยู่มานานหลายปีแล้ว คงถึงเวลาที่เจ้าต้องไปแล้ว” อี่หวง กู่หวู๋ยิ้มอย่างเย็นชาและมองไปยังอี่หวง ตูซิน
“โอหังเกินไปแล้ว! เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับพ่อของเจ้าได้อย่างไรกัน?!”
ทันใดนั้นเสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้น อี่หวง อู๋ฟู่ยืนขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด
“ท่านพ่อของข้านั้นได้ตายไปแล้ว เจ้าเป็นใครกัน? มีสิทธิ์อะไรมายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้? เมื่อเจ้ายื่นมือเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ข้าก็จะนับรวมเจ้าไปด้วยแล้วกัน” อี่หวง กู่หวู๋ไม่ได้หันไปมองชายชราคู่นี้แม้แต่เพียงครั้งเดียว
“อี่หวง ตูซิน เจ้าจะจบชีวิตของตนเองเพื่อรับทราบความผิดที่ได้ก่อเอาไว้กับท่านพ่อและท่านแม่ของข้าหรือจะให้ข้าเป็นผู้ลงมือ?” อี่หวง กู่หวู๋ยังคงมองไปยังอี่หวง ตูซิน
“ข้าไม่บังคับเจ้า ไปเถอะ ในภายภาคหน้าเจ้าไม่ถือว่าเป็นคนของตระกูลอี่หวงอีกต่อไป” อี่หวง ตูซินส่ายศีรษะเบาๆและกล่าวออกมา
“มีเพียงขยะเช่นเจ้าเท่านั้นที่คิดว่าตระกูลอี่หวงนั้นกำลังรุ่งโรจน์ สำหรับข้าตระกูลอี่หวงนั้นไม่มีอะไรนอกจากความอับอาย ข้าได้บอกตนเองเมื่อนานมาแล้วว่าถ้าจะลบความอับอายนี้ออกไปเอง ในวันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของตน”
“พอแล้ว ตูซิน นี่คือปัญหาที่เจ้าได้ก่อเอาไว้ เช่นนั้นก็จงจัดการมันด้วยตัวเอง” ชายชรารู้สึกโกรธอย่างยิ่ง เขาเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งศักดิ์ศรีของตระกูลและไม่มีรุ่นเยาว์คนไหนในตระกูลพี่กล้าท้าทายเขาเช่นนี้ การกระทำของอี่หวง กู่หวู๋ทำให้เขารู้สึกโกรธอย่างยิ่ง
เขารู้สึกโกรธแต่ก็มีใครบางคนที่รู้สึกโกรธมากกว่าเขา นั่นคือชิงสุ่ย ชายชราผู้นี้ได้เข้ามาข้องเกี่ยวในเรื่องนี้แล้วและชิงสุ่ยรู้ว่าอี่หวง กู่หวู๋ต้องรู้สึกโกรธอย่างยิ่ง
“ผู้อาวุโส หากเจ้ากล้ากล่าวอะไรออกมาอีกข้าจะทำให้เช่าหายไปตลอดกาล” ชิงสุ่ยกล่าวเบาๆสายตาของเขาจับจ้องไปยังชายชรา
สิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวนั้นทำให้ฝูงชนโดยรอบเงียบลงไปในทันที นี่คือตระกูลอี่หวง ผู้นำของอาณาจักรอี่หวง ชายชราผู้นี้อยู่ในจุดสูงสุดของระดับพลังปราณจักรพรรดิ ไม่ว่ายังไงชายชราผู้นี้ก็ถือเป็นผู้นำของตระกูลอี่หวงและยังเป็นผู้อาวุโสสายตรงของอี่หวง ตูซิน
สำหรับพวกเขามันถือเป็นความช่วยเหลือครั้งใหญ่สำหรับตระกูลอี่หวงที่ยอมให้อี่หวง กู่หวู๋กลับมายังตระกูลอี่หวง เมื่อพูดถึงตระกูลอี่หวงย่อมไม่มีผู้ใดกล้าที่จะแสดงความโอหังเช่นนี้ออกมา มันผ่านมานานหลายปีแล้วและไม่มีผู้ใดจากตระกูลอี่หวงได้รับการรักษาจากเขามังกร แต่สิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวออกไปนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ไปถึงจุดจบ ต่อหน้าฝูงชนมากมายนี้ไม่มีทางที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาและจะกลับมาดีได้
“ฮ่าๆๆ…” อี่หวง อู๋ฟู่หัวเราะออกมา แต่ทุกๆคนนั้นก็รับรู้ได้ว่าเสียงหัวเราะของเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธ
“เมื่อใดกันที่เจ้าเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลอี่หวง? ไม่เคยมีผู้ใดกล้าที่จะแสดงความโอหังเช่นนี้ต่อตระกูลอี่หวงของเรามาก่อน ทุกๆคนคงได้เห็นด้วยตาของตนเอง นี่เป็นเรื่องของตระกูลอี่หวงของเราและข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด” อี่หวง อู๋ฟู่หันไปมองฝูงชนที่อยู่โดยรอบ
“หากเจ้ากล้าลงมือกับท่านหมอเทวดาชิง เช่นนั้นเจ้าก็ถือว่าเป็นศัตรูกับตระกูลปู้หยางของเรา” ชายวัยกลางคนจากตระกูลปู้หยางยืนขึ้นและกล่าวออกมา
“พวกเราคงทำเป็นมองไม่เห็นกับปัญหาท่านหมอเทวดาชิงไม่ได้”
…
ในตอนที่ตระกูลปู้หยางแสดงจุดยืนของพวกเขาตระกูลอื่นๆก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน หกตระกูลปู้หยางไม่แสดงจุดยืนเช่นนี้ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าคงไม่มีผู้ใดในที่แห่งนี้กล้าที่จะเข้ามาข้องเกี่ยว ไม่มีผู้ใดในที่แห่งนี้ที่จะสามารถกล้าเผชิญหน้ากับเรื่องเช่นนี้ได้
“ข้าชิงสุ่ยขอขอบคุณทุกๆท่านที่อยู่ที่นี่ แต่ถ้าอยากจะขอร้องให้ทุกๆท่านอย่าเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้” ชิงสุ่ยกล่าวกับผู้คนที่อยู่รอบๆตัวเขา
“เมื่อเจ้าอยากจะสังหารข้าเช่นนั้นก็มาเถอะ มันก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว มาเริ่มการประลองแห่งชีวิตและความตายกัน เช่นนี้เป็นไร?” อี่หวง ตูซินหรือว่าเขาคงจะไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ต่อไปได้ เขาต้องจัดการกับปัญหานี้อย่างรวดเร็ว หากปล่อยให้ล่าช้าออกไปย่อมมีเรื่องเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับพวกเขาได้
“ผู้ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้โปรดถอยไป ตระกูลอี่หวงมีบางอย่างที่ต้องจัดการในวันนี้และงานเลี้ยงในวันนี้จะถูกยกเลิกไปก่อน” อี่หวง อู๋ฟู่พยายามที่จะไล่ผู้คนให้ออกไปรวมถึงผู้คนของตระกูลปู้หยางด้วยเช่นกัน
อี่หวง กู่หวู๋ค่อยๆลอยขึ้นไปบนอากาศช้าๆ
อี่หวง ตูซินก็ตามนางไปเช่นกัน ชิงสุ่ยก็ลอยขึ้นไปเช่นกันแต่อยู่ห่างจากพวกเขา ผู้คนจำนวนมากจากตระกูลอี่หวงก็ทะยานขึ้นไปเช่นกันและคนอื่นๆต่างออกไปจากที่แห่งนี้
“หวู๋น้อย ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง กลับไปซะ!” อี่หวง ตูซินกล่าวออกมาเบาๆ
“อี่หวง ตูซิน ข้าบอกเจ้าได้แค่ว่าเจ้าจะต้องตายในวันนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อเจ้าสังหารท่านพ่อของข้าและครอบครัวของเขา เจ้าติดหนี้พวกเขามานานหลายปีและในตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องชดใช้ ในวันนี้มันจบทุกปัญหาที่นี่เถอะ”
“ข้ารู้สึกเหนื่อยมากแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่ามาโทษข้าที่ข้าไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเรา” อี่หวง ตูซินดึงดาบง้าวของเขาที่ยาวประมาณ 4 ฟุตออกมา มันหนาประมาณ 3 นิ้วและมีแสงเปล่งประกายออกมา
“หยุดพูดเถอะเจ้าขยะ ในสายตาของข้าเจ้านั้นเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่า แม้แต่พยักร้ายนั้นก็ไม่ทำร้ายลูกกูมันเองแต่เจ้าพยายามฆ่าลูกของตนเอง”
หลังจากกล่าวจบอี่หวง กู่หวู๋ก็ได้ยื่นมือของนางออกไปจากนั้นก็เรียกพยัคฆ์ขาวออกมา
โฮก!
เสียงคำรามดังออกไปไกล กลิ่นอายที่ทรงพลังทำให้ทุกๆคนรู้สึกตกตะลึง
สีหน้าของอี่หวง ตูซินได้เปลี่ยนไป เขาเพิ่งจะยกระดับเข้าสู่ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจและในตอนนี้เขาตระหนักได้ว่าพลังของพยัคฆ์ขาวนั้นดูเหมือนจะมากยิ่งกว่าเขา ในตอนนี้ผู้คนมากมายของตระกูลอี่หวงได้พุ่งเข้ามาอยู่ข้างๆอี่หวง ตูซิน
“ไป!”
เมื่อนางสะบัดมือพยัคฆ์ขาวขนาดใหญ่ก็โผล่ออกมาทันทีราวกับภาพลวงตา เสียงระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้นในอากาศ
พยัคฆ์ขาวระเบิดกงเล็บ!
ฟึบ ฟึบ…
พยัคฆ์ขาวขนาดยักษ์พุ่งไปยังผู้คนของตระกูลอี่หวงและตะปบพวกเขาส่งไปสู่ความตาย มีคนสองคนได้กลายเป็นเศษเนื้อทันทีด้วยการตะปบครั้งนี้จากนั้นก็กระจายออกไป
เมื่อเริ่มลงมืออี่หวง อู๋ฟู่ก็พุ่งออกไปหาอี่หวง กู่หวู๋ทันที เขารู้ว่าวิธีเดียวที่จะทำให้พยัคฆ์ขาวนั้นหายไปคือการสังหารอี่หวง กู่หวู๋
ทักษะย่างก้าว 9เทวา!
แม้ว่าทักษะย่างก้าว 9เทวาของอี่หวง กู่หวู๋จะไม่ได้อยู่ในระดับเทวาทั้ง 9 มันก็ยังถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังเข้ากันได้ดีกับพยัคฆ์ย่างก้าวของรูปแบบพยัคฆ์ ทักษะการเคลื่อนไหวนี้สามารถใช้งานร่วมกับพยัคฆ์ทะลายคีรี พยัคฆ์เข้าพงไพร พยัคฆ์คุ้มคลั่ง และการโจมตีรูปแบบอื่นๆของรูปแบบพยัคฆ์รวมไปถึงการโจมตีของพยัคฆ์ขาวได้
อี่หวง กู่หวู๋ได้เคลื่อนไหวไปตามตำแหน่งเทวาทั้ง 9 หรืออาจกล่าวได้ว่านางได้รวมตำแหน่งเทวาทั้ง 9 เอาไว้ในพยัคฆ์ย่างก้าว
อี่หวง กู่หวู๋ยื่นมือขวาของนางออกไป
พยัคฆ์พิฆาต!
ในตอนนี้การโจมตีของอี่หวง กู่หวู๋นั้นดูเหมือนจะแตกต่างออกไป แม้แต่ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่ารูปแบบพยัคฆ์ของอี่หวง กู่หวู๋นั้นแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง
ภายใต้การโจมตีของพยัคฆ์ขาว เหล่าผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับพลังปราณจักรพรรดิทุกๆคนต่างถูกสังหารไปในทันที ถึงแม้ว่าอี่หวง ตูซินและชายชราคนอื่นๆพยายามที่จะหยุดมัน แต่ก็มีผู้คนที่ต้องตกตายมากขึ้นไปเรื่อยๆ
คนพวกนี้ทั้งหมดคือคนของตระกูลและในอนาคตพวกเขาย่อมสามารถไปถึงระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจได้ แต่ในตอนนี้พวกเขาต่างถูกสังหารล้มตายไปทีละคน
“เจ้าเป็นคนของตระกูลอี่หวง แต่เจ้ากลับสังหารผู้คนของตระกูลอี่หวง ในภายภาคหน้าเจ้าจะตอบคำถามเรื่องนี้ต่อเหล่าบรรพบุรุษของตระกูลอี่หวงได้เช่นใด?” อี่หวง อู๋ฟู่ตะโกนออกมาในขณะที่เขาต่อสู้อยู่กับอี่หวง กู่หวู๋
“ข้าไม่ใช่คนของตระกูลอี่หวง ข้ามาที่นี่เพื่อล้างแค้น พวกเจ้าต่างหากที่ไม่อาจไปเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษของตนเองได้ไม่ใช่ข้า ข้ามาที่นี่เพื่อกำจัดตระกูลอี่หวง ข้าอยากรู้จริงๆว่าเจ้าจะตอบบรรพบุรุษของตนเองได้เช่นไรเมื่อตระกูลอี่หวงต้องถูกทำลายไปเพราะข้า” ด้วยท่าเท้าที่ทรงพลังของนางและทักษะอันน่าอัศจรรย์อี่หวง กู่หวู๋นั้นได้จัดการอี่หวง อู๋ฟู่อย่างสมบูรณ์
การโจมตีของอี่หวง กู่หวู๋นั้นทรงพลังแต่ก็เรียบง่ายอย่างยิ่ง มันให้ความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ใจออกมาราวกับว่ายกของที่มีน้ำหนักเบาแต่มันกับหนักอย่างยิ่ง การโจมตีที่มีเหมือนเบานี้กลับหนักแน่นยิ่งกว่าปะทะกับภูผา
นี่คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับประตูเทวะแห่งเต๋า
“เจ้า… เจ้า…” อี่หวง อู๋ฟู่รู้สึกโกรธจนพูดไม่ออกกับคำพูดของอี่หวง กู่หวู๋
ก่อนที่เขาจะได้กล่าวอะไรออกไปอี่หวง กู่หวู๋ก็ได้ฟาดลงมาบนไหล่ของอี่หวง อู๋ฟู่และเสี่ยงกระดูกที่หักก็ดังออกไป
อี่หวง กู่หวู๋ไม่ได้รู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่ได้หยุดการโจมตีของนางเช่นเดียวกัน ยิ่งมีชีวิตอยู่มานานหลายปีอี่หวง อู๋ฟู่ก็ยิ่งไร้ความรู้สึกมากยิ่งขึ้น คำพูดที่เขากล่าวออกไปก่อนหน้านี้นั้นถือว่าโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง แม้แต่ตอนนี้ชิงสุ่ยก็รู้สึกดีอย่างยิ่งเมื่อเขาจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
พยัคฆ์ขาวนั้นได้สังหารผู้คนไปกว่าครึ่งแล้ว พยัคฆ์ขาวดูเสมือนจริงนี้ราวกับสัตว์ร้ายที่ไม่รู้ว่าความเหนื่อยล้าคืออะไร กลิ่นอายที่มันปลดปล่อยออกมานั้นอยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจมันน่าเสียดายที่นั่นไม่ใช่กลิ่นอายที่ลึกลับแต่อย่างใด แต่กลิ่นอายสังหารที่มันปลดปล่อยออกมานั้นก็ทรงพลังอย่างยิ่ง
อี่หวง ตูซินนั้นคิดจะเข้าไปช่วยเหลืออี่หวง อู๋ฟู่แต่เขาก็ต้องรับมือกับพยัคฆ์ขาว เขาประมาทไปหน่อยและได้รับบาดเจ็บมาเล็กน้อย สิ่งที่เขาไม่ได้ตระหนักถึงก็คืออี่หวง กู่หวู๋ไม่ได้สั่งให้พยัคฆ์ขาวสังหารอี่หวง ตูซิน
หลังจากที่ไหล่ข้างหนึ่งของอี่หวง อู๋ฟู่ถูกทำลายไป ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็อ่อนแอลงไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ร่วงลงไปกองด้วยการโจมตีของอี่หวง กู่หวู๋และนั่นได้ทำลายการฝึกยุทธของเขา เขาได้สูญเสียเวลาชีวิตของตนเองไปกว่าครึ่งและหากไม่ได้รับการรักษาเขาจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงแค่ไม่กี่วัน
สำหรับคนอย่างเขานั้น การปล่อยให้เขาต้องมีชีวิตอยู่แบบคนธรรมดาคงดีกว่าการสังหารเขาในทันที สำหรับเขานี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากยิ่งกว่าการถูกฆ่า
ในตอนนี้เองก็มีกระแสพลังอันยิ่งใหญ่พุ่งมาทางด้านขวาของพยัคฆ์ขาว ทันใดนั้นการโจมตีอันทรงพลังก็พุ่งเข้าไปปะทะกับพยัคฆ์ขาวและอี่หวง กู่หวู๋ก็เรียกพยัคฆ์ขาวให้กลับมาอยู่ข้างๆนาง
“กลับมาที่ตระกูลอี่หวงและตระกูลอี่หวงจะเป็นของเจ้า” เสียงที่มีอายุดังออกมา เขาเป็นหนึ่งในชายชราหลายคนที่ได้มาที่นี่