Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1407
บทที่ 1407-ความโกรธเกรี้ยวของชิงซา
ในตอนนี้ชิงสุ่ยเคลื่อนไหวอย่างช้าๆขณะที่เขานำเตียงออกมาจากดินแดนหยกในทันที
จากนั้นเขาได้แต่จ้องมองไปที่ผู้คนของตระกูลหมาป่าวารีอย่างเย็นชา
ในตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถบอกได้ว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นอยู่ในระดับจักรพรรดิเท่านั้น และไม่มีใครอยู่ในขั้นสูงสุดของปราณจักรพรรดิเลย แม้จะมีคนหนึ่งที่อาจกล่าวได้ว่าอยุ่ในระดับจักรพรรดิระดับสูงแต่เขานั้นก็ยังอ่อนแออย่างมาก
คนที่แข็งแกร่งที่สุดมีพลังแค่1แสนสุริยาเท่านั้น นี่มันอ่อนแอเกินกว่าที่ชิงสุ่ยนั้นคาดหวังไว้เสียอีก แต่ถึงอย่างไรเขานั้นก็ถือว่าเป็นตัวตนระดับสูงของทวีปแห่งนี้
“เจ้าสวะ เจ้าคิดว่าเพียงแค่เจ้ามีวิหคเพลิงหายากแล้วจะทำให้เรานั้นหวาดกลัวได้อย่างนั้นรึ ”ชายชรากล่าวออกมาด้วยความผโส
ชิงสุ่ยยิ้มและหัวเราะเบาๆ “หลายปีก่อนเจ้าได้สังหารสหายของตัวเองเพื่ออำนาจของตัวเอง นี่มันเป็นเรื่องที่หน้ารังเกลียดอย่างมาก ถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าต้องได้รับผลกรรมที่พวกเจ้าทั้งหมดได้ทำเอาไว้”
“สามหาว มีแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นบนโลกใบนี้ นอกจากนี้สิ่งที่พวกเราทำไปก็เพื่อทุกๆคน เจ้าลองมองดูชาวบ้านเหล่านี้สิ ในตอนนี้พวกเขานั้นก็มีชีวิตที่ดีและอยู่กันอย่างมีความสุข แม้แต่จักรวรรดิอื่นๆก็มิอาจทำได้อย่างพวกข้า เท่านี้ก็หมายความว่าสิ่งที่พวกเราทำนั้นถูกต้องแล้ว”
ชายชราคนนี้นั้นเป็นคนที่เจ้าเล่ห์อย่างแท้จริง ตอนนี้เขานั้นพยายามใช้เสียงจากผู้คนรอบๆกดดันชิงสุ่ย ทำหม้เหมือนพวกเขานั้นเป็นฝ่ายที่ถูก
“ไม่ว่าเจ้าจะทำดีสักแค่ไหน ก็มิอาจลบล้างความผิดที่พวกเจ้าทำไปได้หรอก!”ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่ชายชรา
“หึหึ โลกนี้เป็นโลกของคนที่เข้มแข็งเท่านั้น คนที่อ่อนแอนั้นย่อมตกเป็นเบี้ยล่างของคนที่อ่อนแอ นี่เป็นกฏของโลกใบนี้”ชายชรากล่าวออกมา
“ก็จริงของเจ้า นี่มันเป็นโลกที่หน้าสังเวชเสียจริงๆ ในตอนนี้ถึงข้านั้นจะไม่มีพลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่ด้วยความสามารถที่ข้ามีนั้นก็มากพอที่จะลบตระกูลของเจ้าให้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างไม่สนใจ
“ฮ่าๆ เจ้านั้นรึ ?” ชายชราหัวเราะออกมาขณะที่แสงสีเงินได้ตรงออกมาจากมือของเขา
มือของชายชราได้กลายเป็นกรงเล็กหมาป่าสีเงินขนาดยักษ์ ขณะที่มันได้ปลดปล่อยกลิ่นอายฆ่าฟันที่รุนแรงออกมาในขณะนี้
“ท่านพ่อให้ข้าจัดการเอง”
แม้กว่าชายชราคนนี้จะแข็งแกร่งระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามความหน้าสะพึงของสายเลือดของชิงซานั้นก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเขา ยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นอายแห่งความตายที่รายล้อมเธอนั้นทำให้ความแข็งแกร่งของเธอนั้นเพิ่มขึ้นมากมายกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“ระวังด้วยละ!”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน
ในตอนนี้ฝ่ามือของชิงซาเปลี่ยนไปคล้ายกับกรงเล็กของพญาอินทรีย์ขนาดใหญ่ และมันได้ตรงเข้าใส่ชายชราในทันที
ตูม!
ในตอนนี้ร่างกายของชายชราได้สลายไปเหลือไว้เพียงแค่ฝนเลือดเท่านั้น ด้วยกลิ่นอายแห้งความตายนั้นทำให้พลังของชิงซานั้นเพิ่มขึ้นจนมาถึงระดับ4ล้านสุริยาแล้วนตอนนี้ นี่เป็นสิ่งที่ชายชราไม่อาจจะรับมือได้เพียงแค่เสียววินาที
ไม่มีใครคาดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น
ผู้คนจำนวนมากของตระกูลหมาป่าวารีนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างมากเพียงภายใต้ฝ่ามือเดียวของชิงซา
ในตอนนี้ทุกๆคนนั้นยังมึนงงอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างไรชิงซาก็ไม่ได้หยุดมือของเธอ ในเวลานี้เองชิงสุ่ยในได้ให้วิหคเพลิงของเขานั้นคอยคุ้มกันหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ในตอนนี้
ในเวลานี้ฝ่ายตรงข้ามสามารถประมาทได้อีกต่อไปขณะที่พวกเขาเข้าล้อมเธอไว้และใช้รูปประสานออกมา
ในเวลานี้ชิงซาได้เรียกราชสีห์เทวาทองคำออกมาเพื่อช่วยในการต่อสู้ครั้งนี้
ชิงสุ่ยที่ยืนอยู่ไม่ไกลมาก เขานั้นไม่ได้ทำอะไรเลยยกเว้นมองไปที่เธอเท่านั้น ด้วยความสามารถของชิงซาในตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้วที่เขาต้องยืนมือเข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด แต่แน่นอนว่าหากมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ชิงสุ่ยนั้นก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือเธอตลอดเวลา
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้แต่มองไปที่เธอ ราวกับมองดูพยัคฆ์ที่หลุดเข้าไปในฝูงแกะ ในตอนนี้เธอได้กลายเป็นเทพแห่งความตายของตระกูลหมาป่าวารีไปแล้ว
ชิงุส่ยไม่ไดสนใจที่จะห้ามเธอแม้แต่น้อย เขารู้ดีหากเธอนั้นยังสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ ปัญหาในใจของเธอนั้นจะไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นไม่ว่าจะถูกหรือผิดเขาก็จะไม่ห้ามเธอแม้แต่น้อย
ทุกคนนั้นย่อมต้องรับผลกรรมที่ตัวเองสร้างขึ้น
ในตอนนี้ผู้คนกว่าครึ่งถูกสังหารลงไปด้วยน้ำมือของชิงซา เธอไม่ใจแม้แต่น้อยว่าพวกเขาจะเป็นใครของแค่เป็นคนของตระกูลหมาป่าวารีเธอนั้นจะลงมือสังหารออย่างไม่หยุดยั้ง นั้นเพื่อเป็นการล้างแค้นให้กับครอบครัวของเธอ
ในตอนนี้ดวงตาของเธอนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงเข็มราวกับปิศาจ มันจึงทำชิงสุ่ยนั้นต้องกระตุ้นเธอเป็นบางครั้งเพื่อไม่ให้เธอนั้นเสียสติไป
ร่างกายของเธอนั้นถูกอาบไปด้วยเลือดของผู้คนนับร้อยในตอนนี้ มันให้เธอนั้นดูคล้ายปิศาจยิ่งขึ้นไปอีก เช่นเดียวกับผู้คนข้างล่างที่มองดูทุกๆสิ่งอยู่ พวกเขานั้นทำได้แค่กลืนน้ำลายแลแทบไปอยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดในเวลานี้ๆภาพของอสูรร้ายที่กำลังกวดล้างตระกูลหมาป่าวารีได้กลายเป็นภาพที่น่ากลัวที่สุดในใจของพวกเขาไปแล้ว
เมื่อทุกๆสิ่งสงบลง บริเวณนั้นอายไปด้วยเลือดสีแดงเข็มจำนวนมาก
ในเวลานี้ไม่มีใครกล้ามองไปที่เธออีกต่อไป แม้แต่ผู้บ่มเพาะที่มีพลังถึง1แสนสุริยานั้นก็กลับตายลงด้วยการจู่โจมเพียงครั้งเดียว นี่เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่ออย่างมาก
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย… ข้าได้ล้างแค้นกลับพวกท่านแล้ว พวกท่านที่อยู่ในโลกหน้าคงตายตาหลับได้แล้ว ”เธอกล่าวออกมาขณะที่มองขึ้นไปบนฟ้า
“ลูกสาวของตระกูลจันทราวารีทั้งสองงชั่งยอดเยี่ยมจริงๆ”
“ถ้าข้ามีลูกขอให้ข้านั้นมีลูกเช่นพวกนาง ”
“สมควรแล้ว นี่คือบาปกรรมที่ตระกูลหมาป่าวารีต้องชดใช้”ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดในอดีตกล่าวออกมา
……….
หลังจากนั้น ชิงซามองไปที่ชิงสุ่ยและกล่าว “ท่านพ่อข้าจะเข้าไปที่สาขาหลักของตระกูลหมาป่าวารี!”
“เอาสิ!”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“ท่านพ่อแล้วอาการของพี่ใหญ่เป็นยังไงบ้าง”เธอกล่าวออกมาด้วยความกังวล
“ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงไป ข้ามั่นใจว่านางจะหายดีละกลับไปเป็นเช่นดังก่อนหน้าที่นางจะบาดเจ็บ”ชิงสุ่ยกล่าว
ความงามนั้นนี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงเป็นห่วงที่สุด แม้แค่บาดแผลเล็กน้อยบนใบหน้า ก็สร้างความไม่กังวลใจมากมายให้กับผู้หญิง และนับประสาอะไรกับเธอที่มีบาดแผลขนาดใหญ่สองแห่งบนใบหน้าในตอนนี้
“ข้าเชื่อท่าน ท่านพ่อ”ชิงซากล่าวอย่างจริงใจ
ในเวลานี้ทั้งสามได้ขึ้นบนหลังวิหคเพลิงและตรงไปที่สาขาหลักของตระกูลหมาป่าวารีในทันที
ผู้คนที่มาก่อนหน้านี่คือกองกำลังและผู้มีฝีมอมองตระกูลหมาป่าวารี การที่สูญพวกเขาทั้งหมดไปทำให้ตอนนี้ตระกูลหมาป่าวารีนั้นอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ข่าวดังกล่าวได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเกาะอย่างรวดเร็ว แม้แต่คนของตระกูลหมาป่าวารีก็ได้รับข่าวนี้เช่นเดียวกัน ในตอนนี้พวกเขานั้นไม่ต่างอะไรกับผู้คนที่ตายแล้วการสูญเสียกองกำลังขนาดใหญ่นั้นไปทำให้พวกเขานั้นอ่อนแอลงไปหลายร้อยปี ถึงแม้พวกเขาจะมีโอกาสสามารถจัดการกับปัญหานี้ลงได้ แต่พวกเขานั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่ชนะเลยในสงครามครั้งนี้
อีกอย่างหนึ่งในตอนนี้ก็มีผู้คนมากมายที่ต้องการจะจัดการกับพวกเขาอยู่
ดังนั้นแผนการหลบหนีเป็นวิธีการเดียวที่จะสามารถรักษาชีวิตของพวกเขา
“อย่าได้ตื่นตระหนกไป เรายังคงมีท่านบรรพบุรุษอยู่ ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลไปในตอนนี้”
ชายวัยกลางคน ตะโกนดังขึ้นในเวลานี้ เขาเป็นลูกชายคนโตของผู้นำตระกูล และเป็นองค์ชายของจักรวรรดิมังกรสมุทร
คำพูดของ สุ่ยหลาง หยวนนั้นมีผลกระทบอย่างมากกับทุกๆคนในตอนนี้ นอกจากนี้ทุกๆคนยังรู้สึกได้ว่าหากพวกเขาหลบหนีไปในตอนนี้คงเป็นเรื่องยากที่จะฟื้นคือความรุ่งโรจกับมา นอกจากนี้พวกเขานั้นยังมีบรรพบุรุษที่สามารถเชื่อมั่นได้อยู่ และเชื่อว่าพวกเขาคงไม่ปล่อยให้ตระกูลของพวกเขานั้นพังพินาศอย่างแน่นอน
ลาภ ยศ ชื่อเสียงนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่จะปล่อยมันไป ดังนั้นพวกเขาจึงหวังและเสี่ยงพนันกลับความหวังสุดท้าย
เมื่อวิหคเพลิงมาถึงความแตกตื่นได้กลับมาที่พวกเขาอีกครั้ง ในตอนนี้พวกเขาได้แต่ตะโกนและสาปแช่งออกมา
ในทันทีวิหคเพลิงได้พ่นลูกไฟขนาดใหญ่มา มันนั้นสามารถแผดเผาตระกูลหมาป่าวารีให้มอดไหม้ได้ในทันที ในเวลานี้พวกเขารู้แล้วว่า พวกเขาคิดผิดที่ไม่ยอมหนีไป
ในเวลานี้ผู้คนของตระกูลหมาป่าวารีนั้นถูกล้อมไปด้วยเพลิงสีดำทมิฬ ที่ถูกฟ่นออกมาจากวิหคเพลิง
ตูมๆ…
เสียงดังสนั่นได้ดังขึ้น จากศาลาเก่าๆ เผยให้เห็นชายชราสามคนที่ยืนอยู่ที่บริเวณนั้น ในขณะที่พวกเขาลอยขึ้นมาบนฟ้าและจ้องมองวิหคเพลิงด้วยความประหลาดใจ
ชิงสุ่ยมองไปที่พวกเขาและถอนหายใจ ในวันนี้ตระกูลหมาป่าวารีได้ล่มสลายลงไปแล้ว นั้นเพราะชายชราที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมีพลังเพียงแค่150000สุริยาเท่านั้น พวกเขานั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
ความแข็งแกร่ง 150000 สุริยานั้นอาจถือได้ว่าอ่อนแอสำหรับชิงสุ่ย แค่อย่างไรก็ตามในทวีอู่เซีย ตะวันตก มันนั้นถือว่าเป็นความแข็งแกร่งที่มากมายอย่างมาก แม้แต่สำนักสวรรค์เร้นลับหรือแม้แต่นิกายบงกชเทวะนั้นก็ยังอ่อนแอกว่าพวกเขา