Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1367
บทที่ 1367 – อี่หวง ตูซิน ความตาย จบอีกแบบ
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ภายใต้อิทธิพลของกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวาของชิงสุ่ย ไม่เพียงแต่ความเร็วของพวกเขาจะลดลงไปด้วยกฎแรงโน้มถ่วงนั้นทำให้ร่างกายของพวกเขาเคลื่อนไหวได้อย่างไม่สะดวกเช่นกัน นอกเหนือจากนั้นกำลังกายที่พวกเขาต้องใช้นั้นยังเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
พยัคฆ์ขาวที่อี่หวง กู่หวู๋นั้นเรียกออกมานั้นทรงพลังและดุร้ายยิ่งกว่าสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับเดียวกัน หลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมงมันก็จะหายไปโดยอัตโนมัติ ภายในเวลา 4 ชั่วโมงนี้หากพวกมันมีส่วนร่วมในการต่อสู้ก็จะใช้จิตแห่งปราณของตัวมันเองไปเรื่อยๆ หากมีการใช้ปราณมากจนเกินไปพวกมันก็จะหายไปก่อนเวลา หากพวกมันถูกโจมตีด้วยพลังทื่รุนแรงพวกมันจะสลายไปทันที
แต่เมื่อต้องปะทะกับกลุ่มคนตรงหน้านี้อย่างน้อยที่สุดพวกมันก็ไม่ได้สลายไปในทันที เพราะผู้ที่ทรงพลังที่สุดในหมู่คนกลุ่มนี้นั้นมีพลังต่ำกว่า 2 ล้านสุริยา
ตระกูลอี่หวงไม่เคยรู้สึกเสียใจมาก่อน เรื่องนี้มันผ่านมาแล้วกี่ปีกัน? พวกเขายืนอยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรอี่หวงมาโดยตลอด แต่ในวันนี้พวกเขากับต้องมาจนมุมเพราะรุ่นเยาว์เพียง 2 คน เรื่องเช่นนี้ยากที่พวกเขาจะยอมรับได้
หากอี่หวง ตูซินดูแลอี่หวง กู่หวู๋ให้ดีในตอนนั้นบางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะแตกต่างไปจากวันนี้ มันอาจไม่เป็นปัญหาสำหรับตระกูลอี่หวงที่จะปกครองเมืองในมหาทวีป แต่ในตอนนี้พวกเขากำลังตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงถึงขั้นตระกูลล่มสลายได้
พวกเขาอาจจะหนีความต้องการของสวรรค์ได้แต่ไม่อาจหนีความชั่วร้ายตัวเองได้ก่อเอาไว้ได้
ในตอนนี้ผู้คนจำนวนมากของตระกูลอี่หวงต่างเกลียดชังอี่หวง ตูซิน หากการสังหารอี่หวง ตูซินในตอนนี้นั้นสามารถทำให้ตระกูลอี่หวงกลับมาสงบสุขได้พวกเขาย่อมเลือกที่จะทำโดยไม่ลังเล
การอยู่รอดของอัจฉริยะและการอยู่รอดของตระกูลอี่หวงทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ ในทางกลับกันอี่หวง ตูซินนั้นกำลังงุนงงอยู่ในตอนนี้ เขาคิดว่ามันยากที่จะเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นจะเป็นความจริง เขาอยู่ในขั้นที่ 1 ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ แต่ในวันนี้เขากลับต้องมาเผชิญหน้ากับศัตรูที่เขาไม่อาจทำอะไรได้
เขาทำผิดไปจริงๆนั้นหรือในช่วงเวลาที่ผ่านมา?
อี่หวง ตูซินกำลังคิดถึงเรื่องนี้ ในอดีตนั้นเขาเป็นอัจฉริยะของตระกูล แม้ว่าเขาจะถือเป็นรุ่นเยาว์แต่เขาก็ถือว่ามีตำแหน่งที่สูงส่งในตระกูล การใช้ชีวิตอย่างสุขสบายทำให้เขาได้กลายมาเป็นคนแบบนี้
เขาเฝ้ามองเหล่าเสาหลักของตระกูลล้มลงไปทีละคน หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดราวกับโดนมีดเฉือน หากเสาหลักของตระกูลเหล่านี้ต้องตายจากไปทั้งสิ่งที่รอตัวเขาและตระกูลอี่หวงอยู่นั้นมีเพียงความตายเท่านั้น
“สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว เจ้าต้องการทำลายที่แห่งนี้งั้นหรือ? ข้าได้ทำเรื่องผิดพลาดไป ข้าขอน้อมรับบาปที่ได้ก่อเอาไว้กับมารดาของเจ้า”
อี่หวง ตูซินพุ่งไปตรงหน้าของอี่หวง กู่หวู๋และกล่าวออกมาเสียงดัง
“ก่อนหน้านี้ครอบครัวของพวกเขาต้องพบเจอเรื่องแบบไหนกัน? เหตุใดเจ้าจึงไม่หยุดในตอนนั้น? มีผู้บริสุทธิ์มากมาย และพวกเขาจากจ้องมองมาที่ข้า บอกข้ามาเหตุใดเจ้าจึงคิดว่าข้าจะหยุดในตอนนี้?” อี่หวง กู่หวู๋มองไปยังอี่หวง ตูซินด้วยความเย็นชา
อี่หวง ตูซินรู้สึกสำนึกผิดอย่างลึกซึ้งในจิตใจ แต่สิ่งที่เขารู้สึกยิ่งกว่านั้นคือความรู้สึกของการไร้ประโยชน์ เขาและลูกสาวของตนเองผู้นี้ไม่มีความผูกพันต่อกันและกัน เหตุผลที่เขายอมรับผิดเช่นนี้เพราะเขาไม่อยากจะเห็นตระกูลอี่หวงต้องพบเจอกับความวิบัติ
“ถ้าต้องการที่จะเห็นตระกูลอี่หวงของเจ้าถูกทำลายลงไป” อี่หวง กู่หวู๋มองไปยังอี่หวง ตูซินอย่างสงบนิ่ง ก่อนหน้านี้เป็นนางที่ต้องเห็นครอบครัวของตนเองถูกทำลายไปอย่างช้าๆ
นางไม่ยอมใจอ่อนกับอี่หวง ตูซินอย่างแน่นอน เพียงแต่คำพูดเล็กน้อยเช่นนี้ของเขาทำให้นางรู้สึกสงบมากยิ่งขึ้นได้ โดยเฉพาะการที่นางทำเช่นนี้ย่อมทำให้ท่านพ่อและท่านแม่ที่จากไปของนางได้จากไปอย่างสงบได้
“ไป!” ข้ารู้สึกยังไม่อยากสังหารเจ้าในตอนนี้!
อี่หวง กู่หวู๋สั่งให้พยัคฆ์ขาวพุ่งออกไปพร้อมกันฉันที เพียงครุ่เดียวเขาก็กระเด็นออกไปและกระอักเลือดออกมา อย่างไรก็ตามเขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อี่หวง ตูซินที่ถูกทำให้อ่อนแอลงในตอนนี้พลังของเขานั้นอยู่ต่ำกว่าระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ
ผู้คนที่ยังคงอยู่ด้านล่างในตอนนี้ล้วนเป็นตระกูลขุนนางทั้งหมด ตระกูลชือก็กำลังลังเลใจอยู่ในตอนนี้ พวกเขาได้ติดต่อกับผู้อาวุโสในตระกูลของตนเองแล้ว ในตอนนี้อีกไม่นานพวกเขาก็น่าจะมาถึง
ปัง!
ชิงสุ่ยและอี่หวง กู่หวู๋ใช้หุบเขา 9 เทวาเพื่อสังหารผู้คนอีกครั้ง ในตอนนี้เมื่อรวมกับชายชราที่เป็นผู้นำ พวกเขาต้องล้มตายไปแล้วถึง 6 คน เมื่อรวมกับอี่หวง ตูซินที่อยู่ต่ำกว่าระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจในตอนนี้ พวกเขาเหลืออยู่ 7 คนเท่านั้น
ตอนนี้เวลาใกล้จะหมดลงแล้วทั้งชิงสุ่ยและอี่หวง กู่หวู๋กลับมาร่วมมือกัน ในตอนนี้ลงมือด้วยเจตนาสังหารอย่างเต็มที่
หุบเขา 9 เทวา
พยัคฆ์ขาวได้ปิดทางหนี
เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาจึงมีหนทางเดียวที่จะหนีไป ในตอนนี้ชิงสุ่ยใช้เคล็ดวิชาพันธนาการที่ทรงพลังที่สุดของเขาออกมา
เถาวัลย์อสูรกระหายเลือด!
เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดขนาดยักษ์มีความสามารถแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เถาวัลย์นี้มีสีแดงราวกับเลือด ราวกับว่ามันสามารถฉุดดึงทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ให้ลงมาจากฟากฟ้าได้
หนามที่น่าสะพรึงกลัวของมันนั้นเปล่งประกายสีแดงออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกไปทั่วร่างราวกับได้ยินอยู่ต่อหน้าสิ่งที่ตนเองนั้นว่ากลัวที่สุด
หมูป่านักล่าสมบัติ!
ชิงสุ่ยเรียกหมูป่านักล่าสมบัติออกมา เจ้าตัวน้อยนี้อยู่ในขั้นที่ 4 สัตว์อสูรแห่งจิตวิญญาณ ความเร็วของมันได้เพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้แม้แต่ผู้ฝึกยุทธในขั้นที่ 1 ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจก็ไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บได้
มันทะลุผ่านเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดไปและช่วงชิงเอาชีวิตของผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ
ผู้ฝึกยุทธมากมายมีชีวิตอยู่ด้วยในโลกในบี้เพราะโลหิตมากมายที่เปรอะเปื้อนกระบี่ของพวกเขา แม้แต่ผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจที่เหมือนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพีระมิดพวกเขาย่อมไม่อาจหนีไปไหนได้ ชิงสุ่ยไม่คาดคิดเลยว่าตัวเขาเองจะสามารถนำพลังชีวิตของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจมาใช้ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจของตระกูลอี่หวงนั้นเหลืออยู่เพียง 3 คนเท่านั้น พวกเขาไม่แน่ใจว่ายังมีคนอื่นๆหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ แต่สำหรับในตอนนี้ทุกๆคนต่างรู้ว่าผลของการต่อสู้ได้ถูกตัดสินแล้ว
ในตอนนี้พื้นดินเบื้องล่างต่างเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ตระกูลปู้หยาง ตู่ หูจี้ ยอดฝีมือเกือบทั้งหมดของอาณาจักรอี่หวงต่างก็มาอยู่ที่นี่ เพราะนี่คือการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ มันยากที่จะพบเห็นได้แม้แต่ในรอบ 100 ปี
ปู้หยาง ชิงซินก็รู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่งในตอนนี้ หญิงสาวผู้นี้มาจากไหนกัน? นางทรงพลังยิ่งกว่าชิงสุ่ยเสียอีก ชิงสุ่ยเองนั้นก็ทรงพลังอย่างยิ่ง แต่จริงๆแล้วสิ่งที่เสมือนกันมักจะถูกดึงดูดให้เข้าหากัน ตระกูลอี่หวงเปรียบเสมือนคนตาบอดในเวลานี้
เขารู้จักอี่หวง กู่หวู๋ สิ่งที่แปลกประหลาดในเรื่องนี้คือพลังของหญิงสาวผู้นี้ เขาไม่รู้ว่านางเอามันมาจากที่ใด แต่หนึ่งสิ่งที่เขาตระหนักได้ในตอนนี้คือนางเป็นผู้หญิงของชิงสุ่ย ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตระกูลปู้หยางนั้นโชคดีเหลือเกิน
เมื่อเทียบกับตระกูลปู้หยางหลายๆตระกูลต่างรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อชิงสุ่ยมาหาพวกเขาครั้งแรกก็มีบางคนได้สร้างความวุ่นวายให้แก่เขา ยังมีบางตระกูลที่เสียใจเพราะไม่ได้สานความสัมพันธ์อันดีกับชิงสุ่ย ปกติแล้วมันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนอย่างชิงสุ่ย เมื่อคนคนหนึ่งยากจน ประสบปัญหาในชีวิต ก็มีเพียงสหายที่แท้จริงเท่านั้นที่จะยื่นมือออกมาช่วยเหลือ
สำหรับในตอนนี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับชิงสุ่ยที่จะเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจทั้ง 3 คนพร้อมกับพยัคฆ์ขาวทั้ง 6 ตัว ทั้งสามคนนี้หนึ่งในพวกเขานั้นคืออี่หวง ตูซินและอีกคนได้รับบาดเจ็บไปแล้ว
การล่มสลายของตระกูลอี่หวงนั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในตอนนี้ แม้ว่าจะมีบางคนที่สามารถเอาชีวิตรอดไปได้แต่ตระกูลอื่นๆก็ย่อมที่จะเข้ามาเหยียบย่ำตระกูลอี่หวง
“อี่หวง ชิงเฟิงนั้นเป็นคนของตระกูลอี่หวง เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเจ้าก็เป็นเลือดของตระกูลอี่หวง ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับหรือไม่เจ้าก็คือคนของตระกูลอี่หวง จงฟังผู้คนของตระกูลอี่หวง หากพวกเราตายไปในวันนี้ นางจะกลายเป็นประมุขของตระกูลอี่หวง ในภายภาคหน้าแม้ว่านางจะตัดสินใจสังหารพวกเจ้ามันก็คงไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรไปได้” ชายชราที่เป็นผู้นำตะโกนออกมาเสียงดัง
ที่ชายชรากำลังทำเช่นนี้ก็เพื่อหาหนทางรอดของผู้คนตระกูลอี่หวง มันคงจะดีกว่าโดนคนอื่นสังหารหากนางเป็นคนสังหาร เพียงแต่นางย่อมไม่ฆ่าพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นนี่จึงเป็นหนทางรอดเดียวของตระกูลอี่หวง
สำหรับคนอื่นๆของตระกูลอี่หวงที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาต้องยอมรับมันอย่างแน่นอน ในทางกลับกันผู้คนของตระกูลอื่นๆพวกเขาก็ได้รับรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน ไม่ว่ายังไงสิ่งที่เขาได้กล่าวมานั้นก็ถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง
แอ้…..
เสียงร้องของเด็กทารกดังออกมาอย่างชัดเจน หญิงสาวคนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกอดเด็กหญิงน้อยเอาไว้
“เจ้าทนเห็นพวกเขาต้องตายไปได้งั้นหรือ? ดูสิว่าเจ้ากับนางคล้ายคลึงกันแค่ไหน แม้ว่าเจ้าจะไม่ยอมรับว่านางเป็นน้องสาวของเจ้า จะเจ้าจะทนเห็นเด็กที่มีอายุเพียงไม่กี่เดือนต้องตายไปได้งั้นหรือ?”
เด็กหญิงน้อยผู้นี้ดูคล้ายคลึงกับอี่หวง กู่หวู๋อย่างยิ่ง อันที่จริงแล้วตอนนี้ก็มีเหล่าหญิงสาวและเด็กๆของตระกูลอี่หวงได้มารวมตัวกันและร้องไห้ออกมา ตราบใดที่พวกนางไม่ได้โง่พวกนางย่อมรู้ดีว่าตระกูลอี่หวงนั้นได้ล่มสลายไปแล้ว โชคชะตาที่รอคอยพวกนางอยู่นั้นช่างโหดร้ายยิ่งนัก
สีหน้าของอี่หวง กู่หวู๋นั้นดูเย็นชาอย่างยิ่ง นางมองไปยังเด็กหญิงน้อยผู้นี้ ก่อนหน้านี้อี่หวง ตูซินนั้นได้สังหารผู้บริสุทธิ์มากมายตามที่เขาพอใจ แต่คนเหล่านี้ก็บริสุทธิ์ สิ่งใดกันที่เป็นบาปของเด็กๆพวกนี้ พวกเขาต้องยอมรับเรื่องนี้แม้ว่าจะมีอายุเพียงไม่กี่เดือนนั้นสะกดหรือ? หากนางกระทำเช่นเดียวกันกับเขา เช่นนั้นนางก็เลวร้ายไม่ต่างจากสัตว์ใช่หรือไม่?
ทันใดนั้นอี่หวง กู่หวู๋ก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอเคยทำมาในอดีตยังไม่ถูกต้อง นางหันกลับไปแล้วมองไปยังชิงสุ่ย เขายิ้มขณะมองตรงมาที่นาง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอดทน การให้อภัยและมันดูสับสนอย่างยิ่ง แต่ในตอนที่นางได้จ้องมองเขานั้นความสับสนในสายตาของเขาก็หายไปในทันที
อี่หวง กู่หวู๋ได้เข้าใจแล้วในตอนนี้ เขาพยายามทำให้นางเข้าใจในเรื่องนี้ การตระหนักถึงเรื่องนี้ได้อย่างฉับพลันทำให้มีบางอย่างเปลี่ยนไปในร่างกายของนาง พลังของนางค่อยๆเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้ดูเหมือนจะมีรอยแตกร้าวบนประตูของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจแล้ว
การตระหนักถึงเรื่องเช่นนี้เป็นสิ่งที่ง่ายดายอย่างยิ่ง แต่มีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องกับมันเท่านั้นจึงจะได้รับรู้ว่ามันยากลำบากอย่างยิ่ง การให้อภัยศัตรูของตนเอง…… การปล่อยศัตรูที่เคยทำเรื่องชั่วร้ายไปในตอนที่สามารถที่จะสังหารพวกมันทั้งหมดได้….. นี่เป็นเรื่องที่ยากยิ่งที่จะสำเร็จ โดยเฉพาะในสถานการณ์ของอี่หวง กู่หวู๋นางมีความคิดในเรื่องนี้มามากกว่า 10 ปีแล้ว มันยากยิ่งนักที่นางจะหยุดได้
ในตอนนี้เมื่อชายชราจากตระกูลอี่หวงได้เห็นสีหน้าของอี่หวง กู่หวู๋เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “พวกเรายอมตาย ด้วยวิธีนี้แม้ว่าพวกเราจะต้องตายไปก็ยังสามารถไปพบหน้าบรรพบุรุษของตนเองได้”
ทันทีที่ชายชรากล่าวจบ โลหิตจำนวนมากก็ไหลออกมาจากทวารทั้ง 7 ของเขา หลังจากนั้นเขาก็ร่วงหล่นลงไปจากท้องฟ้าทันที
ชายชราผู้นี้ได้ฆ่าตัวตาย
ชิงสุ่ยรู้สึกเศร้าเล็กน้อยในหัวใจของเขา สำหรับคนที่อยู่มาจนถึงอายุเท่านี้พวกเขาย่อมผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย กลุ่มคนเหล่านี้พวกเขาดูแลเฉพาะเรื่องมรดกตกทอดของตระกูลเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับมรดกของตระกูลแล้วชีวิตของพวกเขานั้นก็ถือว่ามีค่ามากกว่า
ในตอนนี้เมื่อรวมกับอี่หวง ตูซินก็เหลือผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจเพียงสองคนเท่านั้น ในตอนนี้ทุกๆคนหวังว่าเรื่องนี้มันจะสามารถจบลงได้
“กล่าวมา ข้าจะยอมรับข้อเสนอของเจ้า หลังจากนั้นข้าจะฆ่าตัวตายต่อหน้าหลุมศพของพ่อและแม่ของเจ้าเพื่อเป็นการขอโทษในสิ่งที่ข้าได้กระทำไป” อี่หวง ตูซินรู้ว่าอี่หวง กู่หวู๋ย่อมไม่ให้อภัยเขาอย่างแน่นอน และรู้ว่าในตอนนี้รุ่นเยาว์ของตระกูลอี่หวงจะไม่ถูกคนอื่นๆรังแก เขาก็รู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าอี่หวง กู่หวู๋จะคิดไปต่างๆนาๆในเรื่องนี้แต่ความจริงก็คือนางได้สังหารคนบริสุทธิ์ไปมากมาย นางไม่อยากจะทำแบบเดียวกับเขา แต่สำหรับการสังหารหมู่ในตอนนั้นตราบใดที่พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องพวกเขาทั้งหมดก็ต้องตาย
“ตระกูลสาขาทั้งหมดของท่านพ่อของข้านั้นได้ตายไปจนหมดสิ้น ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นจะต้องตายทุกคน ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดได้รับการยกเว้นในเรื่องนี้” อี่หวง กู่หวู๋กล่าวอย่างช้าๆขณะที่นางมองตัวอย่างอี่หวง ตูซิน สำหรับนางชายผู้นี้ช่างไร้ค่าอย่างยิ่ง ความรักในครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นได้ด้วยความสัมพันธ์ทางสายเลือด
“สำหรับเรื่องนี้ข้าจะแจ้งคนอื่นๆให้ดำเนินการในทันที” เมื่ออี่หวง ตูซินกล่าวจบ เขาก็เป่านกหวีดออกมา ชายชราคนหนึ่งบินขึ้นมาจากเบื้องล่าง อี่หวง ตูซินไม่ได้ปิดบังอะไรในขณะที่เขาแจ้งชายชราเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องทำ
……
อี่หวง ตูซินได้ตายไป แต่ผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจของตระกูลอี่หวงนั้นยังเหลืออยู่อีก 1 คน อี่หวง กู่หวู๋แต่งตั้งให้เขาเป็นประมุขของตระกูลอี่หวง นางปฏิเสธที่จะเป็นประมุขของตระกูลอี่หวง แต่นางก็มั่นใจได้ว่าในตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะล่วงเกินตระกูลอี่หวง
ยุคสมัยของพวกเขาได้จบลงไปแล้ว ผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจของตระกูลอี่หวงที่เหลืออยู่คนสุดท้ายนั้นถือว่ามีอายุน้อยที่สุดหากไม่นับอี่หวง ตูซิน ศักยภาพในการเติบโตของเขายังคงมีอยู่ แต่เขาจะนำตระกูลอี่หวงไปในทิศทางไหนนั้น นี่เป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ
ปัญหาทั้งหมดถูกแก้ไขจนหมดสิ้น การจบลงของเรื่องนี้ยังคงเหนือความคาดหมายของทุกๆคน แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในตอนแรกเขาคิดว่าตระกูลอี่หวงหรืออย่างน้อยสาขาของตระกูลอี่หวงจะถูกทำลายไปจนหมดสิ้น แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญมากที่สุดนางได้เปลี่ยนความคิดไปอย่างรวดเร็วและได้มองเห็นความจริงนั่นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
บางครั้งกฏที่ว่า “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ก็อาจจะไม่ได้ผลเสมอไป