Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1383
บทที่ 1383 – เขาคือเยียน ตี้ ผู้ฝึกตนแห่งมหาทวีปมังกรอหังกาล นิกายประมุขอสูร..หนึ่งในพลังมารทั้งสี่
ชิงสุ่ยไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่พยักหน้า
“ข้าก็ไม่รู้อะไรมากนัก คนมากมายเรียกเขาว่าเยียน ตี้ เขาแข็งแกร่งมากในมหาทวีปมังกรอหังกาล ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ข้าไม่รู้”หลิงฮู ยูมองชิงสุ่ยและตอบ
เยียน ตี้… ชิงสุ่ยตะลึง นี่คือชื่อเขาหรือคนอื่นตั้งให้กันแน่…. มหาทวีปมังกรอหังกาลกับมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ มหาทวีปใดแข็งแกร่งกว่ากัน?..
ว่ากันว่าพลังของทั้งสองสูสีกัน!
“ขอบคุณที่ตอบ”ชิงสุ่ยขอบคุณจากใจจริง
“พวกเรายินดี ..แต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง มหาทวีปมังกรอหังกาลและมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ ไม่ค่อยจะดีเท่าไร ดังนั้น….”
“ข้ารู้ ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าข้าควรทำอะไร..”
ชิงสุ่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ ในที่สุดเขาก็ได้ข่าวของอีกฝ่าย นี่ถือเป็นการพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว ในตอนแรกเขาคิดว่าชายคนนั้นอยู่ที่มหาทวีปอุดรเทวาที่กว้างใหญ่ ดังนั้นหากเขายังอยู่ที่มหาทวีปมังกรอหังกาลก็ถือเป็นเรื่องง่ายสำหรับชิงสุ่ย
“ข้ามีอีกเรื่องอยากจะถาม”ชิงสุ่ยยิ่งอยากรู้
“ไม่ต้องพิธีรีตองหรอก ถามมาเลย ตราบเท่าที่ข้ารู้ ข้าจะบอกเจ้า” หลิงฮู ยูบอกอย่างเป็นกันเอง
“ข้าอยากรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของนิกายประมุขอสูร” ชิงสุ่ยลังเลก่อนจะถาม
“นิกายประมุขอสูร?” หลิงฮู ยูมองชิงสุ่ยแปลกๆอีกครั้ง เขารู้ว่าชิงสุ่ยคงไม่ถามอะไรโดยไม่มีเหตุผล แต่ถึงอย่างนั้นเขาเกี่ยวข้องอย่างไรกับประมุขอสูร? แน่นอนว่าชิงสุ่ยคงไม่ใช่ศัตรูกับพวกเขา แต่ในตอนนั้นหลิงฮู ยูไม่สามารถคาดเดาคำตอบได้
ชิงสุ่ยมองเห็นความลังเลของหลิงฮู ยู เขาจึงพูดขึ้น “ท่าน..ต้องบอกความจริงกับข้า”
หลิงฮู ยู พยักหน้า “นิกายประมุขอสูรเป็นหนึ่งในพลังมารทั้งสี่เพราะพลังที่แข็งแกร่งนั้นนำพวกเขาไปสู่จุดจบที่ขมขื่นด้วยพลังของพวกผู้ผดุงคุณธรรม นิกายประมุขอสูรตั้งอยู่ระหว่างสามมหาทวีปและสมาชิกกระจัดกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของแต่ละทวีป”
หลิงฮู ยูไม่ได้พูดอะไรอีก
” กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำเป็นศัตรูกับนิกายประมุขอสูร?” หลังจากชิงสุ่ยถาม ก่อนจะคิดได้ว่าไม่ควรถามเช่นนั้นออกไป
“ก็น่าจะใช่ เพราะคติของกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำคือความยุติธรรม” หลิงฮู ยู ตอบ
“ข้าอยากรู้ว่า นิกายประมุขอสูรชั่วร้ายมากเลยเหรอ?”ชิงสุ่ยถามโดยที่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาอยากรู้อะไรกันแน่
“ไม่มีอะไรแน่ชัดระหว่างความยุติธรรมและความชั่ว ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะฆ่าทุกคน คนชั่วเองก็มีเหตุผลที่จะฆ่า และความดีกับความชั่วนั้นก็มีความหมายใกล้เคียงกัน บางครั้งคนดีก็เป็นพวกหน้าซื่อใจคด ซึ่งแย่กว่าคนชั่วเสียอีก ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้แน่ชัดหรอกว่าอะไรคือความดีหรือความชั่ว จะมีก็แต่ศัตรูและการแก้แค้น” หลิงฮู ยูยิ้มและมองชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยยิ้มตอบ“ท่านช่างฉลาดหลักแหลม มีใครใน 3 มหาทวีปที่สามารถจัดการพวกเขาได้ไหม?”
“โลกนี้มีทั้งดีและชั่ว เพื่อความสมดุล ไม่ว่าที่นั่นจะสงบเพียงใด แต่ก็ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายได้ ไม่ว่าเมืองนั้นจะร่ำรวยขนาดไหน ก็ต้องมีคนที่ยากจน และพลังความดีและความชั่วของแต่ละคนนั้นก็มีความหมายเพื่อความอยู่รอด นี่คือกฎของโลก”
ชิงสุ่ยพยักหน้า เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ชายชราพูด
…
ในห้องโถงตระกูลเย่หลาง ชายชราท่าทางดุจราชสีห์ปรากฏตัวด้านท่าที่ไม่เป็นมิตร เย่หลาง เชียนหยวนยืนอยู่ตรงหน้าชายคนนั้นด้วยท่าทางหวาดกลัว ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใด หากเสียผู้ฝึกตนอาณาจักรพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจ ไปสิบกว่าคน ก็เหมือนกับสูญเสียแขนไป จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะโมโห แล้วพวกเขาจะไม่โมโหได้อย่างไร ?
เย่หลาง เชียนคุนยืนอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ เขาสวมชุดไว้ทุกข์ แม้จะพยายามห้ามทุกคนแต่เพราะความเหย่อหยิ่ง ทุกคนจึงถูกชิงสุ่ยสังหาร และตอนนี้ตระกูลเย่หลางกำลังเผชิญกับความลำบากครั้งใหญ่
แม้จะใช้คนทั้งตระกูลไปจัดการชิงสุ่ย แต่จะมีประโยชน์อะไร? ตระกูลเย่หลางอาจจะกลายเป็นฝ่ายที่ถูกทำลายและหายไปจากประวัติศาสตร์ด้วยฝีมือของชิงสุ่ยคนเดียวด้วยซ้ำ
ชายชราอีกคนเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดี เขาโกรธมากจนตัดสินใจจะสังหารชิงสุ่ยด้วยตนเอง
“ถ้าข้าไม่แก้แค้น ข้าก็คงสงบใจลงไม่ได้ และความเกลียดชังนี้ก็จะค้างคาใจข้าไปตลอดกาล”ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัด
เมื่อเย่หลาง เชียนคุนได้ยินสิ่งที่ชายชราบอก เขาถอนหายใจอีกครั้ง แม้เขาจะถอนหายใจเบา ๆ แต่ทุกคนก็ได้ยินชัดเจน
“เชียนคุน ทำไมถึงถอนหายใจล่ะ?”ชายชราถามอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ชายชราคิดว่าเขาน่าจะพึ่งพาได้มากกว่าเย่หลาง เชียนหยวน ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาต้องปกป้องรุ่นต่อไป ซึ่งความคิดของเขาก็คือเย่หลาง เชียนคุนที่จะเป็นที่พึ่งต่อไป
“ท่านประมุข ถ้ามีท่านอยู่ตระกูลเย่หลางจะรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วและก้าวไกลแน่ ดังนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นกับท่านก็เท่าจุดจบของตระกูลเย่หลาง” เย่หลาง เชียนคุนพูดอย่างตรงไปตรงมา
สิ่งที่เขาพูดนั้นอาจจะเย็นชาเล็กน้อยจนหลายคนในที่นี้รู้สึกตกใจ แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ชื่นชมความกล้าหาญของเย่หลาง เชียนคุน นั่นเพราะเย่หลาง เชียนคุนพูดเพื่อประโยชน์ของตระกูล
ชายชราไม่พูดอะไร เขามีชีวิตมานานมากแล้วและเรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต การมองดูตระกูลมุ่งไปยังจุดสูงสุดนั้นคือความตั้งใจของเขา และตอนนี้ตระกูลเย่หลางก็อยู่ในตำแหน่งต้น ๆ ของผู้มีอำนาจ จึงยากที่พวกเขาจะหันหลังกลับ
“เชียนคุน แล้วเจ้าคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นงั้นเหรอ?”ชายชราเริ่มสงบใจลง
“ท่านประมุข อนาคตความสำเร็จของชิงสุ่ยนั้นไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเย่หลางจะไล่ตามได้ทัน และข้าไม่มีทางยอมให้ตระกูลเย่หลางตกต่ำแน่ ดังนั้นหลังจากนี้อีกไม่นาน สัก 3-5 ปี ตระกูลเราจะต้องเจริญขึ้นแน่ น่าเสียดายที่เราเป็นมิตรกับชิงสุ่ยไม่ได้ แต่พวกเราจะเป็นศัตรูกับเขา” เย่หลาง เชียนคุนพูดอย่างสุขุม
“ตอนนี้ข้าก็แก่แล้ว เชียนคุน ตระกูลเย่หลางจะเป็นของเจ้า เจ้าจงดูแลทุกอย่างของตระกูลจนกว่าจะเกิดเรื่องที่ยากเกินจะรับมือเจ้า ตอนนั้นเจ้าค่อยมาหาข้า”ชายชราพูดก่อนจะจากไป
เย่หลาง เชียนคุนไม่ได้รู้สึกดีใจอะไร เพราะในตระกูลใหญ่ ๆ เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ แต่เขารู้สึกผิดหวังที่ความสงบสุขของตระกูลเย่หลางต้องหายไปเพราะความยโสของคนบางกลุ่ม
ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเย่หลางเสียผู้ฝึกตนอาณาจักรพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจไปสิบกว่าคนโดยเปล่าประโยชน์ ทุกอย่างคงไม่เป็นเช่นนี้ และถ้าหากพวกเขาไม่ยอมหยุด สถานการณ์ก็จะยิ่งเลวร้ายกว่านี้ ขอบคุณที่เย่หลาง เชียนหยวนคอยควบคุมเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม เขากังวลว่าชิงสุ่ยอาจจะตั้งตนเป็นศัตรูของพวกเขา และนั่นอาจเกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว จนเขาต้องออกไปข้างนอก
…
วันต่อมา เย่หลาง เชียนคุนไปหาชิงสุ่ย เขาเป็นเพียงคนเดียวในตระกูลเย่หลางที่ชิงสุ่ยยินดีที่จะคุยด้วย เขาไม่อยากจะมองหน้าสมาชิกคนอื่นของตระกูลเย่หลาง ถ้าไม่ใช่เพราะ เทียนฮี่ เรินโม่ ชิงสุ่ยอาจจะฆ่าเย่หลาง วู่จี้ ไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขาก็อยากละชีวิตของเย่หลาง วู่จี้เพื่อเทียนฮี่ เรินโม่
ตระกูลเย่หลางหาเรื่องเขาก่อน และชิงสุ่ยไม่ใช่คนที่จะยอมให้ตัวเองถูกกลั่นแกล้ง ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะแก้แค้นหรือทำอะไรในตอนนี้ แต่ในอนาคตนั้นไม่แน่ ซึ่งเขาไม่กังวลที่จะเอาคืนอีกฝ่าย
เย่หลาง เชียนคุนเป็นคนฉลาด และไม่ได้พยายามต่อรองอะไรกับชิงสุ่ย เพราะตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ได้พูดว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ดังนั้นเขาก็แค่พูดโน้มน้าวให้ความเกลียดชังต่อ ตระกูลเย่หลางค่อย ๆ หายไป
ก่อนหน้านี้เขาสัญญากับชิงสุ่ยว่าจะไม่ก้าวก่ายหอคอยจักรพรรดิ ซึ่งตระกูลเย่หลางนั้นเข้มงวดเรื่องนี้มาก แต่เพราะความจองหองของพวกเขา จุดจบของพวกเขาจึงกลายเป็นความตาย
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับชิงสุ่ย เขาไม่มีอารมณ์จะมาสนใจอะไรในสิ่งที่พวกเขาทำ คนมากมายรู้สึกว่าบรรยากาศของหอคอยจักรพรรดิอึมครึมเพราะการมาเยือนของตระกูลหลิงฮูเช่นเดียวกับสิ่งที่ตระกูลเย่หลางเคยทำก่อนหน้านี้
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ชื่อเสียงของหอคอยจักรพรรดิก็โด่งดังขึ้น เพราะหลิงฮู ตุ่ย ด้วยชื่อของเขาและร่างกายของเขาที่ก่อนหน้านี้เคยอ้วนท้วม แต่ตอนนี้กลับหายดีเป็นปกติ อีกทั้งเขาได้พลังกลับคืนมาอีกครั้ง ทุกคนรู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของท่านหมอเทวดา
อีกสิ่งหนึ่งคือกลิ่นหอมที่มาจากหอคอยจักรพรรดินั้นหอมจนหลายคนอดใจไม่ไหว น่าเสียดายที่สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่จะเข้าไปได้ทุกคน เฉพาะคนที่มี “บัตรเชิญ” จึงสามารถเข้าได้
กลิ่นหอมนั้นมาจากซาลาเปานั้นเอง..
เมื่อชิงสุ่ยเดินออกมา เขาประหลาดใจที่เห็นเด็กคนหนึ่งในเสื้อผ้าเลอะมอมแมม เด็กคนนั้นนั่งหลับอยู่ที่มุมห้องใกล้ประตู
ชิงสุ่ยตะลึง เด็กคนนี้อายุเพียงสามปีและเขาใส่เสื้อผ้าเช่นนั้น อีกทั้งร่างกายก็ผอมมาก ชิงสุ่ยเดินเข้าไปใกล้ ๆ ชิงสุ่ยจึงรู้ว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิง..
เหมือนเด็กสาวจะรู้ตัวว่ามีคนเข้ามาใกล้ เธอลืมตาคู่กลมโตมองดูชิงสุ่ย ใบหน้าของเธอมีคราบเปื้อนอยู่
“แม่หนู ไหนแม่ของเจ้ารึ?”ชิงสุ่ยนั่งลง และถาม
เธอส่ายหน้า แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะร้องไห้ สายตาของเธอมองทะลุเข้าไปในหัวใจของคนได้ทันที..
โกร๊กกกก~!
เสียงท้องร้องดังจนเธอรีบกุมท้อง เธอขยี้จมูกและมองไปที่หอคอยจักรพรรดิ
เด็กสาวกระพริบตาและมองชิงสุ่ย เมื่อได้ยินเสียงท้องร้อง ชิงสุ่ยจึงหยิบซาลาเปาออกมาสองชิ้นแล้วยื่นให้เธอ
เธอยังเป็นเด็กที่อายุน้อยจนแทบจะจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ..
เด็กสาวรับซาลาเปามาพร้อมกัดด้วยคำโต อย่างไรก็ตามท่าทีของเธอนั้นไม่ได้น่ารังเกียจแต่ดูน่าสงสาร
ตอนนั้นอี่หวง กู่หวู๋ เดินออกมาและนั่งลงข้างชิงสุ่ย เธอมองเด็กสาวก่อนจะเบิกตากว้าง “ชิงสุ่ย ดูสิว่านางอายุน้อยขนาดไหน นางต้องหลงกับแม่แน่ ๆ ทำไมพวกเราไม่พานางเข้าไปล่ะ? ข้าจะดูแลนางอยู่ตรงนั้นเอง”
ชิงสุ่ยยิ้มและตอบ “ดีเลย!”
อี่หวง กู่หวู๋ ไม่รังเกียจที่เด็กสาวเนื้อตัวมอมแมม เธอพาเด็กสาวเข้าไป น่าแปลกที่เด็กสาวดูไม่กลัว อี่หวง กู่หวู๋เช่นกัน
ชิงสุ่ยรู้สึกช่วยไม่ได้ เพราะร่างกาย อี่หวง กู่หวู๋จึงไม่ง่ายนักที่เธอจะประคองเด็กสาวไป เขามองดูอยู่สักพักก่อนจะกลับ และตรงไปที่ห้องของ อี่หวง กู่หวู๋ เด็กสาวได้ทำความสะอาดตัวจนเผยหน้าตาที่น่ารักเหมือนตุ๊กตา อี่หวง กู่หวู๋และหยวน สู่กำลังนั่งเล่นกับเธอ
เธอยิ้มโดยไม่พูดอะไร ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก่อนเขาจะจับข้อมือของเธอ ….ที่แท้ เธอก็เกิดมาโดยไร้ปราณแห่งเสียงนั่นเอง
“ชิงสุ่ย..เป็นอย่างไรบ้าง?”
“นางไม่เป็นอะไร แต่นางไม่สามารถพูดได้..และจะไม่มีวันพูดได้ตลอดกาล”