Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1371
บทที่ 1371 – เส้นทางสู่อนาคตที่สว่างไสว
ชิงสุ่ยตกตะลึงอยู่พักใหญ่ จุดตันเถียนของเขาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันมหาศาลอีกครั้ง เกราะอสูรสำแดงและ กระบี่ดารายุพฆาตได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งภายใต้เส้นลมปราณวชิระ หุบเขา 9 เทวา ที่ทรงพลังได้เข้าเสริมความสามารถในตัวของชิงสุ่ย
และนี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ดินแดนพลังเทวะแห่งเต๋าปรากฏให้ชิงสุ่ยได้รับรู้ เมล็ดสีทองที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขาก็ได้แปรสภาพไปเป็นเส้นลมปราณวชิระเช่นกัน ในอดีตพลังปราณจะมีสภาพคล้ายกับของเหลว แต่ในตอนนี้มันได้ก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็นรูปแบบที่สามารถจับต้องได้!!
ในตอนนี้ถ้าหากเขาใช้พลังตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่งของเขาจะพุ่งทะยานขึ้นสูงถึง 5 ล้านสุริยา และถึงแม้ว่าจะเป็นทักษะการเคลื่อนไหวอสรพิษไอยรา ความแข็งแกร่งที่เขาจะเพิ่มพูนได้นั้นก็ยังคงมากกว่า 2 ล้านสุริยา ถ้าหากว่าเขาจำเป็นจะต้องต่อสู้กับผู้ฝึกตนปราณบัญชาสวรรค์พินาศแห่งตระกูลอีหวงในตอนนี้และก็ ชิงสุ่ยมั่นใจว่าเขาจะสามารถกำจัดทุกคนได้อย่างรวดเร็ว
และแล้วชิงสุ่ยก็ได้บรรลุขึ้นสู่คลื่นสวรรค์ชั้นที่ 8 ของเคล็ดวิชากายาบรรพกาลและได้บรรลุเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์ขั้นเบื้องต้น เคล็ดวิชาสรวงสวรรค์วชิระเต็มไปด้วยอำนาจและพลังแต่เขาก็สามารถใช้มันได้เพียงวันละครั้งเท่านั้น เคล็ดวิชาสรวงสวรรค์พื้นฐานคือสิ่งที่น่าอัศจรรย์ มันเป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้ฝึกตนปราณจักรพรรดิและผู้ฝึกตนปราณบัญชาสวรรค์พินาศบางคนไม่อาจรองรับพลังอันแสนน่ากลัวเหล่านั้นได้
เกราะทองคำเป็นทักษะติดตัวที่ทำให้ชิงสุ่ยมีพลังป้องกันทรงอำนาจมากจนผู้อื่นต้องยอมพ่ายแพ้เมื่อเผชิญหน้ากับมัน มันจะสามารถปกป้องเขาได้เมื่อถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง 3 ครั้ง ซึ่งพลังป้องกันนั้นย่อมสูงมากกว่าพลังป้องกันพื้นฐานของตัวเขา อีกทั้งมันยังสามารถระเบิดความรุนแรงออกมาได้วันละ 1 ครั้ง
และแม้ว่าชิงสุ่ยจะยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว พลังของผู้ที่อยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นปราณบัญชาสวรรค์พินาศก็ไม่อาจทําร้ายตัวเขาได้ เพราะคนเหล่านั้นมีพลังไม่มากพอจะทำลายเกราะทองคำของชิงสุ่ย
ส่วนทักษะวชิระจู่โจม ถ้าหากชิงสุ่ยเลือกที่จะใช้มันออกมา เขาก็สามารถสังหารผู้ฝึกตนปราณบัญชาสวรรค์พินาศระดับที่ 1 และ 2 ได้ทันที
ส่วนท่วงท่าวชิระไร้เงาเมื่อถูกใช้งาน ความเร็วของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวและจะอยู่คงที่เป็นเวลา 15 นาที
ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจอย่างมากในที่สุดเขาก็ก้าวขึ้นสู่ระดับที่ 8 ซึ่งอาจพิจารณาได้ว่าในตอนนี้เขาเองก็ยืนอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้ฝึกตนปราณบัญชาสวรรค์พินาศเพียงแต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเขานั้นอยู่ในระดับใด
ทางด้านอี่หวงกู่หวู๋ เธอเลือกที่จะจากไปเพราะไม่ต้องการรบกวนชิงสุ่ย ชิงสุ่ย เติมน้ำลงในถังและเติมหยดน้ำแห่งฤดูใบไม้ผลิลงไปเพื่อรักษาเสถียรภาพของร่างกาย การกระทำเหล่านี้อาจไม่ใช่สิ่งที่สามารถเพิ่มความพลังได้โดยตรง แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการเพิ่มพูนขีดจำกัดความสามารถของตนเอง
บางทีที่ชิงสุ่ยลงไปในถังน้ำ น้ำก็แปรสภาพกลายเป็นสีขุ่นจนคล้ายกับก้อนเมฆ มันเป็นสีที่น่าตกใจยิ่งกว่าของอีหวงกู่หวู๋เสียอีก
หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ ชิงสุ่ยไม่เคยรู้สึกสดชื่นเช่นนี้มาก่อน ร่างกายของเขากำลังมีความสุขอย่างมากราวกับว่ารูขุมขนทั้งหมดในร่างกายของเขากำลังเปิดรับพลังปราณแห่งสวรรค์และโลกเข้าสู่ร่างกาย
การก้าวขึ้นสู่ขึ้นสวรรค์ชั้นที่ 8 ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆมากมาย เขาสามารถทำในสิ่งต่างๆที่ก่อนหน้านี้เขาไม่อาจทำได้
เมื่อออกมาจากห้อง อี่หวงกู่หวู๋ หมอปีศาจ หยวนสู่ ลี่จี๋ต่างกำลังนั่งรออยู่รอบๆ ทันที่ที่ทั้งหมดเห็นชิงสุ่ย ทุกคนต่างยิ้มและกล่าวทักทาย แต่ก็คงมีเพียงแค่เฉพาะชิงสุ่ยและอี่หวงกู่หวู่ที่รับรู้ถึงความอันตรายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ดังนั้นคนอื่นจึงยังคงดูสงบนิ่ง
“อืมม น้องชาย ดูเหมือนว่าเจ้าจะแตกต่างไปจากเดิมนะ”หมอปีศาจจ้องมองชิงสุ่ยขณะกล่าว อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรที่มันแตกต่างไปจากเดิม
ในตอนนี้ หอคอยจักรพรรดิได้เติบโตขึ้นอย่างมาก และอี่หวงกู่หวู่ก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกของหอคอยจักรพรรดิและเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ไม่ใช่หมอ แต่สถานที่แห่งนี้เธอถือได้ว่าเป็นเจ้าของอยู่ 10% อาจเป็นเพราะว่าชิงสุ่ยรู้ตัวว่าจะต้องออกเดินทางในเร็วๆนี้และจำเป็นต้องมีคนคอยเฝ้าดูพัฒนาการของหอคอยจักรพรรดิ อีกทั้งทักษะทางการแพทย์ของหมอเทวดาและหยวนสู่เองก็ไม่มีอะไรต้องห่วง เมื่อผนวกกับอี่หวงกู่หวู่ที่แข็งแกร่งแล้วสถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ที่ปลอดภัย
อี่หวงกู่หวู่เอ็งก็บรรลุขึ้นสู่ระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศ เธอสามารถควบคุมขั้วอำนาจสำคัญของตระกูลอี่หวงได้ทั้งหมด ถ้าหากเธอใช้พลังพยัคฆ์ขาวทั้ง 6 แม้แต่ตัวของชิงสุ่ยก็ยังจัดการเธอได้ยาก เว้นเสียแต่เขาจะเปิดใช้ทักษะเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์วชิระ
ในเมื่อเขาเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะในช่วงกลางวันดังนั้นช่วงกลางคืนเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้ข้ามเส้นระหว่างเขากับอี่หวงกู่หวู๋ โดยปกติแล้วเขาจะห้ามปรามความปรารถนาของเขา โดยจะใช้มันเฉพาะการฝึกฝน อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออี่หวงกู่หวู๋ได้ลิ้มลองรสชาติทางเพศอาจจะเรียกได้ว่ามันเป็นความรู้สึกพิเศษในชีวิต จึงทำให้เธอหลงใหลในมัน
“ชิงสุ่ยอย่าเพิ่งไปไหนเลย ดวงอาทิตย์ก็กำลังจะตกแล้ว”อี่หวงกู่หวู๋กอดแขนของชิงสุ่ยเอาไว้ เธอเปรียบเสมือนปีศาจตัวน้อยที่ทำให้ผู้คนที่สบตาต้องยอมสยบ
“เจ้าปีศาจน้อย เจ้าเต็มอิ่มกับมันหรือยัง?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกระซิบข้างหู
“ข้าพึงพอใจแล้ว”
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอกล่าวเธอยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ แต่ในตอนนี้ทุกอย่างที่เธอต้องการมันครบถ้วนแล้ว ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงพลังงานที่อ่อนล้าในร่างกายของเธอ “ชิงสุ่ย เจ้ารู้หรือไม่ว่าน้องสู่นั้นชอบเจ้า?” อี่หวงกู่หวู๋ถาม ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน
“ข้าเองก็ไม่รู้ ว่าแต่น้องหวู๋หวู๋รู้ได้อย่างไร?”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวถาม ชิงสุ่ยเองเหมือนจะรู้สึกบางอย่างจากเธอ แต่มันก็เป็นความรู้สึกเมื่อยาวนานมาแล้วก่อนที่ทั้งสองจะลาจากกัน
“ที่ข้ารู้ก็เพราะนางเป็นคนบอกข้าเองทั้งหมด เมื่อก่อนนางอาจจะทำในสิ่งที่ไม่ดีลงไปเพราะกลัวว่าจะตกหลุมรักเจ้า และแม้ว่าทั้งนางและก็เจ้าจะไม่ได้พบเจอกันมาหลายปี แต่นางก็ยังคงไม่ลืมเลือนเรื่องเหล่านั้น ช่างน่าเสียดายที่นางเองก็หยิ่งทะนงเกินไปจึงไม่ได้ตามหาเจ้า แต่โชคดีของนางที่ได้มาเจอเจ้าในที่แห่งนี้ และนางบอกว่าแม้เวลาจะผ่านไปเท่าไรนางก็ยังคงคิดถึงเจ้าอยู่เช่นเดิม”อี่หวงกูหวู๋กล่าว
“แล้วเจ้าไม่รู้สึกโกรธหรือที่คนอื่นจะแย่งชิงตัวข้าไปจากเจ้า?”
“มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ไม่มีผู้หญิงคนใดหรอกที่พร้อมจะแบ่งปันชายที่ตัวเองรักให้กับผู้อื่น มันก็เหมือนกับที่ผู้ชายไม่เต็มใจแบ่งปันผู้หญิงของตนเองให้กับชายอื่นเช่นกัน อย่างไรก็ตามสังคมของเรานั้นแบ่งออกจากความสามารถ ซึ่งคนมีความสามารถก็ย่อมต้องมีภรรยาหลายคนเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นข้ารักเจ้า ข้าจึงยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้ากระทำ ตราบเท่าที่เจ้าจะรักใครข้าก็เต็มใจแบ่งปันและอยู่ร่วมกันกับพวกนาง”อีหวงกู่หว๋ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลง แต่ชิงสุ่ยก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจ
ชิงสุ่ยยังคงกอดเธอแน่นและรู้สึกขอบคุณในความคิดของเธอ มันเป็นความรู้สึกขอบคุณต่อความรักที่เธอมีแต่เขา
“ชิงสุ่ย น้องสาวสู่เป็นผู้หญิงที่ดี ข้าเคยพูดกับนางมาก่อนและรู้สึกได้ว่าความรักของนางนั้นฝังลึกในจิตใจนางมาก ถ้านางไม่ได้อยู่ร่วมกับเจ้าถ้าคิดว่าอนาคตความสุขของนางก็คงเกิดขึ้นได้ยากมาก นางอาจจะอยู่ตัวคนเดียวจนกระทั่งชีวิตของนางดับสิ้นไป”อีหวงกูหวู๋เงยหน้ามองชิงสุ่ยขณะกล่าว
“เจ้าไม่รู้สึกเสียดายที่ปล่อยหญิงสาวที่แสนงดงามเช่นนี้ไปงั้นหรือ?”อีหวงกู่หวู๋กระพริบตาที่แสนงดงาม
“เจ้าปีศาจน้อย หญิงสาวเช่นเจ้าคือคนแบบที่ข้าชอบที่สุดเลย ต่อให้เจ้าตัวกลืนกินน้ำในร่างกายข้าจนแห้งเหือดข้าก็ยอม”ชิงสุ่ยก้มหน้าจมลงสู่อ้อมอกยอดภูเขาคู่ จากนั้นเสียงร้องสะท้านก็ดังออกมาจากภายในห้องอีกครั้ง
…………….
อีกสามวันถัดมา ชิงสุ่ยได้ใช้ธงสวรรค์ปัญจธาตุเพื่อนเดินทางกลับไปยังตระกูลชิง แม้ว่าเขาจะพัฒนาตัวเองจนก้าวข้ามขึ้นสวรรค์ชั้นที่ 8 ไปได้ และไม่ว่าจะวุ่นวายเพียงใดชิงสุ่ยก็มักจะกลับมายังตระกูลของเขาเดือนละครั้งเสมอ อาจเป็นเพราะว่าเขาได้บอกกับตระกูลของเขาว่าเขาจะกลับมาเดือนละครั้งซึ่งถ้าหากเขาไม่ได้กลับมาคนอื่นอาจจะเป็นห่วงและวิตกกังวล
ดังนั้นชิงสุ่ยจึงพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะกลับมา และอย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข
ทั้งด้านพัฒนาการของตระกูลชิงก็เป็นไปอย่างรวดเร็วเพราะความรู้และความสามารถของชิงสุ่ย เขามักจะนำทุกอย่างของเขามาเพื่อส่งเสริมรากฐานของตระกูล
ชิงสุ่ย คือเสาหลักที่ยิ่งใหญ่ของตระกูล ตัวของชิงหลัวนั้นได้วางมือจากการทำหน้าที่หัวหน้าตระกูลเป็นที่เรียบร้อยแล้วและส่งมอบมันให้กับชิงอี้ผู้ซึ่งเป็นแม่ของชิงสุ่ยทำหน้าที่ แต่เธอจะปล่อยให้ชางห่ายหมิงเยวี่ยและคนอื่นๆตัดสินใจในเรื่องราวต่างๆ เธอจะคอยแก้ไขปัญหาในบางส่วนและยินดีที่จะมอบหน้าที่การตัดสินใจให้กับคนอื่น ชิงอี้มักจะใช้เวลาทั้งหมดของเธอในการเล่นกับเหล่าหลานๆ เธอคอยแนะนำและสร้างความรู้ให้กับเด็กๆทุกคน ซึ่งเด็กๆส่วนใหญ่ก็จะใกล้ชิดกับเธอมาก แม้ว่าชิงหมินจะเป็นคนที่ไม่ชอบสุงสิงกับใครยกเว้นชิงอี้
ชิงหมินรู้ดีว่าประกาศิตคำพูดยายของเขาคือสิ่งที่ใหญ่ที่สุดในตระกูลชิง ตราบใดที่เธอเอ่ยปากก็จะไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่ง อีกทั้งยายของเขายังดูแลเขาดีที่สุด