Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1431
บทที่ 1431 – ไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ป่าโบราณ งูเปลวเพลิงบรรพกาล
พระราชวังจอมอสูรได้รับความเสียหายเล็กน้อยเช่นกัน อย่างไรก็ตามมันช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับพระราชวังมังกร
เสียงกรีดร้องอันน่ากลัวดังออกมา เมื่อชิงสุ่ยและพวกพบผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง พวกเขาจะตรงเข้าไปฆ่าและไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสใช้เคล็ดวิชาสรวงสวรรค์ใดๆ ไม่มีใครถูกปล่อยให้เหลือรอด
มันคือการสังหารหมู่ การสังหารเพียงฝ่ายเดียว ผลลัพธ์เป็นสิ่งที่ไม่อาจเชื่อ ชิงสุ่ยรู้ว่าผู้คนโดยรอบสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยสิ่งที่เกิด สมาชิก 5,000 คนของพระราชวังมังกรถูกกำจัด พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตนที่มีฝีมือ สมาชิกที่เหลือค่อยๆหนีหายไป พวกเขายังคงสูญเสียอยู่เรื่อยๆรวมทั้งสองผู้ฝึกมังกร สิ่งที่เลวร้ายมากสำหรับพวกเขาคือการที่สองผู้ฝึกมังกรตายไป
พระราชวังจอมอสูรรวบรวมทรัพยากรทั้งหมดจากพระราชวังมังกร การบาดเจ็บเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่างการต่อสู้ เขาจึงหยิบยาเม็ดหลายอันออกมาเพื่อช่วยรักษาผู้คนของเขา หลายคนฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่ตายก็ไม่ได้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
แม้ว่าเขาจะรู้สึกเศร้า แต่ก็ยังคงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง
หลังจากเก็บกวาดสนามรบและเก็บถุงแพรมิติแล้ว ทุกอย่างจะถูกส่งมอบให้กับประมุขอสูร ประมุขอสูรมอบทุกอย่างให้กับชิงสุ่ยหัวเราะขณะที่เขาเห็นจำนวนของถุงแพรมิติ “นำพวกมันไปแบ่งกันเถอะ”
ในตอนท้ายแต่ละคนต่างก็ได้รับถุงแพรมิติ ผู้ฝึกตนอาวุโสหลายคนมอบถุงแพรมิติให้กับชิงสุ่ย เขาโบกสะบัดมือและเก็บถุงแพรมิติทั้งหมดไป มันทำให้พวกเขาตกใจ พวกเขารู้ว่าถุงแพรมิติทั่วไปไม่สามารถเก็บซ้อนถุงแพรมิติอื่นได้
ดินแดนหยกยุพราชอมตะเป็นการคงอยู่ที่ขัดแย้งกับสวรรค์ ทุกอย่างนอกเหนือจากมนุษย์และสิ่งที่ไม่พอดีล้วนสามารถเก็บไว้ภายในได้
สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาจะเก็บถุงแพรมิติไว้ติดตัวเสมอ
ชิงสุ่ยไม่ได้ให้สิ่งใดกับหญิงสาวทั้งสอง เขารู้สึกว่าพวกเธอไม่ต้องการมัน เขาจะตอบแทนพวกเธอด้วยสิ่งอื่น โดยธรรมชาติต้องแบ่งแบ่งปันสิ่งของกับพวกเขา
หลังจากตรวจดูสิ่งต่างๆที่นี่แล้ว เขาก็ใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาออกไป สถานที่ซึ่งไปถึงปกคลุมไปด้วยป่าอันกว้างใหญ่ มันเต็มไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่าน ภายในป่ามีทะเลสาบ แม่น้ำ และเนินเขาเล็กๆ… ท้องฟ้งถูกบดบัง พื้นที่นี้จึงดูมืดสักเล็กน้อย
ป่าโบราณ!
เขามาถึงป่าโบราณ มีข่าวลือเล่ากันว่าที่แห่งนี้นั้นอันตราย ไม่เพียงแต่เขาต้องระวังอันตรายจากสัตว์อสูรขนาดใหญ่ เขายังจำเป็นต้องระวังการโจมตีจากมนุษย์ด้วย
“ที่นี่คือภายในป่าโบราณ ทุกคนจงระวังตัว ป่าแห่งนี้มีสัตว์อสูรที่น่าเกรงขาม ต้นไม้ทั้งหมดแข็งแรง มันมีทั้งแมลงมีพิษ งู และสิ่งจำพวกนั้น นอกจากนี้ยังมีสัตว์อสูรโบราณมากมายนับไม่ถ้วน นี่เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดของซากโบราณสถาน” ฮัวรูเหม่ยกล่าวขณะเดิน
ทันใดนั้นงูเพลิงบรรพกาลก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา มันลำตัวกว้าง 10 เมตร เปลวไฟสีทองลุกโชนสูงหลายเมตรตั้งแต่หัวจรดหางของมัน มันยาวประมาณ 400 เมตรและเลื้อยเข้ามาภายในป่า ต้นไม้โดยรอบไม่มีรอยหรือความเสียหายใดๆ ทุกคนตกใจเมื่อเห็นงูเพลิงบรรพกาล
มันเป็นการกระตุ้นการรับรู้ที่ดี เมื่อเทียบกับมังกรมรกต รูปร่างของมันดูดีทีเดียวและมีกลิ่นอายของความโบราณ แต่ก็น่าเกรงขาม มันถือว่าอยู่ในจำพวกมังกรเพลิง เนื่องจากมีสายเลือดมังกรเพลิงไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของมัน
สิ่งที่ปรากฏตอนนี้เป็นงูไม่ใช่มังกร มันเป็นงูชั้นสูง เช่นเดียวกับอสรพิษ 9 เศียรในตำนาน ท้ายที่สุดมันก็ยังเป็นงู ไม่มีทางวิวัฒนาการไปเป็นมังกร อย่างไรก็ตามมันทรงพลังมากเมื่อเทียบกับมังกร
สัตว์อสูรโบราณนี้ไม่กลัวเมื่อเห็นชิงสุ่ยและคนอื่นๆ มันพุ่งตรงมายังพวกเขา ความแข็งแกร่งของงูเพลิงบรรพกาลนั้นน่ากลัว แม้ว่าจะไม่ได้เทียบเท่ากับมังกรสีครามและมังกรมรกต แต่มันก็ระดับเดียวกับเต่าศักดิ์สิทธิ์และไม่ต่างจากมังกร
ฟ่อ!
ก่อนจะถึงตัว มันอ้าปากกว้างและเปลวไฟก็พุ่งออกมา
เปลวเพลิงสุริยัน……
เมื่อชิงสุ่ยเห็นเปลวไฟ ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป เขาใช้หุบเขา 9 เทวาเพื่อปกป้องเปลวไฟขนาดใหญ่
“พวกเจ้าถอยไป!”
ชิงสุ่ยสั่งพวกเธอ การจู่โจมนี้ไม่ธรรมดา เขาเรียกอสูรสยบมังกรและลดพลังของมันลง 20% โดยใช้ปราณจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว
ฟ่อ ฟ่อ!
วงแหวนเปลวเพลิงที่พ่นออกมาโดนงูเพลิงบรรรพกาลถูกสกัดไว้ ร่างกายของมันสะบัดเลื้อยไปตามแนวนอน
ฟ่อ ฟ่อ!
ชิงสุ่ยหยิบระฆังสะท้านจิตออกมาและพุ่งเป้าไปที่งูเปลวเพลิงบรรพกาล เสียงอันก้องกังวานทำให้สัตว์อสูรที่ได้ยินรู้สึกเหมือนวิญญาณของพวกมันกำลังจะหลุดออกจากร่าง ระฆังสะท้านจิตได้กำหนดเป้าหมายเอาไว้แล้ว มันสามารถกำหนดเป็นเป้าหมายเดี่ยวหรือกลุ่มก็ได้
ระฆังที่สั่นทำให้ร่างกายของงูเปลวเพลิงบรรพกาลสั่นเทา ความเร็วของมันลดลง ในขณะนี้อสูรสยบมังกรได้กระแทกลงไปบนร่างกายของมันอย่างจัง
ฟ่อ ฟ่อ…
“หยุดเถอะ ข้ายอมแพ้ เจ้ามีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งจริงๆ” เสียงกรีดร้องเปล่งออกมา
ชิงสุ่ยสั่งอสูรสยบมังกรให้หยุด
“พี่สาว ท่านสนใจที่จะเก็บมันไว้เป็นคู่หูร่วมต่อสู้หรือไม่?” ชิงสุ่ยหันกลับไปและถามฮัวรูเหม่ย
“ข้า? ข้าทำได้หรือ?” ฮัวรูเหม่ยตกใจและถาม เธอต้องการสัตว์อสูรที่ใช้ต่อสู้เป็นของตัวเอง สัตว์อสูรที่น่าเกรงขาม เธอพึงพอใจกับงูเปลวเพลิงบรรพกาลที่อยู่ตรงหน้าเป็นที่สุด
ฮัวรูเหม่ยมีสัตว์พาหนะอยู่แล้ว แต่มันไม่ได้ช่วยเธอในการต่อสู้ ประมุขอสูรมีเต่าศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสัตว์ชนิดที่หายาก มันรู้ถึงเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์มากมาย
“แน่นอน ให้อาหารมัน หลังจากนั้นมันจะกลายเป็นสัตว์อสูรที่เชื่องขึ้น” ชิงสุ่ยหยิบขวดยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมา
หลังจากผ่านไปหลายปี ชิงสุ่ยได้ทำการปรังปรุงยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์ วัตถุดิบที่ใช้ค่อนข้างมีค่า ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำมันออกมาได้จำนวนเยอะๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน หากพวกมันไม่เชื่องขึ้น พวกมันจะไม่สามารถใช้ได้เกินหนึ่งหรือสองเม็ด ชิงสุ่ยไม่เคยลองยาเม็ดตำรับคู่หรือยาเม็ดตำรับสี่ เขารู้สึกว่ามันไม่ส่งผลต่อยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์
ด้วยความแข็งแกร่งของฮัวรูเหม่ย การใช้ยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์กับงูเปลวเพลิงบรรพกาลไม่ควรเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ความไม่พอใจปรากฏอยู่ในดวงตาของงูเปลวเพลิงบรรพกาล อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยพยายามขจัดความกังวลออกไป
“พี่สาว นำอาวุธของท่านออกมาและลงมือกันเถอะ”
ฮัวรูเหม่ยตกตะลึงแต่ก็ยังคงหยิบแส้หนามคู่สีชาดออกมาและเดินไปหางูเปลวเพลิงบรรพกาล
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่าเมื่องูเปลวเพลิงบรรพกาลได้เห็นอาวุธของฮัวรูเหม่ยแล้ว มันก็อ้าปากและกลืนยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์ลงไป ชิงสุ่ยไม่ใช้คนขี้เหนียว เขานำสิ่งของอีกหลายอย่างสำหรับสัตว์อสูรออกมาให้ รวมทั้งผลอสูรบรรพกาล
ฮัวรูเหม่ยป้อนอาหารงูเปลวเพลิงบรรพกาลอย่างมีความสุข ด้วยวิธีนี้มันให้ผลที่ดีโดยปราศจากความล้มเหลว หลังจากนั้นฮัวรูเหม่ยก็กลายเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูนคนหนึ่ง
เขาไม่เคยคาดคิดว่าพวกเขาจะได้รับของล้ำค่าจากป่าโบราณ งูเปลวเพลิงบรรพกาลเป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัว แม้ว่าพลังป้องกันจะไม่อาจเทียบเต่าศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่การพลังโจมตีของมันนั้นมากกว่าเต่าศักดิ์สิทธิ์หลังจากที่มันกินผลอสูรบรรพกาลเข้าไป
งูเปลวเพลิงบรรพกาลเป็นพวกกลายพันธุ์ ไฟของมันพัฒนาเป็นเปลวเพลงสุริยัน เพราะฉะนั้นมันย่อน่ากลัวมาก เปลวไฟของมันเทียบได้กับเพลิงนรกภูมิ เหตุผลเดียวที่เขาไม่เอามันไว้เองก็เพื่อพระราชวังจอมอสูร
ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรตัวนี้ช่างดึงดูดชิงสุ่ย แต่ความสามารถของมังกรไอยราเกล็ดทองคำและวิหคเพลิงนรกานต์ก็มากเกินกว่างูเปลวเพลิงบรรพกาล
ฮัวรูเหม่ยแทบจะไม่เชื่อ ชิงสุ่ยเคยช่วยชีวิตเธอและซานเยวียนมาก่อน ด้วยนิสัยของฮัวรูเหม่ย แม้ว่าเธอจะต้องเสียซานเยวียน เธอก็จะไม่ทำอะไรที่ผิดต่อชิงสุ่ย
ความแข็งแกร่งของฮัวรูเหม่ยคือความแข็งแกร่งของพระราชวังจอมอสูร ตอนนี้เขาเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังจอมอสูร หากไม่มีสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เขาจะไม่ทิ้งพระราชวังจอมอสูร เว้นเสียแต่ว่าประมุขอสูรไม่ต้องการให้เขาอยู่ที่นั่น
เปลวไฟของงูเปลวเพลิงบรรพกาลที่ห่อหุ้มรอบตัวดับหายไป เมื่อไม่มีเปลวไฟจึงเผยให้เห็นถึงผิวสีทองอันมีชีวิตชีวา มันดูใกล้ชิดกับฮัวรูเหม่ยมาก…
ประมุขอสูรไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ เมื่อชิงสุ่ยได้บอกให้ฮัวรูเหม่ยรับงูเปลวเพลิงบรรพกาลไปในตอนแรก เธอก็มองไปที่ชิงสุ่ยอยู่หลายครั้ง
นี่อาจถือได้ว่าเป็นโอกาสอันน่าภาคภูมิสำหรับพระราชวังจอมอสูรสำหรับความแข็งแกร่งของพวกเขาที่เพิ่มขึ้น
ทันใดนั้นชิงสุ่ยมองไปที่งูเปลวเพลิงบรรพกาล มันน่าจะรู้ถึงวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ ยิ่งไปกว่านั้นคงจะคุ้นเคยกับสภาพพื้นที่ งูเปลวเพลิงบรรพกาลจะสร้างประโยชน์ให้อย่างมาก
“เจ้างู เจ้ารู้จักวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณหรือไม่?”
การที่ชิงสุ่ยกล่าวถึงเรื่องนี้นับว่าไม่แปลก ด้วยความน่าเกรงขามของมัน นั่นนับว่าเพียงพอสำหรับมัน
“วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ? พวกท่านและคนเหล่านั้นกำลังจะไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณงั้นหรือ?” เสียงแหลมคมเสียงหนึ่งดังขึ้น
“คนเหล่านั้นหรือ?” ชิงสุ่ยถามด้วยความงงงวย ดูเหมือนว่าสมาชิกฝ่ายธรรมมะจะมาถึงแล้ว
“วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณมีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมากและพวกเขายังไม่สามารถเข้าไปได้ มีทั้งรูปแบบบรรพกาลและอสูรบรรพกาลผู้พิทักษ์อยู่ที่นั่น” น้ำเสียงของงูเปลวเพลิงบรรพกาลฟังดูสงบมากในเวลานี้
“อสูรบรรพกาลผู้พิทักษ์แข็งแกร่งแค่ไหน? พวกเขามีกันเท่าไหร่? พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเจ้าหรือไม่?” ชิงสุ่ยถามต่อ
“ข้าไม่รู้ถึงจำนวน แต่พวกเขาแข็งแกร่งกว่าข้า การเข้าไปยังวิหารไม่ใช่เรื่องง่าย”
ในท้ายที่สุดชิงสุ่ยก็ให้งูเปลวเพลิงบรรพกาลนำทางพวกเขาไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณด้วยเส้นทางที่สั้นที่สุด แม้ว่ามันจะดูไม่ไกลนัก แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลานับสิบวันถึงครึ่งเดือนที่จะไปถึง
งูเปลวเพลิงบรรพกาลเป็นนผู้ปกครองบริเวณนี้ การเดินทางไปกับมันเป็นไปอย่างเงียบสงบ ชิงสุ่ยไม่ได้ใช้ทักษะย่าง 9 เทวา เพราะเขาไม่ได้คุ้นเคยกับพื้นที่นี้
ชิงสุ่ยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ และนั่นเป็นเพราะเขารู้ว่างูเปลวเพลิงบรรพกาลไม่อาจทราบได้ ยิ่งไปกว่านั้นซากโบราณสถานไม่ได้มีวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณเพียงแห่งเดียว ยังมีวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณอีกเป็นจำนวนมาก วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณแต่ละแห่งมีสิ่งของต่างๆอยู่ข้างในนั้น ทั้งหมดย่อมขึ้นอยู่กับโชคชะตา บางวิหารก็ไม่มีการป้องกันใดๆ แต่บางแห่งมีทั้งรูปแบบบรรพกาลและอสูรบรรพกาลผู้พิทักษ์